การทรงศึกษาวิชาทหารที่อังกฤษและทรงเข้ารับราชการกองทัพบกสยาม
ผู้เรียบเรียง: ม.ร.ว. พฤทธิสาณ ชุมพล และ ศิริน โรจนสโรช
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ :รองศาสตราจารย์ ดร.สนธิ เตชานันท์
หลังจากที่ทรงสำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยอีตันแล้ว ทรงสอบเข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนนายร้อยวุลลิช (Royal Military Academy, Woolwich) แผนกทหารปืนใหญ่ม้า เมื่อพ.ศ. ๒๔๕๔ เมื่อพระชนม์ ๑๘ พรรษา ผลการศึกษาเป็นที่พอใจเพราะทรงเอาพระทัยใส่การเรียนอย่างดี วิชาที่ทรงเรียนได้แก่ ปืนใหญ่ ช่าง กลศึก การฝึกทหารราบ ภาษาฝรั่งเศส กายกรรม กฎหมายทหาร ขี่ม้า พงศาวดารและอุบายทหาร แพนกปกครองทหาร สุขาภิบาล เลข ไฟฟ้า กลศึกช่างและทำแผนที่ เครื่องจักร
โรเงรียนนายร้อยวุลลิชเกิดขึ้นใน ค.ศ. ๑๗๔๑ รัชกาลสมเด็จพระเจ้ายอร์ชที่ ๒ เพื่อผลิตนายทหารปืนใหญ่และนายทหารช่างที่มีประสิทธิภาพ มีหลักสูตรการเรียนการสอน ๒ ปี ต่อมาถูกยุบ และรวมกับวิทยาลัยการทหารแซนด์เฮิร์ส ตั้งเป็นโรงเรียนนายร้อยแซนด์เฮิร์ส
ทรงสำเร็จการศึกษา ใน พ.ศ. ๒๔๕๖ และเสด็จเข้าประจำการในกองทหารปืนใหญ่ม้าเมืองออลเดอร์ชอต ทรงได้รับยศร้อยตรี พ.ศ. ๒๔๕๗ เกิดสงครามโลกในทวีปยุโรป พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำริว่า สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอยังทรงศึกษาวิชาทหารครึ่งๆ กลางๆ หากจะกลับประเทศไทยก็จะยังทำประโยชน์ให้แก่บ้านเมืองไม่เต็มที่ จึงโปรดเกล้าฯ ให้พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจรูญศักดิ์ ทรงจัดหาครูเพื่อสอนวิชาเพิ่มเติม ในช่วงที่ยังประทับอยู่อังกฤษยามสงคราม โดยเน้นวิชาที่เกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติและกองทัพ ต่อมาเมื่อสงครามรุนแรงขึ้น รัฐบาลฝรั่งเศสทูลเชิญพระองค์ให้เสด็จทอดพระเนตรแนวรบในฝรั่งเศส แต่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าจ้าอยู่หัวไม่ทรงเห็นด้วย และปัญหาในการหาครูมาถวายพระอักษรเพิ่มเติมในยามสงครามเนื่องจากนายทหารต้องไปรบ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวจึง โปรดเกล้าฯ ให้เสด็จฯ กลับประเทศไทย แม้ว่าสมเด็จเจ้าฟ้าประชาธิปกศักดิเดชน์จะมีพระประสงค์เข้าร่วมรบกับพระสหายในกองทัพอังกฤษ แต่ก็เข้าพระทัยความห่วงใยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวดี จึงเสด็จไปกราบบังคมทูลลาสมเด็จพระเจ้ายอร์ชที่ ๕ ทรงลาออกจากกองทัพอังกฤษ และเสด็จกลับประเทศไทยเมื่อวันที่ ๒๐ เมษายน พ.ศ. ๒๔๕๘ ประทับที่วังพญาไท ร่วมกับสมเด็จพระบรมราชชนนี และวังท่าเตียน วังแห่งที่สองในสมเด็จพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้ากรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ เสนาธิการทหารบก พระเชษฐา ทรงรับราชการประจำกรมทหารปืนใหญ่ที่ ๑ รักษาพระองค์ ตำแหน่งนายทหารคนสนิทพิเศษของจอมพล สมเด็จพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้ากรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ โดยเสด็จไปทรงเฝ้าฯ สมเด็จพระศรีพัชรินทราฯ พระบรมราชชนนีที่วังพญาไทเป็นระยะ ต่อมาจึงทรงรับตำแหน่งผู้บังคับการกองร้อยทหารปืนใหญ่รักษาพระองค์ ยศนายร้อยเอก ผู้บังคับการกรมทหารปืนใหญ่ในขณะนั้นคือ หม่อมเจ้าปรีดิเทพย์พงษ์ เทวกุล ซึ่งทรงเข้มงวดยิ่ง
ทรงย้ายไปประจำกรมบัญชาการกองทัพน้อยที่ ๒ ในตำแหน่งนายทหารฝ่ายเสนาธิการ ได้ทรงแสดงพระปรีชาสามารถวิชาทหารในการซ้อมรบใหญ่ที่ทุ่งหันตรา พระนครศรีอยุธยา ครั้งนั้นสมเด็จเจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถทรงอำนวยการซ้อมรบเอง กองทัพน้อยที่ ๒ และ ๓ ถูกกำหนดเป็นฝ่ายแดงซึ่งเป็นฝ่ายเข้ามาโจมตี ได้ยกกำลังมาจากลพบุรีและนครราชสีมา เข้าสู่อยุธยา กองทัพน้อยที่ ๑ เป็นฝ่ายขาว ตั้งรับที่ทุ่งหันตรา สมเด็จเจ้าฟ้าประชาธิปกศักดิเดชน์ทรงนำกองร้อยพร้อมด้วยปืนใหญ่ภูเขา ๖๓ เข้าตรึงแนวกลางทุ่งกว้างในวันที่ ๑๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๕๘ พระยาเทพหัสดิน (ผาด) เป็นแม่ทัพฝ่ายขาวด้วย ทหารทั้งสองฝ่ายสู้รบอย่างดุเดือด แม่ทัพฝ่ายขาวตั้งป้อมแบบเยอรมัน โดยวางลวดหนามเป็นเครื่องกีดขวางของตัวป้อม ทำให้ฝ่ายแดงต้องถอยกลับหลายครั้งและโหมกำลังบุกพร้อมกันอีกครั้งตอนเช้ามืดวันที่ ๑๙ การรบด้วยปืนใหญ่เกิดขึ้นและดำเนินอยู่หลายชั่วโมง จึงถอยกลับตามแผนการ เป็นโอกาสที่ทรงแสดงพระปรีชาสามารถวิชาทหารปืนใหญ่แบบอังกฤษที่ทรงศึกษา
ต่อมาทรงย้ายมาประจำการกรมบัญชาการกองทัพน้อยที่ ๒ ตำแหน่งนายทหารฝ่ายเสนาธิการ เลื่อนพระยศเป็นนายพันตรีผู้บังคับการโรงเรียนนายร้อยชั้นประถม ซึ่งเดิมเรียกว่า โรงเรียนทหารสราญรมย์ ต่อมาเปลี่ยนเป็นโรงเรียนสอนวิชาการทหารบก และเป็นโรงเรียนนายร้อยชั้นประถม
บรรณานุกรม
ศิรินันท์ บุญศิริ. (๒๕๓๗). พระราชประวัติพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว. ใน กุลทรัพย์ เกษแม่นกิจ, เนียนศิริ ตาละลักษมณ์, ฉวีงาม มาเจริญ, สุภรณ์ อัศวสันโสภณ, เพลินพิศ กำราญ,บุหลง ศรีกนก, . . . ประณีต นิยายลับ. พระราชประวัติและพระราชกรณียกิจในพระบาทสมเด็จพระปกมินทรมหาประชาธิปก พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (น. ๓-๑๑๓). (พิมพ์ครั้งที่ ๒). กรุงเทพฯ:อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง.
ศิริน โรจนสโรช. (๒๕๕๖). พระราชประวัติพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว. ใน 120 ปี ผ่านฟ้า
ประชาธิปก (น.๓-๓๙). นนทบุรี: สำนักบรรณสารสนเทศ.