26 มกราคม พ.ศ. 2518

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
รุ่นแก้ไขเมื่อ 09:50, 17 กันยายน 2556 โดย Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
(ต่าง) ←รุ่นแก้ไขก่อนหน้า | รุ่นแก้ไขล่าสุด (ต่าง) | รุ่นแก้ไขถัดไป→ (ต่าง)

ผู้เรียบเรียง ศาสตราจารย์พิเศษ นรนิติ เศรษฐบุตร


ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต


วันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2518 เป็นวันที่มีการเลือกตั้งทั่วไป ครั้งที่ 10 ของไทย และเป็นการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกหลังการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2517 รัฐธรรมนูญฉบับนี้ร่างขึ้นหลังล้มรัฐบาลทหารของจอมพล ถนอม กิตติขจร

รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2517 ต้องการสร้างความเข้มแข็งให้แก่พรรคการเมืองและรัฐสภามากขึ้น จึงได้มีบทบัญญัติที่ถือว่าใหม่มากเกี่ยวกับการสังกัดพรรคการเมืองอยู่ด้วย เช่นมีบทบัญญัติเป็นครั้งแรกให้ผู้สมัครลงเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรต้องสังกัดพรรคการเมือง ดังปรากฏในมาตรา 177 ว่าผู้มีสิทธิสมัครต้องมีคุณสมบัติ

“เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งแต่พรรคเดียว”

ยิ่งไปกว่านั้นในมาตราเดียวกันนี้ ยังกำหนดอีกว่าผู้จะเป็นนายกรัฐมนตรีจะต้องชนะการเลือกตั้งเป็นผู้แทนราษฎร โดยบัญญัติว่า

“นายกรัฐมนตรีจะต้องเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร...”

การเลือกตั้งทั่วไปครั้งนี้มีพรรคการเมืองส่งผู้สมัครที่เป็นสมาชิกของพรรคการเมืองเข้าแข่งขันชิงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้สภาผู้แทนราษฎรที่มีอยู่ทั้งหมด 269 ที่นั่งกันเป็นจำนวนมาก และหลายพรรคการเมือง การหาเสียงในตอนนั้นก็ถือว่าทำกันได้อย่างเสรีมาก รัฐบาลไม่ได้ลงแข่งขันด้วยและพรรคการเมืองก็มีทั้งฝ่ายอนุรักษ์นิยม ไปจนถึงฝ่ายสังคมนิยม

ผลการเลือกตั้งครั้งนี้ ไม่มีพรรคการเมืองพรรคใดพรรคหนึ่งได้เสียเกินกว่าครึ่ง ปรากฏว่าพรรคการเมืองสิบพรรคแรกได้คะแนนเสียงเรียงกันตามลำดับดังนี้ 1. [[พรรคประชาธิปัตย์ 72 เสียง]]

2. [[พรรคธรรมสังคม 45 เสียง]]

3. [[พรรคชาติไทย 28 เสียง]]

4. [[พรรคเกษตรสังคม 19 เสียง]]

5. [[พรรคกิจสังคม 18 เสียง]]

6.[[พรรคสังคมชาตินิยม 16 เสียง]]

7. พรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทย 15 เสียง

8. [[พรรคพลังใหม่ 12 เสียง]]

9. [[พรรคแนวร่วมสังคมนิยม 10 เสียง]]

10. [[พรรคสันติชน 8 เสียง]]

พรรคประชาธิปัตย์ได้คะแนนเสียงเป็นอันดับหนึ่งจึงเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แต่เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย จึงอยู่ได้เพียงถึงวันลงมติไว้วางใจ และรัฐบาลไม่ได้รับมติไว้วางใจจึงต้องออกไปให้มีการการจัดตั้งรัฐบาลใหม่