ประชาชนไทย (พ.ศ. 2535)
พรรคประชาชนไทย (2535)
พรรคประชาชนไทยจดทะเบียนจัดตั้งพรรคขึ้นเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2535 [1] โดยมี นายอาทิตย์ อุไรรัตน์ ดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรคและนายปรีดี หิรัญพฤกษ์ ดำรงตำแหน่งเป็นเลขาธิการพรรค [2]หลังจากนั้นอีกเพียง 2 วันคือวันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2535 ในการประชุมใหญ่ครั้งแรกของพรรคได้มีการเปลี่ยนแปลงชื่อพรรค ภาพเครื่องหมายพรรคและสถานที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของพรรค [3] โดยชื่อพรรคนั้นได้เปลี่ยนจากพรรคประชาชนไทยไปเป็นพรรคเสรีธรรม
รายละเอียดเกี่ยวกับนโยบายและการดำเนินการที่สำคัญมีดังต่อไปนี้คือ [4]
ด้านสังคม
1.ส่งเสริมทุกศาสนา
2.เทิดทูลและจงรักภักดีต่อสถาบันกษัตริย์
3.ยึดหลักประชาธิปไตยที่มีวินัย
4.ให้ประชาชนได้รับการศึกษาอย่างถ้วนหน้า
5.สร้างความปลอดภัยให้ชีวิตและทรัพย์สิน
6.ป้องกันวัฒนธรรมที่ไม่สอดคล้องกับขนบธรรมเนียมและวัฒนธรรมต่างชาติ
7.พัฒนาชนบทในทุกๆด้าน
8.ขจัดผู้มีอิทธิพล
9.เร่งรัดการสร้างงาน
ด้านเศรษฐกิจ
1.ป้องกันการผูกขาด
2.กำหนดกฎเกณฑ์การใช้พื้นที่ให้แน่นอน เช่น ที่อยู่อาศัย อุตสาหกรรม การเกษตร
3.กระจายทุนและระดมทุนเพื่อให้ประเทศก้าวหน้า
4.ยึดหลักทุนนิยมเสรี
5.ป้องกันการลงทุนจากต่างชาติที่ทำให้ไทยเสียเปรียบ
6.ส่งเสริมทรัพยากรบุคคลให้เพียงพอกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
7.ส่งเสริมการวางแผนครอบครัว
8.ขยายความเจริญไปสู่ชนบท
9.ยกระดับค่าครองชีพและความเป็นอยู่ของประชาชน
10.ออกมาตรการควบคุมราคาสินค้า
11.ปรับปรุงระบบภาษี
12.ปรับปรุงแก้ไขรูปแบบสหกรณ์
ด้านการเมือง
1.สนับสนุนให้ทุกคนมีโอกาสเข้าร่วมทางการเมือง
2.ส่งเสริมสถาบันพรรคการเมืองและเสริมสร้างเสถียรภาพทางการเมือง
3.สร้างนักการเมืองที่มีอุดมการณ์ มีระเบียบวินัย มีสัจจะและคุณธรรม
ด้านต่างประเทศ
1.ผูกมิตรกับประเทศที่ไม่มุ่งร้ายต่อประเทศอื่นๆทั้งการค้าและการเมือง
2.ร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับประเทศเพื่อนบ้านและประเทศในสมาคมอาเซียน
3.ปฏิบัติตามกฎบัตรสหประชาชาติ
4.ดำเนินนโยบายต่างประเทศอย่างอิสระ
ด้านการป้องกันประเทศ
1.พัฒนากองทัพให้เข้มแข็งในทุกๆด้าน
2.จัดสรรงบประมาณให้เพียงพอกับการพัฒนากองทัพให้ทันสมัย
3.ให้สวัสดิการครอบครัวทหาร ตำรวจที่บาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่
4.ส่งเสริมประชาชนให้สนับสนุนกองทัพในการป้องกันชาติ
5.เสริมสร้างความสามัคคีในชาติ
6.จัดฝึกอบรมให้ประชาชนมีความรักชาติ สถาบันกษัตริย์และมีความเสียสละ
ด้านการเงินและการคลัง
1.ปรับปรุงระบบการคลังให้เหมาะสมกับการพัฒนาเศรษฐกิจของชาติ
2.รักษาเสถียรภาพของเงินตราและดุลการค้า
3.ระวังมิให้เกิดภาวะเงินเฟ้อและเงินฝืด รักษา ระมัดระวัง ควบคุม
4.ตรวจสอบการใช้จ่ายเงินงบประมาณแผ่นดิน