กิจประชาธิปไตย (พ.ศ. 2538)

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า

ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองศาสตราจารย์นรนิติ เศรษฐบุตร และ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต



พรรคกิจประชาธิปไตย (2538)

เมื่อวันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2538 ได้มีผู้ยื่นขอจดทะเบียนพรรคการเมือง ในชื่อพรรคกิจประชาธิปไตย หรือชื่อในภาษาอังกฤษว่า “DEMOCRATIC ACTION PARTY” ภายใต้พระราชบัญญัติพรรคการเมือง พ.ศ. 2524 ในทะเบียนเลขที่ 46/2538 โดยสำนักงานใหญ่ของพรรคตั้งอยู่ที่เลขที่ 99 ถนนบุรีรัมย์-สตึก หมู่ที่ 19 ตำบลบ้านด่าน อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ [1] เครื่องหมายประจำพรรคการเมืองกิจประชาธิปไตยเป็นรูปวงกลมขนาดใหญ่พื้นสีขาว ปรากฏชื่อพรรคทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ถูกซ้อนทับด้วยวงกลมขนาดเล็กสีดำ ภายในเป็นรูปสามเหลี่ยมด้านเท่าพื้นสีขาวจำนวนสามรูป ต่างขนาดซ้อนทับกัน โดยภายในรูปสามเหลี่ยมขนาดเล็กสุดมีรูปพานรัฐธรรมนูญบรรจุอยู่ด้วย [2]

อนึ่งรายชื่อคณะกรรมการบริหารพรรคกิจประชาธิปไตยเมื่อครั้งจดทะเบียนจัดตั้งพรรคมีทั้งสิ้น 25 คน โดยมีตำแหน่งสำคัญดังนี้ [3]

1. นางสาวอัจจิมา วัฒนพงศ์ศิริ หัวหน้าพรรค

2. นายสมาน มณีราชกิจ รองหัวหน้าพรรค

3. นายอรุณ เหลืองชัยศรี รองหัวหน้าพรรค

4. นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เลขาธิการพรรค

ต่อมาเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2538 นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ได้ลาออกจาการเป็นสมาชิกพรรค และลาออกจากการเป็นเลขาธิการพรรค ซึ่งนายทะเบียนพรรคการเมืองได้ประกาศยอมรับการเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารพรรคกิจประชาธิปไตยครั้งนี้ ตามนัยมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติพรรคการเมือง พ.ศ. 2524 เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2538 [4]

พรรคกิจประชาธิปไตยได้ประกาศอุดมการณ์ทางการเมืองของตนว่า จะยึดมั่นในชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองในระบอบเสรีประชาธิปไตย โดยให้พื้นฐานของพรรคมาจากประชาชนชาวไทย เพื่อให้ “อำนาจอธิปไตย มาจากปวงชนชาวไทย” อย่างแท้จริง และให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการบริหารและพัฒนาประเทศชาติ จะเคารพในสิทธิเสรีภาพของมนุษยชนและสนับสนุนให้ประชาชนได้ใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมอย่างเต็มที่ เพื่อนำมาซึ่งความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ความผาสุก ความอุดมสมบูรณ์ และความเจริญรุ่งเรือง มาสู่ประชาชนในชาติอย่างเสมอภาคและทัดเทียมกัน รวมทั้งช่วยกันรักษาไว้ซึ่งความเป็นเอกราชของชาติไทยด้วย [5]

นโยบายของพรรคกิจประชาธิปไตย ปีพ.ศ. 2538 [6]


1. นโยบายด้านการเมืองและการปกครอง

(1) ยึดมั่นและส่งเสริมการปกครองในระบอบเสรีประชาธิปไตย

(2) ปฏิรูประบบ องค์กร อำนาจ และการบริหารราชการแผ่นดิน ให้มีประสิทธิภาพและคุณภาพ ทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น เพื่อนำมาซึ่งความผาสุกของประชาชนชาวไทย

(3) ปรับปรุงและพัฒนาบุคลากรของรัฐให้มีประสิทธิภาพและคุณภาพในการบริการประชาชนด้วยความเป็นธรรม

(4) ป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบอย่างจริงจัง

(5) ส่งเสริมและจัดให้มีระบบและวิธีการ แสดงประชามติในการวินิจฉัยปัญหาของชาติ

(6) พัฒนาโครงสร้าง และระบบพรรคการเมืองให้มีเป้าหมายอย่างชัดเจน ทำให้ประชาชนเข้าใจในค่านิยมและอุดมการณ์ของพรรคการเมือง เพื่อให้พรรคการเมืองได้รับการสนับสนุนทั้งรัฐและประชาชน

(7) สร้างความมั่นใจในความปลอดภัยในชีวิต ทรัพย์สิน และสามารถหาเลี้ยงชีพโดยสุจริตด้วยความสงบสุข


2. นโยบายด้านสังคม

(1) สร้างความสงบสุขและส่งเสริมให้ประชาชนทั้งชายและหญิง มีสิทธิเท่าเทียมกันในการประกอบอาชีพ

(2) สนับสนุนการขยาย และพัฒนาสถาบันการศึกษาทั้งภาครัฐและภาคเอกชนให้มีคุณภาพทุกระดับชั้น เพื่อให้ประชาชนได้รับการศึกษาโดยทั่วหน้า โดยเฉพาะเยาวชนให้มีโอกาสได้รับการศึกษาสูงกว่าภาคบังคับ และให้สอดคล้องกับการพัฒนาประเทศชาติตามต้องการทั้งในและนอกประเทศ

(3) ส่งเสริมการนับถือและการทำกิจกรรมด้านศาสนา ทุกศาสนา เพื่อให้ประชาชนมีศีลธรรมอันดีงาม

(4) ส่งเสริม ฟื้นฟู และอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม โบราณวัตถุ และประเพณีอันดีงาม โดยเฉพาะวัฒนธรรมประเพณีที่สืบทอดมาแต่บรรพบุรุษไว้ให้เป็นสมบัติของชาติ

(5) ส่งเสริมและสนับสนุน ให้ภาครัฐและภาคเอกชนร่วมกันพัฒนาคุณภาพสถานบริการด้านการแพทย์และสาธารณสุขในระดับหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ และจังหวัด โดยเฉพาะการกระจายบริการสาธารณสุขไปสู่ประชาชนที่ยากจนอย่างทั่วถึง

(6) พัฒนาสิ่งแวดล้อมและความเป็นอยู่ของประชาชน โดยเฉพาะสิ่งแวดล้อมของประชาชนในชนบทให้เป็นสถานที่น่าอยู่ ประกอบอาชีพ มีงานทำ มีความเป็นอยู่ที่ดีและปลอดภัยเพื่อให้คุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้นกว่าเดิม

(7) ส่งเสริมบทบาท ความสามารถ สถานภาพ และสิทธิของสตรีให้มีความเสมอภาคในสังคม

(8) พัฒนาและส่งเสริมเยาวชนของชาติ ตั้งแต่เยาว์วัยเพื่อให้มีสุขภาพพลานามัย การศึกษาและมีศีลธรรมเป็นพลเมืองดีของชาติ

(9) ส่งเสริมความเป็นอยู่และจัดสวัสดิการให้แก่ผู้สูงอายุ พระภิกษุ สามเณรให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น

(10) ประสานงานการกีฬา ระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนให้ช่วยกันส่งเสริมและพัฒนาให้ประชาชนได้เล่นกีฬาอย่างถูกต้องตามมาตรฐานกันอย่างทั่วถึง

(11) ปรับปรุงระบบ กระบวนการยุติธรรม โดยมุ่งให้ประชาชนได้รับความสะดวกและรวดเร็วในการดำเนินคดีความในศาล


3. นโยบายด้านเศรษฐกิจ

(1) ส่งเสริมการถ่ายทอด และการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เหมาะสมให้กับเกษตรกรและอุตสาหกรรม เพื่อเพิ่มผลผลิตและคุณภาพ ทั้งผลผลิตทางการเกษตรและอุตสาหกรรมให้มีความต่อเนื่องกัน โดยเน้นเพื่อการส่งออกไปแข่งขันในต่างประเทศ

(2) ส่งเสริมให้สิทธิพิเศษ แก่อุตสาหกรรมขนาดกลาง ขนาดย่อมและอุตสาหกรรมในครอบครัว ในส่วนภูมิภาคให้ได้มากขึ้น

(3) ส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจในส่วนภูมิภาค เพื่อกระจายรายได้และความเจริญไปสู่ภูมิภาค โดยจะเน้นหนักในภาคตะวันออกเฉียงเหนือให้เป็น “ศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคพื้นอินโดจีน” รวมถึง เกษตรกรรม อุตสาหกรรม พาณิชยกรรม สื่อสาร คมนาคม การเงินและการคลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเพื่อการส่งออก และการคมนาคมติดต่อกับประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคอินโดจีน

(4) ส่งเสริมและพัฒนาการลงทุนทางด้านเศรษฐกิจให้ไปสู่ชนบทให้มาก รวมทั้งจัดปัจจัยพื้นฐานการผลิต เช่น สาธารณูปโภคและสาธารณูปการที่จำเป็นแก่การผลิต

(5) ปรับปรุงโครงสร้าง ภาษีอากร และค่าธรรมเนียม ให้ง่ายและเป็นธรรม เพื่อให้ผู้เสียภาษีได้รับความสะดวกและรวดเร็ว

(6) ปรับปรุงและส่งเสริมสภาพการเงินของภาครัฐและภาคเอกชน โดยกระจายอำนาจการบริหารการเงินและการคลังไปสู่ภูมิภาคในระดับอำเภอให้มากที่สุดที่จะมากได้

(7) ส่งเสริมและปรับปรุงการค้าระหว่างประเทศให้มีสภาพคล่องและรวดเร็วขึ้น


4. นโยบายด้านการต่างประเทศ

(1) สนับสนุนอุดมการณ์และปฏิญญาสากลขององค์การสหประชาชาติ รวมทั้งการส่งเสริมให้ประเทศไทยมีบทบาทในองค์การสหประชาชาติมากขึ้น

(2) พัฒนาความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างประเทศ ทางเศรษฐกิจ การค้า สังคม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วัฒนธรรม การศึกษา และการท่องเที่ยวกับทุกประเทศรวมทั้งภาคเอกชนด้วย โดยไม่คำนึงถึงความแตกต่างในระบอบการปกครอง สังคมและเชื้อชาติ

(3) พัฒนาการอยู่ร่วมกันโดยสันติ กับประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสร้างมิตรภาพกับประเทศเพื่อนบ้าน และจะไม่แทรกแซงหรือคุกคามซึ่งกันและกัน

(4) ส่งเสริมและสนับสนุน การรักศักดิ์ศรีของคนไทยและรักษาเกียรติภูมิของประเทศชาติ รวมทั้งการปกป้องคนไทย และทรัพย์สินของคนไทยในต่างประเทศ

(5) ส่งเสริมและสนับสนุน การแก้ปัญหาขัดแย้งระหว่างประเทศโดยสันติวิธี เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้กำลังทหาร


5. นโยบายด้านความมั่นคง

(1) พัฒนาการป้องกันประเทศ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และสนับสนุนการปรับปรุง การจัดหา และการค้นคว้าวิจัย และผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัยเพื่อให้กองทัพมีความพร้อมและสัมพันธ์กับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

(2) ส่งเสริมให้ประชาชนมีความสามัคคี มีความรักชาติ และมีจิตสำนึกถึงประเทศชาติเป็นสำคัญ แต่ไม่มีนโยบายที่จะให้แทรกแซงหรือคุกคามประเทศใด ๆ ทั้งสิ้น

(3) ส่งเสริมการปรับปรุงสวัสดิการและการพัฒนา เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อกำลังพลของกองทัพ และให้กำลังพลช่วยกันพัฒนาประเทศชาติในยามสงบด้วย

(4) ส่งเสริมและสนับสนุน การให้ความช่วยเหลือครอบครัวทหารผ่านศึก ตำรวจและประชาชนที่ได้ช่วยกันป้องกันประเทศชาติ

หลังจากได้จดทะเบียนจัดตั้งเป็นพรรคการเมืองเมื่อวันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2538 ดังกล่าวแล้ว พรรคกิจประชาธิปไตยก็ถูกคำสั่งศาลฎีกา ที่ 5041/2539 ลงวันที่ 7 สิงหาคม 2539 ให้ยุบเลิกพรรคกิจประชาธิปไตย เนื่องจากพรรคไม่ส่งสมาชิกลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในการเลือกตั้งทั่วไป เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2538 ตามนัยมาตรา 46 (3) แห่งพระราชบัญญัติพรรคการเมือง พ.ศ. 2524 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนด แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติพรรคการเมือง พ.ศ. 2524 พ.ศ. 2538 มาตรา 3 พรรคกิจประชาธิปไตยจึงต้องยุติบทบาทในฐานะพรรคการเมืองตามคำสั่งดังกล่าว [7]

อ้างอิง

  1. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 112 ตอนที่ 19 ง, วันที่ 16 พฤษภาคม 2538, หน้า 41.
  2. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 112 ตอนที่ 19 ง, วันที่ 16 พฤษภาคม 2538, หน้า 41.
  3. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 112 ตอนที่ 19 ง, วันที่ 16 พฤษภาคม 2538, หน้า 41-42.
  4. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 112 ตอนที่ 56 ง, วันที่ 13 กรกฎาคม 2538, หน้า 84.
  5. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 112 ตอนที่ 19 ง, วันที่ 16 พฤษภาคม 2538, หน้า 43.
  6. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 112 ตอนที่ 19 ง, วันที่ 16 พฤษภาคม 2538, หน้า 43-47.
  7. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 114 ตอนที่ 54 ง, วันที่ 8 กรกฎาคม 2540, หน้า 17.