ประสิทธิ์ ณรงค์เดช

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า

ผู้เรียบเรียง : ศาสตราจารย์พิเศษ นรนิติ เศรษฐบุตร

ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ : รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต


ประสิทธิ์ ณรงค์เดช : ผู้นำพรรคพลังใหม่
 

          เมื่อปี 2517 ชื่อประสิทธิ์ ณรงค์เดช ในวงการธุรกิจเป็นที่รู้จักกันดี เพราะท่านเป็นผู้บุกเบิก บริษัทอนามัยภัณฑ์แห่งแรกในประเทศไทย และผลิตกระดาษชำระยี่ห้อ Cellox ออกมาขายตั้งแต่ปี 2506 แต่มาถึงปี 2517 นี้ ประสิทธิ์ ณรงค์เดช ปรากฏชื่อว่าเป็นผู้ร่วมก่อตั้งพรรคการเมืองเลือดใหม่กับเพื่อนรุ่นหนุ่มใหญ่ด้วยกันหลายคน พรรคนี้ที่มีชื่อว่า “พรรคพลังใหม่” พรรคนี้มีคนล้อเหมือนกันว่าเป็นพรรค "พลังเพื่อน" เพราะดูจากแกนนำสำคัญก็เป็นเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันที่รู้จักคบหากันมาก่อน คราวนี้รวมตัวกันเป็นนักการเมืองหน้าใหม่ที่อาสาจะเข้ามาเป็นนักการเมืองน้ำดีลงสนามเลือกตั้งหลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 นั่นเอง พรรคนี้เมื่อตอนเปิดตัวก็ได้รับการต้อนรับที่ดีในสังคม คนเด่นของพรรคคือนายแพทย์กระแส ชนะวงศ์ หมอรางวัลแมกไซไซ ผู้โด่งดังในตอนนั้นและยังมีนักวิชาการอีกหลายคน

          ที่จริง ประสิทธิ์ ณรงค์เดช อาจไม่ใช่นักการเมืองมาก่อน แต่เขาก็สนใจการเมืองไทยและเคยเป็นผู้ร่วมประท้วงการเมืองที่เขาเห็นว่าสกปรกมาตั้งแต่ยังเป็นนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อครั้งมีเหตุการณ์เลือกตั้งสกปรกในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2500 แล้ว ผู้นำนักศึกษาของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์รุ่นนั้น คือ สุวิทย์ เผดิมชิต ในหนังสืองานพระราชทานเพลิงศพของประสิทธิ์เอง ระบุเรื่องนี้ไว้ว่า

           “ ...สมัยเป็นนิสิตจุฬาฯได้เป็นประธานและกรรมการในกิจกรรมของสโมสรนิสิตหลายประเภทและได้เป็นนายกสโมสรนิสิตจุฬาฯเมื่อปี 2500 ในปีนั้น นิสิตจุฬาฯได้เป็นแกนนำในการเดินขบวนประท้วงการเลือกตั้งผู้แทนราษฎรที่ไม่เรียบร้อย จนได้มีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลจากจอมพล ป.พิบูลสงคราม ไปเป็นยุคสมัยจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์'

           ที่มีการประท้วงการเลือกตั้งสกปรกในสมัยรัฐบาลของจอมพล ป.พิบูลสงคราม เมื่อปี 2500 นั้นเป็นการรวมตัวกันของนิสิตนักศึกษาหลายสถาบันที่สำคัญ ดังที่ปราโมทย์ นาครทรรพ ได้เขียนเล่าเอาไว้ว่า

           “...ประสิทธิ์ในฐานะผู้ร่วมก่อตั้งสมาพันธ์นักศึกษาห้าสถาบัน สมัยนั้นอุดมศึกษามีมหาวิทยาลัยเพียง 4 และวิทยาลัยเทคนิคทุ่งมหาเมฆอีกเพียง 1 ที่รวมตัวกันต่อสู้เผด็จการและคัดค้านการเลือกตั้งสกปรกปีสองพันห้าร้อย”

           ชีวิตเบื้องต้นของประสิทธิ์ นั้นปรากฏว่าท่านเป็นคนต่างจังหวัดจากเมืองอุบลราชธานี เมืองของนักการเมืองชื่อดังมาตั้งแต่มีการเลือกตั้งปี 2476 มีบิดาชื่อ เปี้ยน และมารดาชื่อ เฮียง อาชีพของบิดาเป็น “พ่อค้าขายของป่าและผลิตผลทางเกษตร” นับเป็นครอบครัวที่มีอันจะกินของจังหวัด ท่านเกิดที่บ้านถนนพรหมราช อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน ปี 2478

           ในด้านการศึกษา ประสิทธิ์เรียนประถมศึกษาที่โรงเรียนวัดห้วยขะยุง ที่อำเภอวารินชำราบ และมาต่อชั้นมัธยมต้นที่โรงเรียนวัดศรีทอง ในอำเภอเมือง ด้วยว่าที่บ้านมีอันจะกินจึงส่งเข้ามาเรียนต่อในพระนครที่โรงเรียนเซนต์คาเบรียล และเรียนดีจึงสอบเข้าเรียนต่อที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ก่อนที่จะสอบเข้าเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ จนอยู่ปีสุดท้ายจึงได้นำนิสิตประท้วงการเลือกตั้งสกปรก

           ศึกษาจบเป็นวิศวกรรมศาสตรบัณฑิตแล้ว ได้เข้าเป็นทหารอยู่หนึ่งปีได้ยศร้อยตรี จากนั้นได้เดินทางไปศึกษาและทำงานที่สหรัฐอเมริกา จบปริญญาโทวิศวกรรมศาสตร์ จาก The University of Texas เมืองออสติน รัฐเทกซัส สหรัฐฯแล้วจึงกลับเมืองไทย ชีวิตครอบครัวได้สมรสกับศาสตราจารย์เกษรี ณรงค์เดช

           ชีวิตที่เข้ามาใกล้การเมืองเริ่มต้นหลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ประสิทธิ์ได้รับแต่งตั้งเป็นสมาชิกสมัชชาแห่งชาติด้วยคนหนึ่ง และต่อมาเขาจึงได้ร่วมตั้งพรรคพลังใหม่กับลงแข่งขันเป็นผู้แทนราษฎรที่กรุงเทพฯ แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง ในปี 2518 สมัย ม.ร.ว. คึกฤทธิ์เป็นนายกฯ ประสิทธิ์ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ และประธานธนาคารอาคารสงเคราะห์ ประสิทธิ์ได้ตำแหน่งการเมืองครั้งแรกเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ในรัฐบาลของนายกรัฐมนตรี พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ เมื่อปี 2520

           เมื่อมีการเลือกตั้งใหม่ปี 2522 ประสิทธิ์กลับไปลงเลือกตั้งที่บ้านเกิด จังหวัดอุบลฯและชนะเลือกตั้ง ครั้งนี้ทำให้ประสิทธิ์ได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในรัฐบาลของนายกฯเกรียงศักดิ์จนพลเอกเกรียงศักดิ์ลาออกจากนายกฯในปี 2523 ประสิทธิ์คงเป็นผู้แทนราษฎรต่อมาจนถึงปี 2526 และเขาก็เว้นว่างจากสภาฯไปเป็นเวลา 12 ปี จึงได้กลับมาเป็นผู้แทนฯคนอุบลฯอีกครั้งในการเลือกตั้งปี 2538 ในนามพรรคนำไทย ที่เขาเป็นรองหัวหน้าพรรคและมีอำนวย วีรวรรณเป็นหัวหน้าพรรค ชีวิตการเมืองของประสิทธิ์จบลงในปี 2539 เมื่อนายกฯบรรหาร ศิลปอาชา ยุบสภา

           หลังจากนั้นประสิทธิ์ ณรงค์เดช ได้หันไปดูงานทางธุรกิจของครอบครัว ประกอบกับท่านมีปัญหาด้านสุขภาพที่ต้องรักษาตัวอย่างจริงจังด้วย หลังจากยุติบทบาททางการเมืองได้ประมาณ 2 ปี ประสิทธิ์ ณรงค์เดชได้ถึงแก่อนิจกรรม ในวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ.2541