จำกัด พลางกูร

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า

ผู้แต่ง : ศาสตราจารย์พิเศษ นรนิติ เศรษฐบุตร

ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ : รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต


จำกัด พลางกูร : หนึ่งในเสรีไทยผู้สละชีวิต

             ชีวิตเสรีไทยยังมีเรื่องให้เล่าขานอีกมาก แม้จะเล่ากันซ้ำแล้วซ้ำอีกก็ไม่เป็นไร เพราะเป็นเรื่องของคนทำงานให้ชาติ เสรีไทยคนหนึ่งที่มีความกล้าหาญเดินทางไปปฏิบัติงานที่ประเทศจีนด้วยความยากลำบาก จนเสียชีวิตในต่างแดน ที่นำมาเล่ากันในครั้งนี้ คือ นายจำกัด พลางกูร

             วันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ.2484 เป็นวันที่คนไทยไม่ลืม เพราะเป็นวันที่รัฐบาลไทยสมัยหลวงพิบูลสงครามเป็นนายกรัฐมนตรียอมให้กองทัพญี่ปุ่นเดินทัพผ่านประเทศไทย และวันเดียวกันนั่นเองก็เป็นจุดตั้งต้นของกลุ่มบุคคลชาวไทยที่คิดต่อต้านญี่ปุ่น ที่ต่อมาคือขบวนการเสรีไทย ที่หนุ่มนักเรียนนอกคนหนึ่งชื่อ จำกัด พลางกูร ได้เข้าร่วมขบวนการพร้อมกับเพื่อนร่วมอุดมการณ์  จำกัด พลางกูร เป็นคนกรุงเทพ บุตรของ พระยาผดุงวิทยาเสริม กับคุณหญิง เหรียญ เกิดเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ.2457 เคยเรียนที่โรงเรียนวัดบวรนิเวศ และโรงเรียนเทพศิรินทร์ ก่อนเข้าเรียนต่อที่คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ท่านเป็นคนเรียนเก่ง สอบได้ที่ 1 ประเทศไทย จึงได้รับทุนกระทรวงธรรมการไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ เมื่อปี 2474 ก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครอง อาจารย์ ภูริ ฟูวงศ์เจริญ เขียนถึงตอนที่จำกัด พลางกูร อยู่ที่อังกฤษ ตอนนั้นว่า จำกัดชอบถกเถียงทางวิชาการ ได้ศึกษา

             “...พร้อมไปกับการเป็นบรรณาธิการหนังสือของสมาคมนักเรียนไทยในอังกฤษ เขายังเขียนหนังสือของตัวเองออกมาเป็นเล่ม ตั้งแต่อายุ 22 ปี หนังสือเรื่อง 'ปรัชญาของสยามใหม่ ' ที่นายจำกัดเขียนขึ้น สะท้อนความสนใจใคร่รู้ของเขา ในยามที่ประเทศเพิ่งผ่านพ้นการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกแผ่นดิน หลังวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 "

             เมื่อเรียนจบ จำกัด พลางกูร ได้เดินทางกลับมาเมืองไทยมาทำงานในกระทรวงธรรมการ ด้วยความที่เป็นคนหนุ่มที่สนใจกิจการของบ้านเมืองและไม่เห็นด้วยกับแนวทางของรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม จำกัด พลางกูร ก็ได้เข้าร่วมงานใต้ดินในขบวนการเสรีไทย และในตอนต้นปี 2486 ขบวนการเสรีไทยต้องการคนกล้าที่เข้าใจบทบาทของเสรีไทยดี มีความสามารถที่จะทำหน้าที่ตัวแทนของขบวนการไปติดต่อกับรัฐบาลจีนที่เมืองจุงกิง นายปรีดี พนมยงค์ ผู้นำเสรีไทยจึงวางใจ ขอให้นายจำกัด พลางกูร รับหน้าที่นี้ไปติดต่อให้ทางรัฐบาลจีน ทราบว่าเวลานั้นมีขบวนการต่อต้านญี่ปุ่นในไทยซึ่งมีความเห็นแตกต่างจากรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม ที่ประกาศสงครามกับฝ่ายสัมพันธมิตร จำกัด พลางกูร ได้ไปที่ "ทำเนียบท่าช้าง" หรือบ้านพักท่านผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในคืนวันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2486 เพื่อปรึกษาก่อนเดินทาง ทั้งยังได้รับเงินจีนกับทองคำติดตัวไปสำหรับการใช้จ่าย คุณจำกัดได้บันทึกเล่าไว้ว่า

         '"ท่าน (นายปรีดี พนมยงค์) กล่าวว่าเพื่อชาติ เพื่อ humanity นะคุณ เคราะห์ดีอีก 45 วัน ก็ได้พบกัน เคราะห์ไม่ดีนัก อย่างช้าอีกสองปี ก็ได้พบกัน และ เคราะห์ร้ายที่สุด ก็ได้ชื่อว่าสละชีวิตเพื่อชาติไป 'ข้าพเจ้ารู้สึกเศร้าใจ และตื้นตัน น้ำตาคลอ ในเมื่อท่านเดินตามลงมาส่ง"

          วันรุ่งขึ้น จำกัด พลางกูร พร้อมกับนายไพศาล ตระกูลลี้ ผู้เป็นล่ามภาษาจีน ได้ออกเดินทางด้วยรถไฟไปที่ขอนแก่น มีคุณฉลบชลัยย์ พลางกูร ภริยาร่วมเดินทางไปส่งด้วยถึงชายแดนไทย ที่ขอนแก่นนั้นนายเตียง
ศิริขันธ์ นักการเมืองคนสำคัญและเป็นเสรีไทยที่ร่วมกันกับนายจำกัด พลางกูร มาตั้งแต่ต้นได้มารับ และพาเดินทางต่อไปยังชายแดนไทยที่จังหวัดนครพนม ส่งลงเรือข้ามแม่น้ำโขงไปขึ้นฝั่งท่าแขกของลาว ก่อนลากันนายเตียงยังห่วงมิตรร่วมอุดมการณ์ จึงเตรียมเอากำไล สร้อยคอ สร้อยข้อมือของภริยาและแหวนทองคำของตนมอบให้เพื่อนติดตัวไป เผื่อจะต้องใช้ในยามจำเป็นด้วย

เส้นทางการเดินทางของจำกัด ในการไปเมืองจีนครั้งนั้นน่าสนใจมากทีเดียว จุดหมายปลายทางของท่านอยู่ที่เมืองจุงกิง ซึ่งเป็นที่ตั้งของรัฐบาลจีนเจียงไคเช็คในขณะนั้น จำกัด พลางกูร เริ่มต้นโดยเดินทางไปที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมุ่งไปชายแดนที่นครพนม เพื่อหาทางตัดเข้าเมืองญวนหรือเวียดนาม เพื่อเข้าจีนทางตอนใต้ นับว่าเป็นเส้นทางที่อ้อมพอสมควร จึงเป็นเส้นทางที่คนอาจนึกไม่ถึง และเป็นเส้นทางที่ทำให้ท่านรอดพ้นจาก "หูและตา" ของทหารญี่ปุ่นทั้งที่อยู่ในไทยและในน่านน้ำทะเลได้

มาดูเส้นทางที่คุณจำกัดเดินทางกันบ้างว่า เมื่อท่านข้ามไปที่ท่าแขกแล้ว ท่านก็เดินทางข้ามแผ่นดินลาวไปยังเมืองวินห์ของญวน เมืองนี้เป็นเมืองชายฝั่งทะเลทางตอนกลางของแผ่นดิน ที่เมืองนี้มีบ้านเกิดของโฮจิมินห์ตั้งอยู่ การเดินทางข้ามแผ่นดินผ่านป่าผ่านดงข้ามไปยังเมืองวินห์นับว่ามีความลำบากมากทีเดียว ถึงเมืองวินห์แล้วจึงได้เดินทางต่อไปที่เมืองฮานอยอันเป็นเมืองหลวงที่ทางเหนือของดินแดน ช่วงนี้อาจสะดวกบ้าง เพราะมีรถไฟ แล้วก็เดินทางต่อไปเมืองไฮฟองที่เป็นเมืองท่าสำคัญ ซึ่งก็มีรถไฟรางไปถึงเมืองนี้ จากนั้นก็ลงเรือจากไฮฟองไปขึ้นฝั่งที่แผ่นดินจีน นับเป็นการเดินทางทั้งเดินเท้า ขึ้นรถไฟ รถยนต์ ลงเรือ และสุดท้ายก็บินจากกุ้ยหลินเข้าจุงกิง รวมเวลาเดินทางทั้งสิ้น 53 วัน อาจารย์ภูริ ฟูวงศ์เจริญ ผู้ซึ่งได้อ่านบันทึกประมาณ 1,000 หน้าของ จำกัด พลางกูร ได้มีความเห็นว่าการเดินทางของคุณจำกัดนั้น

“ ..เป็นการเดินทางที่ยากลำบาก และระหว่างทางก็มีทหารญี่ปุ่นตั้งกองอยู่เต็มไปหมด เพราะแม้ฝรั่งเศสจะถอยออกจากสงครามเพราะแพ้เยอรมนี แต่ว่าฝรั่งเศสก็ยอมให้ญี่ปุ่นตั้งกอง(ทหาร'?)ในอาณานิคมอินโดจีนของตนเต็มไปหมด กว่าจะเล็ดลอดไปได้เกือบจะเอาชีวิตไม่รอด แต่ก็สามารถไปถึงได้สำเร็จ .."

จำกัด พลางกูร ใช้เวลาเดินทางจากพระนคร ไปนานถึง 53 วัน จึงถึงจุดหมายปลายทางที่เมืองจุงกิง ประมาณเดือนเมษายน การเดินทางถึงจุงกิงได้จึงเป็นความสำเร็จขั้นแรก

งานขั้นต่อมาที่สำคัญ ซึ่งจะต้องดำเนินการให้บรรลุเป้าหมายนั้นก็คือ ประการแรก ท่านต้องติดต่อกับทางรัฐบาลเจียงไคเชค โดยมีความคาดหวังว่าจะได้เข้าพบจอมพลเจียงไคเชค เพื่อจะได้แจ้งอย่างเป็นทางการให้ผู้นำจีน ทราบถึงการดำรงอยู่ของขบวนการเสรีไทยในประเทศไทย ที่มีนายปรีดี พนมยงค์ เป็นหัวหน้า ประการที่สอง ต้องติดต่อกับกลุ่มเสรีไทยที่อังกฤษ ให้รู้เช่นเดียวกันว่ามีขบวนการเสรีไทยในประเทศไทย ที่มีนายปรีดี พนมยงค์ เป็นหัวหน้า และหาทางทราบตัวผู้นำของกลุ่มเสรีไทยในอังกฤษด้วย เพื่อจะได้ประสานงานกันต่อไป ประการที่สาม ต้องหาทางติดต่อกับกลุ่มเสรีไทยที่สหรัฐอมริกาด้วย เพื่อให้ทางกลุ่มเสรีไทยในสหรัฐอเมริกาทราบถึงการมีอยู่ของขบวนการเสรีไทยในประเทศไทย ที่มีนายปรีดี พนมยงค์ เป็นหัวหน้า และจะได้ร่วมมือกันทำงานให้รัฐบาลสหรัฐฯรับรู้การทำงานต่อต้านญี่ปุ่นของขบวนการเสรีไทยในประเทศไทย แต่การทำงานของจำกัด พลางกูร ในเมืองจีนก็ยากลำบากไม่น้อยไปกว่าการเดินทาง ท่านไปอยู่เมืองจีน พยายามติดต่อประสานงานต่างๆ จนกระทั่งอีกสองเดือนต่อมา ในวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ.2486 ท่านจึงได้มีโอกาสเข้าพบจอมพลเจียงไคเชค

การได้พบจอมพลเจียงไคเชค ซึ่งถือว่ามีความสำคัญมาก เพราะถือได้ว่าเป็นครั้งแรกที่ผู้แทนของขบวนการเสรีไทย ได้พบกับประมุขของรัฐบาลประเทศสัมพันธมิตรทีเดียว การได้พบปะสนทนากันอย่างนี้น่าจะถือได้ว่าเป็นการให้การรับรองอย่างมีนัยสำคัญต่อขบวนการเสรีไทยในประเทศไทยจากรัฐบาลจีน

นอกจากนั้น ที่ประเทศจีนนี่เอง ที่จำกัด พลางกูร ในฐานะผู้แทนของผู้นำขบวบการเสรีไทยในประเทศ ไทย ได้มีโอกาสพบกับ หม่อมเจ้าศุภสวัสดิ์วงศ์สนิท สวัสดิวัตน์ พระเชษฐาของสมเด็จพระนางรำไพ ซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มเสรีไทยสายอังกฤษ โดย ม.จ.ศุภสวัสดิ์วงศ์สนิท ได้บินจากอินเดียมาพบ และเจรจาหาความร่วมมือ การเจรจาระหว่างคุณจำกัด กับ ม.จ.ศุภสวัสดิ์ก็มีความสำคัญ เพราะทำให้สามารถทำความเข้าใจกันได้ระหว่างฝ่ายคณะราษฎร ซึ่งเป็นผู้ก่อการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ.2475 กับฝ่ายเจ้า โดยเฉพาะ อย่างยิ่ง ม.จ. ศุภสวัสดิ์วงศ์สนิท ซึ่งเป็นผู้ที่ถูกกล่าวถึงมากหลังเหตุการณ์บวรเดช ในปี 2476 และท่านเองที่ทำให้ทั้งสองฝ่ายตกลงร่วมมือกันทำงานโดยถือกันว่างานเสรีไทยเป็นงานเพื่อชาติเพื่อแผ่นดินไทย ไม่มีการแบ่งฝ่ายกับทางกลุ่มเสรีไทยในสหรัฐฯ จำกัด พลางกูร ก็ได้มีโอกาสพบกับ พ.ท.หม่อมหลวงขาบ กุญชร ณ อยุธยา ตัวแทนของกลุ่ม ทำให้สามารถประสานงาน ทำความเข้าใจ เพื่อให้เกิดความเข้าใจและวางใจซึ่งกันและกัน จนตกลงร่วมมือกันที่จะดำเนินการต่อต้านญี่ปุ่น

ทั้งนี้ผู้ร่วมงานเสรีไทยทั้งสายอังกฤษ สายอเมริกา ได้ตกลงให้นายปรีดี พนมยงค์ หัวหน้าขบวนการเสรีไทยในประเทศไทยเป็นหัวหน้าขบวนการเสรีไทยทั้งหมด ในการดำเนินการเพื่อต่อต้านญี่ปุ่น ไปจนเสร็จสิ้นสงคราม

ในช่วงที่ จำกัด พลางกูร เดินทางและปฏิบัติหน้าที่ในเมืองจีนนั้น การติดต่อกับศูนย์บัญชาการเสรีไทยที่พระนครเป็นไปด้วยความยากมาก ทำให้สื่อสารเรื่องราวกันไม่ได้ ดังนั้นในวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ.2486 หลังจากส่ง จำกัด พลางกูร เดินทางไปจีนประมาณสี่เดือนครึ่ง นายปรีดี พนมยงค์ หัวหน้าขบวนการเสรีไทยในประเทศไทย จึงได้ตัดสินใจส่ง นายสงวน ตุลารักษ์ และ นายแดง คุณดิลก กับคณะ เดินทางไปจุงกิงอีกเป็นคณะผู้แทนชุดที่สองของขบวนการเสรีไทยที่ถูกส่งไปจีน สงวน ตุลารักษ์ และคณะเดินทางอยู่ 45 วันจึงถึงเมืองจุงกิง ในวันที่ 1 กันยายน พ.ศ.2486 และได้พบกับ จำกัด พลางกูร ซึ่งขณะนั้นกำลังป่วยที่ว่ากันว่าเป็นแผลในกระเพาะ ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล คุณสงวนได้ไปเยี่ยมและเป็นผู้ติดต่อขอทางการจีนและอังกฤษ ที่จะส่งคุณจำกัด ไปรักษาตัวที่อินเดีย จนได้รับอนุญาตให้นำคุณจำกัด เดินทางโดยเครื่องบินไปรักษาตัวที่อินเดียได้ แต่ก็ไม่ทันกาล คุณจำกัดป่วยหนักไม่สามารถเดินทางได้ และเสียชีวิตลงในวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2486 ที่เมืองจุงกิง

ปิดฉากชีวิตคนกล้าของเสรีไทยคนหนึ่ง แต่ผลงานที่ จำกัด พลางกูร ได้ทำนั้นอาจารย์ภูริ ฟูวงศ์เจริญ บันทึกว่า

“ผลจากการทำงานของจำกัด ทำให้เจียง ไคเชคยินดียอมรับรองเอกราชของไทย และอเมริกาก็ยอมตามจีน อันนี้หลักฐานชัดเจนในการประชุมที่กรุงไคโร(Cairo) อีกไม่กี่เดือนต่อมา โรสเวลต์ Roosevelt) (ประธานาธิบดีสหรัฐ-บรรณาธิการ) ได้ถามเจียง ไคเชคว่า ประเทศไทยจะเอาอย่างไร มีเอกสารของสหรัฐอเมริกา เป็นเอกสารบันทึกของกระทรวงการต่างประเทศ ประธานาธิบดีโรสเวลต์ถามเจียง ไคเชค เจียงก็ตอบว่า ยอมรับรองคืนเอกราชให้ประเทศไทย ซึ่งอเมริกาก็ยอมตาม จีนเป็นประเทศแรกที่รับรองเอกราชของไทย แล้วก็ทำให้ทั้งสองฝ่ายคือ จีนและอเมริกายอม จึงทำให้อังกฤษเลิกล้มความคิดที่อาจมีอยู่บ้างที่จะให้ไทยอยู่ภายใต้รัฐสัมพันธมิตร"

การเสียชีวิตของ จำกัด พลางกูร นั้นยังเป็นที่สงสัยว่าท่านเสียชีวิตลงด้วยโรคร้ายหรือท่านถูกวางยาที่เมืองจีน