ระบบการเลือกตั้งแบบสัดส่วน

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า

ผู้เรียบเรียง : เอกวีร์ มีสุข

ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ : รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต  

 

ระบบการเลือกตั้งแบบสัดส่วน

          การทำความเข้าใจความหมายของระบบการเลือกตั้งแบบสัดส่วนแบ่งการอธิบายออกเป็น 4 ส่วน คือ หนึ่ง การอธิบายนิยามทั่วไปของระบบการเลือกตั้งแบบสัดส่วน และสอง การจำแนกระบบการเลือกตั้งแบบสัดส่วน ส่วนที่เหลือจะจำแนกและอธิบายรายละเอียดระบบการเลือกตั้งแบบสัดส่วนประเภทต่าง ๆ ที่ใช้ในปัจจุบัน ได้แก่ หนึ่ง ระบบบัญชีรายชื่อ และสอง ระบบคะแนนเสียงโอนได้

นิยามทั่วไปของระบบการเลือกตั้งแบบสัดส่วน

          ระบบการเลือกตั้งแบบสัดส่วน (Proportional representation: PR) หรือระบบการเป็นตัวแทนแบบสัดส่วน (Proportional Representation Systems) หรือระบบการออกเสียงเป็นตัวแทนแบบสัดส่วน (Proportional Representation Voting Systems) หมายถึง การกำหนดสัดส่วนร้อยละของจำนวนที่นั่งในรัฐสภาที่พรรคการเมืองพึงได้ให้ได้สัดส่วนเทียบเท่ากับสัดส่วนของคะแนนเสียงของผู้ออกเสียงเลือกตั้งที่ได้ (popular vote) ตัวอย่างเช่น หากพรรคการเมืองได้คะแนนเสียงคิดเป็น ร้อยละ 35 จากผู้ออกเสียงเลือกตั้ง พรรคการเมืองควรได้ที่นั่งในสภาควรได้เท่ากับหรือใกล้เคียงกับ ร้อยละ 35 ของจำนวนที่นั่งทั้งหมด การจะคำนวณให้ได้ที่นั่งในระบบการเลือกตั้งแบบสัดส่วนจะมีสูตรการคำนวนทางคณิตศาสตร์เพื่อให้ได้จำนวนที่ใกล้เคียงกับหลักการข้างต้นตามที่กฎหมายแต่ละประเทศกำหนด[1] ทำให้เป็นระบบที่ออกแบบเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องของระบบการเลือกตั้งแบบเสียงข้างมากอย่างง่าย (plurality system) เนื่องจากระบบดังกล่าวส่งผลให้จำนวนที่นั่งในรัฐสภาที่ได้ไม่ได้สัดส่วนกับคะแนนเสียงของผู้ออกเสียงเลือกตั้ง[2] ตัวอย่างเช่น การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในระบบเขตเสียงข้างมากธรรมดาหนึ่งเขตหนึ่งคนของประเทศ ก. พรรคการเมืองเอดินได้ที่นั่งในสภามากที่สุด แต่เมื่อรวมคะแนนเสียงของผู้ออกเสียงเลือกตั้งที่เลือกพรรคเอดินทั้งหมดคิดเป็นเพียง ร้อยละ 36 ซึ่งน้อยกว่าพรรคสโนว์บอลที่มีผู้ออกเสียงเลือกตั้งมากกว่าที่ ร้อยละ 40 แต่กลับได้จำนวนที่นั่งในสภาน้อยกว่า

 

ตารางที่ 1 : การไม่ได้สัดส่วนของจำนวนที่นั่งในรัฐสภากับคะแนนเสียงของผู้มีสิทธิเลือกตั้งในประเทศ ก.

พรรคการเมือง

จำนวน/ร้อยละ

ที่นั่งในรัฐสภา (100 ที่นั่ง)

จำนวน/ร้อยละ

ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง (5 ล้านคน)

พรรคเอดิน

60 (60%)

1.8 ล้านคน (36%)

พรรคสโนว์บอล

30 (30%)

2.0 ล้านคน (40%)

พรรคไบร์ตัน

8 (8%)

8 แสนคน (16%)

พรรคอาซา

2 (2%)

4 แสนคน (8%)

ที่มา : จำลองโดยผู้เขียน

 

          นอกจากนี้ เป็นระบบที่พยายามป้องกันไม่ให้เกิดกรณีผู้ชนะกินรวบ (winners take all) และป้องกันมิให้เกิดคะแนนเสียงที่เหลือที่ไม่ถูกนำมาใช้หรือ “คะแนนทิ้งน้ำ” เพราะการเลือกตั้งสมาชิกสภาในระบบเขตเสียงข้างมากธรรมดาหนึ่ง ผู้ชนะการเลือกตั้งคือผู้ที่ได้คะแนนสูงสุด ทำให้คะแนนเสียงของผู้ออกเสียงเลือกตั้งที่เลือกผู้แพ้ไม่ได้นำมาคิดเป็นส่วนหนึ่งในการหาผู้แทน คะแนนเสียงจึง “ไม่ถูกนับรวม” ทำให้ไม่สะท้อนความต้องการของคนเหล่านั้น ตัวอย่างเช่น ในเขตเลือกตั้งแอสการ์ดผู้แทนจากพรรคอเวนเจอร์ชนะการเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงเพียง ร้อยละ 30 แต่พรรคที่เหลือซึ่งได้คะแนนเสียงรวมกันกว่า ร้อยละ 70 ไม่ได้ถูกมานับรวมเป็นส่วนหนึ่งในการเลือกผู้แทนตามตารางที่ 2

 

ตารางที่ 2 : คะแนนที่ “ไม่ถูกนับรวม” ในระบบเขตเสียงข้างมากธรรมดาหนึ่งเขตหนึ่งคน

เขตเลือกตั้ง

พรรค

โดราเอมอน

พรรค

ไจแอนด์

พรรค

อเวนเจอร์

พรรค

เทเลทับบี้

เขตแอสการ์ด

25

25

30

20

ผู้ชนะ

พรรคอเวนเจอร์ (คะแนนร้อยละ 30)

ผู้แพ้

พรรคโดราเอมอน พรรคไจแอนด์ พรรคเทเลทับบี้ (คะแนนร้อยละ 70)

ที่มา : จำลองโดยผู้เขียน

การจำแนกระบบการเลือกตั้งแบบสัดส่วน

          ในการจำแนกประเภทของการจำแนกระบบการเลือกตั้งแบบสัดส่วนมีนักวิชาการได้จำแนกและให้รายละเอียดไว้แตกต่างกัน เช่น สิริพรรณ นกสวน สวัสดี (2561) ได้จำแนกโดยเรียกว่าระบบการเลือกตั้งแบบสัดส่วนหรือระบบบัญชีรายชื่อ (Proportional representation: PR / Party List System) แบ่งออกเป็นสามประเภท[3] ขณะที่อรรถสิทธิ พานแก้ว (2564) ได้จำแนกโดยเรียกชื่อว่าระบบสัดส่วน (proportional representative system) แบ่งออกเป็นสองประเภท[4] ส่วนงานของ International IDEA (2005) เรียกว่าระบบการเป็นตัวแทนแบบสัดส่วน (Proportional Representation Systems) แบ่งออกเป็นสองประเภท[5] ส่วนของ FairVote (2021) เรียกว่าระบบการออกเสียงเป็นตัวแทนแบบสัดส่วน (Proportional Representation Voting Systems) แบ่งเป็นสามประเภท[6]

          สำหรับการจำแนกในที่นี้จะยกตัวอย่างเพียง 2 ระบบ คือ ระบบบัญชีรายชื่อ (Party list) และระบบคะแนนเสียงโอนได้ (Single transferable vote: STV)[7]

          1. ระบบบัญชีรายชื่อ (Party list)

          ระบบบัญชีรายชื่อ คือ ระบบที่พรรคการเมืองจะกำหนดรายชื่อของผู้สมัครโดยเรียงลำดับตามความสำคัญหรือเหตุผลทางการเมืองของผู้สมัครแต่ละคน[8] ตัวอย่างเช่น สภาให้มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ จำนวน 100 คน พรรคการเมืองแต่ละพรรจะส่งผู้สมัครในบัญชีรายชื่อ พรรคละ 100 คน เป็นระบบที่ใช้ในทั้งประเทศประชาธิปไตยในทวีปยุโรปและประเทศประชาธิปไตยเกิดใหม่อย่างแอฟริกา[9] ในการกำหนดเขตเลือกตั้งสำหรับระบบบัญชีรายชื่อ มีทั้งแบบที่ใช้ประเทศเป็นเขตเลือกตั้ง อาทิ อิสราเอลและเนเธอร์แลนด์ และใช้เขตพื้นที่ของจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง อาทิ อาร์เจนตินาและโปรตุเกส[10] ระบบัญชีรายชื่อแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ

          บัญชีรายชื่อแบบปิด (Closed list) คือ รูปแบบที่ให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเลือกพรรคการเมืองเพียงครั้งเดียว พรรคการเมืองจะเป็นผู้กำหนดลำดับของผู้สมัครในบัญชีรายชื่อ ผู้ออกเสียงเลือกตั้งไม่สามารถเลือกผู้สมัครในระบบบัญชีรายชื่อได้ โดยการนับคะแนนและการคำนวนที่นั่งในระบบนี้จะเริ่มจากรวมคะแนนที่พรรคการเมืองได้ แล้วเทียบเป็นสัดส่วนร้อยละของคะแนนเสียงเช้ากับร้อยละของจำนวนผู้แทนในสภาเพื่อหาจำนวนผู้แทนที่แต่ละพรรคพึงได้ เมื่อได้จำนวนแล้วแต่ละพรรคจะได้ลำดับรายชื่อผู้สมัครที่ได้เป็นผู้แทนไม่เกินจำนวนที่ได้[11] ตัวอย่างเช่น พรรคโดราเอมอนได้คะแนนเสียง 500,000 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 50 ของจำนวนผู้ออกเสียงเลือกตั้งทั้งหมด เมื่อเทียบแล้วพรรคโดราเอมอนจะได้จำนวนที่นั่งคิดเป็น ร้อยละ 50 ของที่นั่งในสภา โดยได้ 50 ที่นั่งจาก 100 ที่นั่ง ผู้สมัครที่ได้เป็นผู้แทนจะอยู่ในลำดับที่ 1-50 ของบัญชีรายชื่อพรรคโดราเอมอน

          ประเทศไทยได้ใช้ระบบบัญชีรายชื่อแบบปิดในการเลือกสมาชิกผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อครั้งแรกในรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 และใช้ต่อเนื่องในรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 และ พ.ศ. 2560 ในการเลือกตั้ง

 

รูปภาพที่ 1 : บัตรเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อแบบปิด (Closed list)

บัตรเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ

ให้ทำเครื่องหมาย X เลือกพรรคการเมืองเพียงพรรคเดียว

พรรคโดราเอมอน

พรรคไจแอนด์

พรรคอเวนเจอร์

พรรคเทเลทับบี้

 

 

X

 

 

 

 

 

นายโดราเอม่อน

นายโกดะ ทาเคชิ

นายสตีฟ โรเจอร์

นางสาวลาล่า

นายโนบิ โนบิตะ

นายโฮเนกาว่า ซึเนโอะ

นางสาวนาตาชา โรมานอฟ

นายโพ

นางสาวมินาโมโตะ ชิซึกะ

นางสาวโกดะ ไจโกะ

นายคลินต์ บาร์ตัน

นายทิงกี้-วิงกี้

ที่มา : จำลองโดยผู้เขียน

 

ตารางที่ 4 : การคำนวนคะแนนผู้แทนในระบบบัญชีรายชื่อแบบปิด

 

คะแนนเสียงที่พรรคการเมืองได้ (รวม 1 ล้านคะแนน)

ร้อยละของคะแนนเสียงต่อจำนวนผู้ออกเสียงเลือกตั้งทั้งหมด

จำนวนผู้แทนที่ได้ตามสัดส่วนที่นั่งในสภา (100 ที่นั่ง)

ลำดับผู้สมัครที่ได้เป็นผู้แทน

พรรคโดราเอมอน

500,000

50%

50

ลำดับ 1-50

พรรคไจแอนด์

300,000

30%

30

ลำดับ 1-30

พรรคอเวนเจอร์

100,000

10%

10

ลำดับ 1-10

พรรคเทเลทับบี้

100,000

10%

10

ลำดับ 1-10

ที่มา : จำลองโดยผู้เขียน

 

          บัญชีรายชื่อแบบเปิด (Open list) คือ รูปแบบที่ให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเลือกพรรคการเมืองและเลือกรายชื่อที่พรรคการเมืองกำหนดในบัญชีรายชื่อ หรือเลือก “ได้ทั้งพรรคได้ทั้งคน” เพื่อให้ผู้ออกเสียงเลือกตั้งสามารถเลือกคนที่ตนชื่นชอบในบัญชีรายชื่อได้ ผู้แทนที่ได้รับเลือกในระบบนี้จึงสอดรับกับความต้องการของผู้ออกเสียงเลือกตั้งทั้งในแง่ของพรรคการเมืองและบุคคล[12] โดยการนับคะแนนและการคำนวนที่นั่งในระบบนี้จะเริ่มจากรวมคะแนนที่พรรคการเมืองได้ แล้วเทียบเป็นสัดส่วนร้อยละของคะแนนเสียงเช้ากับร้อยละของจำนวนผู้แทนในสภา เพื่อหาจำนวนผู้แทนที่แต่ละพรรคพึงได้เมื่อได้จำนวนแล้วจะเรียงคะแนนของผู้สมัครของพรรคที่ได้คะแนนสูงสุดตามลำดับจนครบจำนวนที่พึงได้ ตัวอย่างเช่น พรรคไจแอนด์ได้คะแนนเสียง 300,000 คะแนนคิดเป็น ร้อยละ 30 ของจำนวนผู้ออกเสียงเลือกตั้งทั้งหมด เมื่อเทียบแล้วพรรคโดราเอมอนจะได้จำนวนที่นั่งคิดเป็น ร้อยละ 30 ของที่นั่งในสภา โดยได้ 30 ที่นั่งจาก 100 ที่นั่ง ผู้สมัครที่ได้เป็นผู้แทนจะได้เรียงตามผู้สมัครที่ได้คะแนนสูงสุด ลำดับที่ 1-30 ที่ผู้ออกเสียงเลือกตั้งเลือกในบัญชีรายชื่อพรรคโดราเอมอน

 

รูปภาพที่ 2 : บัตรเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อแบบเปิด (Open list)

บัตรเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ

ให้ทำเครื่องหมาย X เลือกผู้สมัครเพียงหนึ่งคน

พรรคโดราเอมอน

พรรคไจแอนด์

พรรคอเวนเจอร์

พรรคเทเลทับบี้

☐ นายโดราเอม่อน

☐ นายโกดะ ทาเคชิ

☐ นายสตีฟ โรเจอร์

☐ นางสาวลาล่า

☐ นายโนบิ โนบิตะ

☐ นายโฮเนกาว่า ซึเนโอะ

นางสาวนาตาชา โรมานอฟ

☐ นายโพ

☐ นางสาวมินาโมโตะ ชิซึกะ

☐ นางสาวโกดะ ไจโกะ

☐ นายคลินต์ บาร์ตัน

☐ นายทิงกี้-วิงกี้

ที่มา : จำลองโดยผู้เขียน

 

ตารางที่ 5 : การคำนวนคะแนนผู้แทนในระบบบัญชีรายชื่อแบบเปิด

 

คะแนนเสียงที่พรรคการเมืองได้ (รวม 1 ล้านคะแนน)

ร้อยละของคะแนนเสียงต่อจำนวนผู้ออกเสียงเลือกตั้งทั้งหมด

จำนวนผู้แทนที่ได้ตามสัดส่วนที่นั่งในสภา (100 ที่นั่ง)

ลำดับคะแนนผู้สมัครที่ได้เป็นผู้แทน

พรรคโดราเอมอน

350,000

35%

35

ลำดับ 1-35

พรรคไจแอนด์

300,000

30%

30

ลำดับ 1-30

พรรคอเวนเจอร์

200,000

20%

20

ลำดับ 1-20

พรรคเทเลทับบี้

150,000

15%

15

ลำดับ 1-15

ที่มา : จำลองโดยผู้เขียน

 

          ข้อดีของระบบบัญชีรายชื่อเป็นระบบที่สามารถแปรคะแนนเสียงเป็นที่นั่งในสภาได้สอดคล้องตามเจตนารมณ์ของผู้ออกเสียงเลือกตั้ง ส่งเสริมให้เกิดความเข้มแข็งของพรรคการเมืองในการนำเสนอนโยบายและอุดมการณ์ของพรรคการเมือง ทำให้ได้ผู้แทนที่ไม่ได้ยึดติดเฉพาะพื้นที่ในเขตเลือกตั้งขนาดเล็กแต่เป็นผู้แทนที่สะท้อนความต้องการภาพรวมของประเทศ และป้องกันการเกิดคะแนนทิ้งเปล่าเพราะคะแนนเสียงของผู้ออกเสียงเลือกตั้งจะถูกนับเป็นส่วนหนึ่งในการแปลงเป็นผู้แทน ส่วนข้อเสียของระบบนี้ คิอ อาจก่อให้เกิดความยุ่งยากในการลงคะแนนต่อผู้ออกเสียงเลือกตั้ง เปิดโอกาสให้พรรคการเมืองที่มีแนวคิดสุดโต่งและพรรคการเมืองขนาดเล็กสามารถได้คะแนนเสียงและที่นั่งในสภาได้[13]

          2. ระบบคะแนนเสียงโอนได้

          ระบบคะแนนเสียงโอนได้ (Single transferable vote: STV) หรือ หรือระบบเลือกตัวเลือก (Choice Voting) หรือ ระบบฮาร์-คล๊าก (Hare-Clark system) เป็นระบบที่ใช้ในการเลือกสมาชิกรัฐสภาของประเทศไอร์แลนด์และมอลตา การเลือกตั้งวุฒิสภาของประเทศออสเตรเลีย และการเลือกผู้แทนในระดับท้องถิ่นของเมืองต่าง ๆ ในสหรัฐอเมริกา เป็นต้น[14]

          ระบบคะแนนเสียงเดียวโอนได้ เป็นระบบที่ให้ความสำคัญกับการเรียงลำดับความชอบ ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ออกเสียงเลือกตั้งเรียงลำดับความชอบผู้สมัครในการเลือกตั้งเขตเดียวหลายเบอร์ เมื่อมีการนับคะแนนจะใช้สูตรการคำนวณโควตา โดยผู้สมัครที่ได้รับคะแนนตามอันดับความชอบแรกมากกว่าโควตาที่ระบุจะได้รับเลือกตั้งทันที ถ้าหากการนับคะแนนในรอบแรกยังไม่ได้ผู้ชนะ จึงจะเริ่มการนับครั้งต่อๆ ไป โดยคะแนนเสียงของผู้สมัครที่มีคะแนนน้อยสุดจะถูกตัดออกและโอนคะแนนไปกระจายใหม่ให้ผู้สมัครที่เหลือ จนกระทั่งมีผู้สมัครได้รับเลือกตั้งในจำนวนตามที่กำหนด ผู้ลงคะแนนโดยปกติจะลงคะแนนให้แก่ผู้สมัครมากกว่าพรรคการเมือง[15]

 

RTENOTITLE
RTENOTITLE

          ระบบนี้มีข้อดีที่สามารถเปิดโอกาสให้ผู้ออกเสียงเลือกตั้งได้เลือกทั้งคนและพรรคโดยยังสามารถคำนวนคะแนนแบบสัดส่วนได้ สามารถเพิ่มแรงจูงใจให้คนออกมาใช้สิทธิเพราะคะแนนเสียงของตนไม่ถูกทิ้งน้ำ แต่เป็นระบบที่มีข้อเสีย คือ ยากต่อการทำความเข้าใจและไม่เป็นที่คุ้นเคยมากนัก และมีความซับซ้อนในการนับคะแนน[16]

บรรณานุกรม

 Fairvote. "Plurality-Majority Systems." Last modified Accessed 14 July, 2021. https://www.fairvote.org/plurality_majority_systems.

Klesner, Joseph L. Comparative Politica: A Introduction. New York: McGraw-Hill, 2014.

Reynolds, Andrew, Ben Reilly, and Andrew Ellis. Electoral System Design: The New International Idea Handbook. Stockholm: International IDEA, 2005.

เรย์โนลด์ส, แอนดรูว์, เบน ไรลี, และ แอนดรูว์ เอลลิส. การออกแบบระบบเลือกตั้ง: คู่มือเล่มใหม่ของ International Idea. กรุงเทพมหานคร: เบสท์กราฟิค, 2555.

สิริพรรณ นกสวน สวัสดี. ระบบเลือกตั้งเปรียบเทียบ. กรุงเทพมหานคร: สยามปริทัศน์, 2561.

อรรถสิทธิ์ พานแก้ว. "พรรคการเมืองและการเลือกตั้ง." ใน การเมือง อำนาจ ความรู้: หลักรัฐศาสตร์เบื้องต้นสำนักธรรมศาสตร์, ประจักษ์ ก้องกีรติ (บรรณาธิการ), 273-306. กรุงเทพมหานคร: สยามปริทัศน์, 2564.

อ้างอิง

[1] Joseph L. Klesner, Comparative Politica: A Introduction (New York: McGraw-Hill, 2014), 127.

[2] อรรถสิทธิ์ พานแก้ว, "พรรคการเมืองและการเลือกตั้ง," ใน การเมือง อำนาจ ความรู้: หลักรัฐศาสตร์เบื้องต้นสำนักธรรมศาสตร์, ประจักษ์ ก้องกีรติ (บรรณาธิการ) (กรุงเทพมหานคร: สยามปริทัศน์, 2564), 296.

[3] สิริพรรณ นกสวน สวัสดี, ระบบเลือกตั้งเปรียบเทียบ (กรุงเทพมหานคร: สยามปริทัศน์, 2561).

[4] อรรถสิทธิ์ พานแก้ว, ใน การเมือง อำนาจ ความรู้: หลักรัฐศาสตร์เบื้องต้นสำนักธรรมศาสตร์, 294.

[5] Andrew Reynolds, Ben Reilly, and Andrew Ellis, Electoral System Design: The New International Idea Handbook (Stockholm: International IDEA, 2005). หรือดูฉบับแปลภาษาไทยใน แอนดรูว์ เรย์โนลด์ส, เบน ไรลี, และ แอนดรูว์ เอลลิส, การออกแบบระบบเลือกตั้ง: คู่มือเล่มใหม่ของ International Idea (กรุงเทพมหานคร: เบสท์กราฟิค, 2555).

[6] Fairvote, "Plurality-Majority Systems," accessed 14 July, 2021. https://www.fairvote.org/plurality_majority_systems.

[7] ผู้เขียนยึดตามคำแปลในงานของ อรรถสิทธิ์ พานแก้ว,  ใน การเมือง อำนาจ ความรู้: หลักรัฐศาสตร์เบื้องต้นสำนักธรรมศาสตร์.

[8] Klesner, 127.

[9] Fairvote, ibid.

[10] Reynolds, Reilly, and Ellis, 57.

[11] Fairvote, ibid.

[12] อรรถสิทธิ์ พานแก้ว,  ใน การเมือง อำนาจ ความรู้: หลักรัฐศาสตร์เบื้องต้นสำนักธรรมศาสตร์, 296-97. และ Fairvote, ibid.

[13] Reynolds, Reilly, and Ellis, 57-59.

[14] Fairvote, ibid.

[15] Reynolds, Reilly, and Ellis, 71-72.

[16] Ibid., 76-77.