ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ข้าราชการปลดแอก"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัดที่ 6: | บรรทัดที่ 6: | ||
| | ||
''' ข้าราชการปลดแอก''' (Free Thai Civil Servant) เป็นกลุ่มข้าราชการที่เผยแพร่เนื้อหาผ่านชื่อเฟซบุ๊กเพจ[[#_ftn1|[1]]]และทวิตเตอร์[[#_ftn2|[2]]] ตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. 2563 ซึ่งใช้แฮชแทค '''#ข้าราชการปลดแอก''' '''#FreeCivilServant''' '''#FreeThaiCivilServant''' แนวทางการเคลื่อนไหวของข้าราชการปลดแอก คือ การตั้งคำถามและวิพากษ์วิจารณ์ประเด็นปัญหาทางการเมืองและสังคม รวมทั้งให้ผู้ที่ติดตามเขียนเล่าประสบการณ์เรื่อง '''“ความสิ้นหวังของระบบราชการ”''' เพื่อนำมาเผยแพร่เป็นประจำทุกสัปดาห์ โดยไม่เปิดเผยชื่อและอาจระบุเพียงแค่หน่วยงาน | ''' ข้าราชการปลดแอก''' '''(Free Thai Civil Servant)''' เป็นกลุ่มข้าราชการที่เผยแพร่เนื้อหาผ่านชื่อเฟซบุ๊กเพจ[[#_ftn1|[1]]]และทวิตเตอร์[[#_ftn2|[2]]] ตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. 2563 ซึ่งใช้แฮชแทค '''#ข้าราชการปลดแอก''' '''#FreeCivilServant''' '''#FreeThaiCivilServant''' แนวทางการเคลื่อนไหวของข้าราชการปลดแอก คือ การตั้งคำถามและวิพากษ์วิจารณ์ประเด็นปัญหาทางการเมืองและสังคม รวมทั้งให้ผู้ที่ติดตามเขียนเล่าประสบการณ์เรื่อง '''“ความสิ้นหวังของระบบราชการ”''' เพื่อนำมาเผยแพร่เป็นประจำทุกสัปดาห์ โดยไม่เปิดเผยชื่อและอาจระบุเพียงแค่หน่วยงาน | ||
| | ||
<p style="text-align: center;">'''ภาพ :''' เฟซบุ๊กเพจ ข้าราชการปลดแอก Free Thai Civil Servant</p> | |||
'''ภาพ :''' เฟซบุ๊กเพจ ข้าราชการปลดแอก Free Thai Civil Servant | |||
[[File:Free Thai Civil Servant (1).jpg|center|500x300px|Free Thai Civil Servant (1).jpg]] | [[File:Free Thai Civil Servant (1).jpg|center|500x300px|Free Thai Civil Servant (1).jpg]] | ||
บรรทัดที่ 19: | บรรทัดที่ 17: | ||
| | ||
<p style="text-align: center;">'''ภาพ : '''สัญลักษณ์กลุ่มข้าราชการปลดแอก[[#_ftn4|[4]]]</p> | |||
'''ภาพ : '''สัญลักษณ์กลุ่มข้าราชการปลดแอก[[#_ftn4|[4]]] | |||
[[File:Free Thai Civil Servant (2).jpg|center|500x300px|Free Thai Civil Servant (2).jpg]] | [[File:Free Thai Civil Servant (2).jpg|center|500x300px|Free Thai Civil Servant (2).jpg]] | ||
บรรทัดที่ 28: | บรรทัดที่ 24: | ||
''' '''ตัวอย่างของเนื้อหาที่นำเสนอในเฟซบุ๊กเพจ และทวิตเตอร์ข้าราชการปลดแอก ได้แก่ | ''' '''ตัวอย่างของเนื้อหาที่นำเสนอในเฟซบุ๊กเพจ และทวิตเตอร์ข้าราชการปลดแอก ได้แก่ | ||
''' ผู้ว่าราชการจังหวัด มีไว้ทำไม?'''[[#_ftn5|[5]]] การคำถามว่า '''“ผู้ว่าฯ มีไว้ทำไม”''''เป็นคำถามเดียวกันกับ '''“ส่วนภูมิภาคมีไว้ทำไม”''' ที่ได้นำเสนอ ข้อดี-ข้อเสีย ของระบบราชการส่วนภูมิภาคที่มาจากการแบ่งอำนาจ | ''' ผู้ว่าราชการจังหวัด มีไว้ทำไม?'''[[#_ftn5|[5]]] การคำถามว่า '''“ผู้ว่าฯ มีไว้ทำไม”''''เป็นคำถามเดียวกันกับ '''“ส่วนภูมิภาคมีไว้ทำไม”''' ที่ได้นำเสนอ ข้อดี-ข้อเสีย ของระบบราชการส่วนภูมิภาคที่มาจากการแบ่งอำนาจ (Deconcentration) กับระบบราชการส่วนท้องถิ่นที่เกิดจาก[[การกระจายอำนาจ|การกระจายอำนาจ]] '''(Decentralization)''' โดยชี้ให้เห็นว่าแม้ข้อดีของการแบ่งอำนาจ คือ เกิดประสิทธิภาพในการปกครอง การนำนโยบายส่วนกลางไปปฏิบัติโดยตรง การตัดสินใจรวดเร็วขึ้น เพราะไม่ต้องรอส่วนกลาง ทำให้ผู้ตัดสินใจอยู่ในพื้นที่ ใกล้ชิดกับปัญหา รวมทั้งมีการประสานงานของส่วนราชการในระดับภูมิภาค แต่ก็มีข้อเสีย คือ ผู้มีอำนาจตัดสินใจบางเรื่องไม่ได้ เพราะเป็นอำนาจของส่วนกลาง ตลอดจนการที่ผู้ว่าราชการจังหวัดมาจากส่วนกลาง แม้อยู่ในพื้นที่แต่อาจไม่เข้าใจปัญหา ทั้งยังไม่ส่งเสริมการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ประกอบกับการแต่งตั้งผู้ว่าและรองผู้ว่าราชการจังหวัดจะเป็นการหมุนเวียนเปลี่ยนไปในแต่ละจังหวัด จึงเกิดความไม่ต่อเนื่องในการปฏิบัติงานที่ต้องใช้เวลาดำเนินการรวมถึงความเข้าใจในพื้นที่นั้น ๆ ซึ่งคนที่เกิดและโตในพื้นที่นั้นมีข้อได้เปรียบในการทำความเข้าใจได้มากกว่า นอกจากนี้ยังตั้งข้อสังเกตว่า ภายหลังจากการรัฐประหารโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 ผู้ว่าราชการจังหวัดต้องปฏิบัติหน้าที่ในคณะกรรมการทั้งระดับชาติและระดับจังหวัดที่มีขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก ทำให้การจัดสรรเวลาและเรียนรู้ลักษณะเฉพาะของจังหวัดทำได้ยาก รวมทั้งโครงสร้างอำนาจภายใต้การกำกับของคณะรักษาความสงบแห่งชาติและรัฐบาล หลังจากการรัฐประหารทำให้ส่วนภูมิภาคขยายอำนาจและสามารถให้คุณให้โทษแก่การผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ อาทิ ผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจพิจารณาคุณสมบัติของ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด และมีอำนาจในการให้ความเห็นในหลายกระบวนการพิจารณาเรื่องต่าง ๆ ภายใต้สถานการณ์ที่ยังไม่มีการจัดให้มีการเลือกตั้งท้องถิ่น ตั้งแต่หลังการรัฐประหารจนถึง ปี พ.ศ. 2563 ส่งผลให้การมีอยู่ของผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะกลไกสำคัญในการใช้อำนาจของส่วนกลางผ่านภูมิภาค ส่งผลโดยตรงต่อส่วนท้องถิ่นและมีแนวโน้มที่เป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชนในอีกทางหนึ่ง ซึ่งเป็นประเด็นที่จำเป็นต้องระลึกถึงในช่วงเวลาของการจัดให้มีการเลือกตั้งนายกและสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด | ||
''' ''' | ''' ''' | ||
บรรทัดที่ 91: | บรรทัดที่ 87: | ||
</div> <div id="ftn10"> | </div> <div id="ftn10"> | ||
[[#_ftnref10|[10]]] “กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้จัดตั้ง ศูนย์ปฏิบัติการโควิด-19” ส่วนกลาง- จังหวัดทั่วประเทศ เร่งช่วยเหลือประชาชนเดือดร้อนตลอด 24 ชั่วโมง” สืบค้นจาก [https://1300thailand.m-society.go.th/news/650 https://1300thailand.m-society.go.th/news/650] (26 กรกฎาคม 2564). | [[#_ftnref10|[10]]] “กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้จัดตั้ง ศูนย์ปฏิบัติการโควิด-19” ส่วนกลาง- จังหวัดทั่วประเทศ เร่งช่วยเหลือประชาชนเดือดร้อนตลอด 24 ชั่วโมง” สืบค้นจาก [https://1300thailand.m-society.go.th/news/650 https://1300thailand.m-society.go.th/news/650] (26 กรกฎาคม 2564). | ||
</div> </div> | |||
| |||
[[Category:เหตุการณ์สำคัญทางการเมืองไทย สมัย พ.ศ. 2520-ปัจจุบัน]][[Category:เหตุการณ์สำคัญทางการเมือง]][[Category:ว่าด้วยเหตุการณ์สำคัญทางการเมือง]][[Category:การมีส่วนร่วมทางการเมือง]][[Category:สารานุกรม คำศัพท์ต่าง ๆ]] | |||
[[Category:เหตุการณ์สำคัญทางการเมืองไทย สมัย พ.ศ. 2520-ปัจจุบัน]] [[Category:เหตุการณ์สำคัญทางการเมือง]] [[Category:ว่าด้วยเหตุการณ์สำคัญทางการเมือง]] [[Category:การมีส่วนร่วมทางการเมือง]] |
รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 14:38, 15 มีนาคม 2566
ผู้เรียบเรียง : ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ศุทธิกานต์ มีจั่น
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ : ดร.สติธร ธนานิธิโชติ
ข้าราชการปลดแอก (Free Thai Civil Servant) เป็นกลุ่มข้าราชการที่เผยแพร่เนื้อหาผ่านชื่อเฟซบุ๊กเพจ[1]และทวิตเตอร์[2] ตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. 2563 ซึ่งใช้แฮชแทค #ข้าราชการปลดแอก #FreeCivilServant #FreeThaiCivilServant แนวทางการเคลื่อนไหวของข้าราชการปลดแอก คือ การตั้งคำถามและวิพากษ์วิจารณ์ประเด็นปัญหาทางการเมืองและสังคม รวมทั้งให้ผู้ที่ติดตามเขียนเล่าประสบการณ์เรื่อง “ความสิ้นหวังของระบบราชการ” เพื่อนำมาเผยแพร่เป็นประจำทุกสัปดาห์ โดยไม่เปิดเผยชื่อและอาจระบุเพียงแค่หน่วยงาน
ภาพ : เฟซบุ๊กเพจ ข้าราชการปลดแอก Free Thai Civil Servant

ข้าราชการปลดแอก เป็นการนำเสนอจุดยืนและเป้าหมายของกลุ่มผ่านสัญลักษณ์ที่มีผู้ออกแบบให้ภายใต้แนวคิด 2 ส่วน ส่วนแรก คือ “สร้างภาพจำใหม่ แทนที่ภาพเดิม” ที่ภาพจำที่ประชาชนมีต่อราชการ คือ การใช้อำนาจ รวมทั้งปัญหาการใช้อำนาจการบริหารที่ไม่เหมาะสม ส่งผลให้เกิดปัญหาในการทำงานราชการทั้งจากระบบที่มีโครงสร้างอันซับซ้อน การทำงานและการใช้ทรัพยากรบุคคลที่ไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร ส่วนที่สอง คือ “สองมือที่กำลังเอื้อมไปไขว่คว้าอนาคตที่ดีกว่า” สะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดของข้าราชการรุ่นใหม่ ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงการทำงานของราชการให้เป็นไปในทิศทางที่ดีกว่าในการสานต่ออุดมการณ์การทำงานเพื่อแผ่นดินด้วยสองมือของมนุษย์ธรรมดาที่คอยไข่วคว้าและทุ่มเท[3]
ภาพ : สัญลักษณ์กลุ่มข้าราชการปลดแอก[4]

ตัวอย่างของเนื้อหาที่นำเสนอในเฟซบุ๊กเพจ และทวิตเตอร์ข้าราชการปลดแอก ได้แก่
ผู้ว่าราชการจังหวัด มีไว้ทำไม?[5] การคำถามว่า “ผู้ว่าฯ มีไว้ทำไม”'เป็นคำถามเดียวกันกับ “ส่วนภูมิภาคมีไว้ทำไม” ที่ได้นำเสนอ ข้อดี-ข้อเสีย ของระบบราชการส่วนภูมิภาคที่มาจากการแบ่งอำนาจ (Deconcentration) กับระบบราชการส่วนท้องถิ่นที่เกิดจากการกระจายอำนาจ (Decentralization) โดยชี้ให้เห็นว่าแม้ข้อดีของการแบ่งอำนาจ คือ เกิดประสิทธิภาพในการปกครอง การนำนโยบายส่วนกลางไปปฏิบัติโดยตรง การตัดสินใจรวดเร็วขึ้น เพราะไม่ต้องรอส่วนกลาง ทำให้ผู้ตัดสินใจอยู่ในพื้นที่ ใกล้ชิดกับปัญหา รวมทั้งมีการประสานงานของส่วนราชการในระดับภูมิภาค แต่ก็มีข้อเสีย คือ ผู้มีอำนาจตัดสินใจบางเรื่องไม่ได้ เพราะเป็นอำนาจของส่วนกลาง ตลอดจนการที่ผู้ว่าราชการจังหวัดมาจากส่วนกลาง แม้อยู่ในพื้นที่แต่อาจไม่เข้าใจปัญหา ทั้งยังไม่ส่งเสริมการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ประกอบกับการแต่งตั้งผู้ว่าและรองผู้ว่าราชการจังหวัดจะเป็นการหมุนเวียนเปลี่ยนไปในแต่ละจังหวัด จึงเกิดความไม่ต่อเนื่องในการปฏิบัติงานที่ต้องใช้เวลาดำเนินการรวมถึงความเข้าใจในพื้นที่นั้น ๆ ซึ่งคนที่เกิดและโตในพื้นที่นั้นมีข้อได้เปรียบในการทำความเข้าใจได้มากกว่า นอกจากนี้ยังตั้งข้อสังเกตว่า ภายหลังจากการรัฐประหารโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 ผู้ว่าราชการจังหวัดต้องปฏิบัติหน้าที่ในคณะกรรมการทั้งระดับชาติและระดับจังหวัดที่มีขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก ทำให้การจัดสรรเวลาและเรียนรู้ลักษณะเฉพาะของจังหวัดทำได้ยาก รวมทั้งโครงสร้างอำนาจภายใต้การกำกับของคณะรักษาความสงบแห่งชาติและรัฐบาล หลังจากการรัฐประหารทำให้ส่วนภูมิภาคขยายอำนาจและสามารถให้คุณให้โทษแก่การผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ อาทิ ผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจพิจารณาคุณสมบัติของ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด และมีอำนาจในการให้ความเห็นในหลายกระบวนการพิจารณาเรื่องต่าง ๆ ภายใต้สถานการณ์ที่ยังไม่มีการจัดให้มีการเลือกตั้งท้องถิ่น ตั้งแต่หลังการรัฐประหารจนถึง ปี พ.ศ. 2563 ส่งผลให้การมีอยู่ของผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะกลไกสำคัญในการใช้อำนาจของส่วนกลางผ่านภูมิภาค ส่งผลโดยตรงต่อส่วนท้องถิ่นและมีแนวโน้มที่เป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชนในอีกทางหนึ่ง ซึ่งเป็นประเด็นที่จำเป็นต้องระลึกถึงในช่วงเวลาของการจัดให้มีการเลือกตั้งนายกและสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด
มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ของใคร? เป็นการตั้งคำถามต่อคำขวัญ “มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” ที่นำมาใช้ในหลายภาคส่วนของระบบราชการ ทั้งในวิสัยทัศน์ ในโครงการต่าง ๆ ในกฎหมาย และในยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่ระบุไว้ว่า ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ดังกล่าวเป็นวิสัยทัศน์ของประเทศใน 6 ข้อ ได้แก่ ความมั่นคง การสร้างความสามารถในการแข่งขัน การพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพคน การสร้างโอกาสความเสมอภาคและเท่าเทียมกันทางสังคม การสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ โดยทางกลุ่มข้าราชการปลดแอกตั้งคำถามว่า “มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” ที่อ้างถึงนั้นเป็นของใคร ภายใต้ข้อคำถามที่ว่า
(1) ความมั่นคงเป็นความมั่นคงของประชาชนหรือผู้มีอำนาจ
(2) อันดับความสามารถในการแข่งขัน (Competitiveness Ranking) ของไทยแย่ลงในช่วง 3 ปี ที่ผ่านมา
(3) คนจะมีคุณภาพได้ ต้องอยู่ในสังคมที่ให้โอกาส สังคมที่มีเสรีภาพในการพูดและแสดงความคิดเห็นโดยเฉพาะประเด็นทางการเมืองและสังคม
(4) ความเสมอภาคในสังคมไทยเคยมีด้วยหรือ ทั้งสองมาตรฐาน หรือไม่มีมาตรฐานเลยในกระบวนการยุติธรรมและคดีการเมือง ขณะที่ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจของไทยก็ขึ้นชื่อว่าเลวร้ายอันดับต้น ๆ หรือแย่ที่สุดในโลกในบางปี
(5) เราใส่ใจสิ่งแวดล้อมกันแค่ไหน และ
(6) ภาครัฐขยายขนาดใหญ่โตเทอะทะเชื่องช้าขึ้นตั้งแต่รัฐประหาร ปี พ.ศ. 2557 เป็นต้น[6]
งดขึ้นเงินเดือนข้าราชการ เป็นผลมาจากการเป็นรัฐราชการรวมศูนย์ ซึ่งนับเป็นต้นตอของการบริหารจัดการสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ที่ล้มเหลว ขณะที่ประชาชนจำนวนมากได้รับผลกระทบจากโรคระบาดและมาตรการของภาครัฐ แต่ข้าราชการยังคงได้รับเงินเดือนเต็มจำนวนโดยที่มีการงดเว้นกิจกรรมต่าง ๆ รวมถึงทำงานจากที่บ้าน จึงเห็นควรว่าการขึ้นเงินเดือนตามรอบปกติในสถานการณ์เช่นนี้เป็นเรื่องไม่เหมาะสม และต้องการเรียกร้องให้ทุกภาคส่วนร่วมกันผลักดันให้งดขึ้นเงินเดือนข้าราชการ ยกเว้นบุคคลากรด้านสาธารณสุข[7] จนกว่าสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 จะคลี่คลายด้วยการร่วมลงชื่อและรณรงค์ผ่าน เวปไซต์ Change.org[8]

คืนภาษีให้ราษฎร เป็นการเชิญชวนข้าราชการและประชาชน มาร่วมกันบริจาคเงินให้องค์กรต่าง ๆ ที่กำลังทำหน้าที่ในสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ตามแต่กำลังของแต่ละคน แล้วแสดงออกด้วยการโพสต์สลิปลง เฟสบุ๊ค ทวิตเตอร์ และอินสตราแกรม หรือช่องทางอื่น ๆ และติดแฮชแทค #คืนภาษีให้ราษฎร เป้าหมายในการรณรงค์ครั้งนี้ คือ การสร้างภาพลักษณ์ที่ถูกต้องให้กับข้าราชการ และแสดงให้เห็นว่าข้าราชการก็เป็นหนึ่งเดียวกับสังคม ทั้งยังเป็นประชาชนคนหนึ่งที่มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น และทำในสิ่งที่พูดจริง อีกทั้งเพื่อทำให้เกิดภาพของระบบราชการไทยปัจจุบันที่สามารถปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยใหม่ได้
ความสิ้นหวังของ Call Center 1300[9] นำเสนอปัญหาเมื่อมีเจ้าหน้าที่เวรให้คำปรึกษาทางโทรศัพท์ สายด่วน 1300 ของจังหวัดนนทบุรี ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จึงได้ขอโอนคู่สายไปยังส่วนกลาง ระหว่างวันที่ 19 กรกฏาคม - 15 สิงหาคม แต่สามารถงดให้บริการ ในระหว่างวันที่แค่ 19 - 22 กรกฏาคม พ.ศ. 2564 เท่านั้น ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานของสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ในจังหวัดนนทบุรี ต้องผลัดเวรกันมารับโทรศัพท์ และใช้ห้องเดียวกัน มีเจ้าหน้าที่เวรที่ติดเชื้อไวรัสและทุกคนที่เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ต่อได้รับความเสี่ยงเพราะใช้ห้องเดียวกัน เข้าใจต้องทำหน้าที่รับบริการประชาชนต่อไป แต่ทางกระทรวงก็ยังไม่มีมาตรการแก้ไขปัญหาและแนวทางการป้องกันให้กับเจ้าหน้าที่ อีกทั้งแนวทางการดำเนินการหลังจากได้รับเรื่องผ่านศูนย์ช่วยเหลือสังคม สายด่วนกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ 1300[10] หลังจากรับโทรศัพท์ให้คำปรึกษา รับเรื่องลงระบบยังขาดความชัดเจนในทางปฏิบัติ
ทั้งนี้ ข้าราชการปลดแอกยังคงเผยแพร่เนื้อหาต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2564 มีผู้ติดตามในเฟซบุ๊กเพจมากกว่า 58,350 คน
บรรณานุกรม
“[Live]คุยกับ 'ข้าราชการปลดแอก' อะไรคือแอก และจะปลดอย่างไร”,สืบค้นจาก https://prachatai. com/journal/2021/07/93992(26 กรกฎาคม 2564).
อ้างอิง
[3] “คุยกับเพจ ‘ข้าราชการปลดแอก’ เมื่อราชการต้องหนักแน่นในการรับใช้ประชาชน ไม่ใช่เบื้องบน”,สืบค้นจาก https://thematter.co/ social/free-thai-civil-servant-interview/129806 (25 กรกฎาคม 2564).
[5] “ข้าราชการปลดแอก ตั้งคำถาม ‘ผู้ว่าฯ’ มีไว้ทำไม? ถกปมกระจายอำนาจก่อนเลือกตั้งท้องถิ่น”,สืบค้นจาก https://www.matichon. co.th/social/news_2492210(26 กรกฎาคม 2564).
[6] “มาแร้ว เพจข้าราชการปลดแอก”,สืบค้นจาก https://thaienews.blogspot.com/2020/11/blog-post_16.html(26 กรกฎาคม 2564) และดูข้อวิจารณ์ต่อประเด็นนี้เพิ่มเติมได้ที่ “4 ปีรัฐประหาร มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ของใคร?”,สืบค้นจาก https://www.bbc.com/thai/ resources/idt-sh/thai_junta(26 กรกฎาคม 2564).
[7] “#งดขึ้นเงินเดือนข้าราชการ”,สืบค้นจาก https://www.facebook.com/FreeThaiCivilServant/photos/a.105107478055790/ 283880283511841/ (26 กรกฎาคม 2564).
[8] “#งดขึ้นเงินเดือนข้าราชการ จนกว่า Covid-19 จะคลี่คลาย”,สืบค้นจาก http://chng.it/MpbKt2SdvV(26 กรกฎาคม 2564).
[10] “กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้จัดตั้ง ศูนย์ปฏิบัติการโควิด-19” ส่วนกลาง- จังหวัดทั่วประเทศ เร่งช่วยเหลือประชาชนเดือดร้อนตลอด 24 ชั่วโมง” สืบค้นจาก https://1300thailand.m-society.go.th/news/650 (26 กรกฎาคม 2564).