พระราชบัญญัติว่าด้วยคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน พุทธศักราช 2476
ผู้เรียบเรียง : ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พนารัตน์ มาศฉมาดล
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ : ศาสตราจารย์ ดร.บรรเจิด สิงคะเนติ
พระราชบัญญัติว่าด้วยคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน พุทธศักราช 2476
ความเป็นมา
การตรวจเงินแผ่นดินของไทยเริ่มต้นขึ้นเป็นครั้งแรกในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตรา “พระราชบัญญัติสำหรับกรมพระคลังมหาสมบัติแลว่าด้วยกรมต่าง ๆ ซึ่งจะเบิกเงินส่งเงิน จุลศักราช 1237” ดังปรากฏในหมวดมาตราที่ 8 ว่าด้วยออฟฟิซหลวงในพระบรมมหาราชวังที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า “ออดิตออฟฟิซ” [1] จนกระทั่งต่อมาประเทศไทยได้มีการนำระบบรัฐสภาเข้ามาใช้เมื่อมีการปลี่ยนแปลงการปกครองในช่วง พุทธศักราช 2475 ส่งผลให้สภาผู้แทนราษฎรถวายคำปรึกษาต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปก พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อจัดระเบียบการตรวจเงินแผ่นดิน นำผลให้ต่อมาในปี พ.ศ. 2476 รัฐสภาได้ตรา “พระราชบัญญัติว่าด้วยคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ. 2476” นับเป็นกฎหมายตรวจเงินแผ่นดินฉบับแรกภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง
สาระสำคัญของกฎหมาย
กฎหมายฉบับนี้จัดตั้งขึ้นเพื่อการจัดระเบียบการตรวจเงินแผ่นดินขึ้นใหม่โดยให้โอนงานและบรรดาพนักงานเจ้าหน้าที่กรมตรวจเงินแผ่นดินไปสังกัด “คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน” (มาตรา 4) นับเป็นกฎหมายฉบับแรกของประเทศไทยที่จัดตั้งคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินขึ้นมา ประกอบด้วยประธานคณะกรรมการ กรรมการและเลขาธิการคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (มาตรา 8)
ผู้ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินต้องมาจากการคัดเลือกของคณะรัฐมนตรี แล้วนำเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรและได้รับความเห็นชอบจากสภา (มาตรา 9) แล้วนำขึ้นทูลเกล้าเพื่อพระราชทานแต่งตั้ง ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง “หลวงดำริอิศรานุวรรต” เป็นประธานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินคนแรก พร้อมประกาศแจ้งความตั้งกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน จำนวน 18 คน เป็นองค์คณะ[2]
การดำเนินงานของคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน
ประธานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินมีหน้าที่ดำเนินการและควบคุมกิจการของคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินในลักษณะของการทำงานรวมกันเป็น “องค์คณะ” โดยต้องมีกรรมการมาประชุมอย่างน้อย 5 นาย จึงจะเป็นองค์ประชุมได้และถือเอาเสียงข้างมาก หากคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินเป็นผู้ชี้ขาด (มาตรา 10 ประกอบมาตรา 11)
สำหรับการใช้จ่ายเงินของคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน กฎหมายกำหนดให้มีการจัดทำบัญชีการรับจ่ายเงินของคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินโดยประธานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินเป็นผู้รับผิดชอบ โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังแต่งตั้งพนักงานในกระทรวงการคลังทำหน้าที่ตรวจสอบและจัดทำรายงานเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อนำเสนอสภาผู้แทนราษฎร (มาตรา 6)
อำนาจและหน้าที่ของคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน
อำนาจและหน้าที่ของคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินเป็นการดำเนินการภายใต้การควบคุมของนายกรัฐมนตรี และจำกัดอำนาจของคณะกรรมการไว้เพียงการวินิจฉัยชี้ขาดในเรื่องต่าง ๆ ดังนี้ (มาตรา 5)
(1) ตรวจสอบงบปีเงินรายรับรายจ่ายของแผ่นดิน หรือ งบแสดงฐานะการเงินแผ่นดินประจำปี ซึ่งคณะรัฐมนตรีจะนำเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรและแสดงความเห็นว่ารายการจำนวนเงินรับและจ่ายตามงบปีนั้นได้เป็นไปตามงบประมาณประจำปีและตามความจริงหรือไม่ อนึ่ง การตรวจสอบรายจ่ายราชการลับให้ถือว่าเป็นการจ่ายจริงได้ต่อเมื่อนายกรัฐมนตรีได้ลงนามอนุมัติแล้ว (มาตรา 7)
(2) ตรวจสอบบัญชีทุนสำรองเงินตราประจำปีและแสดงความเห็นว่าการรับจ่ายเป็นการถูกต้องและเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่
(3) ตรวจสอบงบบัญชีของภาพรวมการเมืองใด ๆ ที่นายกรัฐมนตรีจะได้สั่งให้ตรวจสอบเป็นครั้งคราวและทำรายงานเสนอนายกรัฐมนตรี
(4) เมื่อทำการตรวจสอบบัญชีและเอกสารใด ๆ ปรากฏว่าบัญชีไม่ถูกต้องและเป็นการทุจริตก็มอบคดีให้เจ้าหน้าที่ฟ้องผู้กระทำผิดต่อศาลตามกฎหมาย
(5) ทำการตรวจสอบบัญชีเอกสารและทรัพย์สินของทบวงการเมือง
(6) เรียกพนักงานเจ้าหน้าที่ทบวงการเมืองที่รับตรวจมาเพื่อสอบสวน
(7) เรียกบุคคลใด ๆ มาให้การเป็นพยานในการตรวจบัญชีเอกสารและทรัพย์สินของแผ่นดิน
การเสนอเรื่องต่อคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน
การที่จะนำเรื่องเสนอคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินพิจารณาภายใต้อำนาจหน้าที่นั้น ให้เป็นหน้าที่ของ “ประธานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน” เป็นผู้นำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาวินิจฉัย โดยแบ่งออกเป็น 2 กรณี คือ (มาตรา 12)
(1) เรื่องที่ต้องนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินพิจารณาวินิจฉัยเสมอ ได้แก่
- ตรวจสอบงบปีเงินรายรับรายจ่ายของแผ่นดิน หรือ งบแสดงฐานะการเงินแผ่นดินประจำปี
- ตรวจสอบบัญชีทุนสำรองเงินตราประจำปีและแสดงความเห็นว่าการรับจ่าย
- ตรวจสอบงบบัญชีของภาพรวมการเมืองใดๆ ที่นายกรัฐมนตรีจะได้สั่งให้ตรวจสอบเป็นครั้งคราว
- เมื่อทำการตรวจสอบบัญชีและเอกสารใด ๆ ปรากฏว่าบัญชีไม่ถูกต้องและเป็นการทุจริตก็มอบคดีให้เจ้าหน้าที่ฟ้องผู้กระทำผิดต่อศาลตามกฎหมาย
(2) เรื่องที่ประธานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินสามารถใช้ดุลพินิจวินิจฉัยตามพฤติการณ์ ได้แก่
- การตรวจสอบบัญชีเอกสารและทรัพย์สินของทบวงการเมือง
- เรียกพนักงานเจ้าหน้าที่ทบวงการเมืองที่รับตรวจมาเพื่อสอบสวน
- เรียกบุคคลใด ๆ มาให้การเป็นพยานในการตรวจบัญชีเอกสารและทรัพย์สินของแผ่นดิน
บทสรุป
พระราชบัญญัติว่าด้วยคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ. 2476 ประกาศใช้เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2476 นับเป็นกฎหมายตรวจเงินแผ่นดินฉบับแรกภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองและใช้บังคับมาอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งมีการประกาศใช้ “พระราชบัญญัติการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ. 2522” เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2522 ให้ยกเลิกพระราชบัญญัติว่าด้วยคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ. 2476
บรรณานุกรม
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 50/หน้า 787/ลงวันที่ 9 ธันวาคม 2476. พระราชบัญญัติว่าด้วยว่าด้วยคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน พุทธศักราช 2476
สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน. ประวัติการตรวจเงินแผ่นดินไทย. จาก https://www.audit.go.th/ เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2664
อ้างอิง
[1] สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน, ประวัติการตรวจเงินแผ่นดินไทย, เข้าถึงจาก https://www.audit.go.th/ , เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2664
[2] เรื่องเดียวกัน