ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สภาร่างรัฐธรรมนูญ"
สร้างหน้าใหม่: '''ผู้เรียบเรียง''' สิฐสร กระแสร์สุนทร '''ผู้ทรงคุณวุฒิประจำ... |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัดที่ 7: | บรรทัดที่ 7: | ||
การเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข เมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๕ ได้ก่อให้เกิดพัฒนาการด้านการเมืองการปกครองของประเทศไทย โดยเป็นประเทศหนึ่งที่มีการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายแม่บทสูงสุดที่ใช้เป็นแนวทางในการบริหารและปกครองบ้านเมือง และการศึกษาถึงประวัติศาสตร์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันจะพบว่ารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยมีพัฒนาการเรื่อยมาตั้งแต่ฉบับแรก พ.ศ. ๒๔๗๕ จนถึงฉบับปัจจุบัน พ.ศ. ๒๕๕๐ โดยประเทศไทยของเรามีรัฐธรรมนูญ จำนวน ๔ ฉบับ ที่ผ่านการร่างจาก “สภาร่างรัฐธรรมนูญ” | การเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข เมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๕ ได้ก่อให้เกิดพัฒนาการด้านการเมืองการปกครองของประเทศไทย โดยเป็นประเทศหนึ่งที่มีการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายแม่บทสูงสุดที่ใช้เป็นแนวทางในการบริหารและปกครองบ้านเมือง และการศึกษาถึงประวัติศาสตร์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันจะพบว่ารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยมีพัฒนาการเรื่อยมาตั้งแต่ฉบับแรก พ.ศ. ๒๔๗๕ จนถึงฉบับปัจจุบัน พ.ศ. ๒๕๕๐ โดยประเทศไทยของเรามีรัฐธรรมนูญ จำนวน ๔ ฉบับ ที่ผ่านการร่างจาก “สภาร่างรัฐธรรมนูญ” | ||
[[ภาพ:Constituent.JPG]] | <center>[[ภาพ:Constituent.JPG]]</center> | ||
==สภาร่างรัฐธรรมนูญ== | ==สภาร่างรัฐธรรมนูญ== |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 13:58, 4 กันยายน 2552
ผู้เรียบเรียง สิฐสร กระแสร์สุนทร
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จเร พันธุ์เปรื่อง
การเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข เมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๕ ได้ก่อให้เกิดพัฒนาการด้านการเมืองการปกครองของประเทศไทย โดยเป็นประเทศหนึ่งที่มีการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายแม่บทสูงสุดที่ใช้เป็นแนวทางในการบริหารและปกครองบ้านเมือง และการศึกษาถึงประวัติศาสตร์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันจะพบว่ารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยมีพัฒนาการเรื่อยมาตั้งแต่ฉบับแรก พ.ศ. ๒๔๗๕ จนถึงฉบับปัจจุบัน พ.ศ. ๒๕๕๐ โดยประเทศไทยของเรามีรัฐธรรมนูญ จำนวน ๔ ฉบับ ที่ผ่านการร่างจาก “สภาร่างรัฐธรรมนูญ”
สภาร่างรัฐธรรมนูญ
สภาร่างรัฐธรรมนูญถือได้ว่ามีบทบาทสำคัญยิ่งในการร่างรัฐธรรมนูญ เป็นหน่วยงานที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อภารกิจเฉพาะ ปฏิบัติหน้าที่ในช่วงระยะเวลาที่กำหนด สำหรับความหมายของ “สภาร่างรัฐธรรมนูญ” คณิน บุญสุวรรณ[๑] ได้ให้คำจำกัดความไว้ว่า สภาร่างรัฐธรรมนูญ หมายถึง สภาแห่งชาติซึ่งทำหน้าที่จัดทำร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ เพื่อเสนอต่อรัฐสภาให้ความเห็นชอบและประกาศใช้เป็นรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กาญจนรัตน์ ลีวิโรจน์[๒] ให้ความหมายไว้คล้ายกันว่า คณะบุคคลที่ทำหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญ มักเกิดขึ้นเมื่อมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว และต้องการให้มีรัฐธรรมนูญฉบับถาวร หรือเป็นกรณีที่ต้องการประสานประโยชน์ ให้ตรงตามความประสงค์ของบุคคลทุกฝ่ายมากที่สุด
ถ้าพิจารณาจากประวัติศาสตร์ทางการเมืองการปกครองของประเทศไทยแล้ว พบว่า ประเทศไทยเราเคยมีสภาร่างรัฐธรรมนูญด้วยกันทั้งหมด ๔ ชุด ได้แก่ สภาร่างรัฐธรรมนูญชุดที่ ๑ ที่จัดตั้งขึ้นตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. ๒๔๙๐ (แก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ ๒) สภาร่างรัฐธรรมนูญชุดที่ ๒ ที่จัดตั้งขึ้นตามธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๐๒ สภาร่างรัฐธรรมนูญชุดที่ ๓ ที่จัดตั้งขึ้นตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๓๙ และสภาร่างรัฐธรรมนูญชุดสุดท้าย ซึ่งเป็นชุดที่ ๔ ที่จัดตั้งขึ้นตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. ๒๕๔๙
หากจะพิจารณาถึงผลดีของการร่างรัฐธรรมนูญโดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ[๓] คือ สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญประกอบด้วยบุคคลจากหลายอาชีพทำให้ได้ความเห็นที่หลากหลาย สภาร่างรัฐธรรมนูญทำหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญโดยเฉพาะสามารถทุ่มเทเวลาโดยไม่ต้องกังวลกับงานอื่น อีกทั้งเป็นการลดความตึงเครียดทางการเมือง และช่วยประสานประโยชน์กันทุกฝ่าย
สภาร่างรัฐธรรมนูญ ชุดที่ ๑ - ๔
สภาร่างรัฐธรรมนูญชุดที่ ๑[๔] จัดตั้งขึ้นตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. ๒๔๙๐ (แก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ ๒) เมื่อวันที่ ๒๓ มกราคม พ.ศ. ๒๔๙๑ รัฐบาลในขณะนั้นได้เสนอให้แก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. ๒๔๙๐ ต่อสภา เพื่อให้มีการจัดตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญขึ้นทำหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญ สภาร่างรัฐธรรมนูญชุดนี้ประกอบด้วยสมาชิก ๔๐ คน โดยกำหนดให้สมาชิกรัฐสภาเป็นผู้เลือกจากสมาชิกวุฒิสภา ๑๐ คน จากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ๑๐ คน และจากผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสภาร่างรัฐธรรมนูญอีก ๔ ประเภท ๆ ละ ๕ คน คือ ๑) ผู้มีคุณสมบัติของผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทน (ประเภททั่วไป) ๒) ผู้ที่ดำรง หรือเคยดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง หรืออธิบดี หรือเทียบเท่า ๓) ผู้ที่เคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือสมาชิกสภาผู้แทน หรือสมาชิกพฤฒสภา หรือดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรี ๔) ผู้สำเร็จการศึกษาได้รับปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และยังกำหนดให้สภาร่างรัฐธรรมนูญชุดนี้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวรให้แล้วเสร็จภายใน ๑๘๐ วัน นับแต่วันเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญเสร็จสิ้น การเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญกำหนดขึ้น เมื่อวันที่ ๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๙๑ จากนั้นดำเนินการเปิดการประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ ๑๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๙๑ ณ พระที่นั่งอภิเศกดุสิต โดยที่ประชุมมีมติเลือกเจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศ เป็นประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ สภาร่างรัฐธรรมนูญชุดนี้ร่างรัฐธรรมนูญแล้วเสร็จสิ้น เมื่อวันที่ ๒๕ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๙๑ และเสนอต่อที่ประชุมรัฐสภาตามวิธีการที่รัฐธรรมนูญกำหนด ที่ประชุมรัฐสภาให้ความเห็นชอบเมื่อวันที่ ๒๘ มกราคม พ.ศ. ๒๔๙๒ เสนอโปรดเกล้าและประกาศใช้เป็นรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๔๙๒ เมื่อวันที่ ๒๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๙๒
สภาร่างรัฐธรรมนูญชุดที่ ๒[๕] จัดตั้งขึ้นตามธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๐๒ โดยรัฐธรรมนูญดังกล่าวกำหนดให้จัดตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งประกอบด้วยสมาชิกผู้ทรงคุณวุฒิที่พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งจำนวน ๒๔๐ คน ทำหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญและให้มีฐานะเป็นรัฐสภาทำหน้าที่นิติบัญญัติอีกด้วย โดยมีประกาศแต่งตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญขึ้น เมื่อวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๐๒ และเปิดประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญในวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๐๒ ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม มี พลเอกสุทธิ์ สุทธิสารรณกร ได้รับเลือกจากสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญให้เป็นประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ สภาร่างรัฐธรรมนูญชุดนี้ยังทำหน้าที่ในการคัดเลือกจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกด้วย สภาร่างรัฐธรรมนูญชุดดังกล่าวนอกจากอำนาจหน้าที่ที่กล่าวมาแล้วยังมีอำนาจในการให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับที่ตนเองจัดทำขึ้นอีกด้วย แต่ไม่มีอำนาจในการควบคุมบริหารราชการแผ่นดิน นับได้ว่าเป็นสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มีอายุยาวนานที่สุดในโลกก็ว่าได้[๖] เพราะการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ใช้เวลายาวนานถึง ๙ ปี ๔ เดือน (๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๐๒ ถึง ๒๐ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๑๑) ในระหว่างนั้นมีการเลือกตำแหน่งประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญคนใหม่ คือ นายทวี บุณยเกตุ เมื่อวันที่ ๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๑๑ เนื่องจากการอสัญกรรมของประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญคนเดิม สภาร่างรัฐธรรมนูญชุดนี้ทำหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๑๑ แล้วเสร็จ ประกาศและบังคับใช้เมื่อวันที่ ๒๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๑๑
สภาร่างรัฐธรรมนูญชุดที่ ๓[๗] จัดตั้งขึ้นตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๓๙ โดยมีหลักการและอำนาจหน้าที่สำคัญดังนี้ สภาร่างรัฐธรรมนูญประกอบด้วยสมาชิกซึ่งมาจากการเลือกตั้งจังหวัดละหนึ่งคน (ขณะนั้นประเทศไทยมี ๗๖ จังหวัด) รวมกับผู้เชี่ยวชาญและผู้มีประสบการณ์ จำนวน ๒๓ คน เป็น ๙๙ คน มีหน้าที่จัดทำร่างรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่ทั้งฉบับ กำหนดให้จัดทำร่างรัฐธรรมนูญให้แล้วเสร็จภายในเวลา ๒๔๐ วันนับแต่วันที่มีสมาชิกครบจำนวน ให้สภาร่างรัฐธรรมนูญคำนึงถึงความคิดเห็นของประชาชนในการทำหน้าที่เป็นสำคัญ และให้สภาร่างรัฐธรรมนูญกำหนดพื้นฐานอันนำไปสู่การปฏิรูปการเมืองโดยปรับปรุงโครงสร้างทางการเมืองขึ้นใหม่ให้มีเสถียรภาพและประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ยังคงรักษาระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขไว้ตลอดไป รัฐสภาดำเนินการคัดเลือกสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ จังหวัดละ ๑ คน (จากประชาชนที่สนใจสมัครและคัดเลือกกันเองแล้วจนเหลือเป็นผู้แทนจังหวัดละ ๑๐ คน) เมื่อวันที่ ๒๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๙ และในการประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญครั้งที่หนึ่งที่ประชุมมีมติเลือกนายอุทัย พิมพ์ใจชน เป็นประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ สภาร่างรัฐธรรมนูญดำเนินการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญเสร็จสิ้นทั้งฉบับ ผ่านการลงมติให้ความเห็นชอบ และส่งมอบให้ประธานรัฐสภา เมื่อวันที่ ๑๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๐ จากนั้นมีการประกาศและบังคับใช้เป็นรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๔๐ เมื่อวันที่ ๑๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๐
สภาร่างรัฐธรรมนูญชุดที่ ๔[๘] จัดตั้งขึ้นตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. ๒๕๔๙ จากเหตุการณ์การยึดอำนาจการปกครองของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๙ และได้ประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวแทนฉบับเดิม โดยเนื้อหาของรัฐธรรมนูญฉบับนี้กำหนดให้มีสมัชชาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๙ โดยมีจำนวนสมาชิกที่มาจากการสรรหาจากทุกภาคส่วน จำนวนทั้งสิ้น ๑,๙๘๒ คน จากนั้นให้ลงมติคัดเลือกกันเอง เหลือ ๒๐๐ คน แล้วให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.) ทำการคัดเลือกเหลือ ๑๐๐ คน เพื่อไปเป็นสภาร่างรัฐธรรมนูญ และคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติคัดเลือกผู้ทรงคุณวุฒิอีก ๑๐ คน ทำหน้าที่ร่วมเป็นกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ[๙] สภาร่างรัฐธรรมนูญชุดนี้มีหน้าที่ความรับผิดชอบในการร่างรัฐธรรมนูญ (ฉบับที่ ๑๘) และต้องเสนอความเห็นพร้อมกับเผยแพร่ให้ประชาชนทั่วไปได้รับทราบ เพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชน และถือได้ว่าเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ทางการเมืองการปกครองที่กำหนดให้ประชาชนทุกคนมีส่วนร่วมในการออกเสียงลงประชามติเพื่อให้ความเห็นชอบ / ไม่เห็นชอบต่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ สภาร่างรัฐธรรมนูญชุดนี้เปิดประชุมสภาครั้งแรกเมื่อวันที่ ๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๐ และมีมติเลือก นายนรนิติ เศรษฐบุตร เป็นประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ ดำเนินการร่างรัฐธรรมนูญจนแล้วเสร็จ และจัดให้มีการลงประชามติต่อร่างรัฐธรรมนูญของประชาชนทั้งประเทศ เมื่อวันที่ ๑๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ โดยผลการลงประชามติปรากฏว่าประชาชนส่วนใหญ่ให้ความเห็นชอบ ๑๔,๗๒๗,๓๐๖ (คิดเป็นร้อยละ ๕๗.๘๑) มากกว่าคะแนนเสียงที่ไม่เห็นชอบ ซึ่งมีคะแนนเสียง ๑๐,๗๔๗,๔๔๑ (คิดเป็นร้อยละ ๔๒.๑๙) จากนั้นจึงประกาศและบังคับใช้เป็นรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๕๐ เมื่อวันที่ ๒๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ เป็นต้นมา
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยที่จัดทำโดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ
จากอดีตจนถึงปัจจุบันประเทศไทยมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญไปแล้วทั้งสิ้น ๑๘ ฉบับด้วยกัน ฉบับสำคัญ ๆ ที่จัดทำโดยสภาร่างรัฐธรรมนูญมีดังนี้[๑๐]
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๔๙๒ ประกาศและบังคับใช้เมื่อวันที่ ๒๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๙๒ รัฐธรรมนูญฉบับนี้มีที่มาจากรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. ๒๔๙๐ (ฉบับที่ ๔) เป็นรัฐธรรมนูญที่ประกาศใช้ชั่วคราว หลังจากเหตุการณ์การรัฐประหารของคณะรัฐประหาร นำโดย พลโทผิน ชุณหะวัณ เป็นหัวหน้าคณะรัฐประหาร รัฐธรรมนูญฉบับที่ ๔ มีการแก้ไขปรับปรุงจำนวน ๓ ครั้งด้วยกัน โดยการแก้ไขในครั้งที่ ๒ ได้มีการแก้ไขกำหนดเวลาในการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับถาวร และวิธีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวรโดยกำหนดให้มีการจัดตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญชุดดังกล่าวได้ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๔๙๒ ขึ้น ซึ่งเป็นรัฐธรรมนูญฉบับที่ ๕ ของประเทศ แต่เป็นรัฐธรรมนูญฉบับแรกที่ผ่านการร่างโดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ โดยรัฐธรรมนูญฉบับที่ ๕ นี้ มีระยะเวลาในการบังคับใช้เพียง ๒ ปี ๘ เดือน ถูกยกเลิกโดยคณะรัฐประหาร นำโดยพลเอกผิน ชุณหะวัณ เมื่อวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๙๔
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๑๑ เป็นรัฐธรรมนูญของไทยฉบับที่ ๒ ที่ผ่านการร่างโดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ เนื่องจากในวันที่ ๑๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๐๐ เกิดเหตุการณ์รัฐประหารนำโดย จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ และประกาศยกเลิกการบังคับใช้รัฐธรรมนูญเดิม (ฉบับที่ ๖) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๔๗๕ แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. ๒๔๙๕ เมื่อวันที่ ๒๐ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๐๑ และประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ (ฉบับที่ ๗) ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๐๒ แทน ซึ่งในรัฐธรรมนูญฉบับที่ ๗ นี้เองที่กำหนดให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญขึ้นอีกชุดหนึ่ง ทำหน้าที่ในการร่างรัฐธรรมนูญและทำหน้าที่นิติบัญญัติร่วมด้วย สำหรับรัฐธรรมนูญของไทยฉบับที่ ๘ ซึ่งผ่านการร่างโดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ มีการประกาศและบังคับใช้เมื่อวันที่ ๒๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๑๑ มีระยะเวลาในการบังคับใช้เพียง ๓ ปี ๔ เดือน แต่เป็นรัฐธรรมนูญฉบับที่ใช้ระยะเวลาในการร่างยาวนานถึง ๙ ปี ๔ เดือน โดยรัฐธรรมนูญฉบับนี้ถูกยกเลิกโดยคณะปฏิวัตินำโดยจอมพลถนอม กิตติขจร ในการปฏิวัติเมื่อวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๑๔
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๔๐ ประกาศและบังคับใช้เมื่อวันที่ ๑๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๐ โดยเป็นรัฐธรรมนูญของไทยฉบับที่ ๓ ที่ผ่านการร่างของสภาร่างรัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญฉบับนี้เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลที่มี นายบรรหาร ศิลปอาชา เป็นนายกรัฐมนตรี โดยในขณะนั้นมีการเรียกร้องจากประชาชนให้มีการปฏิรูปการเมือง เพื่อให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้มีความเป็นประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้น สกัดกั้นนักการเมืองที่ซื้อเสียง และหวังเข้าไปคอร์รัปชัน[๑๑]
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๕๐ ฉบับปัจจุบันที่ประชาชนไทยยึดถือและปฏิบัติอยู่ ประกาศและบังคับใช้เมื่อวันที่ ๒๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ เป็นรัฐธรรมนูญของไทยฉบับที่ ๔ ที่ผ่านการร่างจากสภาร่างรัฐธรรมนูญ โดยรัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นฉบับแรกที่เปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วทั้งประเทศมีส่วนร่วมในการลงประชามติเพื่อให้ความเห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญ
จะเห็นได้ว่ารัฐธรรมนูญของประเทศไทยเรานั้น มีพัฒนาการเรื่อยมาตั้งแต่รัฐธรรมนูญฉบับแรกจนถึงฉบับปัจจุบัน ประเทศไทยของเรามีรัฐธรรมนูญ รวมทั้งสิ้นจำนวน ๔ ฉบับ ที่ผ่านการร่างด้วยสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มีที่มาแตกต่างกันออกไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญชั่วคราวแต่ละสมัย
อ้างอิง
หนังสือแนะนำให้อ่านต่อ
คณิน บุญสุวรรณ, (๒๕๔๘) “ปทานุกรมศัพท์รัฐสภาและการเมืองไทย”. กรุงเทพ ฯ : สำนักพิมพ์สุขภาพใจ.
ประเสริฐ ปัทมะสุคนธ์, (๒๕๑๗) “รัฐสภาไทยในรอบสี่สิบสองปี (๒๔๗๕ - ๒๕๑๗)”. กรุงเทพ ฯ : ห้างหุ้นส่วนจำกัด ช. ชุมนุมช่าง.
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, (๒๕๔๗) “ประวัติรัฐธรรมนูญ”. กรุงเทพ ฯ : สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร.
บรรณานุกรม
กาญจนรัตน์ ลีวิโรจน์, (๒๕๔๔) “สารานุกรมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (พ.ศ.๒๕๔๐) หมวดรัฐธรรมนูญและกฏหมาย เรื่อง ๔ การจัดทำและแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ”. กรุงเทพฯ : สถาบันพระปกเกล้า, องค์การค้าคุรุสภา.
คณิน บุญสุวรรณ, (๒๕๔๘) “ปทานุกรมศัพท์รัฐสภาและการเมืองไทย”. กรุงเทพ ฯ : สำนักพิมพ์สุขภาพใจ.
ประเสริฐ ปัทมะสุคนธ์, (๒๕๑๗) “รัฐสภาไทยในรอบสี่สิบสองปี (๒๔๗๕ - ๒๕๑๗)”. กรุงเทพ ฯ : ห้างหุ้นส่วนจำกัด ช. ชุมนุมช่าง.
วัฒนะ คล้ายแก้ว, (๒๕๕๐) “ปัจจัยที่ส่งผลต่อการมีส่วนร่วมในการร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับปีพุทธศักราช ๒๕๕๐ ของข้าราชการสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร”. ภาคนิพนธ์ศิลปะศาสตร์มหาบัณฑิต (พัฒนาสังคม), คณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์.
“สภาร่างรัฐธรรมนูญ”. (ระบบออนไลน์) http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%b8%AA%... (สืบค้นเมื่อวันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๕๒)
“สภาร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๓๙”. (ระบบออนไลน์) http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%b8%AA%... (สืบค้นเมื่อวันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๕๒)
“สภาร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๕๐”. (ระบบออนไลน์) http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%b8%AA%... (สืบค้นเมื่อวันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๕๒)
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, (๒๕๔๗) “ประวัติรัฐธรรมนูญ”. กรุงเทพ ฯ : สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร.
ดูเพิ่มเติม
- สภาร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๔๙๒
- สภาร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๐๒
- สภาร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๓๙
- สภาร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๕๐