ผลต่างระหว่างรุ่นของ "นายทหารปืนใหญ่ม้าแห่งอังกฤษ"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัดที่ 1: | บรรทัดที่ 1: | ||
พุทธศักราช ๒๔๕๓ หลังจาก[[สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ_เจ้าฟ้าประชาธิปกศักดิเดชน์ฯ|สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าประชาธิปกศักดิเดชน์ฯ]] ทรงสำเร็จการศึกษาจาก[[วิทยาลัยอีตัน|วิทยาลัยอีตัน]] ทรงเข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนนายร้อยทหารบก ณ เมืองวูลิชซึ่งมีชื่อเสียงทางวิชาการทหารสมัยใหม่ สมดังพระราชประสงค์ในสมเด็จพระบรมชนกนาถที่จะให้พระราชโอรสทรงศึกษาวิชาทหารในต่างประเทศ ด้วยทรงเห็นว่าการเรียนวิชาทหารจะเหมาะสำหรับพระบรมวงศ์ชั้นเจ้าฟ้าที่จะทรงดำรงพระเกียรติยศเอาไว้ได้สมฐานะ “ขัตติยะ” ทรงเริ่มต้นศึกษาในปีถัดไปและทรงสำเร็จการศึกษาใน พุทธศักราช ๒๔๕๖ รัฐบาลอังกฤษได้ถวายพระยศ ว่าที่นายร้อยตรีและจัดให้ทรงเข้าประจำการ ณ หน่วยทหารปืนใหญ่ม้าหรือทหารปืนใหญ่เคลื่อนที่เร็ว เป็นต้นแบบของรถถังในปัจจุบันที่เมืองอัลเดอร์ชอต | |||
จนกระทั่ง พุทธศักราช ๒๔๕๗ [[สงครามโลกครั้งที่_1|สงครามโลกครั้งที่ ๑]] อุบัติขึ้นในทวีปยุโรป อังกฤษเข้าร่วมกับ[[ฝ่ายสัมพันธมิตร|ฝ่ายสัมพันธมิตร]] แม้ทรงมีพระประสงค์จะเสด็จไปร่วมรบแต่ไม่ได้รับสนองพระประสงค์นั้น เพราแรกที่เดียวสยามเป็นประเทศเป็นกลาง ต่อมาเมื่อสงครามรุนแรงขึ้น[[พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว|พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว]]โปรดให้ทรงลาออกจากกองทัพอังกฤษและเสด็จนิวัตพระนคร | |||
ในเวลาต่อมาทรงเล่าความในพระราชหฤทัยครั้งนั้นพระราชทาน[[พระเจ้าวรวงศ์เธอ_พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์|พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์]] พระราชนัดดาไว้ว่า | |||
แม้จะมิได้ทรงเข้าร่วมรบ แต่ได้ทรงมีน้ำพระราชหฤทัยเป็นที่ประจักษ์ว่าทรงกล้าหาญสมเป็นชายชาติทหารโดยแท้ | “...เมื่อพวกเพื่อนนายทหารอังกฤษมาลาจะไปรบ และบอกท่านว่าเคราะห์ดีที่ไม่ต้องไปรบ ท่านละอายพระทัยจนไม่ทรงทราบว่าจะทำอย่างไร...” | ||
แม้จะมิได้ทรงเข้าร่วมรบ แต่ได้ทรงมีน้ำพระราชหฤทัยเป็นที่ประจักษ์ว่าทรงกล้าหาญสมเป็นชายชาติทหารโดยแท้ | |||
'''ที่มา''' | |||
บทสารคดี “ปกเกล้าธรรมราชา” สารคดีเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่ในวโรกาสครบ ๑๒๐ ปี แห่งวันพระบรมราชสมภพและเป็นบุคคลสำคัญของโลก โดยองค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ประจำปี ๒๕๕๖ | บทสารคดี “ปกเกล้าธรรมราชา” สารคดีเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่ในวโรกาสครบ ๑๒๐ ปี แห่งวันพระบรมราชสมภพและเป็นบุคคลสำคัญของโลก โดยองค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ประจำปี ๒๕๕๖ | ||
*[https://www.youtube.com/watch?v=Dey0-9z8YzA&list=PLz3ADrKTT5i0vjsCnIPrpraHExclR_Odo&index=8 YOU TUBE : ทรงศึกษา ณ สหราชอาณาจักร : นายทหารปืนใหญ่ม้าแห่งอังกฤษ] | *[https://www.youtube.com/watch?v=Dey0-9z8YzA&list=PLz3ADrKTT5i0vjsCnIPrpraHExclR_Odo&index=8 YOU TUBE : ทรงศึกษา ณ สหราชอาณาจักร : นายทหารปืนใหญ่ม้าแห่งอังกฤษ] | ||
[[ | [[Category:พระราชประวัติก่อนขึ้นครองราชย์]] |
รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 15:53, 13 ธันวาคม 2562
พุทธศักราช ๒๔๕๓ หลังจากสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าประชาธิปกศักดิเดชน์ฯ ทรงสำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยอีตัน ทรงเข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนนายร้อยทหารบก ณ เมืองวูลิชซึ่งมีชื่อเสียงทางวิชาการทหารสมัยใหม่ สมดังพระราชประสงค์ในสมเด็จพระบรมชนกนาถที่จะให้พระราชโอรสทรงศึกษาวิชาทหารในต่างประเทศ ด้วยทรงเห็นว่าการเรียนวิชาทหารจะเหมาะสำหรับพระบรมวงศ์ชั้นเจ้าฟ้าที่จะทรงดำรงพระเกียรติยศเอาไว้ได้สมฐานะ “ขัตติยะ” ทรงเริ่มต้นศึกษาในปีถัดไปและทรงสำเร็จการศึกษาใน พุทธศักราช ๒๔๕๖ รัฐบาลอังกฤษได้ถวายพระยศ ว่าที่นายร้อยตรีและจัดให้ทรงเข้าประจำการ ณ หน่วยทหารปืนใหญ่ม้าหรือทหารปืนใหญ่เคลื่อนที่เร็ว เป็นต้นแบบของรถถังในปัจจุบันที่เมืองอัลเดอร์ชอต
จนกระทั่ง พุทธศักราช ๒๔๕๗ สงครามโลกครั้งที่ ๑ อุบัติขึ้นในทวีปยุโรป อังกฤษเข้าร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตร แม้ทรงมีพระประสงค์จะเสด็จไปร่วมรบแต่ไม่ได้รับสนองพระประสงค์นั้น เพราแรกที่เดียวสยามเป็นประเทศเป็นกลาง ต่อมาเมื่อสงครามรุนแรงขึ้นพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้ทรงลาออกจากกองทัพอังกฤษและเสด็จนิวัตพระนคร
ในเวลาต่อมาทรงเล่าความในพระราชหฤทัยครั้งนั้นพระราชทานพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ พระราชนัดดาไว้ว่า
“...เมื่อพวกเพื่อนนายทหารอังกฤษมาลาจะไปรบ และบอกท่านว่าเคราะห์ดีที่ไม่ต้องไปรบ ท่านละอายพระทัยจนไม่ทรงทราบว่าจะทำอย่างไร...”
แม้จะมิได้ทรงเข้าร่วมรบ แต่ได้ทรงมีน้ำพระราชหฤทัยเป็นที่ประจักษ์ว่าทรงกล้าหาญสมเป็นชายชาติทหารโดยแท้
ที่มา
บทสารคดี “ปกเกล้าธรรมราชา” สารคดีเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่ในวโรกาสครบ ๑๒๐ ปี แห่งวันพระบรมราชสมภพและเป็นบุคคลสำคัญของโลก โดยองค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ประจำปี ๒๕๕๖