ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ญัตติ"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัดที่ 183: | บรรทัดที่ 183: | ||
*[[สงวนคำแปรญัตติ]] | *[[สงวนคำแปรญัตติ]] | ||
[[ | ---- | ||
{|cellpadding="2" cellspacing="5" style="vertical-align:top;background-color:#ffffff;color:#000;width:100%" | |||
! style="background-color:#fffff; font-size: 100%; border: 1px solid #afa3bf; text-align: left; padding-left: 7px; -moz-border-radius:7px" |[[หน้าหลัก]] | [[กิจกรรมที่เกี่ยวกับกระบวนการทางนิติบัญญัติ ]] [[หมวดหมู่ : สถาบันนิติบัญญัติ]] |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 11:25, 8 กรกฎาคม 2553
ผู้เรียบเรียง อรพรรณ สินธ์ศิริมานะ
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จเร พันธุ์เปรื่อง
ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภาอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขในระบบรัฐสภา มีรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศซึ่งบัญญัติให้อำนาจอธิปไตย (นิติบัญญัติ บริหาร ตุลาการ) เป็นของปวงชนชาวไทยพระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุขทรงใช้อำนาจนั้นทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล โดยรัฐธรรมนูญกำหนดให้รัฐสภาเป็นองค์กรทางด้านนิติบัญญัติและทำหน้าที่ควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน รวมทั้งการพิจารณาให้ความเห็นชอบในเรื่องสำคัญตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร การประชุมวุฒิสภา และการประชุมร่วมกันของรัฐสภา เป็นการประชุมเพื่อทำหน้าที่ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ โดยมี “ญัตติ” เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการประชุมสภา เพราะญัตติเป็นข้อเสนอเพื่อให้ที่ประชุมสภาได้พิจารณาดำเนินการเรื่องต่างๆ ตามจุดประสงค์ของญัตตินั้นๆ ญัตติจึงเป็นกลไกสำคัญในการปฏิบัติหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภา เพื่อให้รัฐสภาสามารถทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ[1]
ความหมายของญัตติ
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 ให้ความหมายของ “ญัตติ” ว่า “ญัตติ น. ข้อเสนอเพื่อลงมติ เช่น ผู้แทนราษฎรเสนอญัตติเข้าสู่สภาเพื่อขอให้ที่ประชุมลงมติว่าจะเห็นชอบด้วยหรือไม่”[2] นอกจากนี้ มีการให้ความหมายอื่น ๆ ดังนี้
ญัตติ หมายถึง เรื่อง ปัญหา หรือประเด็น ที่สมาชิกรัฐสภาหรือคณะรัฐมนตรีเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร หรือวุฒิสภา เพื่อให้มีการลงมติในเรื่องปัญหา หรือประเด็นดังกล่าว นอกจากนี้ ยังมีความหมายว่า ข้อเสนอใด ๆ ที่มีความมุ่งหมายจะให้รัฐสภาลงมติหรือวินิจฉัยชี้ขาดว่าจะให้ปฏิบัติหรือดำเนินการอย่างไรต่อไป[3]
ประเภทของญัตติ
ญัตติมีหลายประเภทสามารถพิจารณาได้จากวัตถุประสงค์ของการเสนอญัตตินั้นๆ ว่ามีความต้องการให้รัฐสภาดำเนินการอย่างไร เช่น ญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล เป็นต้น อย่างไรก็ตามจากการพิจารณาบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2551 และข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. 2551 อาจแบ่งประเภทของญัตติได้ 2 ประเภท คือ
1. ญัตติที่ต้องเสนอเป็นหนังสือ
2. ญัตติที่ไม่ต้องเสนอเป็นหนังสือ
1. ญัตติที่ต้องเสนอเป็นหนังสือ
ญัตติที่ต้องเสนอเป็นหนังสือ คือ ญัตติที่ต้องจัดทำเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อยื่นเสนอต่อประธานสภาและต้องเสนอล่วงหน้า ญัตติประเภทนี้มักเป็นญัตติสำคัญที่เสนอให้รัฐสภาพิจารณาดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 และข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2551 ได้กำหนดญัตติที่ต้องเสนอเป็นหนังสือ (ข้อ 37-42)[4] มีดังนี้
1. ญัตติที่เป็นร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ
2. ญัตติที่เป็นร่างพระราชบัญญัติ
3. ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล
4. ญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ
5. ญัตติที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ
6. ญัตติขอให้สภามีมติให้รัฐมนตรีเข้าร่วมประชุมสภา
7. ญัตติขอให้สภามีมติในกรณีมีความขัดแย้งเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ระหว่างสภา คณะรัฐมนตรี และองค์กรตามรัฐธรรมนูญที่มิใช่ศาลตั้งแต่สององค์กรขึ้นไป
8. ญัตติขอให้สภาตั้งคณะกรรมาธิการหรือขอให้คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาสอบสวน หรือศึกษาเรื่องใดๆ อันอยู่ในอำนาจหน้าที่ของสภา
9. ญัตติด่วน เพื่อเสนอให้สภาพิจารณาเป็นการด่วน เป็นกรณีที่เกี่ยวกับประโยชน์สำคัญของแผ่นดิน หรือมีความจำเป็นรีบด่วนในอันที่จะรักษาความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือความมั่นคงของประเทศไม่ว่าในทางเศรษฐกิจหรือในทางใดๆ ก็ตาม หรือในอันที่จะขจัดเหตุใดๆ ที่กระทบกระเทือนต่อเสรีภาพของประชาชนอย่างร้ายแรง ทั้งนี้ ญัตติด่วน ต้องไม่มีลักษณะทำนองเดียวกับกระทู้ถามและต้องมีวัตถุประสงค์เพื่อให้สภาดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง
10. ญัตติขอให้ประชุมลับ โดยปกติแล้วการประชุมสภาผู้แทนราษฎร การประชุมวุฒิสภา การประชุมร่วมกันของรัฐสภา จะประชุมโดยเปิดเผยให้ประชาชนรับทราบ แต่บางกรณีเป็นเรื่องที่ยังไม่ควรเปิดเผยเพราะอาจมีผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนหรือความมั่นคงของประเทศชาติ เมื่อคณะรัฐมนตรีหรือสมาชิกสภาตามจำนวนที่กำหนดร้องขอให้ประชุมลับ ก็ให้ประชุมลับ
11. ญัตติทั่วไปที่เสนอตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2551
ส่วนในข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. 2551 ได้กำหนดญัตติที่ต้องเสนอเป็นหนังสือ (ข้อ 35-39)[5] มีดังนี้
1. ญัตติขอให้ประชุมลับ
2. ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปในวุฒิสภาเพื่อให้คณะรัฐมนตรีแถลงข้อเท็จจริง หรือชี้แจงปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินโดยไม่มีการลงมติ
3. ญัตติเพื่อให้วุฒิสภามีมติให้ถอดถอนสมาชิกวุฒิสภาออกจากตำแหน่งได้
4. ญัตติที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ
5. ญัตติขอให้วุฒิสภามีมติให้รัฐมนตรีเข้าร่วมประชุมวุฒิสภา
6. ญัตติขอให้คณะกรรมาธิการสามัญประจำวุฒิสภาหรือญัตติขอให้วุฒิสภาตั้งคณะกรรมาธิการสามัญ หรือคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาสอบสวน หรือศึกษาเรื่องใดๆ อันอยู่ในอำนาจหน้าที่ของวุฒิสภา
7. ญัตติขอให้วุฒิสภามีมติในกรณีมีความขัดแย้งเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ระหว่างวุฒิสภา คณะรัฐมนตรี และองค์กรตามรัฐธรรมนูญที่มิใช่ศาลตั้งแต่สององค์กรขึ้นไป
8. ญัตติทั่วไปที่เสนอตามข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. 2551
2. ญัตติที่ไม่ต้องเสนอเป็นหนังสือ
ญัตติที่ไม่ต้องเสนอเป็นหนังสือ คือ ญัตติที่ไม่ต้องจัดทำเป็นลายลักษณ์อักษร โดยผู้เสนอสามารถเสนอต่อที่ประชุมสภาด้วยวาจา ญัตติประเภทนี้จะเป็นญัตติที่เกี่ยวกับวิธีการประชุม เพื่อให้การประชุมดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย[6] ซึ่งในข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2551 ได้กำหนดญัตติที่ไม่ต้องเสนอเป็นหนังสือ (ข้อ 46)[7] มีดังนี้
1. ญัตติขอให้พิจารณาเป็นเรื่องด่วน
2. ญัตติขอเปลี่ยนระเบียบวาระการประชุม
3. ญัตติขอให้ลงมติให้จดรายงานการประชุมลับครั้งใด ทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน
4. ญัตติขอให้ลงมติห้ามโฆษณาข้อความอันเกี่ยวกับความปลอดภัยหรือประโยชน์สำคัญของแผ่นดิน ที่ได้กล่าวหรือปรากฏในการประชุม
5. ญัตติขอแปรญัตติเฉพาะในเรื่องที่ไม่ใช่ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ หรือร่างพระราชบัญญัติ
6. ญัตติขอให้รวมระเบียบวาระการประชุมที่เป็นเรื่องเดียวกัน ทำนองเดียวกัน หรือเกี่ยวเนื่องกันเพื่อพิจารณาพร้อมกัน
7. ญัตติขอให้ส่งปัญหาไปยังคณะกรรมาธิการเพื่อพิจารณา
8. ญัตติขอให้บุคคลใดส่งเอกสารมาแถลงข้อเท็จจริงหรือแสดงความคิดเห็น
9. ญัตติขอให้รวมหรือแยกประเด็นพิจารณา หรือลงมติ
10. ญัตติขอให้เลื่อนการปรึกษาหรือพิจารณา
11. ญัตติขอให้ปิดอภิปราย แต่จะเสนอในคราวเดียวกับการอภิปรายของตนไม่ได้
12. ญัตติขอให้ยกเรื่องอื่นขึ้นปรึกษาหรือพิจารณา แต่จะเสนอในคราวเดียวกับการอภิปรายของตนไม่ได้ เพราะอาจมีผลทำให้ญัตติเดิมตกไป และห้ามเสนอในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญและร่างพระราชบัญญัติ
13. ญัตติเสนอวิธีลงคะแนนเสียงในการออกเสียงลงคะแนนโดยเปิดเผยหรือลับ
14. ญัตติขอให้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ โดยคณะกรรมาธิการที่สภาตั้งหรือคณะกรรมาธิการเต็มสภา
15. ญัตติขอให้งดใช้ข้อบังคับการประชุมข้อใดข้อหนึ่งหรือทั้งหมด หรือบางส่วนเป็นการชั่วคราวเฉพาะกรณี
16. ญัตติที่ประธานอนุญาตตามที่เห็นสมควร
ส่วนในข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. 2551 ได้กำหนดญัตติที่ไม่ต้องเสนอเป็นหนังสือ อยู่ในข้อ 40[8] ซึ่งมีลักษณะเดียวกันกับข้อกำหนดในข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2551
อย่างไรก็ตาม ญัตตินั้นอาจตกไปหากที่ประชุมลงมติให้ยกเรื่องอื่นขึ้นปรึกษาหรือพิจารณาทำให้ญัตติเดิมตกไป หรือกรณีผู้เสนอญัตติ ผู้รับรองญัตติไม่ชี้แจงในที่ประชุม ไม่อยู่ในที่ประชุมโดยไม่มีผู้รับมอบหมาย ก็ทำให้ญัตติตกเช่นเดียวกัน
การเสนอญัตติและการรับรองญัตติ
การเสนอญัตติและการรับรองญัตติ จะต้องกระทำตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2551 และข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. 2551 ซึ่งกำหนดหลักเกณฑ์ไว้โดยเฉพาะ
ได้แก่ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา และคณะรัฐมนตรี
จำนวนผู้เสนอญัตติ
การเสนอญัตติใดๆ สามารถเสนอได้โดยผู้เสนอญัตติ 1 คนขึ้นไป แต่บางญัตติมีการกำหนดจำนวนผู้เสนอญัตติไว้ว่าจะต้องมีจำนวนเท่าไรเป็นอย่างน้อย เช่น ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี กำหนดให้มีจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร จึงมีสิทธิเสนอญัตตินี้ได้[9] หรือญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปในวุฒิสภาเพื่อให้คณะรัฐมนตรีแถลงข้อเท็จจริงหรือชี้แจงปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินโดยไม่มีการลงมติ กำหนดให้มีจำนวนสมาชิกวุฒิสภาไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของวุฒิสภา จึงมีสิทธิเสนอญัตติดังกล่าวได้[10] เป็นต้น
โดยทั่วไปนั้น การเสนอญัตติเพื่อให้ที่ประชุมสภาพิจารณาจะต้องมีผู้รับรองญัตติ การรับรองญัตติเป็นการแสดงว่ามีผู้สนใจและต้องการให้มีการพิจารณาญัตตินั้น สมาชิกสภาทุกคนเป็นผู้มีสิทธิรับรองญัตติซึ่งตนไม่ได้เป็นผู้เสนอได้[11] การเสนอญัตติต่อที่ประชุมสภาโดยทั่วไปจะกำหนดให้มีผู้รับรองญัตติไม่น้อยกว่า 5 คน เว้นแต่ถ้ามีบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญหรือข้อบังคับการประชุมสภากำหนดไว้เป็นอย่างอื่นก็จะต้องดำเนินการตามบทบัญญัตินั้น เช่น ญัตติขอให้สภามีมติให้รัฐมนตรีเข้าร่วมประชุมสภา ในข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2551 กำหนดให้มีผู้รับรองไม่น้อยกว่า 20 คน[12] หรือญัตติขอให้วุฒิสภามีมติให้รัฐมนตรีเข้าร่วมประชุมวุฒิสภา ในข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. 2551 กำหนดให้มีผู้รับรองไม่น้อยกว่า 10 คน[13]
นอกจากนี้ ข้อบังคับการประชุมสภาได้กำหนดประเภทของญัตติที่ไม่ต้องมีผู้รับรองญัตติ เช่น ญัตติที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ หรือญัตติที่ต้องใช้สมาชิกจำนวนมากร่วม ลงชื่อเสนอ เช่น ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ญัตติที่เป็นร่างพระราชบัญญัติ เป็นต้น
ญัตติที่เสนอล่วงหน้าเป็นหนังสือ ผู้เสนอและผู้รับรองต้องลงลายมือชื่อในญัตตินั้น ส่วนญัตติที่ไม่ต้องเสนอล่วงหน้าเป็นหนังสือ ให้ผู้รับรองญัตติแสดงการรับรองโดยวิธียกมือขึ้นพ้นศีรษะ[14]
ญัตติเป็นกลไกที่สำคัญต่อการดำเนินงานของรัฐสภาทั้งในด้านกระบวนการทางนิติบัญญัติ การควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน และการดำเนินการประชุมสภา ทำให้รัฐสภาในฐานะองค์กรทางด้านนิติบัญญัติสามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตัวอย่างแบบฟอร์มการเสนอญัตติในส่วนของผู้เสนอญัตติ
ตัวอย่างแบบฟอร์มการเสนอญัตติในส่วนของผู้รับรองญัตติ
อ้างอิง
- ↑ จเร พันธุ์เปรื่อง. “ญัตติ” รัฐสภาสาร. ปีที่ 41 ฉบับที่ 6 (มิ.ย. 2536). หน้า 3.
- ↑ ราชบัณฑิตยสถาน. พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542. กรุงเทพฯ: นานมีบุ๊คส์พับลิเคชั่นส์, 2546. หน้า 390.
- ↑ คณิน บุญสุวรรณ. ปทานุกรม ศัพท์รัฐสภาและการเมืองไทย ฉบับสมบูรณ์. กรุงเทพฯ : สุขภาพใจ, 2548. หน้า 319.
- ↑ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2551 ข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. 2551. กรุงเทพฯ : สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2551. หน้า 15-16.
- ↑ เรื่องเดียวกัน, หน้า 88-89.
- ↑ จเร พันธุ์เปรื่อง. “ญัตติ” รัฐสภาสาร. ปีที่ 41 ฉบับที่ 6 (มิ.ย. 2536). หน้า 17.
- ↑ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2551 ข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. 2551. กรุงเทพฯ : สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2551. หน้า 17-18.
- ↑ เรื่องเดียวกัน, หน้า 89-90.
- ↑ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2551. กรุงเทพฯ: สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2551. หน้า 130.
- ↑ เรื่องเดียวกัน, หน้า 133.
- ↑ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. ระบบงานรัฐสภา. กรุงเทพฯ : สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2540 หน้า 51.
- ↑ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2551 ข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. 2551. กรุงเทพฯ : สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2551. หน้า 17-18.
- ↑ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2551 ข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. 2551. กรุงเทพฯ: สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2551. หน้า 88.
- ↑ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2551 ข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. 2551. กรุงเทพฯ : สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2551. หน้า 19.
หนังสือแนะนำให้อ่านต่อ
คณิน บุญสุวรรณ. ปทานุกรม ศัพท์รัฐสภาและการเมืองไทย ฉบับสมบูรณ์. กรุงเทพฯ : สุขภาพใจ, 2548.
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2551 ข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. 2551. กรุงเทพฯ: สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2551.
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2551. กรุงเทพฯ: สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2551.
บรรณานุกรม
คณิน บุญสุวรรณ. ปทานุกรม ศัพท์รัฐสภาและการเมืองไทย ฉบับสมบูรณ์. กรุงเทพฯ : สุขภาพใจ, 2548.
จเร พันธุ์เปรื่อง. “ญัตติ” รัฐสภาสาร. ปีที่ 41 ฉบับที่ 6 (มิ.ย. 2536).
ชัยอนันต์ สมุทวณิช และเศรษฐพร คูศรีพิทักษ์. กลไกรัฐสภา. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์พิฆเนศ, 2518.
ราชบัณฑิตยสถาน. พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542. กรุงเทพฯ : นานมีบุ๊คส์พับลิเคชั่นส์, 2546.
วรรณี เกตุนุติ. “ญัตติ” รัฐสภาสาร. ปีที่ 34 ฉบับที่ 3 (มี.ค. 2529).
สานิตย์ โลหะชาละ. “ญัตติ” รัฐสภาสาร. ปีที่ 32 ฉบับที่ 10 (ต.ค. 2527).
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2551 ข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. 2551. กรุงเทพฯ: สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2551.
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. ระบบงานรัฐสภา. กรุงเทพฯ : สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2540.
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2551. กรุงเทพฯ: สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2551.
ดูเพิ่มเติม
หน้าหลัก | กิจกรรมที่เกี่ยวกับกระบวนการทางนิติบัญญัติ |
---|