รักชาติ (พ.ศ. 2550)

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
รุ่นแก้ไขเมื่อ 22:12, 10 กรกฎาคม 2553 โดย Teeraphan (คุย | ส่วนร่วม)
(ต่าง) ←รุ่นแก้ไขก่อนหน้า | รุ่นแก้ไขล่าสุด (ต่าง) | รุ่นแก้ไขถัดไป→ (ต่าง)

ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองศาสตราจารย์นรนิติ เศรษฐบุตร และ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต



พรรครักชาติ (2550)

พรรครักชาติ มีชื่อย่อ รช. ชื่อภาษาอังกฤษ Rakchart Party ชื่อย่อ RCA วันที่ประชุมจัดตั้งพรรค 22 สิงหาคม 2550 โดย วันที่จดทะเบียนตั้งพรรค 5 ตุลาคม 2550 นายทะเบียนพรรคการเมืองที่ลงชื่อรับรองพรรค อภิชาต สุขัคคานนท์ ทะเบียนพรรคการเมือง เลขที่ 9/2550 (ตามมาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2541) ที่ตั้งพรรค สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่บ้านเลขที่ 19/108 หมู่ที่ 6 แขวงออเงิน เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร รหัสไปรษณีย์ 10220

ชื่อพรรครักชาตินี้เคยมีใช้ในประวัติศาสตร์การเมืองไทยมาก่อนแล้ว 1 ครั้งโดยไม่มีความเกี่ยวข้องกันกับครั้งนี้แต่อย่างใด ในพรรครักชาติที่จัดตั้งในปี 2541 นี้ นายสุวิช ชมพูนุทจินดา หัวหน้าพรรคกล่าวว่าเครื่องหมายพรรคและความหมายมีดังนี้ พรรครักชาติ ใช้เครื่องหมายเป็นภาพหัวใจ ประกอบไปด้วย สีแดง ขาว น้ำเงิน สีแดง ขาว น้ำเงิน หมายถึง ความรักชาติและการอยู่รวมกันของชาติ ศาสนา และ พระมหากษัตริย์ที่จะหล่อหลอมใจคนไทยทุก ๆ ดวงให้เป็นหนึ่งเดียว เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขตลอดกาล อันแสดง ให้ประชาชนไทยทุกหมู่เหล่าได้ตระหนักถึงความรัก สามัคคี ร่วมมือร่วมใจกันสร้างชาติให้มีความก้าวหน้ายิ่ง ๆ ขึ้นไป

พรรครักชาติดูจะเป็นพรรคที่มีความตั้งใจจริงดูจากการที่พรรคได้เสนอเจตนารมณ์ไว้อย่างยืดยาวไว้ในคำประกาศเจตนารมณ์ว่า พรรครักชาติ จัดตั้งขึ้น ด้วยสำนึกที่เปี่ยมล้นไปด้วยความห่วงใยประเทศชาติบ้านเมืองและราษฎรทั้งปวง พรรครักชาติ มุ่งมั่น และต้องการอาสาเข้ามารับหน้าที่ในการบริหารประเทศชาติ ให้มีความเจริญก้าวหน้าต่อไปอย่างมั่นคงและยั่งยืน ด้วยเล็งเห็นว่า ประชาชนคนไทยไม่ควรต้องเสียเวลาแม้อีกเพียงน้อยนิด ที่จะต้องตกอยู่ในสภาพการบริหารบ้านเมืองที่เสียหาย ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ประเทศชาติและประชาชนต้องเผชิญกับการมีบุคคลที่มุ่งแต่จะกอบโกยผลประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อมให้แก่ตนเองและพวกพ้อง ประชาชนต้องวนเวียนอยู่ในปัญหาเดิม ๆ ที่หมักหมม สะสมมานาน แม้จะผ่านมาหลายยุค หลายรัฐบาล ก็ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนได้อย่างแท้จริงจนทำให้ปัญหาต่าง ๆ กลายเป็นต้นเหตุของการสร้างปัญหาใหม่ให้เพิ่มขึ้นอีกมากมาย และนับวันก็เรื้อรัง จนยากแก่การที่จะแก้ไข เพราะปัญหาขั้นมูลฐาน มิได้รับการแก้ไขให้หมดไปอย่างจริงจังและทันเหตุการณ์

พรรครักชาติมองว่าประเทศไทยไม่ควรประสบปัญหาดังที่เป็นอยู่เนื่องด้วย เป็นประเทศที่มีศักยภาพสูงยิ่งในทุก ๆ ด้านเพราะประเทศไทยมีพระมหากษัตริย์ที่ทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนทั้งชาติ ยากที่จะหาชาติใดในโลกเสมอเหมือนและมีทรัพยากรต่าง ๆ อุดมสมบูรณ์ ดังเช่นวลีที่คนไทยทุกคนรับรู้จนเป็นความเคยชินว่า “ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว” ทั้งยังมีวัฒนธรรมที่เจริญรุ่งเรือง อ่อนโยนงดงาม สะท้อนให้เห็นจารีตประเพณีที่ส่งเสริมให้ประชาชนมีคุณธรรม มีความเอื้อเฟื้อ มีน้ำใจให้กันและกันมาแต่ยุคโบราณกาล มีความรักสงบ โอบอ้อมอารี ความมีน้ำใจ ความเกรงใจ มีคุณธรรม ยึดมั่นในบาป บุญ คุณ โทษ ไม่มีลักษณะนิสัยที่ก้าวร้าวแก่งแย่งแข่งขันอยู่ในสายเลือดไทยแต่อย่างใด ประชาชนชาวไทยเองก็มีสิทธิและเสรีภาพในการนับถือศาสนาทุกศาสนา อยู่รวมกันอย่างร่มเย็น รักใคร่ ปรองดองเสมอมา ลักษณะของสังคมไทยที่เปิดรับ และมีการพัฒนาในด้านต่าง ๆ ทั้งด้าน สังคม วัฒนธรรม การศึกษาเทคโนโลยี ฯลฯ อย่างเสรีทัดเทียม นานาอารยะประเทศมาโดยตลอด ด้วยเหตุนี้พรรครักชาติจึงตั้งคำถามว่าจากองค์ประกอบของศักยภาพข้างต้น เหตุใดประชาชนคนไทยจึงยังคงได้รับความเดือดร้อน ไม่มีความอยู่ดีกินดีกันเสียที ทั้ง ๆ ที่ประเทศมีศักยภาพอำนวยในทุก ๆ ด้านและอุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรต่าง ๆ มากมายพร้อมมูล

ปัญหาเหล่านี้น่าจะตอบคำถามที่ชัดเจนว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ประชาชนคนไทย มักจะต้องพบกับผู้รับผิดชอบบ้านเมืองที่ไม่มีความจริงใจในการบริหารราชการแผ่นดิน เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนมากกว่าประโยชน์ส่วนรวม แม้ว่าจะผ่านการบริหารการเมืองมาหลายยุคหลายสมัยแล้วก็ตามการบริหารประเทศก็ยังไม่เกิดผลตามความคาดหวังของประชาชน ประชาชนยังคงต้องตกอยู่ในสภาพเดิม ปัญหาเดิมมิรู้จบสิ้น

พรรครักชาติ ตระหนักและมองเห็นภาพรวมของปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมด และรู้ดีว่าประเทศไทยและประชาชนคนไทย จะยังคงต้องพบกับปัญหาที่ซ้ำซากจำเจอยู่เหมือนเดิม หากการแก้ไขปัญหาพื้นฐานมิได้ถูกขจัดให้หมดสิ้นไปอย่างจริงจังนอกจากนี้ การที่จะก้าวไปสู่การแก้ไขปัญหาขั้นต่อไป โดยมีจุดประสงค์ที่จะสร้างให้สังคมมีความแข็งแรง มั่นคง และยั่งยืน จะยังไม่เกิดผลอย่างแท้จริงได้ หากการแก้ปัญหาต่าง ๆ ยังคงเป็นการแก้ปัญหาแบบปลายเหตุ หรือการแก้ปัญหาแบบการสร้างภาพลวงตาเพื่อหวังคะแนนเสียงหรือเป็นเพียงการแก้ปัญหาแบบย่ำเท้าอยู่กับที่ รวมทั้งเป็นการแก้ปัญหาแบบที่ก่อให้เกิดปัญหาใหม่ตามมาอีก

ดังนั้น พรรครักชาติจึงเสนอว่าประเทศไทยต้องการรัฐบาลในมิติใหม่ ที่มีคุณสมบัติพร้อมที่จะนำพาประเทศและประชาชน ก้าวไปสู่ชีวิตที่ดีขึ้น โดยต้องเป็นรัฐบาลที่มุ่งมั่นในการวางรากฐานอันแข็งแรงให้แก่ประเทศ มีอุดมการณ์ที่จะบริหารบ้านเมืองอย่างจริงใจ ซื่อสัตย์ สุจริต เที่ยงตรง เปิดกว้างพร้อมที่จะยอมรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน อันเป็นการระดมสมองอย่างดีที่สุดมีความรู้ความสามารถ และเข้าใจดีถึงการบริหารกิจการบ้านเมือง รู้จักการจัดเรียงปัญหาเป็นขั้นเป็นตอนอย่างเด่นชัดรู้ถึงต้นเหตุหลักของปัญหาอย่างแท้จริง มีการวิเคราะห์ และรู้วิธีที่จะแก้ปัญหานั้นอย่างเป็นไปได้จริง เข้าใจถึงการบริหารเวลาให้ทันกับเหตุการณ์บ้านเมือง และการแข่งขันในทุกรูปแบบของโลก มีวิสัยทัศน์ที่ทันสมัย พร้อมที่จะก้าวทันการแข่งขันกับโลกเสรี โดยไม่ทอดทิ้งจุดยืนของความเป็นไทย และคุณสมบัติอันงดงามแห่งชาติ

พรรครักชาติได้เสนอตนเองต่อสังคมไทยว่า เกิดจากการรวมตัวกันของกลุ่มประชาชน ที่สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเหนือเกล้าเหนือกระหม่อมอย่างหาที่สุดมิได้ ที่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ และองค์สมเด็จพระบรมราชินีนาถ ฯ ทรงเสียสละความสุขส่วนพระองค์ ทรงเหน็ดเหนื่อยตรากตรำพระวรกายเพื่อดูแลพสกนิกรชาวไทยทั้งปวงให้ร่มเย็นเป็นสุขเสมอมา จึงเป็นการสมควรยิ่งที่ประชาชนซึ่งเป็นข้าแผ่นดินจะต้องสำนึก และช่วยกันนำความรู้ความสามารถที่มี ตั้งใจทำกิจการต่าง ๆ เพื่อน้อมเกล้าถวายและสนองเบื้องพระยุคลบาท ดังพระราชปณิธาน และจักต้องกระทำทุกวิถีทางเพื่อให้พระองค์ท่านทรงผ่อนคลายพระราชหฤทัย เกิดจากการรวมตัวของประชาชน ที่มีอุดมการณ์และพร้อมจะนำความรู้ความสามารถของบุคคลหลากหลายสาขามารวมกัน และปฏิบัติหน้าที่อันพึงมีต่อประเทศชาติ เพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาของชาติบ้านเมืองอย่างแท้จริงพรรครักชาติ เกิดจากประชาชนที่มีสำนึกในความรับผิดชอบต่อแผ่นดินไทย และไม่สามารถทนนิ่งดูดายกับปัญหาต่าง ๆ ซึ่งรุมเร้า เผาผลาญประเทศชาติและพลเมืองอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันพรรครักชาติ ตระหนักและมั่นใจว่า พร้อมที่จะเป็นรัฐบาลที่มีวิธีคิด วิธีการทำงานในมิติใหม่ในอุดมคติของประชาชนทั้งชาติอย่างแท้จริงพรรครักชาติ มีความมั่นใจ และพร้อมที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้แก่คนไทยทุกคน ว่าพรรครักชาติ คือ พรรคการเมืองที่มีความพร้อมอย่างยิ่ง ที่จะนำพาให้ทุกก้าวย่างของประเทศชาติ ได้รับการขจัดปัญหาแบบถึงแก่น เป็นการก้าวไปข้างหน้าแบบมั่นคง แข็งแรงและยั่งยืน เพื่อทำให้คนไทยทุกคนยืนหยัดอยู่ในโลกได้อย่างสมบูรณ์พูนสุข เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจในความเป็นคนไทย และมีความสง่างามตลอดไป

พรรครักชาติได้นำเสนอนโยบายว่า จะยึดถือแนวทางการบริหารประเทศในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และยึดมั่นในอันที่จะนำพาประเทศไทย และประชาชนชาวไทยทั้งปวง ให้มีความอยู่ดีกินดี เจริญก้าวหน้าอย่างถาวรยั่งยืนตลอดไป โดยมีนโยบายหลักเชิดชูสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และพัฒนาระบบการบริหารประเทศในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ให้เกิดธรรมาภิบาลอย่างแท้จริง โดยเน้นการสร้างความโปร่งใส สุจริต ยุติธรรม ให้เกิดขึ้นในสำนึก และการปฏิบัติ ที่มุ่งเสริมสร้างจิตสำนึกในความรับผิดชอบของผู้บริหาร และผู้ปฏิบัติทุกระดับชั้น มุ่งการปราบปรามทุจริตคอรัปชั่น แก้ไข พัฒนา และปลูกฝัง ให้คนในชาติมีความสามัคคีกลมเกลียว มีความเอื้อเฟื้อห่วงใย รักสงบ เพื่อความร่มเย็นเป็นสุขของประชาชนทุกคนบนพื้นแผ่นดินไทย มุ่งสร้างความเจริญทางเศรษฐกิจ ภายใต้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อให้ประชาชนคนไทยได้อยู่ดีกินดี มีความพอเหมาะพอดี อย่างแข็งแรงในทุก ๆ ด้าน คือตระหนักรู้ในศักยภาพแห่งความพอเหมาะพอดีของประเทศ อันจะทำให้การวางแผนงานการแก้ปัญหา การดำรงอยู่ในชีวิตประจำวัน การแข่งขันทางการค้า การสร้างความสัมพันธ์กับต่างประเทศ การก้าวสู่โลกเสรีเป็นไปอย่างแข็งแรง มีความมั่นคงและมีภูมิคุ้มกัน มุ่งการแก้ปัญหาของประเทศชาติทุกด้านอย่างถึงแก่นของปัญหา เพื่อให้เกิดประสิทธิผลในการแก้ปัญหา และสามารถสร้างความเจริญก้าวหน้าให้แก่ประเทศชาติอย่างมั่นคง ยั่งยืน ไม่เกิดปัญหาซ้ำเดิมขึ้นมาอีก เน้นการแก้ปัญหาและพัฒนาประเทศแบบมั่นคงยั่งยืน เสริมสร้างและพัฒนาคุณภาพของประชาชนให้มีคุณธรรม จริยธรรม สุขภาพแข็งแรงมีความรู้ความสามารถ มีวินัย โดยเน้นความเข้มแข็งของสถาบันครอบครัวเป็นสำคัญ เพื่อสร้างคนดีสู่สังคม เคร่งครัดในการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างต่อเนื่อง และให้เห็นผลในทางปฏิบัติอย่างชัดเจน โดยเน้นการให้ความรู้ ป้องกันปราบปราม

ทว่าต่อมาไม่นานนายวรวุฒิ ทศพิทักษ์กุล เหรัญญิกพรรคทำหน้าที่แทนหัวหน้าพรรครักชาติ ได้แจ้งต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง กรณีที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรครักชาติ ครั้งที่ 1/2551 เมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2551 มีมติให้เลิกพรรครักชาติ ซึ่งนายทะเบียนพรรคการเมืองโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการการเลือกตั้ง จึงสั่งเลิกพรรครักชาติตามนัยมาตรา 92 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2550

ที่มา

ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 125 ตอนพิเศษ 14ง (21 มกราคม 2551), น. 3-37

ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 125 ตอนที่ 79 (10 กรกฎาคม 2551), น. 139