สามัคคีธรรม (พ.ศ.2535)
ผู้เรียบเรียง รองศาสตราจารย์ ดร.นครินทร์ เมฆไตรรัตน์
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองศาสตราจารย์นรนิติ เศรษฐบุตร และ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต
พรรคสามัคคีธรรม
พรรคสามัคคีธรรมเป็นพรรคการเมืองที่จดทะเบียนจัดตั้งตามพระราชบัญญัติพรรคการเมือง พ.ศ. 2524 โดยได้ยื่นจดทะเบียนต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง เมื่อวันที่ 3 มกราคม พ.ศ.2535 และได้รับการอนุมัติให้ขึ้นทะเบียนเป็นพรรคการเมืองในวันที่ 24 มกราคม พ.ศ.2535 ลงในทะเบียนพรรคการเมืองเลขที่ 30/2535 โดยมีนายณรงค์ วงศ์วรรณ ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค ส่วนตำแหน่งคณะกรรมการบริหารพรรคที่สำคัญตำแหน่งอื่นๆมีผู้ดำรงตำแหน่ง ดังนี้
ตำแน่งรองหัวหน้าพรรค ประกอบด้วย นายสะอาด ปิยวรรณ, นายเฉลิมพันธ์ ศรีวิกรม์, นายพินิจ จันทรสุรินทร์, นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์, นายประชุม รัตนเพียร, นายสุบิน ปิ่นขยัน, นายอาทิตย์ อุไรรัตน์, นายประสพ บุษราคัม, นายชัชวาล ชมพูแดง, นายวีรวร สิทธิธรรม และนายกิตติศักดิ์ หัตถสงเคราะห์
ตำแหน่งเลขาธิการพรรคมี นาวาอากาศตรี ฐิติ นาครทรรพ เป็นผู้ดำรงตำแหน่ง
ตำแหน่งรองเลขาธิการพรรค ประกอบด้วย นายนิคม แสนเจริญ, นายสัมพันธ์ เลิศนุวัฒน์, นายสันติ ชัยวิรัตนะ, นายใหม่ ศิรินวกุล, นายรักเกียรติ สุขธนะ และนายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง
พรรคสามัคคีธรรมนั้นเป็นการรวมตัวของนักการเมืองที่มีชื่อเสียงในแวดวงการเมืองขณะนั้น โดยมีนโยบายและหลักการดังที่ประกาศไว้ว่า “...จะพัฒนาประเทศให้มีความเจริญรุ่งเรืองและมีความมั่นคงทั้งในทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง เพื่อความผาสุกของประชาชนโดยถ้วนหน้า ทั้งนี้ โดยอาศัยวิธีการตามหลักการปกครองระบบประชาธิปไตยอันมีองค์พระมหากษัตริย์เป็นประมุข...”
และเพื่อให้การพัฒนาทั้งในทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง บรรลุเป้าหมายดังกล่าวข้างต้น พรรคสามัคคีธรรมจึงกำหนดนโยบายและแนวทางการดำเนินการของพรรคในแต่ละด้านไว้ ดังนี้
นโยบายด้านการเมือง พรรคสามัคคีธรรมจะมุ่งเสริมสร้างสังคมไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ โดยสนับสนุนให้ประชาชนทุกหมู่เหล่ามีส่วนร่วมทางการเมืองในทุกระดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับท้องถิ่น เพื่อเป็นรากฐานของการเมืองในระดับชาติ รัฐจะต้องเคารพและคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนให้มีความเสมอภาคทางกฎหมายและโอกาสทางสังคมอย่างเท่าเทียมกัน ตลอดจนรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายและผดุงไว้ซึ่งความเป็นอิสระของกระบวนการยุติธรรม ส่งเสริมและสนับสนุนการปกครองท้องถิ่นทุกระดับ โดยกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นมีอิสระทางการเงินการคลังและการกำหนดนโยบายของตนเองมากขึ้น ตลอดจนปรับปรุงระบบการบริหารราชการส่วนภูมิภาคให้เข้มแข็งและมีเอกภาพ สามารถอำนาจการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมได้อย่างแท้จริง มีอำนาจตัดสินใจแก้ปัญหาและพัฒนาให้สอดคล้องกับความต้องการของท้องถิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นโยบายด้านการบริหารนั้น พรรคสามัคคีธรรมจะปฏิรูประบบราชการและองค์กรของรัฐให้มีประสิทธิภาพที่จะสนองประโยชน์แก่ประชาชนอย่างแท้จริง เปลี่ยนบทบาทของราชการจากผู้ปฏิบัติมาเป็นผู้กำกับดูแลให้การสนับสนุนการดำเนินงานของภาคเอกชนมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันจะปรับโครงสร้างระบบราชการให้มีขนาดเล็กลง ปรับปรุงการบริหารราชการและวิธีการปฏิบัติงานให้รวดเร็วขึ้นและกระจายอำนาจการบริหารงานในด้านต่างๆจากส่วนกลางสู่หน่วยปฏิบัติและส่วนภูมิภาคให้มากขึ้น จัดตั้งองค์กรเพื่อแก้ไขกรณีพิพาททางการบริหาร (เช่น ศาลปกครอง เป็นต้น) เพื่อให้การปฏิบัติราชการถูกต้องและเป็นธรรม และขจัดการทุจริตและการฉ้อราษฎร์บังหลวงอย่างจริงจัง
สำหรับนโยบายด้านเศรษฐกิจ จะมุ่งที่การรักษาอัตราความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจให้ต่อเนื่องไปอย่างมีเสถียรภาพ กระจายรายได้และการขยายตัวทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมสู่ภูมิภาคต่างๆให้ทั่วถึงอย่างเป็นระบบ พัฒนาเศรษฐกิจของประเทศเข้าสู่ระบบสังคมนานาชาติและให้บรรลุความเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคทางด้านเศรษฐกิจและการเงิน ตลอดจนให้ความสำคัญแก่การพัฒนาภาคเกษตรกรรมให้เป็นฐานรองรับการพัฒนาทางเศรษฐกิจของประเทศ เน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การปรับระบบการผลิต คุณภาพผลผลิต ให้เชื่อมโยงกับการพัฒนาอุตสาหกรรมการเกษตร และให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดทั้งภายในและต่างประเทศ เพื่อให้การพัฒนาชนบทเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง อันเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรซึ่งเป็นพลเมืองส่วนใหญ่ของประเทศให้ดีขึ้น
นอกจากนโยบายหลักในด้านการเมือง การบริหาร และเศรษฐกิจของประเทศแล้วนั้น พรรคสามัคคีธรรมได้กำหนดนโยบายด้านอื่นๆ เช่น นโยบายด้านสังคม นโยบายด้านการป้องกันประเทศ นโยบายด้านการต่างประเทศ และนโยบายด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และพลังงาน อย่างรอบด้านเพื่อให้การพัฒนาเป็นไปตามเป้าหมายที่พรรคได้วางไว้
ภายหลังจากที่พรรคสามัคคีธรรมได้รับการจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองแล้วนั้น ก็ได้มีนักการเมืองผู้มีชื่อเสียงทยอยสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกล่าวกันว่าพรรคสามัคคีธรรมนี้ได้ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อใช้เป็นฐานเสียงสนับสนุนคณะ รสช. โดยในวันที่ 16 มกราคม พ.ศ.2535 พลเอกอาทิตย์ กำลังเอก หัวหน้าพรรคปวงชนชาวไทย ได้ลาออกจากตำแหน่ง และเข้ารับตำแหน่งประธานที่ปรึกษาพรรคสามัคคีธรรม ในวันที่ 21 มกราคม พ.ศ.2535 นายประมวล สภาวสุ และนายอนุวัฒน์ วัฒนพงศ์ศิริ รองหัวหน้าพรรคชาติไทย ได้ตัดสินใจย้ายจากพรรคชาติไทยไปอยู่พรรคสามัคคีธรรม
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากความรุนแรงทางการเมืองในขณะนั้นได้ทำให้นายไพโรจน์ สันธนะกุล สมาชิกสภาเทศบาลอำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา หัวคะแนนของนายอาทิตย์ อุไรรัตน์ ถูกยิงเสียชีวิตในรถยนต์ ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2535 และนายวิเชียร ขวัญยืน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 2 ตำบลโป่ง อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี หัวคะแนนของพรรคสามัคคีธรรม ถูกยิงเสียชีวิตในรถกระบะในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2535
เมื่อมาถึงการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ.2535 ผลการเลือกตั้งปรากฏว่า พรรคสามัคคีธรรมซึ่งมีนายณรงค์ วงศ์วรรณ ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งโดยได้รับเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรวมทั้งสิ้น 79 ที่นั่ง ซึ่งเอาชนะพรรคชาติไทยที่ได้รับเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรวมทั้งสิ้น 74 ที่นั่ง ซึ่งภายหลังจากการประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการแล้ว พรรคสามัคคีธรรมก็ได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคการเมืองอีก 4 พรรค ซึ่งประกอบด้วย พรรคชาติไทย (74 ที่นั่ง) พรรคกิจสังคม (31 ที่นั่ง) พรรคประชากรไทย (7 ที่นั่ง) และพรรคราษฎร (4 ที่นั่ง) รวมเสียงสนับสนุนทั้งสิ้น 195 เสียง ในขณะที่พรรคร่วมฝ่ายค้านมีเสียงสนับสนุนทั้งสิ้น 165 เสียง
หากแต่ในเวลาต่อมา นางมาการ์เร็ต ทัตไวเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ แถลงว่า นายณรงค์ วงศ์วรรณ หัวหน้าพรรคสามัคคีธรรม ได้รับการปฏิเสธการตรวจลงตราหนังสือเดินทาง (วีซ่า) จากสหรัฐ เมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ.2534 ตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองและการถือสัญชาติ มาตราที่ 212 เอ. ( 2 ซี.) ซึ่งมีสาระสำคัญสรุปได้ว่า ห้ามบุคคลที่มีส่วนพัวพันเกี่ยวกับยาเสพติดและวัตถุที่ผิดกฎหมายเดินทางเข้าสหรัฐอเมริกา และในวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ.2535 ประชาชนจากภาคเหนือประมาณ 2,000 คน นำโดยนายเมธา เอื้ออภิญญากุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดแพร่ (สามัคคีธรรม) ได้ชุมนุมที่หน้าสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐ ประจำประเทศไทยและเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐ ชี้แจงกรณีที่กล่าวหาว่า นายณรงค์ วงศ์วรรณ หัวหน้าพรรคสามัคคีธรรม พัวพันกับการค้ายาเสพติด และในวันเดียวกันนั้น พลตรีจำลอง ศรีเมือง หัวหน้าพรรคพลังธรรมแถลงว่า พรรคพลังธรรมได้ประชุมและมีมติเรียกร้องให้นายณรงค์ วงศ์วรรณ หัวหน้าพรรคสามัคคีธรรมถอนตัวจากการได้รับการเสนอชื่อ เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งในที่สุด นายณรงค์ วงศ์วรรณ ก็ได้ยินยอมที่จะถอนตัวจากการได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี
และในวันที่ 5 เมษายน พ.ศ.2535 นายมนตรี พงษ์พานิช หัวหน้าพรรคกิจสังคม ได้แถลงว่า พรรคสามัคคีธรรม ชาติไทย กิจสังคม ประชากรไทย และราษฎร ได้มีมติให้พลเอกสุจินดา คราประยูร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก เป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ เพื่อความมั่นคงของประเทศและเศรษฐกิจ และในวันที่ 7 เมษายน พ.ศ.2535 ก็ได้มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯให้พลเอกสุจินดา คราประยูร ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งภายหลังได้มีกระแสคัดค้านนายกรัฐมนตรีที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง จากทั้งนิสิต นักศึกษา และประชาชน จนเกิดการชุมนุมประท้วงและลุกลามจนเกิดเหตุการณ์พฤษภาทมิฬในเวลาต่อมา
พรรคสามัคคีธรรมยังคงดำรงอยู่จนกระทั่ง ในวันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ.2535 พรรคสามัคคีธรรม จึงได้ยื่นคำร้องต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองเพื่อขอเปลี่ยนชื่อพรรค และคณะกรรมการบริหารพรรค โดยชื่อพรรคได้เปลี่ยนเป็น “พรรคเทิดไท” มี นายอนุวรรตน์ วัฒนพงศ์ศิริ ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค ในคณะที่คณะกรรมการบริหารพรรคชุดเดิมได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคเกือบทั้งหมด
ที่มา
ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 109 ตอนที่ 6 ลงวันที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2535, หน้า 8-28
ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 109 ตอนที่ 80 ลงวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2535, หน้า 2-5
สยามจดหมายเหตุ ปีที่ 17 พ.ศ.2535, หน้า 20-21, 93, 100, 201, 290