บัตรเลือกตั้งในการเลือกตั้งทั่วไปวันที่ 24 มีนาคม 2562
ผู้เรียบเรียง ศุทธิกานต์ มีจั่น
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต
บัตรเลือกตั้งในการเลือกตั้งทั่วไปวันที่ 24 มีนาคม 2562
บัตรเลือกตั้งที่ใช้ในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ.2562 นั้น ออกแบบมาเพื่อใช้ภายใต้กติกาการเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสมที่ออกแบบให้มีบัตรเลือกตั้งเพียง 1 ใบและทำเครื่องหมายกากบาทเพียงช่องเดียวเท่านั้น โดยผลคะแนนของการลงคะแนนเลือกตั้งผ่านบัตรเลือกตั้งนี้ จะนำไปสู่ผล 3 ประการ คือ
(1) การนำไปคิดคะแนนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง
(2) การนำคะแนนของผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกคนจากทุกเขตเลือกตั้งของทุกพรรคการเมือง มาคำนวณหาจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อของแต่ละพรรคการเมือง
(3) พรรคการเมืองที่ได้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่น้อยกว่า 25 คน จะมีสิทธิเสนอชื่อบุคคลซึ่งสมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี
รูปแบบของบัตรเลือกตั้ง
รายละเอียดของบัตรเลือกตั้งนั้นมีรายละเอียด 2 ด้าน โดยด้านหน้า มุมขวาระบุข้อความ "บัตรเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง" มุมซ้ายระบุคำเตือนห้ามมิให้นำบัตรเลือกตั้งออกไปจากที่เลือกตั้ง หรือจงใจทำเครื่องหมายเพื่อเป็นที่สังเกต ห้ามถ่ายภาพบัตรเลือกตั้งที่ได้ลงคะแนนเลือกตั้งแล้ว ห้ามนำบัตรเลือกตั้งที่ลงคะแนนแล้วแสดงให้ผู้อื่นเห็นว่า ลงคะแนนหรือลงคะแนนไม่เลือกผู้สมัครใด และต้องนำบัตรเลือกตั้งหย่อนลงหีบบัตรด้วยตนเอง หากผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุก ปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ส่วนด้านในของบัตรเลือกตั้งได้ระบุเนื้อหาสำคัญ คือ หมายเลขประจำตัวผู้สมัคร ภาพเครื่องหมายพรรคการเมือง ชื่อพรรคการเมือง และช่องทำเครื่องหมาย เรียงกันเป็นสองชุดจากบนลงล่างใน 1 ใบ และเพื่อให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งตัดสินใจทำเครื่องหมายกากบาท X ภายใน "ช่องทำเครื่องหมาย" ไม่เกินหนึ่งหมายเลข โดยมีช่องกาไม่ประสงค์ลงคะแนนเลือกผู้สมัครใด อยู่ด้านล่างขวาของบัตร
ทั้งนี้ เมื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งทําเครื่องหมายกากบาทลงในบัตรเลือกตั้งแล้ว ให้พับบัตรเลือกตั้งเพื่อมิให้ผู้อื่นทราบว่าลงคะแนนเลือกผู้สมัครผู้ใดหรือลงคะแนนไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด แล้วให้นําบัตรเลือกตั้งนั้นใส่ลงในหีบบัตรเลือกตั้งด้วยตนเองต่อหน้ากรรมการประจําหน่วยเลือกตั้ง
ฐานความผิดอันเกี่ยวเนื่องกับบัตรเลือกตั้ง
การกระทำที่ถือเป็นความผิดอันเกี่ยวเนื่องกับบัตรเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561 ทั้งยังได้มีการกำหนดโทษไว้ ดังนี้
(1) ห้ามมิให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งผู้ใดใช้บัตรอื่นที่มิใช่บัตรเลือกตั้งที่ได้รับจากเจ้าพนักงานผู้ดําเนินการเลือกตั้งซึ่งมีอํานาจเพื่อออกเสียงลงคะแนน หากกระทำความผิดต้องระวางโทษจําคุก ตั้งแต่หนึ่ง 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกําหนด 20 ปี
(2) ห้ามมิให้นำบัตรเลือกตั้งออกไปจากที่เลือกตั้ง หากกระทำความผิดต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่ 1-5 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 – 100,000 บาท หรือ ทั้งจําทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้น มีกําหนด 10 ปี
(3) ห้ามมิให้ผู้ใดจงใจทําเครื่องหมายเพื่อเป็นที่สังเกตโดยวิธีใดไว้ที่บัตรเลือกตั้ง หากกระทำความผิดต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่ 1-5 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000-100,000 บาท หรือ ทั้งจําทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกําหนด 10 ปี
(4) ห้ามมิให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์ใดถ่ายภาพบัตรเลือกตั้งที่ตนได้ลงคะแนเลือกตั้งแล้ว หากกระทำความผิดต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 1 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
(5) ห้ามมิให้ผู้ใดนําบัตรเลือกตั้งใส่ในหีบบัตรเลือกตั้งโดยไม่มีอํานาจโดยชอบด้วยกฎหมาย หรือกระทําการใดในบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งเพื่อแสดงว่ามีผู้มาแสดงตนเพื่อออกเสียงลงคะแนนโดยผิดไปจากความจริง หรือกระทําการใดอันเป็นเหตุให้มีบัตรเลือกตั้งเพิ่มขึ้นจากความจริง หากกระทำความผิดต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่ 1-5 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 – 100,000 บาท หรือ ทั้งจําทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกําหนด 10 ปี
(6) ห้ามมิให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งนําบัตรเลือกตั้งที่ออกเสียงลงคะแนนแล้วแสดงต่อผู้อื่นเพื่อให้ผู้อื่นทราบว่าตนได้ลงคะแนนเลือกหรือลงคะแนนไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด หากกระทำความผิดต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 1 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
ในส่วนของบทลงโทษนั้น มาตรา 144 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561 ได้กำหนดไว้ว่า หากผู้ใดจงใจกระทําด้วยประการใด ๆ ให้บัตรเลือกตั้งชํารุด หรือเสียหาย หรือ ให้เป็นบัตรเสีย หรือกระทําด้วยประการใด ๆ แก่บัตรเสียเพื่อให้เป็นบัตรที่ใช้ได้ต้องระวางโทษจําคุก ไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 100,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกําหนด 10 ปี ถ้าผู้กระทําความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นเจ้าพนักงานผู้ดําเนินการเลือกตั้ง ต้องระวางโทษจําคุก ตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของ ผู้นั้นมีกําหนด 20 ปี
นอกจากนี้แล้ว มาตรา 145 ยังได้ระบุว่าหาก ผู้ใดไม่ได้เป็นเจ้าพนักงานผู้ดําเนินการเลือกตั้งซึ่งมีหน้าที่และอํานาจในการเก็บรักษาบัตรเลือกตั้ง มีหรือครอบครองไว้ซึ่งบัตรเลือกตั้งโดยไม่ชอบ ไม่ว่าบัตรเลือกตั้งนั้นจะเป็นบัตรเลือกตั้งที่สํานักงานเป็นผู้จัดให้มีขึ้นหรือไม่ ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่ 1-5 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000-100,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกําหนด 10 ปี ในกรณีที่ผู้กระทําความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ต้องระวางโทษเพิ่มขึ้นอีกกึ่งหนึ่งและให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้นั้น
บัตรเสีย
ตามมาตรา 118 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561 ได้กำหนดลักษณะของบัตรเสียได้ดังนี้
(1) บัตรปลอม
(2) บัตรที่มีการทําเครื่องหมายเพื่อเป็นที่สังเกตหรือเขียนข้อความใด ๆ ลงในบัตรเลือกตั้ง นอกจากเครื่องหมายในการลงคะแนน เว้นแต่เป็นการกระทําโดยชอบด้วยกฎหมายของเจ้าพนักงาน ผู้ดําเนินการเลือกตั้ง
(3) บัตรที่มิได้ทําเครื่องหมายลงคะแนน
(4) บัตรที่ทําเครื่องหมายลงคะแนนให้แก่ผู้สมัครเกินจํานวน 1 คน
(5) บัตรที่ไม่อาจทราบได้ว่าลงคะแนนให้แก่ผู้สมัครใด เว้นแต่เป็นการลงคะแนน “ไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด”
(6) บัตรที่ได้ทําเครื่องหมายลงคะแนนให้แก่ผู้สมัคร แล้วทําเครื่องหมายในช่องทําเครื่องหมาย “ไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด”
(7) บัตรที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้กําหนดให้เป็นบัตรเสีย
(8) บัตรที่มีลักษณะตามที่คณะกรรมการกําหนดว่าเป็นบัตรเสีย
ข้อวิจารณ์ต่อบัตรเลือกตั้ง
ข้อวิจารณ์ต่อการใช้บัตรเลือกตั้งนี้ มุ่งไปที่ความสำคัญของรายละเอียดในบัตร ที่อาจสร้างความสับสนและให้ข้อมูลที่ไม่เพียงพอแก่ประชาชนในการตัดสินใจลงคะแนนเลือก เนื่องจากการออกแบบให้มีบัตรเลือกตั้งเพียง 1 ใบ ที่ส่งผลให้การกากบาทครั้งเดียว หมายความถึงการลงคะแนนเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขต แบบบัญชีรายชื่อและการเลือกนายกรัฐมนตรี ทำให้การลงคะแนนเลือกเพียงหนึ่งหมายเลขมีความสำคัญมาก นอกจากนี้แล้วยังได้มีการตั้งข้อสังเกตว่าพรรคการเมืองขนาดใหญ่ที่มีฐานเสียงจำนวนมากมีแนวโน้มที่จะเสียเปรียบ ในขณะที่พรรคขนาดกลาง ขนาดเล็ก และพรรคการเมืองใหม่มีแนวโน้มจะได้เปรียบจากการใช้บัตรเลือกตั้งลักษณะนี้
รายการอ้างอิง
“นักรัฐศาสตร์ ชี้ บัตรไม่มีโลโก้ พรรคใหญ่ เสียเปรียบ”. สืบค้นจากhttps://www.pptvhd36.com/new sutm_source=web_pptv&utm_medium=relatelink_1&utm_campaign=100010 (20 มิถุนายน 2563).
“พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561” ราชกิจจา นุเบกษา เล่ม 135 ตอนที่ 68 ก ลงวันที่ 12 กันยายน 2561
“รีวิว! บัตรเลือกตั้งเตรียมพร้อมก่อนถึงวันจริง”. สืบค้นจาก https://www.pptvhd36.com/news/100010 (20 มิถุนายน 2563).
“เลือกตั้ง 2562: กกต.เผยตัวอย่างบัตรเลือกตั้ง ย้ำ 24 มี.ค.เข้าคูหามีบัตรใบเดียว-กาเบอร์เดียว”. สืบค้นจาก https://www.sanook.com/news/7662062/ (20 มิถุนายน 2563).