ผลต่างระหว่างรุ่นของ "กระทรวงมหาดไทย"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัดที่ 128: | บรรทัดที่ 128: | ||
อมร รักษาสัตย์. สภาพการบริหารราชการ. พระนคร : สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2511. | อมร รักษาสัตย์. สภาพการบริหารราชการ. พระนคร : สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2511. | ||
[[หมวดหมู่:การบริหารราชการแผ่นดิน]] | [[index.php?title=หมวดหมู่:การบริหารราชการแผ่นดิน]] | ||
[[หมวดหมู่:สารานุกรม คำศัพท์ต่าง ๆ]] | [[index.php?title=หมวดหมู่:สารานุกรม คำศัพท์ต่าง ๆ]] |
รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 09:53, 17 มิถุนายน 2568
ผู้เรียบเรียง : รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ : ศาสตราจารย์พิเศษ นรนิติ เศรษฐบุตร
กระทรวงมหาดไทย
กระทรวงมหาดไทยเป็นส่วนราชการระดับสูงที่มีขอบเขตอำนาจครอบคลุมพื้นที่ทั้งประเทศ โดยมีหน้าที่หลักด้านบำบัดทุกข์บำรุงสุข การรักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชน การอำนวยความเป็นธรรมของสังคม การส่งเสริมและพัฒนาการเมืองการปกครอง การบริหารราชการส่วนภูมิภาค การปกครองท้องที่ การส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นและพัฒนาชุมชน การทะเบียนราษฎร ความมั่นคงภายใน กิจการสาธารณภัย และการพัฒนาเมือง และราชการอื่นตามที่มีกฎหมายกำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทยหรือส่วนราชการที่สังกัด
ตราประจำกระทรวงมหาดไทย คือ ตราพระราชสีห์ สีประจำกระทรวงมหาดไทย คือ สีดำ ปัจจุบันกระทรวงมหาดไทยแบ่งส่วนราชการระดับกรมออกเป็น 8 หน่วยงาน และมีรัฐวิสาหกิจในกำกับ 6 หน่วยงาน นอกจากนี้ กระทรวงมหารดไทยยังมีหน่วยงานสาขาในพื้นที่ทั่วประเทศ ได้แก่ ศาลากลางจังหวัดในทุกจังหวัด จัดตั้งที่ว่าการอำเภอในทุกอำเภอ โดยทำหน้าที่เสมือนเป็นรัฐบาลขนาดย่อมในพื้นที่ โดยส่งข้าราชการของกระทรวงและกรมในสังกัดไปปฏิบัติงานประจำ ณ ศาลากลางจังหวัดและที่ว่าการอำเภอ ในระดับต่ำลงไปจากระดับอำเภอที่มีการแบ่งพื้นที่เป็นตำบลและตำบลแบ่งย่อยเป็นระดับหมู่บ้าน มีการแต่งตั้งประชาชนในพื้นที่ให้ทำหน้าที่เป็นเจ้าพนักงานของรัฐช่วยงานฝ่ายปกครอง ในตำแหน่งกำนัน สารวัตรกำนัน แพทย์ประจำตำบล ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ตามที่กฎหมายปกครองท้องที่กำหนดภายใต้การควบคุมและบังคับบัญชาของเจ้าหน้าที่กระทรวงมหาดไทย (เช่น ผู้ว่าราชการจังหวัด) หรือกรมในสังกัดของกระทรวงมหาดไทย (เช่น นายอำเภอ ฯลฯ) มอบหมาย ในส่วนที่เกี่ยวกับการปกครองท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทยก็มีอำนาจกำกับดูแล หน่วยการปกครองท้องถิ่นทุกหน่วย ทุกประเภท ทุกระดับ ทั่วประเทศ จะเห้นได้ว่า กระทรวงมหาดไทยมีอำนาจครอบคลุมกว้างขวางมาก เป็นผู้บังคับบัญชาของผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด นายอำเภอทุกอำเภอ กำนันทุกตำบล และผู้ใหญ่บ้านทุกหมู่บ้าน ทั่วประเทศ รวมทั้งกำกับดูแลกิจการสาธารณูปโภคสำคัญ ๆ ได้แก่ น้ำเพื่อการบริโภค ไฟฟ้า แหล่งซื้อขายสิ้นค้า การกำจัดน้ำเสีย
ก่อนปฏิรูประบบราชการ พ.ศ. 2545 กระทรวงมหาดไทยมีขอบเขตอำนาจมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน กระทรวงมหาดไทยเคยบังคับบัญชา กรมอัยการ กรมตำรวจ และกรมราชทัณฑ์ แต่ในปัจจุบันส่วนราชการข้างต้นได้ถูกแบ่งแยกให้ไปสังกัดในกระทรวงอื่นหรือเป็นหน่วยงานกึ่งอิสระ ไม่ขึ้นต่อกระทรวงมหาดไทยอีกต่อไป
ส่วนราชการระดับกรมในสังกัด ได้แก่
1. สำนักงานรัฐมนตรี
2. สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย
3. กรมการปกครอง
4. กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น
5. กรมที่ดิน
6. กรมการพัฒนาชุมชน
7. กรมโยธาธิการและผังเมือง
8. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
หน่วงานรัฐวิสาหกิจในกำกับ ได้แก่
1. การประปานครหลวง
2. การประปาส่วนภูมิภาค
3. การไฟฟ้านครหลวง
4. การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
5. องค์การตลาด
6. องค์การจัดการน้ำเสีย
ความเป็นมาของกระทรวงมหาดไทย แต่เดิมมาตั้งแต่ยุคก่อตั้งประเทศ คือ ในยุคสุโขทัย หน้าที่ 2 ประการหลักของการปกครอง คือ การป้องกันประเทศและการปกครองทะนุบำรุงประเทศ หน้าที่ประการแรกเป็นเรื่อง “รบ” เป็นงานในความรับผิดชอบของกระทรวงกลาโหม หน้าที่ประการที่สองเป็นเรื่อง “รักษ์” เป็นงานในความรับผิดชอบของกระทรวงมหาดไทย คำว่า “มหาดไทย” นี้ สันนิษฐานว่ามีรากของคำมาจากภาษาสันสกฤต “มหทย” ซึ่งแปลว่า เมตตายิ่ง หรือ กรุณายิ่ง
ในสมัยอยุธยาตอนต้น (พ.ศ. 1893-1991) สังคมมีความสลับซับซ้อนมากขึ้นตามลำดับพัฒนาการของประชากร การแบ่งงานด้านการปกครองจึงมีการแบ่งงานเพิ่มขึ้นตามไปด้วย มีการจัดระเบียบการปกครอง โดยแบ่งเป็น 4 ฝ่าย หรือที่เรียกว่า จตุสดมมภ์ ได้แก่
1. เวียง มีขุนเวียงเป็นหัวหน้า ทำหน้าที่ดูแลทุกข์สุขของประชาชน และความสงบเรียบร้อยทั่วราชอาณาจักร
2. วัง มีขุนวังเป็นหัวหน้า ดูแลรักษาพระราชวัง จัดงานพระราชพิธีต่าง ๆ และพิจารณาพิพากษาคดี
3. คลัง มีขุนคลังเป็นหัวหน้า รับผิดชอบด้านการเงิน จัดเก็บภาษีอากรและการต่างประเทศ และ
4. นา มีขุนนาเป็นหัวหน้า รับผิดชอบดูแลการทำไรทำนาของประชาชน รวมทั้งการสะสมเสบียงอาหารของพระนคร
ต่อมาสมัยอยุธยาตอนกลาง (พ.ศ. 1991-2231) พระบรมไตรโลกนาถทรงปฏิรูปการปกครองเพื่อให้อำนาจรวมศูนย์สู่ส่วนกลางมากขึ้น ทรงแบ่งส่วนราชการออกเป็น 2 ฝ่าย ได้แก่
1. ฝ่ายทหาร มีสมุหกลาโหมเป็นหัวหน้า ควบคุมดูแลกิจการทหารทั่วราชอาณาจักร
2. ฝ่ายพลเรือน มีสหมุหนายกเป็นหัวหน้า และรับผิดชอบบังคัญชาจตุสดมภ์ทั้ง 4
ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นยุคที่ชาติตะวันตกขยายอำนาจเข้ามาล่าอาณานิคมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จำเป็นต้องจัดการปกครองประเทศให้มีประสิทธิภาพด้วยการรวมอำนาจสู่ส่วนกลาง และประยุกต์ใช้วิธีบริหารแบบตะวันตก โดยแบ่งงานตามหน้าที่ พระองค์ทรงปฏิรูปการปกครอง เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2435 โดยประยุกต์ใช้วิธีจัดระเบียบบริหารแบบชาติตะวันตก ได้มีพระบรมราชโองการจัดตั้งกระทรวงขึ้น 12 กระทรวง ดังนี้
1. กระทรวงฝ่ายเหนือ (มหาดไทย) บังคับบัญชาหัวเมืองฝ่ายเหนือ และเมืองลาว
2. กระทรวงฝ่ายใต้ (กลาโหม) บังคับบัญชาหัวเมืองฝ่ายใต้ หัวเมืองฝ่ายตะวันออก และเมืองมะลายา
3. กระทรวงการต่างประเทศ บริหารงานการต่างประเทศ
4. กระทรวงนครบาล บริหารงานการตำรวจ และราชทัณฑ์
5. กระทรวงวัง บริหารงานในพระราชวัง
6. กระทรวงคลัง บริหารงานการภาษีอากร และงบประมาณแผ่นดิน
7. กระทรวงเกษตราธิการ บริหารงานการเพาะปลูก เหมืองแร่ และป่าไม้
8. กระทรวงยุทธนาธิการ บริหารกิจการทหารบก และทหารเรือ
9. กระทรวงยุติธรรม บริหารงานการชำระคดี และการศาล
10. กระทรวงธรรมการ บริหารงานการศึกษา การสาธารณสุข และกิจการด้านพระสงฆ์
11. กระทรวงโยธาธิการ บริหารงานก่อสร้าง ถนน คลอง การช่าง การไปรษณีย์โทรเลข รถไฟ
12. กระทรวงมุรธาธร บริหารงานการรักษาตราแผ่นดิน และงานระเบียบสารบรรณ
ภายหลังมีการยุบกระทรวงยุทธนาธิการและกระทรวงมุรธาธร คงเหลือเพียง 10 กระทรวง
ภายหลังการปฏิรูประบบราชการในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สู่ยุคการจัดระเบียบบริหารแนวใหม่ที่ยึดหลักการแบ่งงานตามหน้าที่ มีการโอนย้ายงานระหว่างกระทรวงให้เข้ากับภาระหน้าที่ตามที่จัดแบ่งใหม่ กระทรวงมหาดไทยได้โอนงานในความรับผิดชอบของกระทรวงอื่นไปขึ้นกับกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เช่น โอนงานกรมช้าง กรมม้า ไปขึ้นกับกระทรวงกลาโหม และคงไว้เฉพาะงานในขอบเขตอำนาจของกระทรวงมหาดไทยเท่านั้น สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงมหาดไทยเป็นคนแรก ทรงเป็นผู้ที่มีบทบาทอย่างยิ่งในการปรับปรุงการปฏิบัติงานของกระทรวงมหาดไทยให้ทันยุคสมัย เช่น ยกเลิกประเพณีที่ให้เจ้าหน้าที่ต้องไปเสนอราชการที่บ้านเสนาบดี เลิกประเพณีเสนาบดีเอาตราตำแหน่งไปไว้ที่บ้าน กำหนดระเบียบออกตรวจราชการหัวเมือง จัดตั้งศาลากลางจังหวัดทุกจังหวัด และเน้นการทำงานเพื่อให้บ้านเมืองอยู่เย็นเป็นสุข
การเปลี่ยนแปลงที่นับว่ามีความสำคัญต่อการกำหนดรูปแบบการบริหารของกระทรวงมหาดไทยมาถึงปัจจุบันเกิดขึ้นหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 คือการประกาศใช้พระราชบัญญัติว่าด้วยระเบียบราชการบริหารแห่งราชอาณาจักรสยาม พ.ศ. 2476 เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2476 ที่กำหนดให้แบ่งราชการบริหารออกเป็น 3 ส่วนอย่างชัดเจนเป็นครั้งแรก คือ
1. ราชการบริหารส่วนกลาง
2. ราชการบริหารส่วนภูมิภาค และ
3. ราชการบริหารส่วนท้องถิ่น
ราชการบริหารส่วนกลาง ให้ประกอบด้วยกระทรวง หรือทบวงการเมือง กระทรวงให้จัดระเบียบราชการเป็น สำนักงานเลขานุการรัฐมนตรี สำนักปลัดกระทรวง กรม หรือทบวงการเมืองที่ฐานะเทียบเท่ากรม
ราชการบริหารส่วนภูมิภาค ประกอบด้วย จังหวัด และอำเภอ ไม่มี “มณฑล” เป็นหน่วยการปกครองส่วนภูมิภาคเหนือจังหวัดอีกต่อไป เหตุผลในการยกเลิก คือ การมีมณฑลทำให้การบริหารงานราชการมีขั้นตอนมากขึ้น เรื่องจากส่วนกลางจะแจ้งเรื่องไปที่จังหวัดต้องส่งไปที่ว่าการมณฑลก่อน ทำให้เสียเวลามาก เช่น จะส่งเรื่องไปจังหวัดชุมพร ต้องส่งเรื่องไปที่ทำการมณฑลซึ่งตั้งอยู่ที่จังหวัดสงขลาก่อน แล้วจึงส่งต่อไปยังจังหวัดชุมพรอีกทอดหนึ่ง นอกจากนี้ ยังเปลี่ยนแปลงรูปแบบการบริหารจังหวัดและอำเภอ จากผู้นำคนเดียวรับผิดชอบเป็นรูปแบบคณะกรรมการจังหวัด คณะกรรมการอำเภอ ร่วมกันรับผิดชอบ โดยมีข้าหลวงประจำจังหวัดหรือนายอำเภอ แล้วแต่กรณี เป็นประธานของที่ประชุม อันเป็นรูปแบบเดียวกันกับรูปแบบของรัฐบาลที่มีคณะรัฐมนตรีร่วมกันรับผิดชอบงานของฝ่ายบริหาร โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานของที่ประชุมคณะรัฐมนตรี อันจะช่วยสร้างความคุ้นเคยและการเรียนรู้วิธีการบริหารตามระบอบใหม่ให้กับข้าราชการอีกทางหนึ่งด้วย รูปแบบการบริหารโดยคณะกรรมการนี้ ได้ถูกยกเลิกไปในเวลาต่อมา เนื่องจากทำให้ขาดผู้รับผิดชอบงานที่แท้จริง จึงได้เปลี่ยนกลับมาใช้รูปแบบผู้นำคนเดียวรับผิดชอบ เมื่อมีการตราพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการฉบับใหม่ และเปลี่ยนตำแหน่งข้าหลวงประจำจังหวัดเป็นตำแหน่ง “ผู้ว่าราชการจังหวัด” และตำแหน่งนี้ยังใช้อยู่จนถึงทุกวันนี้
ราชการส่วนท้องถิ่นแบ่งเป็น เทศบาลตำบล เทศบาลเมืองและเทศบาลนคร สหเทศบาล (เทศบาลมากกว่า 2 แห่งร่วมมือกัน) และสภาจังหวัด
จากการแบ่งราชการเป็น 3 ส่วน จะเห็นได้ว่าอำนาจหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทยครอบคลุมกว้างขวางมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งราชการส่วนภูมิภาคและราชการส่วนท้องถิ่นล้วนอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของกระทรวงมหาดไทยโดยตรงแทบทั้งสิ้น กระทรวงมหาดไทยจึงถูกจัดว่าเป็นกระทรวงสำคัญอันดับหนึ่งในบรรดากระทรวงด้วยกัน
ปัจจุบัน แม้ว่ากระทรวงมหาดไทยจะถูกตัดลดงานในความรับผิดชอบลงไปมาก แต่ในทางปฏิบัติกระทรวงมหาดไทยยังคงเป็นกระทรวงที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในระบบการปกครองของประเทศไทย และเป็นกระทรวงที่ทุกพรรคการเมืองต้องการเข้ายึดครอง ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย อาจกล่าวได้ว่าเป็นรองก็เฉพาะตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยเหตุดังกล่าว จึงมีคนเรียกตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยว่า “นายกเล็ก” เพราะเป็นกระทรวงที่มีบุคลากรมาก งบประมาณมาก และอำนาจมาก สามารถแสดงบทบาทและมีอิทธิพลต่อผลประโยชน์ได้เสียของประชาชนได้ในวงกว้าง
เอกสารอ้างอิง
พระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2545.
เตช บุนนาค. การปกครองระบบเทศาภิบาลของประเทศสยาม พ.ศ. 2435-2458. (พิมพ์ครั้งที่ 2). แปลโดย ภรณี กาญจนัษฐิติ. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2548.
ธรรมคามน์ โภวาที. ประวัติมหาดไทย. (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ : สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย, 2517.
วรเดช จันทรศร. “สู่ 100 ปีของการปฏิรูประบบราชการไทย.. อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ของการปฏิรูปกระทรวง ทบวง กรม”. วารสารพัฒนบริหารศาสตร์ ปีที่ 31, ฉบับที่ 1 (มกราคม-มีนาคม) 2534.
ประเสริฐ ปัทมะสุคนธ์. รัฐสภาไทยในรอบสี่สิบสองปี (2475-2517). กรุงเทพฯ : มูลนิธิธนาคารกรุงเทพ, 2526.
ระเบียบการปกครองสมัยอยุธยา https://www.nectec.or.th>history
ลักษณะการปกครองสมัยอยุธยา- Social Learning https://pawi2845.wordpress.com
อมร รักษาสัตย์. สภาพการบริหารราชการ. พระนคร : สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2511. index.php?title=หมวดหมู่:การบริหารราชการแผ่นดิน index.php?title=หมวดหมู่:สารานุกรม คำศัพท์ต่าง ๆ