พระราชบัญญัติคุ้มครองวรรณกรรมและศิลปกรรม

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า

ปัจจุบัน ประเทศไทยมีกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองลิขสิทธิ์ คือ พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พุทธศักราช ๒๕๒๑ ว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิของผู้สร้างสรรค์วรรณกรรมและศิลปกรรมตลอดจนวิทยาการสมัยใหม่ กล่าวกันว่า กฎหมายฉบับนี้มีรากฐานมาจากพระราชบัญญัติที่ตราขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว

ด้วยทรงมีพระราชดำริเห็นสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองวรรณกรรมที่เคยมีมา โดยให้คุ้มครองไปถึงศิลปกรรมด้วย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ตรา พระราชบัญญัติคุ้มครองวรรณกรรมและศิลปกรรม พุทธศักราช ๒๔๗๔ ขึ้น นับว่าเป็นกฎหมายที่ว่าด้วยการคุ้มครองลิขสิทธิ์ในทั้งวรรณกรรมและศิลปกรรมที่มีขอบเขตกว้างขวางสมบูรณ์ อีกทั้งยังสอดคล้องด้วยหลักสากลฉบับแรกของประเทศไทย

นอกจากนี้ยังเพิ่มเติมบทบัญญัติที่ไม่เคยมีในกฎหมายว่าด้วยลิขสิทธิ์ของไทยฉบับเดิมๆ อีกด้วย เช่น บทบัญญัติที่ว่าด้วยลิขสิทธิ์ของต่างประเทศ และมิได้ให้เจ้าของลิขสิทธิ์ต้องจดทะเบียนผลงานของตน เช่นเดียวกับกฎหมายของนานาประเทศ หลังจากนั้น สยามได้ยื่นความจำนงขอเข้าเป็นภาคีอนุสัญญากรุงเบอร์นว่าด้วยการคุ้มครองวรรณกรรมและศิลปกรรม และต่อมาได้มีประกาศรับรองประเทศสยามเข้าเป็นภาคีสมาชิกแห่งอนุสัญญากรุงเบอร์นเพื่อการคุ้มครองวรรณกรรมและศิลปกรรมระหว่างประเทศ เมื่อเดือนกรกฎาคม พุทธศักราช ๒๔๗๔ แต่เมื่อเวลาผ่านไป พระราชบัญญัติซึ่งถือกันว่าสมบูรณ์ในสมัยหนึ่งก็ย่อมล้าสมัยไม่สอดคล้องกับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลง เป็นเหตุให้ในปี พุทธศักราช ๒๕๒๑ ต้องยกเลิกพระราชบัญญัติคุ้มครองวรรณกรรมและศิลปกรรม พุทธศักราช ๒๔๗๔ และใช้พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พุทธศักราช ๒๕๓๗ ในเวลาต่อมา

ที่มา

บทสารคดี “ปกเกล้าธรรมราชา” สารคดีเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่ในวโรกาสครบ ๑๒๐ ปี แห่งวันพระบรมราชสมภพและเป็นบุคคลสำคัญของโลก โดยองค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ประจำปี ๒๕๕๖