ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ประชาไทย (พ.ศ. 2526)"

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
Teeraphan (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัดที่ 9: บรรทัดที่ 9:
== พรรคประชาไทย (2526) ==
== พรรคประชาไทย (2526) ==


พรรคประชาไทย เป็น[[พรรคการเมือง]]ที่จดทะเบียนจัดตั้งตาม[[พระราชบัญญัติพรรคการเมือง พ.ศ. 2524]] โดยได้ยื่นจดทะเบียนต่อปลัด[[กระทรวงมหาดไทย]]ในฐานะ[[นายทะเบียนพรรคการเมือง]] เมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2526 ทะเบียนเลขที่ 15/2526 [[หัวหน้าพรรคการเมือง]] คือ นายทวี ไกรคุปต์ รองหัวหน้าพรรคจำนวน 2 คน คือ นายจิระ มังคลรังกษี และนายมนตรี ด่านไพบูลย์ [[เลขาธิการพรรคการเมือง]] คือ นายสันติ ชัยวิรัตนะ รองเลขาธิการพรรค ได้แก่ นายมนตรี ใบเจริญ กรรมการบริหารพรรค ประกอบด้วย นายตู้ ตังอำนวย นายเฉลิม ครองสำราญ นายสูน ฉั่งรัตนกุล นายประเสริฐ เหลืองอร่าม นายเชวงศักดิ์ วงศ์เจริญรัตน์ ร้อยโท บุญชู ตั้นทง และนายสวัสดิ์ จังพานิช
พรรคประชาไทย เป็น[[พรรคการเมือง]]ที่จดทะเบียนจัดตั้งตาม[[พระราชบัญญัติพรรคการเมือง พ.ศ. 2524]] โดยได้ยื่นจดทะเบียนต่อปลัด[[กระทรวงมหาดไทย]]ในฐานะ[[นายทะเบียนพรรคการเมือง]] เมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2526 ทะเบียนเลขที่ 15/2526 [[หัวหน้าพรรค|หัวหน้าพรรคการเมือง]] คือ นายทวี ไกรคุปต์ รองหัวหน้าพรรคจำนวน 2 คน คือ นายจิระ มังคลรังกษี และนายมนตรี ด่านไพบูลย์ [[เลขาธิการพรรคการเมือง]] คือ นายสันติ ชัยวิรัตนะ รองเลขาธิการพรรค ได้แก่ นายมนตรี ใบเจริญ กรรมการบริหารพรรค ประกอบด้วย นายตู้ ตังอำนวย นายเฉลิม ครองสำราญ นายสูน ฉั่งรัตนกุล นายประเสริฐ เหลืองอร่าม นายเชวงศักดิ์ วงศ์เจริญรัตน์ ร้อยโท บุญชู ตั้นทง และนายสวัสดิ์ จังพานิช
<center>[[ภาพ:ประชาไทย.PNG]]</center>
<center>[[ภาพ:ประชาไทย.PNG]]</center>
   
   

รุ่นแก้ไขเมื่อ 11:29, 5 กันยายน 2553

ผู้เรียบเรียง นครินทร์ เมฆไตรรัตน์


ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองศาสตราจารย์นรนิติ เศรษฐบุตร และ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต


พรรคประชาไทย (2526)

พรรคประชาไทย เป็นพรรคการเมืองที่จดทะเบียนจัดตั้งตามพระราชบัญญัติพรรคการเมือง พ.ศ. 2524 โดยได้ยื่นจดทะเบียนต่อปลัดกระทรวงมหาดไทยในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง เมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2526 ทะเบียนเลขที่ 15/2526 หัวหน้าพรรคการเมือง คือ นายทวี ไกรคุปต์ รองหัวหน้าพรรคจำนวน 2 คน คือ นายจิระ มังคลรังกษี และนายมนตรี ด่านไพบูลย์ เลขาธิการพรรคการเมือง คือ นายสันติ ชัยวิรัตนะ รองเลขาธิการพรรค ได้แก่ นายมนตรี ใบเจริญ กรรมการบริหารพรรค ประกอบด้วย นายตู้ ตังอำนวย นายเฉลิม ครองสำราญ นายสูน ฉั่งรัตนกุล นายประเสริฐ เหลืองอร่าม นายเชวงศักดิ์ วงศ์เจริญรัตน์ ร้อยโท บุญชู ตั้นทง และนายสวัสดิ์ จังพานิช

เจตนารมรณ์ในการจัดตั้งพรรคประชาไทย

พรรคประชาไทยจัดตั้งขึ้นบนเจตนารมณ์ที่ว่า ในช่วงเวลานั้นคนหนุ่มสาวซึ่งมีความกระตือรือร้นและเป็นพลังสำคัญในการรับใช้สังคมและส่วนรวม มีบทบาททางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมมากขึ้น คณะผู้ก่อตั้งพรรคประชาไทยได้เล็งเห็นถึงคุณค่าความสำคัญของคนหนุ่มสาว จึงได้จัดตั้งพรรคประชาไทยขึ้นเพื่อให้เป็นที่รวมพลังของบุคลากรทางการเมืองที่มีอาวุโสกับพลังของกลุ่มคนหนุ่มสาวที่มีความรู้ ความสามารถ และมีใจอันแรงกล้าที่จะอุทิศตนเพื่อรับใช้ประเทศชาติ ประชาชนและส่วนรวม ด้วยอุดมการณ์ที่เสียสละ โดยพรรคประชาไทยจะยึดมั่นในหลักการสำคัญ คือ การดำรงอยู่อย่างมั่นคงของชาติ ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ การเมือง และสร้างความเป็นธรรมให้แก่สังคม

นโยบายของพรรคประชาไทย

นโยบายด้านการเมือง พรรคประชาไทยมีความปรารถนาจะดำเนินนโยบายทางการเมืองโดยยึดมั่นในวิถีทางแห่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จะเทิดทูนและดำรงไว้ซึ่งชาติ ศาสนาม พระมหากษัตริย์และเอกลักษณ์ของความเป็นไทย และจะเสริมสร้างกำลังทหารให้เหมาะสมตามกำลังทางเศรษฐกิจและความจำเป็นของสภาพการณ์ เพื่อรักษาไว้ซึ่งเอกราชอธิปไตย และความมั่นคงปลอดภัยของชาติ จะเร่งรัดการพัฒนาอุตสาหกรรมสรรพาวุธ จัดหาอาวุธจากแหล่งต่าง ๆ ภายนอกประเทศเท่าที่จำเป็นสำหรับป้องกันเอกราช และอธิปไตยของชาติ จะส่งเสริมและสนับสนุนให้กำลังป้องกันประเทศทุกหน่วยอยู่ในสภาพพร้อมที่จะปฏิบัติการเพื่อรักษาเอกราชและอธิปไตยของชาติได้ทันที

พรรคประชาไทย จะสนับสนุนให้มีการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น เพื่อให้ท้องถิ่นมีอิสระในการปกครองตนเอง กำหนดนโยบายการพัฒนาท้องถิ่นของตนเอง และให้ผู้บริหารท้องถิ่นมาจากการเลือกตั้ง ตามครรลองแห่งระบอบประชาธิปไตย รวมทั้งจะส่งเสริมและปฏิบัติให้อำนาจอธิปไตยของปวงชนปรากฏเป็นจริง และปกป้องสิทธิเสรีภาพของบุคคลโดยเสมอภาคกัน

นโยบายด้านการต่างประเทศ พรรคประชาไทยจะดำเนินนโยบายต่างประเทศอย่างเป็นอิสระ ยึดถือความเป็นกลางอย่างเคร่งครัด โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ที่แท้จริงของประเทศเป็นหลัก ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด เป็นมิตรกับทุกประเทศที่มีความปรารถนาดีต่อประเทศไทย และจะไม่เข้าไปพัวพันหรือแทรกแซงในกิจการภายในของประเทศอื่น ไม่รับความช่วยเหลือจากประเทศใด ๆ ที่มีเงื่อนไขผูกพัน จะยึดถือหลักความร่วมมือกับมิตรประเทศเพื่อประโยชน์ร่วมกันในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม

นโยบายด้านเศรษฐกิจ พรรคประชาไทยจะดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจ บนฐานของการยึดหลักการที่ว่า ความยากจนของประชาชนส่วนใหญ่ เช่น ชาวไร่ ชาวนา และชาวสวนนั้น มีที่มาจากผลิตผลการเกษตรมีราคาต่ำ ในขณะที่ต้นทุนในการผลิตมีราคาสูง ซึ่งพรรคประชาไทยจะดำเนินมาตรการเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว โดยจะกำหนดประกันราคา พยุงราคาผลิตผลของชาไร่ ชาวนา และชาวสวน เพื่อให้มีระดับราคาที่เหมาะสม และเป็นธรรม โดยเฉพาะผลิตผลการเกษตรที่สำคัญ เช่น ข้าว อ้อย ปอ มันสำปะหลัง ข้าวโพด ฝ้าย กระเทียม และพืชไร่อื่น ๆ อีกทั้งจะเร่งรัดมาตรการส่งเสริมให้เกษตรกรมีกรรมสิทธิในที่ดินและมีที่ดินทำกินเป็นของตนเอง โดยการจัดรูปที่ดินและปรับปรุงที่ดิน รวมถึงสนับสนุนพันธุ์พืช การปราบศัตรูพืช และการจัดหาปุ๋ยแก่เกษตรกรด้วยราคายุติธรรม เพื่อเพิ่มผลผลิตของเกษตรกร

พรรคประชาไทยจะส่งเสริมระบบสหกรณ์ให้แพร่หลายอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ระบบสหกรณ์เป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสหกรณ์การเกษตร โดยจะส่งเสริมให้เกษตรกรรวมตัวเป็นกลุ่มก้อน เพื่อสร้างอำนาจต่อรองและกำหนดราคาผลิตผลการเกษตรได้อย่างเป็นธรรม และบริหารธุรกิจสหกรณ์อย่างมีประสิทธิผล ในขณะเดียวกัน ก็จะเร่งรัดพัฒนาชนบท โดยการจัดหาแหล่งน้ำชลประทาน การสร้างถนนเข้าสู่หมู่บ้าน และขยายเขตไฟฟ้าให้ทั่วถึงทุกหมู่บ้าน

พรรคประชาไทยจะดำเนินการทุกอย่างเพื่อให้ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจของประชาชนน้อยลง โดยการขจัดระบบอภิสิทธิทางเศรษฐกิจ การผูกขาด และการเอารัดเอาเปรียบประชาชน ผ่านการปรับปรุงกลไกภาษีให้เป็นระบบภาษีแบบก้าวหน้า เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อสังคม พรรคประชาไทยจะปรับปรุงวิธีการบริหารงบประมาณแผ่นดิน เพื่อให้การใช้จ่ายเงินแผ่นดินเป็นไปโดยประหยัดและถึงมือประชาชนอย่างทั่วถึง จะมุ่งขจัดการฉ้อราษฎร์บังหลวง จะให้มีการติดตามตรวจสอบการใช้จ่ายเงินงบประมาณของแผ่นดินอย่างมีประสิทธิภาพ

นโยบายการการพาณิชย์ พรรคประชาไทยจะดำเนินการรักษาระดับราคาสินค้าที่จำเป็นแก่การครองชีพ ไม่ให้ผู้ผลิต ผู้จำหน่ายขึ้นราคาสินค้าได้ตามใจชอบ จะใช้มาตรการอันเหมาะสม เพื่อให้สินค้ามีราคายุติธรรม ป้องกันไม่ให้ประชาชนต้องประสบปัญหาเดือนร้อนเรื่องค่าครองชีพ นอกจากนี้ จะส่งเสริมและขยายการค้าทั้งในประเทศและการค้าระหว่างประเทศ โดยจะดูแลคุ้มครองประโยชน์ของผู้บริโภค จะส่งเสริมสินค้าออกให้มีปริมาณและมูลค่าเพิ่มขึ้น และให้มีคุณภาพตามความต้องการของตลาด และจะควบคุมการนำเข้าสินค้าตามความจำเป็นเพื่อให้มีดุลยภาพทางการค้า

นโยบายด้านการพัฒนา พรรคประชาไทยจะเร่งรัดสำรวจและพัฒนาแหล่งพลังงานต่าง ๆ และแหล่งทรัพยากรต่าง ๆ ที่มีอยู่ภายในประเทศ เพื่อนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนามากที่สุด จะจัดสรรงบประมาณอุดหนุนท้องถิ่น เพื่อให้ประชาชนในชนบทมีบทบาทในการพัฒนาท้องถิ่นของตนเอง ในการทำถนน ขุดลอกคูคลอง หนอง บึง จัดหาน้ำเพื่ออุปโภคบริโภค สร้างสะพาน ฝายทดน้ำ และติดตั้งไฟฟ้า เป็นต้น

นโยบายด้านการบริหารราชการ พรรคประชาไทยจะปรับปรุงระบบการบริหารราชการแผ่นดินของประเทศให้มีประสิทธิภาพสูง ขจัดความล่าช้า และปัญหาความซ้ำซ้อนในการทำงานของข้าราชการ รวมถึงสร้างระบบการติดตามผลงานอย่างใกล้ชิด ในขณะเดียวกันก็จะมุ่งส่งเสริมการกระจายอำนายให้ประชาชนในท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการปกครองตนเอง สนับสนุนการดำเนินงานของสภาตำบล สภาเทศบาล สุขาภิบาล และสภาจังหวัด ให้มีประสิทธิภาพในการบริหารงานในท้องถิ่น จะส่งเสริมสวัสดิการและยกฐานะเจ้าพนักงานท้องถิ่น เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน

นโยบายด้านสังคม พรรคประชาไทยจะดำเนินการให้บริการสาธารณสุขแก่ประชาชนอย่างเพียงพอ ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมสุขภาพพลานามัยของประชาชน การป้องกันโรค และขยายบริการสาธารณสุขไปสู่ภูมิภาคและท้องถิ่นอย่างทั่วถึงและเพียงพอ เพื่อให้ประชาชนที่ยากจนได้รับการรักษาพยาบาลจากรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ พรรคประชาไทยจะจัดระบบการศึกษาให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพทางเศรษฐกิจและสังคม โดยคำนึงถึงความสำคัญของความเสมอภาคเป็นสำคัญ สำหรับการจัดการศึกษาในระดับอุดมศึกษา พรรคประชาไทยจะส่งเสริมให้มหาวิทยาลัยมีอิสระในการบริหารงานของตนเอง

ในการเลือกตั้งทั้วไปเมื่อวันที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2526 พรรคประชาไทยส่งผู้สมัครของพรรคลงแข่งขันรับเลือกตั้งจำนวน 9 คน ผลการเลือกตั้งปรากฏว่าผู้สมัครของพรรคประชาไทยได้รับเลือกตั้งจำนวน 4 คน

ในเวลาต่อมา พรรคประชาไทยได้ยื่นขอเปลี่ยนแปลงชื่อพรรคการเมืองต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองในวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2526 โดยเปลี่ยนมาเป็นชื่อ “พรรครวมไทย” และได้มีการเปลี่ยนแปลงรายชื่อกรรมาบริหารบริหารพรรคใหม่ แทนกรรมการบริหารพรรคเดิมที่ได้ลาออกไป ผู้ที่ได้รับแต่งตั้งใหม่มีรายชื่อดังต่อไปนี้ นายสมศาสตร์ รัตนสัค นายจำนงค์ โพธิสาโร นายวัลลำ สุปรียศิลป์ นายไพศาล จันทรภักดี นายพล วัชรปรีชา นายอร่าม อามรดิษ นายเฉลิม สุวรรณรัตน์ นายธนวัฒน์ ลาภอุดมเลิศ นายอมร อามระดิษ นายสง่า วัชราภรณ์ และนายพิลึก แสงใส นอกจากนี้ ยังได้เปลี่ยนสัญลักษณ์ของพรรคใหม่เป็นภาพดังนี้

ในปี พ.ศ. 2529 มีการเปลี่ยนแปลงผู้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรครวมไทยมาเป็น นายณรงค์ วงศ์วรรณ และเลขาธิการพรรค ได้แก่ นายปิยะณัฐ วัชราภรณ์ ความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเป็นผลมาจากการที่กลุ่มการเมืองของนายณรงค์ วงศ์วรรณ ซึ่งประกอบด้วยสมาชิกจากพรรคกิจสังคมและอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากหลายพรรคได้เข้ามามีบทบาทในการบริหารพรรครวมไทย

ที่มา

ราชกิจจานุเบกษา ฉบับพิเศษ เล่ม 100 ตอนที่ 51 วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2526 หน้า 1-9

ราชกิจจานุเบกษา ฉบับพิเศษ เล่ม 103 ตอนที่ 92 วันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2526 หน้า 3-4

จเร พันธุ์เปรื่อง, “พรรคการเมืองกับการเลือกตั้งทั่วไป 2526,” รัฐสภาสาร ปีที่ 31 ฉบับที่ 4 (เมษายน 2526), หน้า 10-26.

เสนีย์ คำสุข, “ข้อมูลพื้นฐานพรรคการเมือง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2475-2544,” รัฐสภาสาร ปีที่ 49 ฉบับที่ 11 (พฤศจิกายน 2544), หน้า 17-70.