กองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
รุ่นแก้ไขเมื่อ 09:55, 6 สิงหาคม 2556 โดย Apirom (คุย | ส่วนร่วม) (กองทุนเำพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น [[กองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือ...)
(ต่าง) ←รุ่นแก้ไขก่อนหน้า | รุ่นแก้ไขล่าสุด (ต่าง) | รุ่นแก้ไขถัดไป→ (ต่าง)

ผู้เรียบเรียง ชาย ไชยชิต


ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองศาสตราจารย์นรนิติ เศรษฐบุตร และ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต


ความเป็นมาของกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง

กองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคกรเมือง เป็นรูปแบบหนึ่งของการสนับสนุนพรรคการเมืองโดยรัฐ ซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 บทเฉพาะกาล มาตรา 328 ได้บัญญัติให้กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง จะต้องมีสาระสำคัญที่เกี่ยวกับการสนับสนุนุพรรคการเมืองโดยรัฐ ได้แก่ การสนับสนุนการจัดตั้งและพัฒนาสาขาพรรคโดยรัฐ รวมทั้งการสนับสนุนทางการเมืองหรือประโยชน์อย่างอื่นแก่พรรคการเมือง


พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2541 มาตรา 56 ได้กำหนดให้มีกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง ในสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ทั้งนี้ โดยให้อำนาจคณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการดำเนินงานของกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง


ประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง กองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง ลงวันที่ 17 พฤศจิกายน 2541 คณะกรรมการการเลือกตั้งได้อาศัยอำนาจตามมาตรา 56 มาตรา 57 มาตรา 59 มาตรา 61 มาตรา 62 มาตรา 63 และมาตรา 64 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2541กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินงานของกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองไว้


ประการคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง กองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง (ฉบับที่ 2) ลงวันที่ 7 กรกฎาคม 2542 ได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์การจัดสรรเงินตามจำนวนสมาชิกพรรคการเมืองและสาขาพรรคการเมือลตามประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง กองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง ลงวันที่ 17 พฤศจิกายน 2541

ประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง กองทุนพัฒนาพรรคการเมือง (ฉบับที่ 3) ลงวันที่ 24 สิงหาคม 2543 ได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์การจัดสรรเงินสนับสนุนพรรคการเมืองใหม่ และในกรณีที่มีความจำเป็น คณะกรรมการกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง อาจกำหนดระยะเวลาการยื่นแผนงานและโครงการของพรรคการเมืองและการกำหนดวงเงินค่าใช้จ่ายในแต่ละปีให้แตกต่างจากระยะเวลาที่กำหนดไว้ในประการคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง กองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง ลงวันที่ 17 พฤศจิกายน 2541

วัตถุประสงค์ของการจัดตั้งกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง

วัตถุประสงค์ของการจัดตั้งกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง เพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนและใช้จ่ายในการสนับสนุนพรรคการเมืองและการดำเนินการอื่นใดเกี่ยวกับการพัฒนาพรรคการเมืองตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนด โดยคณะกรรมการการเลือกตั้งได้กำหนดกรอบการใช้จ่ายเงินของกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง จะต้องใช้จ่ายให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ดังนี้

(1) สนับสนุนการดำเนินกิจการของพรรคการเมืองและสาขาพรรคการเมืองตามโครงการและแผนงานของแต่ละพรรคการเมือง โดยการสนับสนุนไม่น้อยกว่า ร้อยละ 60 แต่ไม่เกินร้อยละ 80 ของวงเงินรายจ่ายในแต่ละปี
(2) การดำเนินการพัฒนาพรรคการเมืองของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง
(3) เป็นทุนในการศึกษาวิจัยที่เกี่ยวกับการพัฒนาพรรคการเมือง
(4) การสนับสนุนค่าไปรษณียากร ค่าสาธารณูปโภค และด้านอื่น ๆ แก่พรรคการเมือง เพื่อดำเนินกิจการในทางการเมือง
(5) การบริหารกองทุน
(6) การอื่นที่คณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนด


รายได้ของกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง

รายได้ของกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง ประกอบด้วย

(1) เงินที่ได้จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี
(2) เงินค่าธรรมเนียมการสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2541
(3) เงินค่าปรับที่ได้รับจากการลงโทษผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2541
(4) เงินหรือทรัพย์สินที่พรรคการเมืองได้รับ โดยฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2541
(5) เงินหรือทรัพย์สินที่ตกเป็นของกองทุน ตามมาตรา 68 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2541
(6) เงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้มอบให้เพื่อสมทบกองทุน
(7) เงินดอกผลของกองทุน และ
(8) เงินรายรับอื่น

คณะกรรมการกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง

ในการดำเนินงานของกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองนั้น กฎหมายกำหนดให้คณะกรรมการการเลือกตั้งมีอำนาจและหน้าที่ในการจัดสรรเงินสนับสนุนแก่พรรคการเมือง และควบคุมดูแลการใช้จ่ายเงินกองทุน โดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นคณะหนึ่งทำหน้าที่แทนเรียกว่า “คณะกรรมการกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง” ประกอบด้วย

1) นายทะเบียนพรรคการเมือง ประธานกรรมการ
2) กรรมการการเลือกตั้ง 1 คน ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้งมอบหมาย กรรมการ
3) ผู้แทนกระทรวงการคลัง 1 คน กรรมการ
4) ผู้แทนสำนักงบประมาณ 1 คน กรรมการ
5) ผู้แทนพรรคการเมืองที่มีสมาชิกในสังกัดเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่เลือกันเอง จำนวน 3 คน กรรมการ
6) ผู้แทนพรรคการเมืองซึ่งไม่มีสมาชิกในสังกัดเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเลือกกันเองจำนวน 1 คน กรรมการ
7) เลขาธิกากรคณะกรรมการการเลือกตั้ง กรรมการและเลขานุการ

อำนาจและหน้าที่ของคณะกรรมการกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง

คณะกรรมการกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองมีอำนาจหน้าที่ดังนี้

(1) จัดสรรเงินกองทุน ตามประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง กองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง
(2) ควบคุม ดูแล การใช้จ่ายเงินของกองทุน
(3) นำเงินหรือทรัพย์สินของกองทุนไปหาดอกผล
(4) เสนอแนะแนวทางในการพัฒนาพรรคการเมือง
(5) กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการรับเงิน การเบิกจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน และการบริหารกองทุน
(6) ติดตาม ประเมินผล ตรวจสอบ และประชาสัมพันธ์การปฏิบัติงานตามโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุน
(7) รายงานผลการดำเนินการประจำปีให้คณะกรรมการการเลือกตั้งทราบ
(8) แต่งตั้งบุคคล คณะบุคคล หรือคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาและเสนอความคิดเห็นในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง หรือมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างหนึ่งอย่างใด
(9) ออกระเบียบ ข้อกำหนด ประกาศ คำสั่ง หรือมติตามประกาศของคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง กองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง และ
(10) ดำเนินงานอื่นใดที่เกี่ยวกับการพัฒนาพรรคการเมืองตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้งมอบหมาย

หลักเกณฑ์และวิธีการจัดสรรเงินกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง

การจัดสรรเงินของกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองให้แก่พรรคการเมือง ประจำปี 2545 และ 2546 ได้ดำเนินการใน 2 ลักษณะดังนี้

(1) การสนับสนุนการดำเนินกิจการของพรรคการเมืองและสาขาพรรคการเมืองตามโครงการและแผนงานของแต่ละพรรคการเมือง
(2) การสนับสนุนค่าไปรษณียากร ค่าสาธารณูปโภค และด้านอื่น ๆ แก่พรรคการเมืองเพื่อดำเนินการทางการเมือง

การสนับสนุนการดำเนินกิจการของพรรคการเมืองและสาขาพรรคการเมืองตามโครงการและแผนงาน

กองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง ได้กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการจัดสรรเงินกองทุน ดังนี้


(1) ภายในเดือนสิงหาคมของทุกปี พรรคการเมืองที่มีสิทิขอรับการสนับสนุนจะต้องจัดทำโครงการและแผนงานในการดำเนินกิจการของตนในรอบปีถัดไป พร้อมรายการที่ใช้เป็นหลักเกณฑ์ในการจัดสรรเงินสนับสนุนพรรคการเมืองตามแบบที่คณะกรรมการกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองกำหนด ยื่นต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง เพื่อเสนอขอรับการจัดสรรเงินจากกองทุนในรอบปีถัดไป


(2) คณะกรรมการกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง เสนอวงเงินของกองทุนที่จะจัดสรรเพื่อใช้จ่ายในปีถัดไปให้คณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณาให้ความเห็นชอบ ภายในเดือนตุลาคมของแต่ละปี


(3) วงเงินของกองทุนที่จะจัดสรรจะต้องจัดสรรเพื่อสนับสนุนการดำเนินกิจการของพรรคการเมืองและสาขาพรรคการเมืองไม่น้อยกว่าร้อยละหกสิบ แต่ไม่เกินร้อยะแปดสิบของวงเงินรายจ่ายในแต่ละรอบปี


(4) พรรคการเมืองที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรเงินสนับสนุนจากกองทุน ต้องเป็นพรรคการเมืองที่มีลักษณะดังนี้


4.1) เป็นพรรคการเมืองที่ได้รับการจดแจ้งการจัดตั้งจากนายทะเบียนพรรคการเมือง และได้ดำเนินการให้มีสมาชิกพรรคการเมืองอย่างน้อย 5,000 คน และสาขาพรรคการเมืองอย่างน้อย 4 สาขา ภาคละ 1 สาขา ครบถ้วนตามมาตรา 29 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2541

4.2) ต้องเป็นพรรคการเมืองที่ไม่อยู่ในระหว่างที่นายทะเบียนพรรคการเมือง หรืออัยการสูงสุดยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ยุบพรรคการเมืองดังกล่าว ตามมาตรา 65 มาตรา 66 และมาตรา 67 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2541

4.3) ยื่นโครงการและแผนงานภายในระยะเวลาที่คณะกรรมการกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองกำหนด


(5) หลักเกณฑ์การจัดสรรเงินกองทุนฯ เพื่อสนับสนุนพรรคการเมืองตามโครงการและแผนงานในแต่ละปี เมื่อกำหนดวงเงินของกองทุนที่จะใช้จ่ายแล้ว คณะกรรมการกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง จะต้องจัดสรรเงินตามหลักเกณฑ์ดังนี้


หลักเกณฑ์ที่ 1 จัดสรรตามจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคการเมืองเท่าที่มีอยู่ร้อยละสามสิบห้า
หลักเกณฑ์ที่ 2 จัดสรรตามจำนวนคะแนนเสียงจากบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองที่พรรการเมืองได้รับในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหลังสุด ร้อยละสามสิบ
หลักเกณฑ์ที่ 3 จัดสรรตามจำนวนสมาชิกของพรรคการเมือง ร้อยละยี่สิบ ให้ถือตามจำนวนสมาชิกพรรคการเมืองซึ่งพรรคการเมืองตรวจสอบและรับรองความถูกต้องแล้วที่แจ้งต่อนายทะเบียนในวันที่ยื่นโครงการและแผนงานเสนอขอรับการจัดสรรเงินสนับสนุน
หลักเกณฑ์ที่ 4 จัดสรรตามจำนวนสาขาพรรคการเมือง ร้อยละสิบห้า ให้ถือตามจำนวนสาขาพรรคการเมืองที่นายทะเบียนรับรองการจัดตั้งแล้วในวันที่ยื่นโครงการและแผนงานเสนอขอรับการจัดสรรเงินสนับสนุน กรณีที่พรรคการเมืองใดมีสาขาพรรคการเมองในเขตเลือกตั้งใดเขตเลือกตั้งหนึ่งมากกว่าหนึ่งสาขาให้นำสาขาพรรคการเมืองของแต่ละพรรคการเมืองในเขตเลือกตั้งมาคำนวณเพียงสาขาเดียว


(6) การจัดทำโครงการเพื่อขอรับการสนับสนุนจากกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง คณะกรรมการกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองได้กำหนดให้พรรคการเมือง ดำเนินการตามแผนงานและกำหนดสัดส่วนการใช้จ่ายในแต่ละแผนงาน ดังนี้ แผนงานการบริหารพรรคการเมือง และแผนงานการบริหารสาขาพรรคการเมือง รวมกันไม่เกินร้อยละ 30 แผนงานการส่งเสริมสมาชิกพรรคการเมืองและการหาสมาชิกเพิ่ม ไม่น้อยกว่า ร้อยละ 15 แผนงานการใช้จ่ายเงินในการเลือกตั้ง (ในปี 2545 และ 2546 ไม่มีการจัดสรรเงินตามแผนงานนี้) แผนงานการให้ความรู้ทางการเมืองแก่สมาชิกและประชาชนทั่วไป ไม่น้อยกว่าร้อยละ 15 แผนงานการส่งเสริมการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน ไม่น้อยกว่าร้อยละ 15 และแผนงานด้านอื่น ๆ

หลักเกณฑ์และวิธีการจัดสรรเงินค่าไปรษณียากรและค่าสาธารณูปโภค

หลักเกณฑ์ในการจัดสรรเงินค่าไปรณียากรและค่าสาธารณูปโภคแก่พรรคการเมืองนั้น คณะกรรมการกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง ได้จัดสรรเงินสนับสนุนค่าไปรษณียากรและค่าสาธารณูปโภค ให้แก่พรรคการเมือง เพื่อดำเนินกิจการทางการเมือง ซึ่งเป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2541 ประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง และประกาศนายทะเบียนพรรคการเมือง ดังนี้


(1) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2541 มาตรา 61 บัญญัติว่า “มาตรา 61 คณะกรรมการการเลือกตั้งอาจกำหนดให้พรรคการเมืองไดรับการสนับสนุนในเรื่องค่าไปรษณียากร ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสาธารณูปโภคและด้านอื่น ๆ เพื่อดำเนินกิจการในทางการเมืองอย่างเท่าเทียมกันตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรการการเลือกตั้งกำนหนด”
(2) ประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการสนับสนุนค่าไปรษณียากร และค่าสาธารณูปโภคให้แก่พรรคการเมือง ลงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2544
(3) ประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการสนับสนุนค่าไปรษณียากรและค่าสาธารณูปโภคให้แก่พรรคการเมือง (ฉบับที่ 2) ลงวันที่ 25 ธันวาคม 2544
(4) ประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการสนับนสนุนค่าไปรษณียากรและค่าสาธารณูปโภคให้แก่พรรคการเมือง (ฉบับที่ 3) ลงวันที่ 15 มิถุนายน 2545
(5) ประกาศนายทะเบียนพรรคการเมือง เรื่อง การสนับสนุนค่าไปรษณียากรและค่าสาธารณูปโภคให้แก่พรรคการเมือง ลงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2545


ทั้งนี้ การสนับสนุนค่าไปรษณียากรและค่าสาธารณูปโภค (ค่าไฟฟ้า ค่าโทรศัพท์ ค่าน้ำประปา) ให้พรรคการเมืองเริ่มเบิกจ่ายตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – วันที่ 31 ธันวาคม ของแต่ละปี โดยกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง ได้สนับสนุนพรรคการเมืองตามหลักเกณฑ์ ดังนี้


การสนับสนุนสำนักงานใหญ่พรรคการเมือง จะจัดสรรให้แก่สำนักงานงานใหญ่พรรคการเมือง โดยกำหนดวงเงินให้แต่ละพรรคการเมืองตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ประกอบด้วย จำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จำนวนคะแนนเสียงจากบัญชีรายชื่อของพรรคการเมือง จำนวนสมาชิกพรรคการเมือง และจำนวนสาขาพรรคการเมือง ซึ่งจัดสรรในสัดส่วนที่เท่ากัน โดยพรรคการเมืองที่ได้รับการจัดสรรจะต้องส่งใบเสร็จรับเงินหรือใบแจ้งหนี้ของหน่วยงานของรัฐที่ให้บริการไปรษณียากร และค่าสาธารณูปโภคมาขอเบิกจากกองทุนภายในวงเงินที่กำหนด


การสนับสนุนงานสาขาพรรคการเมือง จะเหมาจ่ายเป็นรายเดือนให้แก่สาขาพรรคการเมืองตามที่พรรคการเมืองขอรับการสนับสนุนเป็นค่าไปรษณียากร และค่าสาธารณูปโภค โดยแบ่งประเภทสาขาที่จะได้รับการสนับสนุน เป็น 2 ประเภท คือ


(1) สาขาประเภททั่วไป เหมาจ่าย 600 บาทต่อเดือน โดยเป็นสาขาทั่วไปที่ได้แจ้งการจัดตั้งและตอบรับจากนายทะเบียนพรรคการเมือง และ

(2) สาขาประเภทกรณีพิเศษ เหมาจ่าย 1,500 บาทต่อเดือน โดยมีเงื่อนไขประกอบด้วย ต้องมีสมาชิกอย่างน้อย 500 คน มีสถานที่ตั้งแยกจากที่อยู่อาศัยหรือสถานประกอบการอื่น และมีผู้ปฏิบัติงานประจำ มีการดำเนินการตามข้อบังคับพรรค เช่น การประชุมใหญ่สาขา การประชุมคณะกรรมการสาขา มีกิจกรรมทางการเมือง

การรายงานการใช้จ่ายเงินสนับสนุน

พรรคการเมืองที่ได้รับเงินสนับสนุนต้องใช้จ่ายเงินสนับสนุนให้เป็นไปตามโครงการและแผนงาน และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2541 ประกาศของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ระเบียบ ข้อกำหนด ประกาศ คำสั่งหรือมติของคณะกรรมการ จะต้องจัดทำรายงานการใช้จ่ายเงินสนับสนุนพรรคการเมืองในรอบปีปฏิทินให้ถูกต้องตามความเป็นจริงและยื่นต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งภายในเดือนมีนาคมของปีถัดไป

การคืนเงินสนับสนุน

การคืนเงินสนับสนุนแก่กองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง แบ่งออกเป็น 2 กรณีคือ


กรณีที่หนึ่ง เป็นกรณีที่พรรคการเมืองใดได้รับเงินสนับสนุนไปแล้ว ถ้าต่อมาปรากฏต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองว่าพรรคการเมืองไม่ดำเนินการ จัดทำบัญชีงบการเงิน ตามมาตรา 37 มาตรา 38 มาตรา 39 หรือมาตรา 40 ให้นายทะเบียนพรรคการเมืองเรียกคืนเงินสนับสนุนที่ได้รับการจัดสรรในปีที่มีเหตุคืนให้นายทะเบียนพรรคการเมืองภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้ง เพื่อนำเงินสนับสนุนที่เรียกคืนส่งเข้ากองทุน


กรณีที่สอง เมื่อพรรคการเมืองใดได้รับเงินสนับนสนุนไปแล้ว ภายหลังปรากฏว่ามีเหตุต้องเลิกหรือยุบพรรคการเมืองตามหมวด 4 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2541 และอยู่ในระหว่างที่นายทะเบียนพรรคการเมืองหรืออัยการสูงสุดยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้มีคำสั่งยุบพรรคการเมือง นายทะเบียนพรรคการเมืองจะมีคำสั่งให้พรรคการเมืองนั้นระงับการดำเนินงานตามโครงการและแผนงานที่ได้รับการสนับสนุนนับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากนายทะเบียนพรรคการเมือง แล้วให้พรรคการเมืองนั้นส่งคืนเงินสนับสนุนที่ได้รับการจัดสรรต่อนายทะเบียนภายใน 15 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งพร้อมกับรายงานการใช้จ่ายเงินตามโครงการและแผนงานที่ได้ดำเนินการไปแล้ว

อ้างอิง

พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรคคการเมือง พ.ศ. 2541

รายงานกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง ประจำปี 2545 – 2546 สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง

มานิตย์ จุมปา, สารานุกรมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (พ.ศ. ๒๕๔๐) เรื่อง ๑๓ พรรคการเมือง, กรุงเทพฯ : องค์การค้าของคุรุสภา, ๒๕๔๔