1 ตุลาคม พ.ศ. 2483

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
รุ่นแก้ไขเมื่อ 11:08, 3 ตุลาคม 2556 โดย Apirom (คุย | ส่วนร่วม) (หน้าที่ถูกสร้างด้วย ''''ผู้เรียบเรียง''' ศาสตราจารย์พิเศษ นรนิติ เศรษฐบุต...')
(ต่าง) ←รุ่นแก้ไขก่อนหน้า | รุ่นแก้ไขล่าสุด (ต่าง) | รุ่นแก้ไขถัดไป→ (ต่าง)

ผู้เรียบเรียง ศาสตราจารย์พิเศษ นรนิติ เศรษฐบุตร


ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต


วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2483 เป็นวันที่มีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ฉบับถาวร พ.ศ. 2475 เป็นครั้งที่ 2 เรียกว่า รัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมว่าด้วยบทเฉพาะกาล จุดมุ่งหมายเพื่อจะได้ยืดเวลาในบทเฉพาะกาลของมาตรา 65 เดิม ขณะที่มีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีคือ พลตรีหลวงพิบูลสงคราม และประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้แก่ พระยามานวราชเสวี

เมื่อย้อนไปดูความเดิมในมาตรา 65 ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2475 วรรคแรก บัญญัติว่า

“เมื่อราษฎรผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้ ยังมีการศึกษาไม่จบประถมศึกษาสามัญมากกว่ากึ่งจำนวนทั้งหมดและอย่างช้าต้องไม่เกินกว่าสิบปี นับแต่วันใช้พระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว พ.ศ. 2475 สภาผู้แทนราษฎรประกอบด้วยสมาชิก 2 ประเภทมีจำนวนเท่ากัน”

ในการแก้ไขเพิ่มเติมนั้นรัฐธรรมนูญ ฉบับแก้ไข พ.ศ. 2483 ได้กำหนดให้ยกเลิกข้อความในมาตรา 65 เดิม และใช้ข้อความที่เขียนขึ้นใหม่แทน ในมาตรา 65 ดังนี้ ความในวรรคแรกของมาตรา 65 ตอนแรกจึงแก้เป็นว่า

“ตั้งแต่วันใช้พระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินไทยชั่วคราว พุทธศักราช 2475 เป็นกำหนดเวลายี่สิบปี สภาผู้แทนราษฎรประกอบด้วยสมาชิกสองประเภทมีจำนวนเท่ากัน”

ส่วนที่แก้ไขอีกเล็กน้อยในถ้อยคำที่ตามมาในข้อ 1 และข้อ 2 นั้นเนื้อหาสาระก็ไม่ได้ต่างกว่าของเดิม

เจตนาของการแก้ไขก็คือขยายเวลาในบทเฉพาะกาลที่มาตรา 65 กำหนดเวลาไว้ไม่เกินสิบปี เป็น ยี่สิบปี นั่นเอง ทั้งนี้ เพราะถ้าไม่แก้ไข พอถึง พ.ศ. 2485 อีกไม่เกินสองปี อายุของบทเฉพาะกาลตามมาตรา 65 ก็สิ้นสุดลง ราษฎรผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งจะมีการศึกษาเท่าใดก็ไม่สำคัญ จะต้องเหลือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประเภทเดียวที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนเท่านั้น