ผลต่างระหว่างรุ่นของ "9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2502"

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัดที่ 6: บรรทัดที่ 6:


----
----
วันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2502 เป็นวันที่นายกรัฐมนตรี คนที่ 11 ของประเทศไทย จอมพล สฤษดิ์  ธนะรัชต์ ได้เข้ารับตำแหน่ง ซึ่งก็เป็นการเปลี่ยนตำแหน่งอย่างเป็นทางการจากหัวหน้าคณะปฏิวัติที่นำคณะทหารเข้ายึดอำนาจล้มรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2501 มาเป็นนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้ารัฐบาล โดยอาศัยธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พ.ศ. 2502 นั่นเอง
วันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2502 เป็นวันที่[[นายกรัฐมนตรี คนที่ 11]] ของประเทศไทย [[จอมพล สฤษดิ์  ธนะรัชต์]] ได้เข้ารับตำแหน่ง ซึ่งก็เป็นการเปลี่ยนตำแหน่งอย่างเป็นทางการจากหัวหน้าคณะปฏิวัติที่นำคณะทหารเข้ายึดอำนาจล้ม[[รัฐธรรมนูญ]] เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2501 มาเป็น[[นายกรัฐมนตรี]]เป็น[[หัวหน้ารัฐบาล]] โดยอาศัย[[ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พ.ศ. 2502]] นั่นเอง
ในสมัยที่จอมพลสฤษดิ์  ธนะรัชต์ เป็นนายกรัฐมนตรีปกครองประเทศนั้นเป็นเวลาที่ทหารมีอำนาจทางการเมืองมากที่สุดและเป็นเวลาที่มิได้มีการพัฒนาประชาธิปไตยในประเทศไทย นายกรัฐมนตรีที่เป็นจอมพลทหารกล่าวอย่างชัดเจนว่า
ในสมัยที่จอมพลสฤษดิ์  ธนะรัชต์ เป็นนายกรัฐมนตรีปกครองประเทศนั้นเป็นเวลาที่ทหารมีอำนาจทางการเมืองมากที่สุดและเป็นเวลาที่มิได้มีการพัฒนาประชาธิปไตยในประเทศไทย นายกรัฐมนตรีที่เป็นจอมพลทหารกล่าวอย่างชัดเจนว่า
บรรทัดที่ 12: บรรทัดที่ 12:
“รัฐบาลนี้เห็นว่าจำเป็นที่จะต้องแก้ไขปรับปรุงการเศรษฐกิจของประเทศเป็นเรื่องใหญ่และเป็นอันดับหนึ่ง...”
“รัฐบาลนี้เห็นว่าจำเป็นที่จะต้องแก้ไขปรับปรุงการเศรษฐกิจของประเทศเป็นเรื่องใหญ่และเป็นอันดับหนึ่ง...”
จอมพลสฤษดิ์  ธนะรัชต์ นับว่าเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรก ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 ที่มีอำนาจเด็ดขาดมากที่สุด คุมทั้งฝ่ายทหารเพราะเป็นผู้บัญชาการทหารบกและผู้บัญชาการทหารสูงสุดที่คุมทุกกองทัพ ทางฝ่ายพลเรือนก็เป็นนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้ารัฐบาลที่มีสภาร่างรัฐธรรมนูญที่ทำหน้าที่นิติบัญญัติ ที่อยู่ในความควบคุมของทหาร เพราะแต่งตั้งมาโดยหัวหน้าคณะปฏิวัติเป็นผู้เสนอชื่อและจำนวนข้างมากก็เป็นนายทหาร ทั้งยังเป็นนายกรัฐมนตรีที่เป็นทั้งผู้บัญชาการทหารและอธิบดีกรมตำรวจด้วยในเวลาเดียวกัน
จอมพลสฤษดิ์  ธนะรัชต์ นับว่าเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรก ภายหลัง[[การเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 247]]5 ที่มีอำนาจเด็ดขาดมากที่สุด คุมทั้งฝ่ายทหารเพราะเป็นผู้บัญชาการทหารบกและผู้บัญชาการทหารสูงสุดที่คุมทุกกองทัพ ทางฝ่ายพลเรือนก็เป็นนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้ารัฐบาลที่มี[[สภาร่างรัฐธรรมนูญ]]ที่ทำหน้าที่นิติบัญญัติ ที่อยู่ในความควบคุมของทหาร เพราะแต่งตั้งมาโดยหัวหน้าคณะปฏิวัติเป็นผู้เสนอชื่อและจำนวนข้างมากก็เป็นนายทหาร ทั้งยังเป็นนายกรัฐมนตรีที่เป็นทั้งผู้บัญชาการทหารและอธิบดีกรมตำรวจด้วยในเวลาเดียวกัน


ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นนายกรัฐมนตรีที่เข้าไปใช้อำนาจทางตุลาการสั่งลงโทษได้โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 17 ของธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พ.ศ. 2502
ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นนายกรัฐมนตรีที่เข้าไปใช้[[อำนาจทางตุลาการ]]สั่งลงโทษได้โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 17 ของธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พ.ศ. 2502


มีการบันทึกไว้ด้วยว่าในสมัยที่จอมพล สฤษดิ์  ธนะรัชต์ เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ทางประเทศกัมพูชาได้ฟ้องศาลยุติธรรมระหว่างประเทศที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ เรื่องเขาพระวิหารและศาลโลกได้ตัดสินว่าทางฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้ชนะ ซึ่งถือกันว่าเป็นการเสียดินแดนในครั้งนั้น
มีการบันทึกไว้ด้วยว่าในสมัยที่จอมพล สฤษดิ์  ธนะรัชต์ เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ทางประเทศกัมพูชาได้ฟ้องศาลยุติธรรมระหว่างประเทศที่[[กรุงเฮก]] ประเทศเนเธอร์แลนด์ เรื่อง[[เขาพระวิหาร]]และ[[ศาลโลก]]ได้ตัดสินว่าทางฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้ชนะ ซึ่งถือกันว่าเป็น[[การเสียดินแดน]]ในครั้งนั้น


แม้จะมีกำลังทหารที่เข้มแข็งสนับสนุน แต่เนื่องจากสุขภาพที่ทรุดโทรม จอมพลสฤษดิ์  ธนะรัชต์ ได้ป่วยหนักและถึงแก่อสัญกรรม ในวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2506 ในขณะที่ยังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นับเป็นนายกรัฐมนตรีคนเดียวที่เสียชีวิตในขณะดำรงตำแหน่ง
แม้จะมีกำลังทหารที่เข้มแข็งสนับสนุน แต่เนื่องจากสุขภาพที่ทรุดโทรม จอมพลสฤษดิ์  ธนะรัชต์ ได้ป่วยหนักและถึงแก่อสัญกรรม ในวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2506 ในขณะที่ยังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นับเป็นนายกรัฐมนตรีคนเดียวที่เสียชีวิตในขณะดำรงตำแหน่ง


[[หมวดหมู่:เหตุการณ์สำคัญทางการเมืองไทย สมัย พ.ศ. 2501-2519]]
[[หมวดหมู่:เหตุการณ์สำคัญทางการเมืองไทย สมัย พ.ศ. 2501-2519]]

รุ่นแก้ไขเมื่อ 10:04, 17 กันยายน 2556

ผู้เรียบเรียง ศาสตราจารย์พิเศษ นรนิติ เศรษฐบุตร


ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต


วันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2502 เป็นวันที่นายกรัฐมนตรี คนที่ 11 ของประเทศไทย จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้เข้ารับตำแหน่ง ซึ่งก็เป็นการเปลี่ยนตำแหน่งอย่างเป็นทางการจากหัวหน้าคณะปฏิวัติที่นำคณะทหารเข้ายึดอำนาจล้มรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2501 มาเป็นนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้ารัฐบาล โดยอาศัยธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พ.ศ. 2502 นั่นเอง

ในสมัยที่จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นนายกรัฐมนตรีปกครองประเทศนั้นเป็นเวลาที่ทหารมีอำนาจทางการเมืองมากที่สุดและเป็นเวลาที่มิได้มีการพัฒนาประชาธิปไตยในประเทศไทย นายกรัฐมนตรีที่เป็นจอมพลทหารกล่าวอย่างชัดเจนว่า

“รัฐบาลนี้เห็นว่าจำเป็นที่จะต้องแก้ไขปรับปรุงการเศรษฐกิจของประเทศเป็นเรื่องใหญ่และเป็นอันดับหนึ่ง...”

จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นับว่าเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรก ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 ที่มีอำนาจเด็ดขาดมากที่สุด คุมทั้งฝ่ายทหารเพราะเป็นผู้บัญชาการทหารบกและผู้บัญชาการทหารสูงสุดที่คุมทุกกองทัพ ทางฝ่ายพลเรือนก็เป็นนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้ารัฐบาลที่มีสภาร่างรัฐธรรมนูญที่ทำหน้าที่นิติบัญญัติ ที่อยู่ในความควบคุมของทหาร เพราะแต่งตั้งมาโดยหัวหน้าคณะปฏิวัติเป็นผู้เสนอชื่อและจำนวนข้างมากก็เป็นนายทหาร ทั้งยังเป็นนายกรัฐมนตรีที่เป็นทั้งผู้บัญชาการทหารและอธิบดีกรมตำรวจด้วยในเวลาเดียวกัน

ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นนายกรัฐมนตรีที่เข้าไปใช้อำนาจทางตุลาการสั่งลงโทษได้โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 17 ของธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พ.ศ. 2502

มีการบันทึกไว้ด้วยว่าในสมัยที่จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ทางประเทศกัมพูชาได้ฟ้องศาลยุติธรรมระหว่างประเทศที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ เรื่องเขาพระวิหารและศาลโลกได้ตัดสินว่าทางฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้ชนะ ซึ่งถือกันว่าเป็นการเสียดินแดนในครั้งนั้น

แม้จะมีกำลังทหารที่เข้มแข็งสนับสนุน แต่เนื่องจากสุขภาพที่ทรุดโทรม จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้ป่วยหนักและถึงแก่อสัญกรรม ในวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2506 ในขณะที่ยังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นับเป็นนายกรัฐมนตรีคนเดียวที่เสียชีวิตในขณะดำรงตำแหน่ง