การเป็นศัตรูกันระหว่างครอบครัวหรือวงศ์ตระกูลและการจัดการความขัดแย้งที่ Mindanao: Rido
จาก Rido Clan Feuding and Conflict Management in Mindanao, The Asia Foundation, 2007, Wilfredo Mango Torres, บรรณาธิการ
การเป็นศัตรูกันระหว่างครอบครัวหรือวงศ์ตระกูลและการจัดการความขัดแย้งที่ Mindanao: Rido
“Rido คือการเสนอถึงสภาพการเป็นศัตรูในระหว่างกลุ่มครอบครัวและวงศ์ตระกูล ที่แสดงลักษณะแบบการแก้แค้นโดยความรุนแรง เพื่อล้างแค้นกลับต่อการกระทำที่มองว่าเป็นการดูถูกหรืออยุติธรรม” (หน้า 12) หนังสือเล่มนี้เป็นการศึกษาเชิงลึกเกี่ยวกับการเป็นศัตรูกันในระหว่างวงศ์ตระกูลในพื้นที่ภาคใต้ของประเทศฟิลิปส์ปินส์
ภูมิหลังของความขัดแย้งและการศึกษา
•ประชาชนในภาคใต้ของประเทศประเทศฟิลิปส์ปินส์ มีประมาณ 71.77 เปอร์เซ็นต์นับถือศาสนาคริสต์ 28.23 เปอร์เซ็นต์ นับถือศาสนาอิสลาม และประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์เป็นชาวพื้นเมืองของฟิลิปส์ปินส์ •การเป็นศัตรูกันในระหว่างวงศ์ตระกูลมีอยู่ในทุกกลุ่มศาสนาและวัฒนธรรม •ประชาชนส่วนใหญ่เป็นห่วงเรื่องความขัดแย้งในระหว่างวงศ์ตระกูลในพื้นที่พักอาศัยมากกว่าความ ขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างกองทัพของประเทศ กับชาวมุสลิมที่ต้องการแบ่งแยกดินแดน และกรณีความขัดแย้งระหว่างวงศ์ตระกูลมีผู้เสียชีวิตมากกว่าความขัดแย้งของรัฐบาลกับผู้ก่อการร้าย •ในกรณีการศึกษาทั้งหมด 1,266 คดีของ Rido ตั้งแต่ปี 1930-2005 มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 5,500 ชีวิตและหลายพันคนไร้ถิ่นที่อยู่ •“Rido เป็นเพียงด้านหนึ่งของความรุนแรงที่เกิดขึ้นในเมือง Mindanao ซึ่งความรุนแรงรวมถึง กลุ่มมุสลิมแบ่งแยกดินแดน กลุ่มกบฏคอมมิวนิสต์ และพวกนอกกฎหมาย (หน้า 13) •ความขัดแย้งในระหว่างวงศ์ตระกูลส่งผลกระทบต่อการขยายความขัดแย้งพื้นที่ ความขัดแย้งระหว่างวงศ์ตระกูลในท้องถิ่นสามารถเพิ่มความขัดแย้งระหว่างกองทัพและชาวมุสลิมแบ่งแยกดินแดนเหมือนเช่นความขัดแย้งอื่นๆ หนังสือเล่นนี้แสวงหาความเข้าใจอย่างลึกซึ้งโดยเจาะจงเรื่องความขัดแย้งระหว่างวงศ์ตระกูล
แนวคิดของการพึ่งพากันและพันธะระหว่างวงศ์ตระกูล
ในพื้นที่ที่การปกครองของอำนาจรัฐบาลอ่อนแอลงหรือขาดโครงสร้างพื้นฐาน วงศ์ตระกูลต้องช่วยเหลือตัวเอง รวมถึงความปลอดภัย สถานการณ์นี้ทำให้เกิดความรับผิดชอบและพันธะระหว่างสมาชิกในวงศ์ตระกูล และทำให้สมาชิกแต่ละวงศ์ตระกูลมองว่าเป็นพันธะที่จะต้องปกป้องและป้องกันเกียรติยศของวงศ์ตระกูล แนวคิดเรื่องเกียรติยศ ความเสื่อมเสีย และการแก้แค้นมีบทบาทที่สำคัญในชีวิตของประชาชน แนวคิดดังกล่าวนี้มักจะส่งผลกระทบที่รุนแรงตามมา “ความรุนแรงเป็นเครื่องแสดงถึงเกียรติยศอันสูงสุด”(หน้า 20) ถึงแม้ว่าความรุนแรงส่วนหนึ่งมาจากความปรารถนาที่จะป้องกันเกียรติยศของวงศ์ตระกูลโดยการแก้แค้น แนวความคิดดังกล่าวก็ไม่ได้มีเฉพาะแง่ลบเท่านั้น แต่มีแง่มุมในด้านบวกเช่นกัน
ปัจจัยที่เอื้อให้เกิด Rido
•Rido มักจะเกิดขึ้นในพื้นที่หรือเขตที่อำนาจปกครองของรัฐ หรือ เจ้าหน้าที่อ่อนแอ และในพื้นที่ที่ประชาชนมองว่าขาดความยุติธรรมและความปลอดภัย (หน้า 11)
ก)ขาดหลักนิติธรรม 20 เปอร์เซ็นต์ของตำรวจทั่วประเทศไม่มีอาวุธและอำนาจของการเป็นตำรวจในหลายๆพื้นที่ยังคงอ่อนแอ สถานที่ดังกล่าวคือ Lanao del Sur ที่ซึ่ง “อำนาจของตำรวจไม่มีอำนาจอย่างแท้จริง” (หน้า 94) การที่ขาดนิติรัฐส่งผลให้ประชาชนยึดอำนาจของกฎหมายไว้กับตัวเอง ตำรวจไม่ทำงานกับคดีของ Rido และประชาชนส่วนใหญ่จะไม่ฟ้องร้องต่อตำรวจถึงความขัดแย้งของกลุ่มวงศ์ตระกูล จากประสบการณ์ระบบยุติธรรมของประเทศฟิลิปส์ปินส์ไม่สามารถแก้ไขปัญหา Ridoได้อย่างมีประสิทธิภาพ คดีส่วนใหญ่ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยระบบยุติธรรมของฟิลิปส์ปินส์ ศาลไม่มีประสิทธิภาพและบ่อยครั้งไม่ตอบสนองต่อวัฒนธรรมของคนในพื้นที่ หลายคนจะไม่ไปฟ้องร้องต่อศาลเพราะไม่มีเงินในการจ้างทนายความ การที่ไม่มีนิติรัฐและการขาดระบบความยุติธรรมทำให้ส่งผลเสียต่อการลงทุน และขัดขวางการเติบโตทางเศรษฐกิจในพื้นที่ ข)ขาดบริการสาธารณะ The ARMM (Autonomous Region in Muslim Mindanao) เป็นภูมิภาคที่ยากจนที่สุดในประเทศและมีระดับการพัฒนาบุคลากรที่ต่ำ
•การแพร่หลายของอาวุธปืนมีส่วนทำให้เกิดความรุนแรงของความขัดแย้งใน วงศ์ตระกูล เพราะอาวุธสามารถหาได้ง่ายใน Mindanao อาวุธปืนที่เป็นที่ แพร่หลายได้แก่ M14s, และ M16s armalites ไม่ต้องขึ้นทะเบียน เพราะไม่มีการขึ้นทะเบียนสำหรับปืนยาวและอาวุธปืนดังกล่าวถือว่าเป็นปืนยาว •การขาดผู้ไกล่เกลี่ยที่น่าเชื่อถือในพื้นที่ที่มักจะมีความขัดแย้ง ทำให้ความขัดแย้ง รุนแรงขึ้นจนควบคุมไม่ได้ก่อนที่คนที่มีศักยภาพจะไกล่เกลี่ยจะมีโอกาสแก้ไขความขัดแย้งในขณะที่ความขัดแย้งนั้นยังเล็กอยู่หรือขณะที่ยังไม่มีผู้เสียชีวิต
จุดเริ่มต้นของความขัดแย้งในระหว่างวงศ์ตระกูลที่ Mindanao
•ความขัดแย้งเรื่องที่ดิน ขาดการขึ้นทะเบียนโฉนดที่ดินที่ดี และแนวคิดทางวัฒนธรรมการเป็นเจ้าของที่ดินแบบ commune ทำให้เกิดความขัดแย้งเรื่องที่ดิน •การแข่งขันทางการเมือง ได้เป็นปัญหาใหญ่ขึ้นเมื่อราชการเริ่มจ่ายเงินให้ประชาชน การเลือกตั้งไม่โปร่งใส่ ไม่ยุติธรรม และไม่มีอิสระ •ประเด็นที่เกี่ยวข้องความเป็นชายหญิง หรือคดีที่เกี่ยวกับอาชญากรรมทางเพศ •ความหยิ่งยโส การดำรงอยู่ของ Maratabat ในบรรดา Meranao Maratabat “รวมถึง แนวคิดของศักดิ์ศรีความเคารพเชื่อมั่นในตนเองและเกียรติยศ” •การบาดเจ็บทางร่างกาย •การขโมยวัว •การแก้แค้นต่ออาชญากรรมและความหวาดระแวง •ยาเสพติดเกี่ยวข้องกับอาชญากรรม •การใช้อำนาจของรัฐบาลในทางไม่ชอบ •ขาดการจ่ายหนี้สิน
การแก้ไขความขัดแย้ง Rido
•หน่วยงานการจัดการความขัดแย้ง อาจจะปฏิบัติภายในกรอบระบบกฎหมายของรัฐ หรืออาจมาจากชนพื้นเมือง หรือมันอาจเป็นผสมผสานทั้งรัฐและจากชนพื้นเมือง คดีในศาลถูกยุติโดยวิธีการทางกฎหมาย วิธีการอื่นๆใช้การไกล่เกลี่ยและอนุญาโตตุลาการ •ระบบของรัฐในการแก้ไขความขัดแย้ง เกี่ยวข้องกับศาล ผู้บริหารท้องถิ่น และระบบยุติธรรม Barangay ในท้องถิ่น (Barangay Justice) ตำรวจและในบางกรณีก็เป็นทหารของประเทศฟิลิปส์ปินส์ (AFP) •คณะกรรมการพื้นเมืองอาจรวมถึงผู้อาวุโสของเผ่า ผู้นำชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้ง ผู้นำเผ่าหรือศาสนาใช้วัฒนธรรมและเครือข่ายส่วนตัวเพื่อแก้ไขความขัดแย้ง การแก้ไขความขัดแย้งมักจะรวมถึงการตกลงโดยทำคำมั่นสัญญาสันติ (peace covenants) (ทำโดยสาบานตนต่อหน้าพระคัมภีร์อัลกุรอ่าน) การจ่ายเงินชดเชยเพื่อเป็นการชดเชยค่าเสียหาย พูดชักจูงครอบครัวรุกรานให้ยอมรับความผิดด้วยการเข้าคุก การแต่งงานในระหว่างวงศ์ตระกูล และการจัดงานเฉลิมเฉลองชุมชน ผู้ไกล่เกลี่ยรับผิดชอบในการหาเงิน ชดเชยโดยที่บางครั้งอาจจะต้องจ่ายโดยใช้เงินส่วนตัวหรือในกรณีของข้าราชการ เงินชดเชยจำนวนหนึ่งหรือทั้งหมดคงมาจากองค์ปกครองส่วนท้องถิ่น •วิธีการอื่นๆ โดยองค์การที่ผสมผสาน ซึ่งรวมระบบของรัฐกับวัฒนธรรมของประชาชนท้องถิ่น วิธีการดังกล่าวรวมถึงสภาสันติภาพ ซึ่งมีรัฐบาล ผู้นำชุมชนและศาสนา ตัวอย่างของสภาดังกล่าวรวมถึง Joint Ulama Municipal Peace and Order Council และ Mayor’s Council of Upi ในจังหวัด Maguindanao •องค์กรชุมชนมีบทบาทในการแก้ไขความขัดแย้ง องค์กรเหล่านี้ ทำการวิจัยเกี่ยวกับคดี Ridoประชุมกับผู้นำท้องถิ่น ค้นหาผู้ไกล่เกลี่ยที่เชื่อถือได้และแก้ไขปัญหาด้วยการเจราจาไกล่เกลี่ย •ในจังหวัดที่เลือกใน Mindanao ในคดีความขัดแย้งทั้งหมด 58 เปอร์เซ็นต์ ถูกแก้ไขโดยข้าราชการ ท้องถิ่น 20 เปอร์เซ็นต์ โดยหน่วยงานที่ผสมผสานระหว่างข้าราชการท้องถิ่นและผู้นำทางชาวบ้าน 17เปอร์เซ็นต์ถูกแก้ไขโดยผู้นำชุมชน 5 เปอร์เซ็นต์ถูกแก้ไของค์การตำรวจหรือทางทหาร
รายชื่อผู้ที่มีโอกาสเป็นผู้ไกล่เกลี่ยได้
•ญาติของกลุ่มขัดแย้ง •สภาผู้อาวุโส- ผู้นำศาสนา (Imams) ผู้บริหารราชการท้องถิ่น (Barangay officials) และบุคคลอื่นๆ ที่คนเคารพ •ผู้นำข้าราชการ-นายกเทศมนตรีของเมือง ผู้ว่าการรัฐ สมาชิกสภาเทศบาล •ผู้นำทางทหาร ผู้นำทางทหารสามารถเป็นผู้ไกล่เกลี่ยที่มีประสิทธิภาพในการแก้ไขความขัดแย้งระหว่างวงศ์ตระกูลที่มีอาวุธที่มีแสนยานุภาพ มี Joint government-MILF Coordinating Committee ตั้งขึ้นมาเพื่อให้เกิดการหยุดยิงทีมีอยู่ในตอนนั้น และเพื่อป้องการไม่ให้ ความขัดแย้งระหว่างวงศ์ตระกูลขยายตัว คณะกรรมการดังกล่าวกระทำหน้าที่เป็นหน่วยงานที่เข้าแทรกเพื่อจัดการความขัดแย้ง •ผู้หญิงและกระบวนการไกล่เกลี่ยคนกลาง
สังคมมุสลิมในประเทศฟิลิปส์ปินส์ปกป้องและให้เกียรติผู้หญิง ผู้ชายจะไม่แก้แค้นโดยการฆ่าผู้หญิง ฉะนั้นผู้หญิงเป็นผู้ส่งสาร เยียวยา และที่ปรึกษา ผู้หญิงสามารถเข้าไปในสถานที่ซึ่งคนอื่นเข้าไม่ได้เพราะความไม่สงบในกรณี Rido ผู้หญิงเป็นคนริเริ่มการเจรจาสันติภาพ ผู้ชายจะไม่ริเริ่มการเจรจาเพราะเขาถือว่าเป็นการแสดงความอ่อนแอและกลัวจะเสียหน้า ผู้หญิงเป็นคนได้รับการเคารพจากชุมชนและต้องแสดงความเป็นกลางที่จะเป็นผู้ไกล่เกลี่ยได้ ผู้หญิงน่าจะเกี่ยวข้องในกรณีของการข่มขืน การทุบตีผู้หญิง การทำร้ายเด็กและปัญหาในการแต่งงาน “ผู้หญิงควรจะเกี่ยวข้องมากขึ้นในเรื่องของ Rido เพราะผู้หญิงมักจะมีความอดทนและไม่โกรธง่าย” (หน้า 124)
ข้อตกลงที่ได้ (หน้า 117) •ข้อความจากพระคัมภีร์อันกุรอ่าน •ชื่อผู้เกี่ยวข้อง •ชื่อผู้เจรจาไกล่เกลี่ย •สารแสดงความจำนงที่จะยุติปัญหาโดยสมัครใจ •ค่าใช้จ่ายในการทำข้อตกลง •บทกำหนดโทษ •ข้อตกลงซึ่งผูกมัดระหว่างพยาน •วันและสถานที่ของการตกลง •ลายเซ็นต์ของตัวแทนผู้เกี่ยวข้องและพยาน
การแก้ไขความขัดแย้งที่จังหวัด Lanao del Sur (หน้า 89) •ใน 200 คดี มี 44 คดี ที่ยุติ •ที่ Lanao del Sur ไม่เชื่อในระบบกฎหมาย ไม่เคยมีญาติของผู้เสียชีวิตแม้แต่คดีเดียวฟ้องร้องต่อเจ้าหน้าที่ •ผู้ไกล่เกลี่ยเป็นนักการเมือง ผู้นำชาวบ้าน ผู้นำทางศาสนาและครู ในคดีที่ถูกแก้ไขส่วนมาก กรณี Rido ไม่ได้ไกล่เกลี่ยโดยผู้ไกล่เกลี่ยคนเดียว ส่วนใหญ่ผู้ที่ไกล่เกลี่ยกระทำเพื่อป้องกันชีวิต ซึ่งเป็นหน้าที่ศักดิ์สิทธิ์ในศาสนาอิสลาม •ข้อตกลงรวมถึงการให้เงินชดเชยและการแต่งงานระหว่างวงศ์ตระกูล ข้อตกลงถูกเก็บไว้เป็นความลับ
การแก้ไขความขัดแย้งระหว่างชนเผ่า (หน้า 175) ในพื้นที่ภาคเหนือของ Cotabato และ Bukidnon ระบบการแก้ไขความขัดแย้งระหว่างชนเผ่า มีดังต่อไปนี้ (๑) Bangon ความหมายคือ “ยกขึ้น” หรือ “ฟื้นฟู” ต่อหน้าของคนรุกราน ผู้อาวุโสกับสมาชิกพูดคุยกันถึงเหตุผลและขอบเขตของความรุนแรงและค่าชดเชยที่เหมาะสม ซึ่งตามปกติจ่ายโดยให้สัตว์ตามจำนวนที่เหมาะสม (๒) Sapa- ผู้กระทำผิดสัญญาจะไม่ทำผิดอีกหรือจะถูกสาปแช่งและบทลงโทษ (๓) Elders Dialogue กระบวนการเจรจาและไกล่เกลี่ยในระหว่างผู้อาวุโสของชนเผ่า (๔) Husay ศาลพื้นเมืองที่อยู่ภายใต้การควบคุมของผู้อาวุโสของหมู่บ้าน
ข้อเสนอแนะ ปรับปรุงการปกครอง ยึดหลักนิติรัฐ ระบบศาลยุติธรรม- รัฐต้องสามารถให้บริการสาธารณะขั้นพื้นฐาน •ปรับปรุงกระบวนการยุติธรรม “จะต้องมีการแต่งตั้งผู้พิพากษาในทุกเทศบาลและจะต้องรักษาความปลอดภัยให้ (หน้า 68) รัฐสมควรที่จะหาทนายความให้แก่ประชาชน อาชญากรรมทางเพศเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและควรจะถูกตัดสินโดยศาลชะรีอะฮ์ •ปรับปรุงการบังคับใช้กฎหมาย ตำรวจควรได้รับการอบรมที่ดีกว่าปัจจุบัน และต้องรับผิดชอบสำหรับการกระทำของเขา •ปรับปรุงกระบวนการเลือกตั้งโดยผสมผสานการเลือกตั้งท้องถิ่นและกำจัดการกระทำที่ไม่สอดคล้องกับวัฒนธรรมของชาวมุสลิม จะต้องมีการเลือกตั้งที่ “บริสุทธิ์ ซื่อสัตย์ และมีระเบียบ” (หน้า 123) ผู้ที่ฝ่าฝืนกฎหมายการเลือกตั้งต้องรับผิดชอบสำหรับการกระทำของเขา รัฐต้องไม่ให้ตำรวจและทหารมีอิทธิพลต่อการเลือกตั้ง •จัดตั้งหน่วยงานพิเศษเพื่อจัดการเรื่องการโต้แย้งสิทธิ์ที่ดินและโฉนด สมานฉันท์แนวคิดระบบกรรมสิทธิชุมชนกับระบบกรรมสิทธิของเอกชนเข้าด้วยกัน •พัฒนาหน่วยงานผสมผสานสำหรับจัดการและแก้ไขความขัดแย้ง โดยเฉพาะในสถานที่ที่และเวลาที่อำนาจของรัฐอ่อนแอ ไร้ประสิทธิภาพหรือประสิทธิผล •ควรจะอบรมผู้นำชุมชนเพื่อเพิ่มศักยภาพของเขาในการแก้ไขความขัดแย้ง •จัดตั้งหน่วยงานที่มีหน้าที่จัดการความขัดแย้งก่อนที่ความขัดแย้งนั้นรุงแรงเกินกว่าจะควบคุมได้ องค์กรนี้ต้องเป็นองค์การที่ริเริ่มและเกิดจากชุมชน เพื่อจัดการและแก้ไขความขัดแย้งอย่างรวดเร็วได้ ตัวอย่างเช่น ควรจะมีบันทึกการสืบลำดับเชื้อสายญาติเพื่อหาญาติของกลุ่มขัดแย้งที่เป็นกลางทำหน้าที่เป็นผู้ไกล่เกลี่ย พัฒนาให้สุเหร่าเป็นศูนย์กลางในการแก้ไขความขัดแย้ง เพราะสุเหร่าเป็นจุดรวมของชุมชนและผู้นำทางศาสนามีศักยภาพในการแก้ไขความขัดแย้ง •บังคับใช้กฎหมายปืนอย่างจริงจัง •ควรจะจัดการปกครองแบบสหรัฐหรือสหพันธรัฐสองรัฐที่มีพระคัมภีร์อันกุรอ่านเป็นรัฐธรรมนูญ มีชะรีอะฮ์เป็นระบบกฎหมาย และ Hadith และ Sunnah เป็นคำสอน
ข้อเสนอเพื่อการปรับปรุงสังคม •ปรับปรุงงานด้านสังคม เพื่อเยียวยาผู้ที่ทนทุกข์เพราะผลจาก Rido ให้คำปรึกษาเหยื่อของความรุนแรง •จัดกลุ่มเยาวชนเพื่อให้เกิดความสัมพันธ์ของการเป็นมิตร ระหว่างเด็กในเผ่าต่างๆ ต้องมีการสอนเด็ก ตั้งแต่อนุบาลว่าความรุนแรงเป็นสิ่งที่ผิดต่อคำสอนของศาสนาอิสลาม “จะต้องมีการเผยแพร่อย่างจริงจังถึงหลักธรรมทางศาสนาอิสลามเรื่องความยุติธรรม การให้อภัย และสันติภาพ” (หน้า 69) •เงินชดเชยที่เหยื่อได้รับจากรัฐบาลกรณี Rido ควรจะใช้เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานชุมชน •จะต้องมีแนวคิดใหม่ในบรรดาประชาชน “แนวคิดของ Maratabat ต้องเปลี่ยน” (หน้า 95) โดยเน้นแง่บวก “กุญแจแห่งสันติภาพและความสงบคือการหาวิธีการการแก้ไขปัญหา ที่มาจากชุมชนเอง” เพราะ “แนวทางการแก้ไขปัญหาที่มาจากชุมชนเท่านั้นจะช่วยเพิ่มความเข้มแข็งในชุมชนได้” (หน้า 320) •ควรจะสร้างโครงการเพื่อการยังชีพและโครงการกีฬาเพื่อเยาวชนและผู้ตกงานจะได้มีกิจกรรม ควรจัดให้มีสื่อที่ประชาชนนิยมอย่างเช่น หนังสือการ์ตูน วิทยุ และโทรทัศน์ ที่แสดงถึงแง่ลบของ Rido (หน้า 124)
สรุปโดย Peter Robson