พัฒนาไทย (พ.ศ. 2544)

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า

พรรคพัฒนาไทย

พรรคพัฒนาไทย เรียกชื่อย่อว่า “พ.น.ท.” เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า “THAI DEVELOPMENT PARTY” เรียกชื่อย่อเป็นภาษาอังกฤษว่า “TH.D.P” ขึ้นทะเบียนเป็นพรรคการเมืองเลขที่ 1/2544 ได้รับการจดทะเบียนเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2544[1]

เครื่องหมายพรรคพัฒนาไทยเป็นพานรัฐธรรมนูญมีรูปดอกบัวคั่นกลาง ทั้งหมดอยู่ในกรอบฟันเฟืองที่ตั้งอยู่บนฐานซึ่งมีชื่อพรรคเป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษอยู่ด้านใน ซึ่งมีความหมายดังต่อไปนี้[2]

รัฐธรรมนูญ หมายถึง การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ฟันเฟืองสีน้ำเงิน หมายถึง การรวมพลังของมวลสมาชิกเพื่อร่วมผลักดันการพัฒนาไปสู่ความเป็นไท

รูปดอกบัวสีขาวกำลังเบ่งบาน หมายถึง ดอกไม้แห่งคุณธรรมกำลังเบ่งบาน

พื้นวงกลมสีแดง หมายถึง ชาติไทยและปวงชนชาวไทย

สีประจำพรรค คือ สีเหลืองและสีขาว

สีเหลือง หมายถึง ศาสนาอันเป็นศูนย์รวมทางด้านจิตใจของชาวไทยทั้งประเทศ

สีขาว หมายถึง คุณธรรมแห่งการอยู่ร่วมกันอย่างสันติของคนในประเทศ

รวมกันแล้ว หมายถึง ประเทศอันมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขที่ประกอบด้วยคุณธรรม

ตรายางเครื่องหมายพรรค มีลักษณะเดียวกันกับภาพเครื่องหมายพรรค หากแต่ใช้สีเดียว [3]

มีที่ตั้งสำนักงานใหญ่พรรคพัฒนาไทย ตั้งอยู่เลขที่ 202 หมู่ที่ 3 ตำบลท่าอุแท อำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี 84160 [4]


นโยบายของพรรคพัฒนาไทย พ.ศ. 2543 [5]

ประเทศไทยเป็นหนึ่งในหลายๆประเทศที่กำลังพัฒนา และหลายๆประเทศที่เริ่มพัฒนามาพร้อมๆกับประเทศไทย มีบางประเทศได้พัฒนาก้าวหน้ากว่าประเทศไทยไปหลายเท่าตัว เนื่องจากรากฐานการผลิตของเศรษฐกิจไม่อยู่บนศักยภาพที่แท้จริงของประเทศ การพัฒนาเศรษฐกิจมุ่งแต่ตัวเลข การส่งออกใช้วิธีการกู้เงินเพื่อมาสร้างตัวเลขความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจซื้อวัตถุดิบจากต่างประเทศมาผลิตเพื่อส่งออก อาศัยการลงทุนจากต่างประเทศ พื้นฐานทางเศรษฐกิจของประเทศคือ เกษตรกรรมแต่เราไม่เน้นไม่ทำอย่างจริงจัง ฉะนั้นวิกฤตเศรษฐกิจไทยจึงแก้ไม่ได้

สังคมที่จะเข้มแข็งได้ต้องเริ่มพัฒนาจากจุดล่างสุดเพราะเป็นฐานของการพัฒนา และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทุกๆด้าน

วิกฤตทางการเมืองเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ประเทศไทยขาดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และนักการเมืองยังไม่มีคุณธรรมเพียงพอ ขาดจิตวิญญาณในการให้บริการสังคมอย่างแท้จริง

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้พรรคพัฒนาไทยขออาสาเข้ามาช่วยคลี่คลายปัญหาพรรคจะดำเนินกิจกรรมทางการเมืองโดยยึดหลักคุณธรรมเป็นที่ตั้งจะสร้างความกินดีอยู่ดี ความปลอดภัย และความเสมอภาคทางกฎหมายให้กับประชาชนโดยเท่าเทียมกัน ภายใต้คำขวัญ “พัฒนาคน พัฒนาชาติ เลิกทาสทางเศรษฐกิจ กู้วิกฤตทางการเมือง”

1. นโยบายด้านการศึกษา ปฏิรูปการศึกษาทั้งในและนอกระบบ เน้นพัฒนาทรัพยากรบุคคลให้มีคุณธรรม กระจายอำนาจให้สถานศึกษาต่างๆมีส่วนร่วมจัดการศึกษาอย่างแท้จริง และให้ประชาชนได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานอย่างเท่าเทียมกันและเสียค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด

2. นโยบายด้านการเมืองการปกครอง ยึดมั่นการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เร่งรัดปฏิรูประบบการบริหารราชการแผ่นดินให้มีประสิทธิภาพ กำหนดให้ผู้ที่เข้ามารับราชการเป็นผู้ที่เคร่งครัดในด้านศีลธรรมและอบายมุข คัดค้านการปกครองระบอบเผด็จการทุกรูปแบบ และสนับสนุนการกระจายอำนาจการปกครองสู่ท้องถิ่น

3. นโยบายด้านเศรษฐกิจ ดำเนินการด้านเศรษฐกิจแบบพึ่งพาตัวเอง ปฏิรูปที่ดินเพื่อให้ประชาชนได้มีที่ดินของตนเอง ส่งเสริมธุรกิจขนาดย่อม โดยกระจายเงินทุนให้มากที่สุด ส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศแต่เน้นวัตถุดิบภายในประเทศ และสนับสนุนการจัดตั้งสหกรณ์ออมทรัพย์ทั้งในชนบทและในเมือง

4. นโยบายด้านสาธารณสุข ส่งเสริมให้มีศูนย์การแพทย์แผนไทย และสนับสนุนผลักดันให้แต่ละตำบลมีศูนย์การแพทย์แผนไทย ส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์ให้มีจริยธรรมและคุณธรรม เร่งขยายสาธารณสุขขั้นพื้นฐานให้มีประสิทธิภาพทั่วประเทศ และส่งเสริมดูแลคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ ผู้พิการและผู้ด้อยโอกาส

5. นโยบายด้านสังคม สิทธิมนุษยชนและวัฒนธรรม ส่งเสริมให้นำหลักธรรมทางศาสนามาเป็นหลักในการดำเนินชีวิต ส่งเสริมสวัสดิภาพของประชาชนให้มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของชาติ ส่งเสริมให้สถาบันครอบครัวมีความเข้มแข็ง และเพิ่มศาลท้องถิ่นให้นำธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรมที่ดีงามในแต่ละท้องถิ่นมาช่วยแก้ปัญหา

6. นโยบายด้านการคลัง จัดสรรงบประมาณให้ตอบสนองต่อการพัฒนาประเทศ เน้นด้านการเกษตร เพิ่มงบประมาณด้านการศึกษา การพัฒนาทรัพยากรบุคคลด้านสาธารณสุข รวมทั้งเพิ่มสวัสดิการในด้านต่างๆให้กับประชาชน ให้ท้องถิ่นจัดเก็บภาษีเองได้ และปรับโครงสร้างการจัดเก็บภาษีให้เป็นธรรม

7. นโยบายด้านต่างประเทศ ให้ความร่วมมือย่างเต็มที่ในการสร้างสันติภาพ แก้ไขข้อพิพาทความขัดแย้งต่างๆ และดำเนินการให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางพาณิชยกรรมและการบินในภูมิภาคนี้

8. นโยบายด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปลูกจิตสำนึกของประชาชนให้เห็นความสำคัญของการอนุรักษ์และพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติ และแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ

9. นโยบายด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการพลังงาน สนับสนุนการวิจัยของสถาบันต่างๆทั้งภาครัฐและเอกชน ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศในการถ่ายทอดความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายเพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติให้ทันสมัยอย่างเข้มงวดจริงจัง

10. นโยบายด้านความมั่นคงและการทหาร แยกกองทัพออกจากการเมืองโดยเด็ดขาด ส่งเสริมความเข้มแข็งของกองทัพให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพ และส่งเสริมให้กองทัพเข้ามามีส่วนร่วมในการรักษาความสงบภายใน

11. นโยบายด้านแรงงาน ปรับปรุงแก้ไขกฎหมายแรงงานให้มีความเป็นธรรม สร้างประสิทธิภาพในการทำงานด้วยการจัดให้มีการลงทุนสร้างศูนย์ฝึกอบรมและพัฒนาฝีมือแรงงาน และสนับสนุนให้ผู้ใช้แรงงานได้รับสวัสดิการเพิ่มขึ้น

พรรคพัฒนาไทยไม่เคยมีส่วนร่วมในการเลือกตั้ง จนกระทั่งศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งที่ 10/2545 ลงวันที่ 23 กรกฎาคม 2545 ให้ยุบพรรคพัฒนาไทยตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2541 มาตรา 65 วรรคสอง เนื่องจากไม่ดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรา 29 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2541 ที่บัญญัติว่า “ภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่นายทะเบียนรับจดแจ้งการจัดตั้งพรรคการเมือง พรรคการเมืองต้องดำเนินการให้มีสมาชิกตั้งแต่ห้าพันคนขึ้นไป ซึ่งอย่างน้อยต้องประกอบด้วยสมาชิกซึ่งมีที่อยู่ในแต่ละภาคตามบัญชีรายชื่อภาคและจังหวัดที่นายทะเบียนประกาศกำหนด และมีสาขาพรรคการเมืองอย่างน้อยภาคละหนึ่งสาขา” เมื่อพรรคการเมืองไม่สามารถกระทำได้ดังกล่าว ให้พรรคการเมืองนั้นเป็นอันยุบไปตามมาตรา 65 วรรคหนึ่ง (5) ซึ่งเมื่อครบกำหนดเวลา (ภายใน 14 สิงหาคม 2544) พรรคพัฒนาสังคมไทยมีจำนวนสมาชิกพรรคและจัดตั้งสาขาพรรคการเมืองไม่ครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนดไว้ โดยภายหลังแม้ว่าจะมีการตรวจสอบเห็นว่ามีการจัดตั้งสาขาพรรคการเมือง 4 สาขา นายสุวรรณ ไหมศรีกรด หัวหน้าพรรคพัฒนาสังคมไทยมีหนังสือชี้แจงลงวันที่ 17 พฤศจิกายน 2544 สรุปได้ว่า กรณีผู้เข้าร่วมประชุมใหญ่สาขาพรรคเพื่อเลือกตั้งคณะกรรมการสาขาพรรค มีชื่อ-สกุล แตกต่างกันแต่ลายมือชื่อไม่แตกต่างกันนั้น พรรคได้มอบหมายให้เลขาธิการพรรคเป็นผู้ตรวจสอบลายมือชื่อและได้รับการยืนยันว่าการจัดส่งเอกสารจากคณะผู้จัดตั้งสาขาพรรคมายังพรรคนั้น ครบถ้วนถูกต้องตามระเบียบและกฎหมายส่วนลายมือชื่อจะแตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร พรรคพัฒนาไทยไม่สามารถรับรู้ได้[6]

นอกจากนี้พรรคพลังพัฒนาไทยไม่ดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2541 ที่บัญญัติว่า ต้องจัดทำรายงานการดำเนินกิจการของพรรคการเมืองในรอบปีปฏิทินที่ผ่านมา (พ.ศ. 2544) ให้ถูกต้องตามความเป็นจริง ตามวิธีการที่นายทะเบียนพรรคการเมืองกำหนด และแจ้งให้นายทะเบียนพรรคการเมืองทราบภายในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2544 เพื่อประกาศให้สาธารณชนทราบ ซึ่งเมื่อพ้นระยะเวลาที่กำหนดแล้ว พรรคพัฒนาไทยไม่ดำเนินการให้เป็นไปตามพรบ.ดังกล่าว ดังนั้นศาลรัฐธรรมนูญเมื่อพิจารณาคำร้องและคำชี้แจงแล้วเห็นว่า ข้อกล่าวอ้างไม่มีเหตุผลให้รับฟังได้ และผิดจริงในมาตรา 35 จึงตัดสินให้ยุบพรรคพัฒนาไทย[7]

อ้างอิง

  1. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 118 ตอนพิเศษ 19 ง, วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2544, หน้า 70, 79.
  2. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 118 ตอนพิเศษ 19 ง, วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2544, หน้า 80-81.
  3. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 118 ตอนพิเศษ 19 ง, วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2544, หน้า 81.
  4. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 118 ตอนพิเศษ 19 ง, วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2544, หน้า 81.
  5. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 118 ตอนพิเศษ 19 ง, วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2544, หน้า 70-79.
  6. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 119 ตอนพิเศษ 85 ง, 11 กันยายน 2545, หน้า 45. และราชกิจจานุเบกษา เล่ม 120 ตอนที่ 38 ก, 6 พฤษภาคม 2546, หน้า 168-174.
  7. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 119 ตอนพิเศษ 85 ง, 11 กันยายน 2545, หน้า 45. และราชกิจจานุเบกษา เล่ม 120 ตอนที่ 38 ก, 6 พฤษภาคม 2546, หน้า 168-174.