ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล (ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2538"

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Teeraphan (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัดที่ 11: บรรทัดที่ 11:




พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล (ฉบับที่ 9) พุทธศักราช 2538 เป็นกฎหมายฉบับแก้ไขเพิ่มเติมอันเนื่องมาจากการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 5) พุทธศักราช 2538 ซึ่งได้แก้ไขเพิ่มเติมในบทบัญญัติเกี่ยวกับสัญชาติและอายุของผู้มีสิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยกำหนดให้ผู้ที่มีสัญชาติไทยเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งโดยไม่จำกัดว่าผู้มีสัญชาติไทยผู้นั้นจะมีบิดาเป็นคนต่างด้าวหรือไม่  และกำหนดเงื่อนไขของผู้มีสิทธิเลือกตั้งและผู้สมัครรับเลือกตั้งใหม่ จึงทำให้ต้องมีการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พุทธศักราช 2482 ให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าว ซึ่งสามารถพิจารณารายละเอียดการแก้ไขได้ดังต่อไปนี้
พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล (ฉบับที่ 9) พุทธศักราช 2538 เป็น[[กฎหมาย]]ฉบับแก้ไขเพิ่มเติมอันเนื่องมาจากการประกาศใช้[[รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 5) พุทธศักราช 2538]] ซึ่งได้แก้ไขเพิ่มเติมในบทบัญญัติเกี่ยวกับสัญชาติและอายุของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง[[สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร]] โดยกำหนดให้ผู้ที่มีสัญชาติไทยเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งโดยไม่จำกัดว่าผู้มีสัญชาติไทยผู้นั้นจะมีบิดาเป็นคนต่างด้าวหรือไม่  และกำหนดเงื่อนไขของผู้มีสิทธิเลือกตั้งและผู้สมัครรับเลือกตั้งใหม่ จึงทำให้ต้องมีการแก้ไขเพิ่มเติม[[พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พุทธศักราช 2482]] ให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าว ซึ่งสามารถพิจารณารายละเอียดการแก้ไขได้ดังต่อไปนี้




บรรทัดที่ 20: บรรทัดที่ 20:
(1) กฎหมายฉบับใหม่ได้กำหนดให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทย แต่ผู้ที่มีสัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาติจะต้องได้สัญชาติไทยมาแล้วไม่น้อยกว่า 10 ปี ซึ่งตามกฎหมายฉบับก่อนหน้าที่กำหนดคุณสมบัติของผู้ที่มีสัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาตินั้นจะต้องมีคุณสมบัติตามที่กำหนดไว้นั้นก็เป็นอันยกเลิกไป  <ref>โปรดดู  พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล (ฉบับที่ 7) พุทธศักราช 2517, ราชกิจจานุเบกษา, เล่ม 91, ตอนที่ 154, วันที่ 17 กันยายน 2517, หน้า 425-426. มาตรา 4 </ref>
(1) กฎหมายฉบับใหม่ได้กำหนดให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทย แต่ผู้ที่มีสัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาติจะต้องได้สัญชาติไทยมาแล้วไม่น้อยกว่า 10 ปี ซึ่งตามกฎหมายฉบับก่อนหน้าที่กำหนดคุณสมบัติของผู้ที่มีสัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาตินั้นจะต้องมีคุณสมบัติตามที่กำหนดไว้นั้นก็เป็นอันยกเลิกไป  <ref>โปรดดู  พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล (ฉบับที่ 7) พุทธศักราช 2517, ราชกิจจานุเบกษา, เล่ม 91, ตอนที่ 154, วันที่ 17 กันยายน 2517, หน้า 425-426. มาตรา 4 </ref>


(2)ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ในวันที่ 1 มกราคม ของปีที่มีการเลือกตั้ง ซึ่งได้ลดอายุขั้นต่ำของผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้จากเดิมที่ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ในวันที่ 1 มกราคม ของปีที่มีการเลือกตั้ง
(2)ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ในวันที่ 1 มกราคม ของปีที่มี[[การเลือกตั้ง]] ซึ่งได้ลดอายุขั้นต่ำของผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้จากเดิมที่ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ในวันที่ 1 มกราคม ของปีที่มีการเลือกตั้ง


(3)ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะต้องมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตเลือกตั้งเป็นเวลาติดต่อกันจนถึงวันเลือกตั้ง ไม่น้อยกว่า 90 วัน ซึ่งกฎหมายฉบับก่อนหน้าไม่ได้กำหนดระยะเวลาขั้นต่ำที่ต้องมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน   
(3)ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะต้องมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านใน[[เขตเลือกตั้ง]]เป็นเวลาติดต่อกันจนถึงวันเลือกตั้ง ไม่น้อยกว่า 90 วัน ซึ่งกฎหมายฉบับก่อนหน้าไม่ได้กำหนดระยะเวลาขั้นต่ำที่ต้องมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน   




บรรทัดที่ 37: บรรทัดที่ 37:
(2)ต้องเป็นผู้มีอายุไม่ต่ำกว่า 25 ปีบริบูรณ์ในวันเลือกตั้ง ซึ่งเป็นการใช้บังคับตามกฎหมายฉบับก่อนหน้า
(2)ต้องเป็นผู้มีอายุไม่ต่ำกว่า 25 ปีบริบูรณ์ในวันเลือกตั้ง ซึ่งเป็นการใช้บังคับตามกฎหมายฉบับก่อนหน้า


(3)มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตเทศบาลที่สมัครเป็นเวลาติดต่อกันจนถึงวันสมัครไม่น้อยกว่า 6 เดือน  หรือได้เสียภาษีตามกฎหมายว่าด้วยภาษีโรงเรือนและที่ดินหรือตามกฎหมายว่าด้วยภาษีบำรุงท้องที่ให้กับเทศบาลนั้นในปีที่สมัครหรือในปีก่อนปีที่สมัคร 1 ปี
(3)มีภูมิลำเนาอยู่ในเขต[[เทศบาล]]ที่สมัครเป็นเวลาติดต่อกันจนถึงวันสมัครไม่น้อยกว่า 6 เดือน  หรือได้เสียภาษีตามกฎหมายว่าด้วยภาษีโรงเรือนและที่ดินหรือตามกฎหมายว่าด้วยภาษีบำรุงท้องที่ให้กับเทศบาลนั้นในปีที่สมัครหรือในปีก่อนปีที่สมัคร 1 ปี




'''3.การแก้ไขการจัดทำบัญชีรายชื่อผู้เลือกตั้ง '''
'''3.การแก้ไขการจัดทำ[[บัญชีรายชื่อ]]ผู้เลือกตั้ง '''


เดิมพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล (ฉบับที่ 8) พ.ศ.2523 ได้กำหนดให้บุคคลผู้มีสัญชาติไทยซึ่งมีบิดาเป็นคนต่างด้าวนั้น จะต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ในวันที่ 1 มกราคม ของปีที่มีการจัดทำบัญชีรายชื่อผู้เลือกตั้ง  แต่กฎหมายฉบับใหม่ได้แก้ไขมาตรา 34 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พุทธศักราช 2482 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล (ฉบับที่ 8) พ.ศ.2523  เกี่ยวกับการจัดทำบัญชีรายชื่อผู้เลือกตั้งที่มีสัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาติ  กล่าวคือ  กฎหมายฉบับใหม่นี้ได้กำหนดให้เทศบาลมีหน้าที่ทำการตรวจสอบว่า บุคคลผู้มีสิทธิเลือกตั้งซึ่งมีสัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาติ และมีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ในวันที่ 1 มกราคม ของปีที่มีการจัดทำบัญชีรายชื่อ เป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งหรือไม่ ถ้าเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งก็ให้บันทึกไว้เป็นหลักฐานและคัดชื่อลงในบัญชีรายชื่อผู้เลือกตั้ง  ทั้งนี้ ในกรณีมีความจำเป็นต้องสอบถามบุคคลดังกล่าว ก็ให้เทศบาลส่งเจ้าหน้าที่ไปสอบถามบุคคลนั้นได้ตามที่อยู่ในทะเบียนราษฎร <ref>พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล (ฉบับที่ 9) พุทธศักราช 2538, เพิ่งอ้าง, หน้า 5, มาตรา 7.</ref>  
เดิมพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล (ฉบับที่ 8) พ.ศ.2523 ได้กำหนดให้บุคคลผู้มีสัญชาติไทยซึ่งมีบิดาเป็นคนต่างด้าวนั้น จะต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ในวันที่ 1 มกราคม ของปีที่มีการจัดทำบัญชีรายชื่อผู้เลือกตั้ง  แต่กฎหมายฉบับใหม่ได้แก้ไขมาตรา 34 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พุทธศักราช 2482 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล (ฉบับที่ 8) พ.ศ.2523  เกี่ยวกับการจัดทำบัญชีรายชื่อผู้เลือกตั้งที่มีสัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาติ  กล่าวคือ  กฎหมายฉบับใหม่นี้ได้กำหนดให้เทศบาลมีหน้าที่ทำการตรวจสอบว่า บุคคลผู้มีสิทธิเลือกตั้งซึ่งมีสัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาติ และมีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ในวันที่ 1 มกราคม ของปีที่มีการจัดทำ[[บัญชีรายชื่อ]] เป็น[[ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง]]หรือไม่ ถ้าเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งก็ให้บันทึกไว้เป็นหลักฐานและคัดชื่อลงในบัญชีรายชื่อผู้เลือกตั้ง  ทั้งนี้ ในกรณีมีความจำเป็นต้องสอบถามบุคคลดังกล่าว ก็ให้เทศบาลส่งเจ้าหน้าที่ไปสอบถามบุคคลนั้นได้ตามที่อยู่ในทะเบียนราษฎร <ref>พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล (ฉบับที่ 9) พุทธศักราช 2538, เพิ่งอ้าง, หน้า 5, มาตรา 7.</ref>  





รุ่นแก้ไขเมื่อ 22:44, 30 สิงหาคม 2553

ผู้เรียบเรียง อลิศรา พรหมโชติชัย


ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองศาสตราจารย์นรนิติ เศรษฐบุตร และ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต



พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล (ฉบับที่ 9) พุทธศักราช 2538

พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล (ฉบับที่ 9) พุทธศักราช 2538 เป็นกฎหมายฉบับแก้ไขเพิ่มเติมอันเนื่องมาจากการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 5) พุทธศักราช 2538 ซึ่งได้แก้ไขเพิ่มเติมในบทบัญญัติเกี่ยวกับสัญชาติและอายุของผู้มีสิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยกำหนดให้ผู้ที่มีสัญชาติไทยเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งโดยไม่จำกัดว่าผู้มีสัญชาติไทยผู้นั้นจะมีบิดาเป็นคนต่างด้าวหรือไม่ และกำหนดเงื่อนไขของผู้มีสิทธิเลือกตั้งและผู้สมัครรับเลือกตั้งใหม่ จึงทำให้ต้องมีการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พุทธศักราช 2482 ให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าว ซึ่งสามารถพิจารณารายละเอียดการแก้ไขได้ดังต่อไปนี้


1. การแก้ไขคุณสมบัติผู้มีสิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล

พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชกสภาเทศบาล (ฉบับที่ 9) พุทธศักราช 2538 ได้แก้ไขคุณสมบัติของผู้มีสิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล (ฉบับที่ 8) พุทธศักราช 2523 ซึ่งเป็นกฎหมายที่บังคับใช้ก่อนหน้า กฎหมายฉบับใหม่ได้แก้ไขให้ผู้ที่จะมีสิทธิเลือกตั้งต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้ [1]

(1) กฎหมายฉบับใหม่ได้กำหนดให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทย แต่ผู้ที่มีสัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาติจะต้องได้สัญชาติไทยมาแล้วไม่น้อยกว่า 10 ปี ซึ่งตามกฎหมายฉบับก่อนหน้าที่กำหนดคุณสมบัติของผู้ที่มีสัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาตินั้นจะต้องมีคุณสมบัติตามที่กำหนดไว้นั้นก็เป็นอันยกเลิกไป [2]

(2)ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ในวันที่ 1 มกราคม ของปีที่มีการเลือกตั้ง ซึ่งได้ลดอายุขั้นต่ำของผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้จากเดิมที่ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ในวันที่ 1 มกราคม ของปีที่มีการเลือกตั้ง

(3)ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะต้องมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตเลือกตั้งเป็นเวลาติดต่อกันจนถึงวันเลือกตั้ง ไม่น้อยกว่า 90 วัน ซึ่งกฎหมายฉบับก่อนหน้าไม่ได้กำหนดระยะเวลาขั้นต่ำที่ต้องมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน


2.การแก้ไขผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล

พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิภสภาเทศบาล (ฉบับที่ 9) พุทธศักราช 2538 ได้แก้ไขกฎหมายฉบับเดิม[3] ให้บุคคลที่จะมีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลได้ ต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้ [4]

(1)ต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทยโดยการเกิด แต่ผู้มีสัญชาติไทยซึ่งมีบิดาเป็นคนต่างด้าว ต้องมีคุณสมบัติตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร[5] ซึ่งผู้ที่มีสัญชาติไทยที่มีบิดาเป็นบุคคลต่างด้าวจะเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งได้จะต้องมีคุณสมบัติอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้ [6]

☺ เป็นผู้ได้เข้าเรียนในโรงเรียนตามกำหนดเวลาและสอบไล่ได้ไม่ต่ำกว่าระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย

☺ ได้เข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยหรือสถาบันการศึกษาชั้นสูงในประเทศตามหลักสูตรจนสามารถสอบไล่ได้ไม่ต่ำกว่าชั้นปริญญาตรี

(2)ต้องเป็นผู้มีอายุไม่ต่ำกว่า 25 ปีบริบูรณ์ในวันเลือกตั้ง ซึ่งเป็นการใช้บังคับตามกฎหมายฉบับก่อนหน้า

(3)มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตเทศบาลที่สมัครเป็นเวลาติดต่อกันจนถึงวันสมัครไม่น้อยกว่า 6 เดือน หรือได้เสียภาษีตามกฎหมายว่าด้วยภาษีโรงเรือนและที่ดินหรือตามกฎหมายว่าด้วยภาษีบำรุงท้องที่ให้กับเทศบาลนั้นในปีที่สมัครหรือในปีก่อนปีที่สมัคร 1 ปี


3.การแก้ไขการจัดทำบัญชีรายชื่อผู้เลือกตั้ง

เดิมพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล (ฉบับที่ 8) พ.ศ.2523 ได้กำหนดให้บุคคลผู้มีสัญชาติไทยซึ่งมีบิดาเป็นคนต่างด้าวนั้น จะต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ในวันที่ 1 มกราคม ของปีที่มีการจัดทำบัญชีรายชื่อผู้เลือกตั้ง แต่กฎหมายฉบับใหม่ได้แก้ไขมาตรา 34 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พุทธศักราช 2482 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล (ฉบับที่ 8) พ.ศ.2523 เกี่ยวกับการจัดทำบัญชีรายชื่อผู้เลือกตั้งที่มีสัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาติ กล่าวคือ กฎหมายฉบับใหม่นี้ได้กำหนดให้เทศบาลมีหน้าที่ทำการตรวจสอบว่า บุคคลผู้มีสิทธิเลือกตั้งซึ่งมีสัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาติ และมีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ในวันที่ 1 มกราคม ของปีที่มีการจัดทำบัญชีรายชื่อ เป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งหรือไม่ ถ้าเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งก็ให้บันทึกไว้เป็นหลักฐานและคัดชื่อลงในบัญชีรายชื่อผู้เลือกตั้ง ทั้งนี้ ในกรณีมีความจำเป็นต้องสอบถามบุคคลดังกล่าว ก็ให้เทศบาลส่งเจ้าหน้าที่ไปสอบถามบุคคลนั้นได้ตามที่อยู่ในทะเบียนราษฎร [7]


ที่มา

พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล (ฉบับที่ 7) พุทธศักราช 2517, ราชกิจจานุเบกษา,เล่ม 91, ตอนที่ 154, วันที่ 17 กันยายน 2517, หน้า 425-426. มาตรา 4

พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล (ฉบับที่ 8) พุทธศักราช 2523, ราชกิจจานุเบกษา,เล่ม 97, ตอนที่ 33, วันที่ 2 มีนาคม 2523, หน้า 24-25, มาตรา 13

พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล (ฉบับที่ 9) พุทธศักราช 2538, ราชกิจจานุเบกษา,เล่ม 112, ตอนที่ 43 ก, วันที่ 9 ตุลาคม 2538, หน้า 4-5 มาตรา 3

พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที่ 3) พุทธศักราช 2535,ราชกิจจานุเบกษา, เล่ม 109 ตอนที่ 3, วันที่ 15 มกราคม 2535

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 5) พุทธศักราช 2538, ราชกิจจานุเบกษา, เล่ม 112 ตอนที่ 7 ก, วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2538


อ้างอิง

  1. พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล (ฉบับที่ 9) พุทธศักราช 2538, ราชกิจจานุเบกษา, เล่ม 112, ตอนที่ 43 ก, วันที่ 9 ตุลาคม 2538, หน้า 4-5 มาตรา 3
  2. โปรดดู พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล (ฉบับที่ 7) พุทธศักราช 2517, ราชกิจจานุเบกษา, เล่ม 91, ตอนที่ 154, วันที่ 17 กันยายน 2517, หน้า 425-426. มาตรา 4
  3. พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล (ฉบับที่ 8) พุทธศักราช 2523, ราชกิจจานุเบกษา, เล่ม 97, ตอนที่ 33, วันที่ 2 มีนาคม 2523, หน้า 24-25, มาตรา 13.
  4. พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล (ฉบับที่ 9) พุทธศักราช 2538, เพิ่งอ้าง, หน้า 5 มาตรา 5.
  5. กฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในขณะนั้นได้บังคับใช้ตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2535 ซึ่งได้มีบทบัญญัติให้บังคับใช้ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 5) พุทธศักราช 2538, ราชกิจจานุเบกษา, เล่ม 112 ตอนที่ 7 ก, วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2538, หน้า26, มาตรา 111 (1)และ(2)
  6. พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที่ 3) พุทธศักราช 2535, ราชกิจจานุเบกษา, เล่ม 109 ตอนที่ 3, วันที่ 15 มกราคม 2535, หน้า11 มาตรา12.
  7. พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล (ฉบับที่ 9) พุทธศักราช 2538, เพิ่งอ้าง, หน้า 5, มาตรา 7.