ผลต่างระหว่างรุ่นของ "15 มิถุนายน พ.ศ. 2492"
หน้าที่ถูกสร้างด้วย ''''ผู้เรียบเรียง''' ศาสตราจารย์พิเศษ นรนิติ เศรษฐบุต...' |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัดที่ 6: | บรรทัดที่ 6: | ||
---- | ---- | ||
วันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2492 [[สภาผู้แทนราษฎร]]ได้มีการประชุมเลือก [[พระราชธรรมนิเทศ]]หรือ [[นายเพียร ราชธรรมนิเทศ]] [[ผู้แทนราษฎร]]จังหวัดปทุมธานี เป็น[[ประธานสภาผู้แทนราษฎร]]คนที่ 8 และเลือก[[ | วันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2492 [[สภาผู้แทนราษฎร]]ได้มีการประชุมเลือก [[พระราชธรรมนิเทศ]]หรือ [[นายเพียร ราชธรรมนิเทศ]] [[ผู้แทนราษฎร]]จังหวัดปทุมธานี เป็น[[ประธานสภาผู้แทนราษฎร]]คนที่ 8 และเลือก[[นายยกเสียง เหมะภูติ]] ผู้แทนราษฎรจังหวัดระนองเป็น[[รองประธานสภาผู้แทนราษฎร]] ทั้งนี้ พระราชธรรมนิเทศนี่ก็เป็นต่อจาก [[นายเกษม บุญศรี]] และเป็นการเลือกหลังจากมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพิ่มเติมขึ้นใน 19 จังหวัด จำนวน 71 คน | ||
นายเพียร ราชธรรมนิเทศ ผู้นี้เพิ่งเป็นผู้แทนราษฎรที่มาจากเลือกตั้งในจังหวัดปทุมธานีเป็นครั้งแรก หลังจากที่คณะรัฐประหารยึดอำนาจล้มรัฐบาลหลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ และ[[พรรคประชาธิปัตย์]]ก็ได้เสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร แต่ผู้ที่ได้เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรหลังการเลือกตั้งครั้งนี้เสร็จใหม่ ๆ คือ นายเกษม บุญศรี การขึ้นมาเป็น[[ประธานสภาผู้แทนราษฎร]] แต่ในการเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2492 นั้นเป็นเวลาที่จอมพล ป.พิบูลสงคราม กลับมาเป็น[[นายกรัฐมนตรี]] และมีอำนาจทางการเมืองที่มีฐานสำคัญทางทหาร เชื่อกันว่าทาง[[จอมพล ป.พิบูลสงคราม]] คงจะสนับสนุนพระราชธรรมนิเทศ ซึ่งมีผู้ให้ฉายาว่าเป็น “[[ปราชญ์คู่บารมีของจอมพล ป.]]” เพราะเมื่อจอมพล ป.พิบูลสงครามมีอำนาจวาสนาสมัย[[สงครามโลกครั้งที่ 2]] ก็ได้ใช้งานคุณพระราชธรรมนิเทศทางด้านภาษาและวัฒนธรรมและเมื่อจอมพล ป.พิบูลสงครามตกเป็นจำเลย คดีอาชญากรรมสงคราม คุณพระราชธรรมนิเทศ ตกเป็นจำเลยด้วย และรอดพ้นคดีมาด้วยกัน การแข่งขันชิงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรนั้นก็เป็นการแข่งขัน 2 คน ระหว่าง[[พลโทชิต มั่นศิลปสินาดโยธารักษ์]] อดีตรัฐมนตรีของรัฐบาลนายกรัฐมนตรี [[ควง อภัยวงศ์]] ที่เสนอชื่อโดย [[นายใหญ่ ศวิตชาติ]] กับพระราชธรรมนิเทศที่เสนอชื่อโดย [[นายกว้าง ทองทวี]] ผู้แทนราษฎรจังหวดกาฬสินธุ์ | นายเพียร ราชธรรมนิเทศ ผู้นี้เพิ่งเป็นผู้แทนราษฎรที่มาจากเลือกตั้งในจังหวัดปทุมธานีเป็นครั้งแรก หลังจากที่คณะรัฐประหารยึดอำนาจล้มรัฐบาลหลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ และ[[พรรคประชาธิปัตย์]]ก็ได้เสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร แต่ผู้ที่ได้เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรหลังการเลือกตั้งครั้งนี้เสร็จใหม่ ๆ คือ นายเกษม บุญศรี การขึ้นมาเป็น[[ประธานสภาผู้แทนราษฎร]] แต่ในการเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2492 นั้นเป็นเวลาที่จอมพล ป.พิบูลสงคราม กลับมาเป็น[[นายกรัฐมนตรี]] และมีอำนาจทางการเมืองที่มีฐานสำคัญทางทหาร เชื่อกันว่าทาง[[จอมพล ป.พิบูลสงคราม]] คงจะสนับสนุนพระราชธรรมนิเทศ ซึ่งมีผู้ให้ฉายาว่าเป็น “[[ปราชญ์คู่บารมีของจอมพล ป.]]” เพราะเมื่อจอมพล ป.พิบูลสงครามมีอำนาจวาสนาสมัย[[สงครามโลกครั้งที่ 2]] ก็ได้ใช้งานคุณพระราชธรรมนิเทศทางด้านภาษาและวัฒนธรรมและเมื่อจอมพล ป.พิบูลสงครามตกเป็นจำเลย คดีอาชญากรรมสงคราม คุณพระราชธรรมนิเทศ ตกเป็นจำเลยด้วย และรอดพ้นคดีมาด้วยกัน การแข่งขันชิงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรนั้นก็เป็นการแข่งขัน 2 คน ระหว่าง[[พลโทชิต มั่นศิลปสินาดโยธารักษ์]] อดีตรัฐมนตรีของรัฐบาลนายกรัฐมนตรี [[ควง อภัยวงศ์]] ที่เสนอชื่อโดย [[นายใหญ่ ศวิตชาติ]] กับพระราชธรรมนิเทศที่เสนอชื่อโดย [[นายกว้าง ทองทวี]] ผู้แทนราษฎรจังหวดกาฬสินธุ์ |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 13:48, 22 ตุลาคม 2556
ผู้เรียบเรียง ศาสตราจารย์พิเศษ นรนิติ เศรษฐบุตร
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต
วันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2492 สภาผู้แทนราษฎรได้มีการประชุมเลือก พระราชธรรมนิเทศหรือ นายเพียร ราชธรรมนิเทศ ผู้แทนราษฎรจังหวัดปทุมธานี เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 8 และเลือกนายยกเสียง เหมะภูติ ผู้แทนราษฎรจังหวัดระนองเป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ทั้งนี้ พระราชธรรมนิเทศนี่ก็เป็นต่อจาก นายเกษม บุญศรี และเป็นการเลือกหลังจากมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพิ่มเติมขึ้นใน 19 จังหวัด จำนวน 71 คน
นายเพียร ราชธรรมนิเทศ ผู้นี้เพิ่งเป็นผู้แทนราษฎรที่มาจากเลือกตั้งในจังหวัดปทุมธานีเป็นครั้งแรก หลังจากที่คณะรัฐประหารยึดอำนาจล้มรัฐบาลหลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ และพรรคประชาธิปัตย์ก็ได้เสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร แต่ผู้ที่ได้เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรหลังการเลือกตั้งครั้งนี้เสร็จใหม่ ๆ คือ นายเกษม บุญศรี การขึ้นมาเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร แต่ในการเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2492 นั้นเป็นเวลาที่จอมพล ป.พิบูลสงคราม กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี และมีอำนาจทางการเมืองที่มีฐานสำคัญทางทหาร เชื่อกันว่าทางจอมพล ป.พิบูลสงคราม คงจะสนับสนุนพระราชธรรมนิเทศ ซึ่งมีผู้ให้ฉายาว่าเป็น “ปราชญ์คู่บารมีของจอมพล ป.” เพราะเมื่อจอมพล ป.พิบูลสงครามมีอำนาจวาสนาสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ได้ใช้งานคุณพระราชธรรมนิเทศทางด้านภาษาและวัฒนธรรมและเมื่อจอมพล ป.พิบูลสงครามตกเป็นจำเลย คดีอาชญากรรมสงคราม คุณพระราชธรรมนิเทศ ตกเป็นจำเลยด้วย และรอดพ้นคดีมาด้วยกัน การแข่งขันชิงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรนั้นก็เป็นการแข่งขัน 2 คน ระหว่างพลโทชิต มั่นศิลปสินาดโยธารักษ์ อดีตรัฐมนตรีของรัฐบาลนายกรัฐมนตรี ควง อภัยวงศ์ ที่เสนอชื่อโดย นายใหญ่ ศวิตชาติ กับพระราชธรรมนิเทศที่เสนอชื่อโดย นายกว้าง ทองทวี ผู้แทนราษฎรจังหวดกาฬสินธุ์
ด้วยเหตุนี้พระราชธรรมนิเทศจึงเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรตลอดมาจนถึงวันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2494 เมื่อวันที่คณะทหาร 9 นาย ที่เรียกพวกตนว่า “คณะบริหารประเทศชั่วคราว” ได้ใช้กำลังยึดอำนาจเวียนประกาศยกเลิกรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2492 และยกเลิกรัฐสภา