ฟื้นฟูชาติไทย

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
รุ่นแก้ไขเมื่อ 10:34, 18 ธันวาคม 2555 โดย Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
(ต่าง) ←รุ่นแก้ไขก่อนหน้า | รุ่นแก้ไขล่าสุด (ต่าง) | รุ่นแก้ไขถัดไป→ (ต่าง)

ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองศาสตราจารย์นรนิติ เศรษฐบุตร และ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต


พรรคฟื้นฟูชาติไทย

พรรคฟื้นฟูชาติไทย เป็นพรรคการเมืองที่จดทะเบียนจัดตั้งตามพระราชบัญญัติพรรคการเมือง พ.ศ. 2517 โดยมีพันเอก (พิเศษ) สวัสดิ์ ศิริโพธิ์ เป็นหัวหน้าพรรค นายองอาจ หงษ์ภักดี เป็นเลขาธิการพรรค

นโยบายพรรคฟื้นฟูชาติไทย

นโยบายด้านเศรษฐกิจ พรรคฟื้นฟูชาติไทย จะวางพื้นฐานทางเศรษฐกิจโดยพัฒนาการเกษตร เน้นการส่งออกสินค้าเกษตร ประกอบกับการพัฒนาอุตสาหกรรมหนัก โดยกำหนดให้กระทรวงการคลังมีหน้าที่ชี้ชวนให้ประชาชนเลื่อมใสนำเงินมาฝากธนาคารพาณิชย์ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ในขณะที่การกู้ยืมเงินต่างประเทศจะต้องจำกัดให้อยู่ในระดับต่ำสุดหรืองดกู้ยืมเงินต่างประเทศ รัฐบาลต้องเพิ่มค่าเงินบาทโดยมีวิธีการคือ การจำกัดมิให้หนี้สินของภาครัฐเพิ่มขึ้น การงดซื้อสินค้าจากต่างประเทศ ยกเว้นสินค้าจำเป็นต่อการผลิตอุตสาหกรรมภายในประเทศ และต้องเร่งสร้างผลผลิตและรายได้ภายในประเทศให้มากขึ้น เร่งขยายการผลิตภาคเกษตร และการผลิตอุตสาหกรรม โดยรัฐบาลต้องเร่งส่งเสริมการส่งออกให้มากที่สุด

นโยบายด้านการบริหารประเทศ พรรคฟื้นฟูชาติไทยจะเน้นการพัฒนาตัวผู้นำในรัฐบาล โดยผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต้องเป็นผู้มีความเสียสละ มีความซื่อสัตย์สุจริตต่อบ้านเมือง ในขณะเดียวกันก็ต้องหามาตรการป้องกันการประพฤติมิชอบในหมู่ข้าราชการ โดยการสร้างระบบสวัสดิการและค่าตอบแทนแก่ข้าราชการอย่างเหมาะสม และเพียงพอ เพื่อป้องกันการทุจริตจากอำนาจหน้าที่ พรรคฟื้นฟูชาติไทยเพิ่มเงินเดือนข้าราชการชั้นผู้น้อยขั้นต่ำที่สุด 1 พันบาท โดยไม่ต้องเพิ่มภาษี ในขณะที่ขึ้นเงินเดือนข้าราชการระดับสูงให้น้อยลง จะปรับปรุงระบบเงินสะสม ระบบสวัสดิการข้าราชการ ระบบรับและปลดจ่ายข้าราชการ เจ็บป่วยให้ได้รับการรักษาพยาบาลฟรีทั้งครอบครัว

พรรคฟื้นฟูชาติไทยจะจัดระบบสวัสดิการสำหรับข้าราชการ โดยให้สิทธิในการศึกษาแก่บุตรหลานโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย การรักษาพยาบาลแบบให้เปล่า เน้นการรับบุคลากรที่สำเร็จการศึกษาใหม่เข้าทำงานในหน่วยงานราชการให้มากขึ้น สำหรับเกษตรกรนั้น รัฐบาลจะส่งเสริมอาชีพโดยการส่งเกษตรอำเภอไปทำหน้าที่พัฒนาอาชีพเกษตรกรรมในทุกอำเภอ ให้สวัสดิการด้านการศึกษาแก่บุตรหลานชาวนา โดยให้เสียค่าเล่าเรียนเพียงครึ่งเดียว ให้บุตรหลานเกษตรกรได้รับการเรียนรู้ทักษะวิชาชีพเกษตรกรรมแผนใหม่ มีหลักสูตรการศึกษาที่สอดแทรกเรื่องความรับผิดชอบและความซื่อสัตย์ต่อบ้านเมือง

นโยบายด้านการศึกษา พรรคฟื้นฟูชาติไทยจะจัดระบบการศึกษาใหม่ โดยปรับหลักสูตรการศึกษาทุกระดับให้เหมาะสมสอดคล้องกับศักยภาพของผู้เรียนและสภาพสังคมที่เปลี่ยนไป รัฐต้องส่งเสริมเยาวชนที่มีความขยันและมีความสามารถโดยให้ทุนการศึกษาจนจบมหาวิทยาลัย สำหรับโรงเรียนเอกชนสามารถเก็บค่าเล่าเรียนได้ รัฐต้องส่งเสริมให้เอกชนตั้งโรงเรียนอาชีวศึกษาให้กระจายไปทั่วทุกจังหวัด สำหรับการศึกษาขั้นพื้นฐานนั้น รัฐต้องให้เยาวชนได้เรียนฟรีจนถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 และต้องมุ่งเน้นการพัฒนาครูจากบุคลกรในจังหวัดนั้น ๆ พรรคฟื้นฟูชาติไทยจะเร่งปรับปรุงระบบการศึกษา โดยแก้หลักสูตรให้พอดีกับทั่วโลก รัฐออกทุนให้เด็กเรียนดีจนจบมหาวิทยาลัย เพิ่มทุนไปเรียนต่างประเทศ กลับมาต้องทำงานให้ชาติบ้านเมือง

นโยบายด้านการสาธารณสุข พรรคฟื้นฟูชาติไทยจะเร่งรัดการผลิตบุคลากรการแพทย์และพยาบาลให้มากขึ้น ส่งเสริมการฝึกอบรมทักษะบุคลากรการแพทย์ระดับสอง และแพทย์ประจำตำบล ซึ่งใช้เวลาในการศึกษาอบรมเพียง 6 เดือนเพื่อให้ออกไปช่วยเหลือแพทย์ตามท้องที่ในชนบททั่วประเทศ ในระยะยาวรัฐต้องตั้งโรงเรียนแพทย์ให้มากขึ้น

นโยบายด้านสวัสดิการสังคม พรรคฟื้นฟูชาติไทย จะสร้างระบบประกันสังคม โดยให้กลุ่มผู้แรงงานมีการรวมตัวกัน โดยรัฐให้เงินอุดหนุนสำหรับเป็นกองทุนจัดประกันสังคม เพื่อที่สมาชิกจะได้เสียเงินเพียงเล็กน้อย สำหรับที่อยู่อาศัย รัฐจะต้องจัดให้มีอาคารสงเคราะห์ เช่น การสร้างแฟลต เป็นต้น โดยให้ราษฎรลงทุนและให้การเคหะแห่งชาติดำเนินการ รัฐบาลจะต้องปรับปรุงระบบเงินเดือนของกลุ่มลูกจ้างให้ยุติธรรม เข้ากับค่าครองชีพ ส่วนกลุ่มเกษตรกรนั้น รัฐต้องหามาตรการนำที่ทำกินกลับคืนมาอยู่ในมือของเกษตรกร โดยรัฐเสียสละด้วยการลดเงินประเมินค่าบำรุงท้องถิ่น และนายทุกเสียสละค่าเช่าปีเว้นปี ให้ทำนาสามครั้งต่อปี

ในนโยบายด้านการค้า พรรคฟื้นฟูชาติไทยจะกำหนดให้มีการก่อตั้งบริษัทมหาชน ทุกคนถือหุ้นได้ ระบบการค้าเสรี ไม่มีอภิสิทธิ ไม่มีผูกขาด ในขณะที่รัฐจะต้องสร้างอินดรัสเตรียลเอสเตท โดยรัฐเข้ารวบรวมอุตสาหกรรมจุดเล็ก ๆ ของเอกชนเพื่อให้เกิดความเจริญดี ดำเนินการเรียบร้อยและขายหุ้นให้เอกชน โดยจะต้องออกกฎหมายบริษัทมหาชนภายใน 6 เดือนหลังจากได้เป็นรัฐบาล จากนั้นรัฐบาลจะตั้งกรมการตลาด ขยายตลาดระบายสินค้าของไทยออกไปทั่วโลก กระทรวงพาณิชย์ต้องมีกรมการตลาดทำหน้าที่รับซื้อข้าวจากชาวนาโดยตรง และต้องประสานงานร่วมกันกระทรวงเกษตรฯ เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวของตลาด เพื่อกำหนดทิศทางการผลิตในประเทศให้สอดคล้องกับความต้องการในตลาดโลก ในการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศนั้น รัฐบาลต้องพัฒนายกระดับบริษัทไทยเดินเรือทะเล โดยส่งเสริมการสร้างเรือเอง เพื่อให้สินค้าไทยถูกส่งไปจำหน่ายโดยเรือไทย

ในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2518 พรรคฟื้นฟูชาติไทยส่งผู้สมัครลงแข่งขันรับเลือกตั้งในเขตต่าง ๆ ทั่วประเทศรวมทั้งสิ้น 97 คน โดยมีผู้สมัครของพรรคได้รับเลือกตั้งทั้งสิ้น 3 คน

ที่มา

สุจิต บุญบงการ, การพัฒนาการเมืองของไทย: ปฏิสัมพันธ์ระหว่างทหาร สถาบันทางการเมือง และการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน, กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2531

เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช, การสมัครรับเลือกตั้งในนามของพรรคการเมืองในประเทศไทย, วิทยานิพนธ์หลักสูตรชั้นปริญญาโท ภาค 2 ทางรัฐศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2519

วสันต์ หงสกุล,37 พรรคการเมือง ปัจจัยพิจารณาเปรียบเทียบ, กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์ตะวันนา, 2518

ปรีชา หงษ์ไกรเลิศ, พรรคการเมืองและปัญหาพรรคการเมืองไทย, กรุงเทพฯ: ไทยวัฒนาพานิช, 2524