ประชุมคณะกรรมานุการพิจารณาเค้าโครงเศรษฐกิจของหลวงประดิษฐ์มนูธรรม

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า

เรียบเรียง : ศาสตราจารย์ ไชยันต์ ไชยพร

ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ : ศาสตราจารย์พิเศษ นรนิติ เศรษฐบุตร


ความคลาดเคลื่อนในงานวิชาการเกี่ยวกับผลการประชุมคณะกรรมานุการพิจารณาเค้าโครงเศรษฐกิจของหลวงประดิษฐ์มนูธรรม

หลังจากที่คณะรัฐมนตรีได้มอบหมายให้หลวงประดิษฐ์มนูธรรมร่างเค้าโครงเศรษฐกิจแห่งชาติขึ้น “ในวันที่ ๙ มีนาคม ๒๔๗๖ หลวงประดิษฐ์ฯได้เสนอร่าง ‘เค้าโครงการเศรษฐกิจแห่งชาติ’ ต่อคณะรัฐมนตรีเป็นครั้งแรก ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้ตกลงให้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการขึ้น ๑๔ คน เพื่อพิจารณาร่างเค้าโครงการเศรษฐกิจฉบับดังกล่าว” [1]  คณะอนุกรรมการได้ประชุมกันเมื่อวันที่ ๑๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๖ โดยมีผู้เข้าประชุม 14 คน  [2]                    

ในหนังสือ ปฏิวัติ 2475 1932 Revolution in Siam (พิมพ์ครั้งที่ 1, 2547) ของ ชาญวิทย์ เกษตรศิริ และ ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์ กล่าวว่า ผลการพิจารณา “คณะกรรมานุการ (คณะอนุกรรมการ/ผู้เขียน) พิจารณาเค้าโครงเศรษฐกิจของหลวงประดิษฐ์มนูธรรมได้ประชุมกัน เมื่อวันที่ ๑๒ มีนาคม หลังจากการซักถามในหลักการ ที่ประชุมก็ได้ลงมติเห็นชอบด้วยกับเค้าโครงฯฉบับนี้ ๘ นาย ได้แก่ หลวงประดิษฐ์ฯ, หลวงเดชสหกรณ์, นายแนบ พหลโยธิน,  หม่อมเจ้าสกลวรรณากร วรวรรณ, หลวงคหกรรมบดี,  หลวงเดชาติวงศ์วรารัตน์, นายทวี บุญยเกตุ และนายวิลาศ โอสถานนท์ ที่คัดค้านคือกลุ่มพระยามโนปกรณ์ฯ มี พล.ร.ท. พระยาราชวังสัน, พระยาศรีวิสารวาจา พ.อ. พระยาทรงสุรเดช รวม ๔ เสียง ที่หายไป ๒ เสียง คือ คือ นายประยูร ภมรมนตรี และหลวงอรรถสารประสิทธิ์ซึ่งทำหน้าที่เป็นเลขานุการ นอกจากนี้กลุ่มคัดค้านยังได้เตรียมร่างแผนพัฒนาการเศรษฐกิจอย่างคร่าวๆเสนอต่อที่ประชุมด้วยเช่นกัน ซึ่งเท่ากับเป็นการเปิดประเด็นเพื่อแสดงให้เห็นว่ามีแนวทางเศรษฐกิจที่ขัดแย้งกันอย่างชัดเจน”  [3]      

ต่อมา ในบทความ เค้าโครงการเศรษฐกิจของหลวงประดิษฐ์ มนูธรรม (2554)  ของ ธิกานต์ ศรีนารา ในฐานข้อมูลสถาบันพระปกเกล้า ก็ได้กล่าวแบบเดียวกันกับของ ชาญวิทย์และธำรงศักดิ์: “คณะอนุกรรมาธิการพิจารณา ‘เค้าโครงการเศรษฐกิจแห่งชาติ’ ของปรีดี พนมยงค์ ได้จัดประชุมขึ้นอีกในวันที่ 12 มีนาคม 2476…..ในที่ประชุมวันเดียวกัน ได้มีผู้ลงมติเห็นชอบด้วยกับ ‘เค้าโครงการเศรษฐกิจแห่งชาติ’ ของปรีดี พนมยงค์ 8 เสียง ได้แก่ ปรีดี พนมยงค์, หลวงเดชสหกรณ์, นายแนบ พหลโยธิน, ม.จ.สกลวรรณกร วรวรรณ, หลวงคหกรรมบดี, หลวงเดชาติวงศ์วราวัฒน์, นายทวี บุณยเกตุ และนายวิลาศ โอสถานนท์ และผู้ที่คัดค้านมี 4 เสียง ได้แก่ พระยามโนปกรณ์นิติธาดา พล.ร.ท.พระยาราชวังสัน, พระยาศรีวิสารวาจา และ พ.อ.พระยาทรงสุรเดช ส่วนเสียงที่หายไปมี 2 เสียง คือ นายประยูร ภมรมนตรี และหลวงอรรถสารประสิทธิ์ ซึ่งทำหน้าที่เป็นเลขานุการ” [4]                      

เช่นเดียวกัน ในบทความ ฐานะของสมุดปกเหลือง วิวาทะ และผลลัพธ์ทางการเมือง, สถาบันปรีดี พนมยงค์ (2567) ของสถาบันปรีดี พนมยงค์ ก็ได้กล่าวข้อความแบบเดียวกันด้วย: “ผู้เข้าร่วมประชุมฯ มีความเห็นแบ่งออกเป็นสองทางคือ ฝ่ายสนับสนุนเค้าโครงการเศรษฐกิจ และ ฝ่ายที่คัดค้าน โดยมีผู้ลงมติเห็นชอบต่อเค้าโครงการเศรษฐกิจแห่งชาติของนายปรีดี จำนวน 8 เสียง ได้แก่ นายปรีดี, หลวงเดชสหกรณ์, นายแนบ พหลโยธิน, ม.จ.สกลวรรณกร วรวรรณ, หลวงคหกรรมบดี, หลวงเดชาติวงศ์วราวัฒน์, นายทวี บุณยเกตุ และนายวิลาศ โอสถานนท์ และมีผู้ที่คัดค้าน จำนวน 4 เสียง ได้แก่ พระยามโนปกรณ์นิติธาดา พล.ร.ท.พระยาราชวังสัน, พระยาศรีวิสารวาจา และพ.อ.พระยาทรงสุรเดช กลุ่มนี้ยังเสนอร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจที่เตรียมไว้อย่างคร่าวๆ ต่อที่ประชุมอีกด้วย และมีอีก 2 เสียง คือนายประยูร ภมรมนตรี และหลวงอรรถสารประสิทธิ์ซึ่งทำหน้าที่เป็นเลขานุการจึงมิได้ออกเสียง” [5]                

จากข้อความในเครื่องหมายคำพูดข้างต้น ทำให้เข้าใจได้ว่า ได้มีการลงมติในที่ประชุมคณะกรรมานุการพิจารณาเค้าโครงเศรษฐกิจของหลวงประดิษฐ์ฯ แต่หลังจากได้ตรวจสอบกับข้อความใน “สำเนาต้นฉบับ” ที่ตีพิมพ์ใน “ชัยอนันต์ สมุทวนิชและขัตติยา กรรณสูตร, เอกสารการเมือง-การปกครองไทย พ.ศ. 2517-2477,  โครงการตำราสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ สมาคมสังคมศาสตร์แห่งประเทศไทย, (กรุงเทพฯ: ไทยวัฒนาพานิช, 2518), หน้า 357-372” ภายใต้หัวข้อ “(ลับ)  ง. รายงานการประชุมกรรมานุการพิจารณาเค้าโครงการเศรษฐกิจแห่งชาติ ณ วังปารุสกัน วันที่ ๑๒ มีนาคม พุทธศักราช ๒๔๗๕ (๒๔๗๖/ผู้เขียน)”  ไม่พบข้อความใดๆที่บันทึกว่าได้มีการลงมติ                                                                      นอกจากนี้ ในหนังสือ “National Economic Policy Luang Pradist Manudharm (Pridi Banomyong) from Siam in Transition: A Brief Survey of Cultural Trends in the Five Years Since the Revolution 1932” โดย Kenneth Perry Landon [6] ซึ่งมีบทที่แปลต้นฉบับรายงานการประชุมดังกล่าวเป็นภาษาอังกฤษภายใต้หัวข้อ “D. Minutes of a Meeting of a Committee to Consider a National Economic Policy at Paruskavan Palace” ตั้งแต่หน้า 58-78  ก็ไม่พบข้อความใดๆที่บันทึกว่าได้มีการลงมติ  และที่สำคัญคือ ทั้งสำเนาต้นฉบับภาษาไทยและฉบับแปลภาษาอังกฤษมีบันทึกคำกล่าวของพระยาทรงสุรเดช ซึ่งเป็นผู้กล่าวท้ายสุดในการประชุมฯ มีข้อความตรงกันว่า “วันนี้ เราไม่ได้มาตกลงกัน เป็นแต่มาแสดงความเห็นเท่านั้น” [7]  และ “We came here today not to reach an agreement but to express our opinions.” [8]          

จากข้อความที่ตรงกันของทั้งสำเนาต้นฉบับภาษาไทยและฉบับแปลภาษาอังกฤษ ชี้ชัดว่า ในการประชุมฯวันที่ ๑๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๖ ไม่มีการลงมติ         แต่ความแตกต่างระหว่าง “สำเนาต้นฉบับภาษาไทย” ในหนังสือของ ชัยอนันต์และขัตติยา กับฉบับแปลภาษาอังกฤษ ของ Landon ก็คือ ในสำเนาแปลของ Landon จะมีข้อความในส่วนท้ายของบันทึกรายงานการประชุมที่กล่าวว่า                                  

“The committee agreed to submit its minutes to the revolutionary party and to forward to the state council both a majority and a minority report.” (ผู้เขียนแปลกลับมาเป็นภาษาไทยได้ความว่า “คณะกรรมานุการตกลงที่จะเสนอรายงานการประชุมไปยังคณะผู้ก่อการและส่งไปยังคณะรัฐมนตรี ทั้งรายงานของฝ่ายข้างมากและรายงานของฝ่ายข้างน้อย”                                                               

แต่ข้อความในสำเนาต้นฉบับในภาษาไทยในหนังสือของ ชัยอนันต์และขัตติยา กล่าวว่า “ที่ประชุมตกลงว่า ให้เสนอรายงานการประชุมต่อผู้ก่อการ แล้วเสนอคณะรัฐมนตรี คือว่า ความเห็นแตกออกเป็น ๒ ทาง”                                                                                                                               

จะเห็นได้ว่า ในสำเนาต้นฉบับภาษาไทย มิได้ปรากฏข้อความในบันทึกรายงานการประชุมว่า มี “ข้างมาก” และ “ข้างน้อย” แต่อย่างใด จะมีกล่าวแต่เพียง “แตกแยกออกเป็น ๒ ทาง”  ในฉบับแปลของ Landon ยังมีข้อความว่า                                                                       

“1. THE MINORITY OPINION (Phya Manopakorn Nititada, et at): we recommend that the government follow the economic programme of the previous government, incorporating into it certain specific changes whenever they can be effected; and that the government not promulgate any particular economic plan.  

2. THE MAJORITY OPINION (Luang Pradist Manudharm, et al): we recommend that the government adopt a definite system of economic procedure; and that, in particular, it promulgate the national economic policy of Luang Pradist Manudharm; that when a system has been adopted, a national economic council be established to prepare estimates and a programme of procedure; and that consequent expansion be limited only by the financial position of the government.” [9]      ส่วนข้อความในสำเนาต้นฉบับในภาษาไทยในหนังสือของ ชัยอนันต์และขัตติยา กล่าวว่า                         

“๑. ทางพระยามโนฯให้ดำเนินนโยบายเศรษฐกิจอย่างรัฐบาลเก่า และเลือกทำให้แปลกกว่าตามโอกาสอำนวย ไม่วางนโยบายเศรษฐกิจไว้                                                                                  

๒. ทางหลวงประดิษฐ์มนูธรรม ให้วางหลักที่จะทำและดำเนินนโยบายตามเค้าโครงการ เมื่อตกลงนโยบายอันใดให้แล้ว ตั้งสภาเศรษฐกิจแห่งชาติสำรวจและวางแผน เมื่อมีกำลังแรงทุนเพียงใด ทำเพียงเท่านั้น”[10]                                                                                                              

เมื่อเทียบฉบับแปลของ Landon และสำเนาต้นฉบับในภาษาไทยในหนังสือของ ชัยอนันต์และขัตติยา จะพบความแตกต่าง ๒ ประการคือ             

๑. ในขณะที่ฉบับแปลภาษาอังกฤษกล่าวว่า ฝ่ายพระยามโนฯเป็นความเห็นเสียงข้างน้อย และฝ่ายหลวงประดิษฐ์ฯเป็นความเห็นเสียงข้างมาก  ส่วนสำเนาต้นฉบับรายงานการประชุมฯไม่มีการกล่าวว่า ฝ่ายพระยามโนฯเป็นฝ่ายเสียงข้างน้อย และฝ่ายหลวงประดิษฐ์ฯเป็นฝ่ายเสียงข้างมากแต่อย่างใด                            

๒. ในขณะที่ฉบับแปลภาษาอังกฤษมีคำว่า et al ตามหลังพระยามโนฯและหลวงประดิษฐ์ฯ ซึ่งคำว่า et al หมายถึง “และอื่นๆ”  นั่นคือ หมายถึงคนอื่นๆ แต่ในสำเนาต้นฉบับรายงานการประชุมฯไม่มีการกล่าวถึง “คนอื่นๆ”                                                                                                           

ถ้าข้อความในสำเนาต้นฉบับภาษาไทยในหนังสือของชัยอนันต์และขัตติยาถูกต้องครบถ้วนตามต้นฉบับ  ก็แปลว่า ในการแปลรายงานการประชุมฯเป็นภาษาอังกฤษ  Landon ได้เพิ่มเติมเรื่องความเห็นฝ่ายเสียงข้างมากและข้างน้อยเข้าไปอีก รวมทั้ง “et al” ด้วย  และถ้า Landon มีความเคร่งครัดในการแปลความตามต้นฉบับจริงๆ เขาก็ควรใส่ความเห็นและการตีความเรื่องเสียงข้างมาก/ข้างน้อยไว้หลังการลงนามของหลวงอรรถสารประสิทธิ์ ที่เป็นผู้จดรายงานการประชุม แต่เขากลับใส่ความเห็นและการตีความของเขาก่อนการลงนามของหลวงอรรถสารประสิทธิ์ ทำให้ผู้อ่านย่อมจะต้องเข้าใจไปว่า เรื่องเสียงข้างมาก/ข้างน้อย และ “คนอื่นๆ” เป็นการจดบันทึกรายงานการประชุมฯของหลวงอรรถสารประสิทธิ์ และเสียงข้างมาก/ข้างน้อยเกิดจากการนับหรือคาดคะเนของหลวงอรรถสารประสิทธิ์ผู้อยู่ในการประชุมวันนั้น  

ขณะเดียวกัน แหล่งอ้างอิงที่ชาญวิทย์และธำรงศักดิ์ใช้ในการเขียนว่ามีการลงมติในที่ประชุมวันนั้น และมีรายชื่อของฝ่ายเสียงข้างมากที่เห็นด้วยกับเค้าโครงเศรษฐกิจของหลวงประดิษฐ์ฯและฝ่ายเสียงข้างน้อยที่คัดค้าน ชาญวิทย์และธำรงศักดิ์อ้างอิงจากเอกสารสองเล่ม นั่นคือ ๑. หนังสือของ “เดือน บุนนาค, ท่านปรีดี รัฐบุรุษอาวุโส ผู้วางแผนเศรษฐกิจไทยคนแรก (พระนคร: เสริมวิทย์บรรณาการ, 2500) หน้า 156-194 และ ๒. วีณา มโนพิโมกษ์, ความขัดแย้งภายในคณะราษฎร, วิทยานิพนธ์ อักษรศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาประวัติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2520 หน้า 65. [11]  หลังจากตรวจสอบหนังสือของ เดือน บุนนาค และวิทยานิพนธ์ของ วีณา มโนพิโมกษ์ ก็ไม่พบข้อความในบันทึกรายงานการประชุมวันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2476 ว่ามีการลงมติต่อเค้าโครงเศรษฐกิจของหลวงประดิษฐ์ฯแต่อย่างใด [12]  

ในวิทยานิพนธ์ของ วีณา มโนพิโมกษ์ แม้ว่าจะไม่ปรากฎข้อความที่กล่าวถึงการลงมติในที่ประชุมฯวันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2476   แต่มีข้อความที่ วีณา กล่าวถึงรายชื่อของกรรมการที่เข้าประชุมฯ ที่แยกเป็นรายชื่อที่เห็นด้วยกับรายชื่อที่คัดค้านเค้าโครงเศรษกิจฯ  โดยมีผู้ที่เห็นด้วยมีจำนวน 8 คนและไม่เห็นด้วย 4 คนและมีรายชื่อตรงกับที่ชาญวิทย์และธำรงศักดิ์กล่าวไว้ในหน้า 349 ในหนังสือ ปฏิวัติ 2475 1932 Revolution in Siam ของทั้งสอง แต่ท้ายของรายชื่อทั้งสองฝ่ายนี้ วีณา ไม่ได้ใส่เชิงอรรถอ้างอิงไว้ [13] ซึ่งน่าจะหมายความว่า การแบ่งแยกคณะกรรมานุการที่เข้าร่วมประชุมฯวันนั้นทั้งสิ้น 14 คนออกเป็นฝ่ายที่เห็นด้วยกับฝ่ายที่คัดค้านมาจากการตีความหรือคาดการณ์ของ วีณา เอง  มีได้มาจากการลงมติในที่ประชุมแต่อย่างใด  โดยข้อความของวีณา ที่แสดงให้เห็นว่า เธอได้อ่านรายงานการประชุมฯและตีความหรืออนุมานด้วยวินิจฉัยของเธอเองว่า ใครเห็นด้วยและใครคัดค้าน คือข้อความที่ว่า “ในการประชุมกรรมานุการพิจารณาเค้าโครงเศรษฐกิจแห่งชาตินั้น หลวงประดิษฐมนูธรรมได้กำหนดความมุ่งหมายว่า ให้กรรมานุการซักถามหลักของเค้าโครงการเศรษฐกิจโดยละเอียด แต่ผลปรากฏว่า ในการประชุมครั้งนั้นจะมีก็แต่หม่อมเจ้าสกลวรรณากร วรวรรณ เท่านั้นที่ทรงซักถามและโต้แย้งในหลักการที่ยังทรงข้องพระทัยอยู่ และเมื่อเข้าพระทัยดีแล้ว ก็ทรงเห็นด้วยกับหลักการของหลวงประดิษฐมนูธรรม คนอื่นๆส่วนใหญ่ก็มิได้ซักถาม จะมีก็เพียงแต่กล่าวสนับสนุนหรือคัดค้านเท่านั้น ที่เป็นเช่นนนี้อาจเนื่องมาจากผู้ที่เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ส่วนใหญ่ไม่มีความรู้ทางด้านเศรษฐศาสตร์เป็นพื้นฐาน ผู้ที่มีความรู้ทางด้านนี้ก็คงมีแต่หม่อมเจ้าสกลวรรณากร วรวรรณ หลวงเดชสหกรณ์ และหลวงเดชาติวงศ์วราวัฒน์” [14] การอ่านรายงานการประชุมคณะกรรมานุการแล้วตีความตามฐานความรู้และความเข้าใจของผู้เขียน (วีณา มโนพิโมกษ์) เป็นสิ่งที่พึงกระทำได้และถือเป็นเสรีภาพทางวิชาการที่จะแสดงความคิดเห็นทางวิชาการของตน ซึ่ง วีณา ก็มิได้ใส่เชิงอรรถอ้างอิงกำกับข้อความดังกล่าว ถือเป็นความรับผิดชอบของวีณา และเปิดให้มีการตีความโต้แย้งหากมีใครไม่เห็นด้วยกับการตีความและแบ่งกรรมานุการออกเป็นฝ่ายที่เห็นด้วยกับฝ่ายที่คัดค้านตามคำพูดของกรรมานุการแต่ละท่านที่หลวงอรรถสารประสิทธิ์ได้จดบันทึกได้ เพราะจากการทดลองให้คนจำนวนหนึ่งอ่านรายงานการประชุมดังกล่าวและตีความว่า มีใครและจำนวนเท่าไรที่เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ก็ได้ข้อสรุปที่แตกต่างกันเกี่ยวกับจำนวนผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยต่อเค้าโครงเศรษฐกิจ รวมทั้งกรรมการที่ยังไม่มีความเห็นที่ชัดเจนว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย

สรุป การกล่าวว่าได้มีการลงมติในที่ประชุมคณะกรรมานุการพิจารณาเค้าโครงเศรษฐกิจฯวันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2476 ของชาญวิทย์และธำรงศักดิ์ ไม่มีข้อความใดในรายการอ้างอิงที่ใส่ไว้ในเชิงอรรถที่ 151 หน้า 349 รองรับ และเป็นการตีความของผู้เขียนทั้งสองเอง                                                                                            

เชิงอรรถ


[1] เค้าโครงการเศรษฐกิจของหลวงประดิษฐ์ มนูธรรม, ฐานข้อมูลสถาบันพระปกเกล้า, http://wiki.kpi.ac.th/index.php?title=เค้าโครงการเศรษฐกิจของหลวงประดิษฐ์_มนูธรรม

[2] ชัยอนันต์ สมุทวนิชและขัตติยา กรรณสูตร, เอกสารการเมือง-การปกครองไทย พ.ศ. 2517-2477,  โครงการตำราสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ สมาคมสังคมศาสตร์แห่งประเทศไทย, (กรุงเทพฯ: ไทยวัฒนาพานิช, 2518), หน้า 357.

[3] ในบทความนี้ใช้ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 3. ชาญวิทย์ เกษตรศิริ และ ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์, ปฏิวัติ 2475 1932 Revolution in Siam, พิมพ์ครั้งที่ 3, (กรุงเทพฯ: มูลนิธิโครงการตำราสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์: 2560), หน้า 349.

[4] เค้าโครงการเศรษฐกิจของหลวงประดิษฐ์ มนูธรรม, ธิกานต์ ศรีนารา, ฐานข้อมูลสถาบันพระปกเกล้า, บทความนี้มีการแก้ไขอยู่ทั้งสิ้น 6 ครั้ง แต่ข้อความในส่วนที่กล่าวว่ามีการลงมติยังคงเดิมนับแต่ครั้งแรก คือ11:58, 23 มีนาคม 2554‎ Apirom คุย ส่วนร่วม‎ ล  73,381 ไบต์ +73,381 และครั้งล่าสุด 13:16, 16 ตุลาคม 2557‎ Apirom คุย ส่วนร่วม‎ ล  78,395 ไบต์ +155.  https://wiki.kpi.ac.th/index.php?title=เค้าโครงการเศรษฐกิจของหลวงประดิษฐ์_มนูธรรม        

https://wiki.kpi.ac.th/index.php?titleเค้าโครงการเศรษฐกิจของหลวงประดิษฐ์_มนูธรรม&action=history 

[5] ฐานะของสมุดปกเหลือง วิวาทะ และผลลัพธ์ทางการเมือง, สถาบันปรีดี พนมยงค์. 16 เมษายน 2567, https://pridi.or.th/th/content/2024/04/1926#_ftn4

[6] Kenneth Perry Landon, National Economic Policy Luang Pradist Manudharm (Pridi Banomyong) from Siam in Transition: A Brief Survey of Cultural Trends in the Five Years Since the Revolution 1932, Committees on the Project for the National Celebration on the Occasion of the Centennial Anniversary of Pridi Banomyong, Senior Statesman (private sector), (Bangkok: Ruankaew Printing House: 1999).

[7] ชัยอนันต์ สมุทวนิชและขัตติยา กรรณสูตร, เอกสารการเมือง-การปกครองไทย พ.ศ. 2517-2477,  โครงการตำราสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ สมาคมสังคมศาสตร์แห่งประเทศไทย, (กรุงเทพฯ: ไทยวัฒนาพานิช, 2518), หน้า 372.

[8] Kenneth Perry Landon, National Economic Policy Luang Pradist Manudharm (Pridi Banomyong) from Siam in Transition: A Brief Survey of Cultural Trends in the Five Years Since the Revolution 1932, opcit., p. 77.

[9] Kenneth Perry Landon, National Economic Policy Luang Pradist Manudharm (Pridi Banomyong) from Siam in Transition: A Brief Survey of Cultural Trends in the Five Years Since the Revolution 1932, opcit., p. 77.

[10] ชัยอนันต์ สมุทวนิชและขัตติยา กรรณสูตร, เอกสารการเมือง-การปกครองไทย พ.ศ. 2517-2477,  โครงการตำราสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ สมาคมสังคมศาสตร์แห่งประเทศไทย, (กรุงเทพฯ: ไทยวัฒนาพานิช, 2518), หน้า 372.

[11] ดูหน้า 349 และหน้า 385 เชิงอรรถที่ 151 ใน ชาญวิทย์ เกษตรศิริ และ ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์, ปฏิวัติ 2475 1932 Revolution in Siam, พิมพ์ครั้งที่ 3, (กรุงเทพฯ: มูลนิธิโครงการตำราสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์: 2560)

[12] เดือน บุนนาค, ท่านปรีดี รัฐบุรุษอาวุโส ผู้วางแผนเศรษฐกิจไทยคนแรก (พระนคร: เสริมวิทย์บรรณาการ, 2500) หน้า 156-194; วีณา มโนพิโมกษ์, ความขัดแย้งภายในคณะราษฎร, วิทยานิพนธ์ อักษรศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาประวัติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2520 หน้า 65.

[13] วีณา มโนพิโมกษ์, ความขัดแย้งภายในคณะราษฎร, วิทยานิพนธ์ อักษรศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาประวัติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2520 หน้า 65.

[14] วีณา มโนพิโมกษ์, ความขัดแย้งภายในคณะราษฎร, วิทยานิพนธ์ อักษรศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาประวัติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2520 หน้า 64.