ผลต่างระหว่างรุ่นของ "รักเมืองไทย (พ.ศ. 2549)"
สร้างหน้าใหม่: '''ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ''' รองศาสตราจารย์นรนิติ เศรษฐ... |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัดที่ 6: | บรรทัดที่ 6: | ||
'''พรรครักเมืองไทย''' | '''พรรครักเมืองไทย''' | ||
พรรครักเมืองไทย เขียนอักษรย่อภาษาไทยว่า “รมท” ใช้ภาษาอังกฤษว่า “RAKMUANGTHAI PARTY” | พรรครักเมืองไทย เขียนอักษรย่อภาษาไทยว่า “รมท” ใช้ภาษาอังกฤษว่า “RAKMUANGTHAI PARTY” ขึ้นทะเบียนเป็น[[พรรคการเมือง]]เลขที่ 9/2549 ได้รับการจดทะเบียนเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2549 มีที่ตั้งสำนักงานใหญ่พรรครักเมืองไทย ตั้งอยู่บ้านเลขที่ 111/173 หมู่ที่ 14 ถนนมิตรภาพ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น 40000<ref> ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 123 ตอนที่ 73 ง, วันที่ 3 สิงหาคม 2549, หน้า 28, 42.</ref> ต่อมาได้เปลี่ยนที่ตั้งสำนักงานใหญ่พรรคเป็นบ้านเลขที่ 172 หมู่ที่ 12 บ้านสันทางหลวง ตำบลจันจว้าใต้ อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย<ref>ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 124 ตอนที่ 115 ง, วันที่ 27 ธันวาคม 2550, หน้า 122.</ref> | ||
บรรทัดที่ 13: | บรรทัดที่ 13: | ||
ธงชาติ หมายถึง สถาบันหลักคือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ที่คนไทยทุกคนต้องรักษาและเทิดทูนเพื่อให้ประเทศชาติมั่นคง สามัคคีเป็นปึกแผ่นเดียวกัน | ธงชาติ หมายถึง สถาบันหลักคือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ที่คนไทยทุกคนต้องรักษาและเทิดทูนเพื่อให้ประเทศชาติมั่นคง สามัคคีเป็นปึกแผ่นเดียวกัน | ||
แผนที่ประเทศไทย หมายถึง | แผนที่ประเทศไทย หมายถึง ความเป็น[[เอกราช]]ของชาติไทย | ||
สีเหลืองวงกลม หมายถึง หลักคุณธรรมของศาสนาเพื่อเป็นเกราะคุ้มครองป้องกันคนไทยทั้งชาติไม่ให้เกิดอันตรายทั้งปวง | สีเหลืองวงกลม หมายถึง หลักคุณธรรมของศาสนาเพื่อเป็นเกราะคุ้มครองป้องกันคนไทยทั้งชาติไม่ให้เกิดอันตรายทั้งปวง | ||
บรรทัดที่ 20: | บรรทัดที่ 20: | ||
'''อุดมการณ์ของพรรค '''<ref>ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 123 ตอนที่ 73 ง, วันที่ 3 สิงหาคม 2549, หน้า 43.</ref> | '''อุดมการณ์ของพรรค '''<ref>ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 123 ตอนที่ 73 ง, วันที่ 3 สิงหาคม 2549, หน้า 43.</ref> | ||
[[อุดมการณ์]]ของพรรค คือ ระบบความคิดที่พรรคควรยึดมั่น ยืดหยัด และศรัทธาตลอดไปคือ | |||
1. | 1. การเมืองการปกครองเป็นระบอบ[[ประชาธิปไตย]]อันมี[[พระมหากษัตริย์]]ทรงเป็นประมุขของชาติ | ||
2. การอยู่ร่วมกันแบบแบ่งปันความสุขซึ่งกันและกันตามอัตภาพ โดยไม่มีการแบ่งชั้นวรรณะ | 2. การอยู่ร่วมกันแบบแบ่งปันความสุขซึ่งกันและกันตามอัตภาพ โดยไม่มีการแบ่งชั้นวรรณะ | ||
บรรทัดที่ 33: | บรรทัดที่ 33: | ||
'''นโยบายของพรรครักเมืองไทย พ.ศ. 2549'''<ref>ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 123 ตอนที่ 73 ง, วันที่ 3 สิงหาคม 2549, หน้า 28-42.</ref> | '''นโยบายของพรรครักเมืองไทย พ.ศ. 2549'''<ref>ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 123 ตอนที่ 73 ง, วันที่ 3 สิงหาคม 2549, หน้า 28-42.</ref> | ||
พรรครักเมืองไทย | พรรครักเมืองไทย จะยึดมั่นในอุดมการณ์ของการบริหารพรรคที่อยู่ภายใต้[[กฎหมาย]]ของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จะยึดผลประโยชน์ของชาติและประชาชนเป็นหลักในการบริหารประเทศ จึงได้กำหนดนโยบายของการบริหารไว้ 16 ด้าน คือ | ||
<u>1. นโยบายด้านการเมืองและการปกครอง</u> | <u>1. นโยบายด้านการเมืองและการปกครอง</u> | ||
เน้นการแก้ปัญหาหลักของชาติด้วยการเริ่มต้นขจัดระบบการเมืองให้เป็นระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ โดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขของชาติโดยจะเน้นความสำคัญในการบริหารตามหลักของระบอบประชาธิปไตยที่จะตั้งพรรคการเมือง | เน้นการแก้ปัญหาหลักของชาติด้วยการเริ่มต้นขจัดระบบการเมืองให้เป็นระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ โดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขของชาติโดยจะเน้นความสำคัญในการบริหารตามหลักของระบอบประชาธิปไตยที่จะตั้งพรรคการเมือง โดยการเมืองเป็น[[ของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน]]อย่างแท้จริง | ||
<u>2. นโยบายด้านเศรษฐกิจ</u> | <u>2. นโยบายด้านเศรษฐกิจ</u> | ||
ทบทวนและพัฒนา[[แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ]]ให้ตรงกับสภาพความเป็นจริงโดยยึดหลัก[[เศรษฐกิจพอเพียง]]และแข่งขันเสรีที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมไทยและประเทศชาติ ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา พัฒนาระบบ[[รัฐวิสาหกิจ]]โดยใช้หลักการแข่งขันเสรี และกระจายความเจริญและเพิ่มงานสู่ชนบท | |||
<u>3. นโยบายด้านสังคมและวัฒนธรรม</u> | <u>3. นโยบายด้านสังคมและวัฒนธรรม</u> | ||
บรรทัดที่ 57: | บรรทัดที่ 57: | ||
<u>8. นโยบายด้านสตรี เด็ก เยาวชนและผู้ด้อยโอกาสในสังคม</u> | <u>8. นโยบายด้านสตรี เด็ก เยาวชนและผู้ด้อยโอกาสในสังคม</u> | ||
ปรับปรุง แก้ไขกฎหมาย | ปรับปรุง แก้ไขกฎหมาย เพื่อส่งเสริมใหญ่หญิงและชายมีสิทธิเท่าเทียมกันและขจัด[[การเลือกปฏิบัติ]]ต่อสตรี เพื่อให้สตรีมีสิทธิและเสรีภาพโดยสมบูรณ์ในการพัฒนาประเทศทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจและสังคม และสนับสนุนให้องค์กรของรัฐเพื่อที่จะดูแลเด็กอนาถาที่ถูกบิดา มารดาทอดทิ้ง | ||
<u>9. นโยบายด้านสาธารณสุขและสาธารณูปโภค</u> | <u>9. นโยบายด้านสาธารณสุขและสาธารณูปโภค</u> | ||
บรรทัดที่ 83: | บรรทัดที่ 83: | ||
ส่งเสริมและสนับสนุนการออกกำลังกายและเล่นกีฬาเพื่อสุขภาพของประชาชน และส่งเสริมการกีฬาและนักกีฬาของชาติให้มีขวัญ กำลังใจและความสามารถอย่างแท้จริงเพื่อเขาเหล่านั้นจะได้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติต่อไป | ส่งเสริมและสนับสนุนการออกกำลังกายและเล่นกีฬาเพื่อสุขภาพของประชาชน และส่งเสริมการกีฬาและนักกีฬาของชาติให้มีขวัญ กำลังใจและความสามารถอย่างแท้จริงเพื่อเขาเหล่านั้นจะได้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติต่อไป | ||
พรรครักเมืองไทยเคยลงสมัครเลือกตั้ง[[สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบสัดส่วน]]ในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2550 จำนวนสาม[[กลุ่มจังหวัด]] กลุ่มละ 10 คน ได้แก่ กลุ่มจังหวัดที่ 1 อันประกอบด้วย จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน แพร่ ลำปาง ลำพูน สุโขทัย ตาก และกำแพงเพชร กลุ่มจังหวัดที่ 6 อันประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร จังหวัดนนทบุรี และจังหวัดสมุทรปราการ และกลุ่มจังหวัดที่ 7 อันประกอบด้วยจังหวัดระนอง ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ราชบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร นครปฐม กาญจนบุรี สุพรรณบุรี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา และจังหวัดสระบุรี แต่ไม่เคยชนะ[[การเลือกตั้ง]]<ref>ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 124 ตอนที่ 93 ก, วันที่ 18 ธันวาคม 2550, หน้า 47-50.</ref> จนกระทั่งมีประกาศ[[นายทะเบียนพรรคการเมือง]] นายทะเบียนพรรคการเมืองโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการการเลือกตั้งในการประชุม[[คณะกรรมการการเลือกตั้ง]] ครั้งที่ ๒๔/๒๕๕๒ เมื่อวันที่ ๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ จึงประกาศให้พรรครักเมืองไทยสิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมือง ตามมาตรา ๑๓๕ วรรคสาม ประกอบมาตรา ๙๑ วรรคหนึ่ง (๑) และวรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๕๐ เนื่องจากพรรครักเมืองไทยไม่สามารถดำเนินการให้มีสมาชิกไม่น้อยกว่าห้าพันคน และมีสาขาพรรคการเมืองอย่างน้อยภาคละหนึ่งสาขาภายในหนึ่งปี จึงมีคำสั่งให้ยุบพรรคสังคมรักเมืองไทย<ref>ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 126 ตอนที่ 46 ง, วันที่ 23 เมษายน 2552, หน้า 272.</ref> | |||
==อ้างอิง== | ==อ้างอิง== | ||
<references/> | <references/> | ||
[[หมวดหมู่:รายชื่อพรรคการเมืองไทย]] | [[หมวดหมู่:รายชื่อพรรคการเมืองไทย]] |
รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 20:19, 11 กรกฎาคม 2553
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองศาสตราจารย์นรนิติ เศรษฐบุตร และ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต
พรรครักเมืองไทย
พรรครักเมืองไทย เขียนอักษรย่อภาษาไทยว่า “รมท” ใช้ภาษาอังกฤษว่า “RAKMUANGTHAI PARTY” ขึ้นทะเบียนเป็นพรรคการเมืองเลขที่ 9/2549 ได้รับการจดทะเบียนเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2549 มีที่ตั้งสำนักงานใหญ่พรรครักเมืองไทย ตั้งอยู่บ้านเลขที่ 111/173 หมู่ที่ 14 ถนนมิตรภาพ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น 40000[1] ต่อมาได้เปลี่ยนที่ตั้งสำนักงานใหญ่พรรคเป็นบ้านเลขที่ 172 หมู่ที่ 12 บ้านสันทางหลวง ตำบลจันจว้าใต้ อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย[2]
เครื่องหมายพรรครักเมืองไทยมีคำอธิบายดังนี้ [3]
ธงชาติ หมายถึง สถาบันหลักคือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ที่คนไทยทุกคนต้องรักษาและเทิดทูนเพื่อให้ประเทศชาติมั่นคง สามัคคีเป็นปึกแผ่นเดียวกัน
แผนที่ประเทศไทย หมายถึง ความเป็นเอกราชของชาติไทย
สีเหลืองวงกลม หมายถึง หลักคุณธรรมของศาสนาเพื่อเป็นเกราะคุ้มครองป้องกันคนไทยทั้งชาติไม่ให้เกิดอันตรายทั้งปวง
อุดมการณ์ของพรรค [4]
อุดมการณ์ของพรรค คือ ระบบความคิดที่พรรคควรยึดมั่น ยืดหยัด และศรัทธาตลอดไปคือ
1. การเมืองการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขของชาติ
2. การอยู่ร่วมกันแบบแบ่งปันความสุขซึ่งกันและกันตามอัตภาพ โดยไม่มีการแบ่งชั้นวรรณะ
3. ส่งเสริมให้ประชาชนมีความรู้ ความสามารถ มีความเป็นอยู่ที่ดี มีความมั่นคงในการดำรงชีวิตอยู่ในสังคม และส่งเสริมให้มีมาตรฐานของระบบการทำงานของเอกชนและในหน่วยของรัฐทุกหน่วยงาน
พรรครักเมืองไทยจะมุ่งเน้นความสัมพันธ์อันดีกับประเทศเพื่อนบ้านและต่างประเทศทั่วโลก โดยไม่เลือกการปกครองของสังคมที่แตกต่างกัน เพื่อประสานและแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจการเมือง ความมั่นคงและวัฒนธรรมทางสังคม โดยเน้นผลประโยชน์ของชาติโดยรวมเป็นหลัก
นโยบายของพรรครักเมืองไทย พ.ศ. 2549[5]
พรรครักเมืองไทย จะยึดมั่นในอุดมการณ์ของการบริหารพรรคที่อยู่ภายใต้กฎหมายของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จะยึดผลประโยชน์ของชาติและประชาชนเป็นหลักในการบริหารประเทศ จึงได้กำหนดนโยบายของการบริหารไว้ 16 ด้าน คือ
1. นโยบายด้านการเมืองและการปกครอง เน้นการแก้ปัญหาหลักของชาติด้วยการเริ่มต้นขจัดระบบการเมืองให้เป็นระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ โดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขของชาติโดยจะเน้นความสำคัญในการบริหารตามหลักของระบอบประชาธิปไตยที่จะตั้งพรรคการเมือง โดยการเมืองเป็นของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชนอย่างแท้จริง
2. นโยบายด้านเศรษฐกิจ ทบทวนและพัฒนาแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติให้ตรงกับสภาพความเป็นจริงโดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงและแข่งขันเสรีที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมไทยและประเทศชาติ ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา พัฒนาระบบรัฐวิสาหกิจโดยใช้หลักการแข่งขันเสรี และกระจายความเจริญและเพิ่มงานสู่ชนบท
3. นโยบายด้านสังคมและวัฒนธรรม ป้องกันและแก้ไขปัญหาเหตุแห่งความไม่เป็นธรรมในสังคมทุกระดับตั้งแต่ระดับท้องถิ่นจนถึงระดับชาติ ปลูกฝังจิตสำนึกและอุดมการณ์ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขของชาติ และส่งเสริมและสนับสนุนขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมอันดีงาม
4. นโยบายด้านการเกษตรและสหกรณ์ ส่งเสริมและแก้ไขระบบสหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร และกลุ่มสาขาอาชีพอื่นทุกรูปแบบให้มีประสิทธิภาพ ประกันการผลิตและราคาการผลิตของสหกรณ์อย่างเป็นระบบและเป็นธรรม และค้นคว้าพัฒนาเกษตรกรรมแบบผสมผสาน ปลอดสารพิษ โดยการค้นคว้าด้านเทคโนโลยี
5. นโยบายด้านการศึกษา พัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพและคุณภาพตามเกณฑ์มาตรฐานการศึกษาของชาติ รวมถึงพัฒนาบุคลากรในสาขาที่ขาดแคลน และสนับสนุนให้ผู้ด้อยโอกาสในสังคมและผู้พิการมีโอกาสเข้าศึกษาและฝึกอบรมวิชามากขึ้น
6. นโยบายด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กำหนดแผนการใช้และพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติที่มีคุณค่าของชาติอย่างประหยัดและคุ้มค่าที่สุด และเร่งรัดป้องกันแก้ไขปัญหามลภาวะสิ่งแวดล้อมเป็นพิษ ทั้งในปัจจุบันและอนาคต
7. นโยบายด้านแรงงานและสวัสดิการสังคม แก้ไข ปรับปรุงกฎหมาย ประกาศและคำสั่งที่ไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับแรงงาน และสาขาอาชีพต่างๆให้ถูกต้องและเป็นธรรมมากยิ่งขึ้น และสนับสนุนให้มีองค์กรของรัฐมาดำเนินการควบคุมดูแลการว่าจ้างอย่างใกล้ชิด
8. นโยบายด้านสตรี เด็ก เยาวชนและผู้ด้อยโอกาสในสังคม ปรับปรุง แก้ไขกฎหมาย เพื่อส่งเสริมใหญ่หญิงและชายมีสิทธิเท่าเทียมกันและขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรี เพื่อให้สตรีมีสิทธิและเสรีภาพโดยสมบูรณ์ในการพัฒนาประเทศทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจและสังคม และสนับสนุนให้องค์กรของรัฐเพื่อที่จะดูแลเด็กอนาถาที่ถูกบิดา มารดาทอดทิ้ง
9. นโยบายด้านสาธารณสุขและสาธารณูปโภค สนับสนุนและส่งเสริมการให้บริการด้านสาธารณสุขและสาธารณูปโภคอย่างมีประสิทธิภาพและต่อเนื่อง และสนับสนุนให้อนามัย ตำบล และโรงพยาบาลทุกจังหวัดให้มีการบริการที่ดีและทั่วถึงเพื่อให้ประชาชนมีสุขภาพที่สมบูรณ์ และแข็งแรง
10. นโยบายด้านการพัฒนาอุตสาหกรรม สนับสนุนให้การคุ้มครองผลผลิตที่สามารถผลิตได้ภายในประเทศ ปลูกจิตสำนึกให้ประชาชนทุกหมู่เหล่า ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตโดยคนไทย ส่งเสริมอุตสาหกรรมการส่งออกขนาดกลางและขนาดย่อม ตลอดจนอุตสาหกรรมภายในครัวเรือนของชุมชนให้เป็นรูปธรรม และเร่งรัดการสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกและความจำเป็นพื้นฐาน ตลอดจนสาธารณูปโภคให้พอเพียงเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการในการพัฒนาอุตสาหกรรมภายในประเทศและการร่วมลงทุนกับต่างประเทศ
11. นโยบายด้านการป้องกันประเทศและความมั่นคง พัฒนาพลังอำนาจของชาติให้เข้มแข็งและมีประสิทธิภาพทุกด้านพร้อมที่จะเผชิญภัยคุกคามจากภายในและภายนอกประเทศทุกรูปแบบ และปรับปรุงขีดความสามารถของกองทัพให้มีประสิทธิภาพ
12. นโยบายด้านการต่างประเทศ ดำเนินนโยบายเป็นอิสระโดยยึดหลักการของผลประโยชน์และความมั่นคงของชาติเป็นสำคัญ กระชับสัมพันธ์อันดีกับต่างประเทศทุกประเทศ และร่วมมือกับองค์กรระหว่างประเทศที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ
13. นโยบายด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สนับสนุนให้มีการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีกับต่างประเทศ และสนับสนุนให้หน่วยงานเอกชนสามารถนำเทคโนโลยีต่างๆที่คิดโดยคนไทยมาประยุกต์ เพื่อผลิตออกจำหน่ายสู่ตลาดทั้งภายในและภายนอกประเทศ
14. นโยบายการต่อต้านยาเสพติดและโรคติดต่อที่รุนแรง ป้องกันและปราบปรามการผลิต การจำหน่าย การเสพยาเสพติดให้โทษอย่างเฉียบขาด และเพิ่มมาตรการลงโทษเจ้าหน้าที่ของรัฐอย่างรุนแรงในกรณีที่สืบทราบได้ว่า มีส่วนพัวพันกับการผลิต การจำหน่ายและการเสพยาเสพติดให้โทษ
15. นโยบายด้านการสื่อสารและโทรคมนาคม ป้องกันระบบผูกขาดจากบริษัทเอกชนและสนับสนุนให้มีการค้าเสรี ยกเลิกสัมปทานที่เอาเปรียบประชาชนหรือผ่อนปรนลงมาเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในการบริการประชาชน และจัดสรรคลื่นวิทยุให้เกิดประโยชน์สูงสุดโดยรวม
6. นโยบายด้านการกีฬา ส่งเสริมและสนับสนุนการออกกำลังกายและเล่นกีฬาเพื่อสุขภาพของประชาชน และส่งเสริมการกีฬาและนักกีฬาของชาติให้มีขวัญ กำลังใจและความสามารถอย่างแท้จริงเพื่อเขาเหล่านั้นจะได้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติต่อไป
พรรครักเมืองไทยเคยลงสมัครเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบสัดส่วนในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2550 จำนวนสามกลุ่มจังหวัด กลุ่มละ 10 คน ได้แก่ กลุ่มจังหวัดที่ 1 อันประกอบด้วย จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน แพร่ ลำปาง ลำพูน สุโขทัย ตาก และกำแพงเพชร กลุ่มจังหวัดที่ 6 อันประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร จังหวัดนนทบุรี และจังหวัดสมุทรปราการ และกลุ่มจังหวัดที่ 7 อันประกอบด้วยจังหวัดระนอง ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ราชบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร นครปฐม กาญจนบุรี สุพรรณบุรี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา และจังหวัดสระบุรี แต่ไม่เคยชนะการเลือกตั้ง[6] จนกระทั่งมีประกาศนายทะเบียนพรรคการเมือง นายทะเบียนพรรคการเมืองโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการการเลือกตั้งในการประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง ครั้งที่ ๒๔/๒๕๕๒ เมื่อวันที่ ๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ จึงประกาศให้พรรครักเมืองไทยสิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมือง ตามมาตรา ๑๓๕ วรรคสาม ประกอบมาตรา ๙๑ วรรคหนึ่ง (๑) และวรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๕๐ เนื่องจากพรรครักเมืองไทยไม่สามารถดำเนินการให้มีสมาชิกไม่น้อยกว่าห้าพันคน และมีสาขาพรรคการเมืองอย่างน้อยภาคละหนึ่งสาขาภายในหนึ่งปี จึงมีคำสั่งให้ยุบพรรคสังคมรักเมืองไทย[7]
อ้างอิง
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 123 ตอนที่ 73 ง, วันที่ 3 สิงหาคม 2549, หน้า 28, 42.
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 124 ตอนที่ 115 ง, วันที่ 27 ธันวาคม 2550, หน้า 122.
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 123 ตอนที่ 73 ง, วันที่ 3 สิงหาคม 2549, หน้า 42.
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 123 ตอนที่ 73 ง, วันที่ 3 สิงหาคม 2549, หน้า 43.
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 123 ตอนที่ 73 ง, วันที่ 3 สิงหาคม 2549, หน้า 28-42.
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 124 ตอนที่ 93 ก, วันที่ 18 ธันวาคม 2550, หน้า 47-50.
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 126 ตอนที่ 46 ง, วันที่ 23 เมษายน 2552, หน้า 272.