ผลต่างระหว่างรุ่นของ "แผนพัฒนากลุ่มจังหวัด"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัดที่ 1: | บรรทัดที่ 1: | ||
'''ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ''' : รศ.ดร.ปธาน สุวรรณมงคล | '''เรียบเรียงโดย''' : อาจารย์บุญเกียรติ การะเวกพันธุ์ และคณะ | ||
'''ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ''' : รศ.ดร.ปธาน สุวรรณมงคล | |||
---- | ---- | ||
แผนพัฒนากลุ่มจังหวัด หมายความว่า รายการเกี่ยวกับโครงการและแผนงานต่าง ๆ ของ[[กลุ่มจังหวัด|กลุ่มจังหวัด]]ที่จำเป็นต้องจัดทำเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และทิศทางการพัฒนาของกลุ่มจังหวัดในอนาคต<ref>พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการบริหารจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ พ.ศ.2551 มาตรา 3</ref> | |||
จากการที่มีการจัดตั้งกลุ่มจังหวัด ตามมาตรา 26 ของ[[พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการบริหารจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ พ.ศ.2551]] ซึ่งบัญญัติให้มี[[คณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ (ก.น.จ.)]] พิจารณาจัดตั้งกลุ่มจังหวัดและกำหนดจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด และเสนอ[[คณะรัฐมนตรี]]เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบการจัดตั้งกลุ่มจังหวัดและกำหนดจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดของจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัดทำหน้าที่เป็นหัวหน้ากลุ่มจังหวัด | จากการที่มีการจัดตั้งกลุ่มจังหวัด ตามมาตรา 26 ของ[[พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการบริหารจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ_พ.ศ.2551|พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการบริหารจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ พ.ศ.2551]] ซึ่งบัญญัติให้มี[[คณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ_(ก.น.จ.)|คณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ (ก.น.จ.)]] พิจารณาจัดตั้งกลุ่มจังหวัดและกำหนดจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด และเสนอ[[คณะรัฐมนตรี|คณะรัฐมนตรี]]เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบการจัดตั้งกลุ่มจังหวัดและกำหนดจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดของจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัดทำหน้าที่เป็นหัวหน้ากลุ่มจังหวัด | ||
==กรอบแนวคิดของการจัดกลุ่มจังหวัด== | == กรอบแนวคิดของการจัดกลุ่มจังหวัด == | ||
มี 3 ประการ คือ<ref>สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ, แนวทางการบริหารราชการแบบกลุ่มจังหวัด [ออนไลน์] , แหล่งข้อมูล : http://www.opdc.go.th/content.php?menu_id=5&content_id=780</ref> | มี 3 ประการ คือ<ref>สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ, แนวทางการบริหารราชการแบบกลุ่มจังหวัด [ออนไลน์] , แหล่งข้อมูล : http://www.opdc.go.th/content.php?menu_id=5&content_id=780</ref> | ||
ประการแรก เรื่องของการจัดการปัญหาในระดับพื้นที่ที่เชื่อมโยงกันระหว่างจังหวัด ปัญหานี้เป็นปัญหาทั้งทางด้านสังคมและปัญหาเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องยาเสพติด ปัญหาเรื่องอาชญากรรม หรือปัญหาเกี่ยวกับเรื่องราคาพืชผลต่างๆ ที่เป็นปัญหาร่วมกันในพื้นที่ เช่น เรื่องราคาข้าวต้องร่วมกันแก้ไขปัญหาปริมาณข้าวในระหว่างจังหวัดนครสวรรค์กับจังหวัดพิจิตรเป็นต้น | ประการแรก เรื่องของการจัดการปัญหาในระดับพื้นที่ที่เชื่อมโยงกันระหว่างจังหวัด ปัญหานี้เป็นปัญหาทั้งทางด้านสังคมและปัญหาเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องยาเสพติด ปัญหาเรื่องอาชญากรรม หรือปัญหาเกี่ยวกับเรื่องราคาพืชผลต่างๆ ที่เป็นปัญหาร่วมกันในพื้นที่ เช่น เรื่องราคาข้าวต้องร่วมกันแก้ไขปัญหาปริมาณข้าวในระหว่างจังหวัดนครสวรรค์กับจังหวัดพิจิตรเป็นต้น | ||
บรรทัดที่ 18: | บรรทัดที่ 20: | ||
ประการที่สาม ยุทธศาสตร์ในจังหวัดใกล้เคียงกันจะมีจุดเน้นของแต่ละจังหวัดที่ต่างกัน แต่เกื้อกูลกัน เราก็ต้องการให้มีเจ้าภาพในแต่ละยุทธศาสตร์ให้จังหวัดใดเป็นผู้นำในยุทธศาสตร์นั้นรับผิดชอบ | ประการที่สาม ยุทธศาสตร์ในจังหวัดใกล้เคียงกันจะมีจุดเน้นของแต่ละจังหวัดที่ต่างกัน แต่เกื้อกูลกัน เราก็ต้องการให้มีเจ้าภาพในแต่ละยุทธศาสตร์ให้จังหวัดใดเป็นผู้นำในยุทธศาสตร์นั้นรับผิดชอบ | ||
==แนวทางการจัดกลุ่มจังหวัด== | == แนวทางการจัดกลุ่มจังหวัด == | ||
การจัดกลุ่มจังหวัดเป็น 19 กลุ่มที่ผ่านมามีแนวทางในการจัดกลุ่ม 3 ประการ คือ | การจัดกลุ่มจังหวัดเป็น 19 กลุ่มที่ผ่านมามีแนวทางในการจัดกลุ่ม 3 ประการ คือ | ||
บรรทัดที่ 28: | บรรทัดที่ 30: | ||
'''ประการที่สาม''' ต้องการที่จะให้มีความร่วมมือกันในการที่จะแก้ปัญหา ที่เป็นปัญหาเร่งด่วนของชาติ ที่อยู่บนพื้นฐานความร่วมมือของจังหวัด | '''ประการที่สาม''' ต้องการที่จะให้มีความร่วมมือกันในการที่จะแก้ปัญหา ที่เป็นปัญหาเร่งด่วนของชาติ ที่อยู่บนพื้นฐานความร่วมมือของจังหวัด | ||
คณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการได้เสนอจัดตั้งกลุ่มจังหวัดและกำหนดจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด | คณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการได้เสนอจัดตั้งกลุ่มจังหวัดและกำหนดจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด ตามมาตรา 26 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการบริหารราชการจังหวัดและส่วนจังหวัดแบบบูรณาการ พ.ศ. 2551 โดย[[มติคณะรัฐมนตรี|มติคณะรัฐมนตรี]]เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2546 และวันที่ 17 พฤศจิกายน 2546<ref>สำนักบริหารยุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัด สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย, ความเป็นมาของการแบ่งกลุ่มจังหวัด [ออนไลน์], แหล่งข้อมูล : http://www.osm.moi.go.th/images/stories/april/osm1.pdf . </ref> ได้ให้ความเห็นชอบ โดยแบ่งจังหวัดออกเป็น 18 กลุ่มจังหวัด และกำหนดจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติราชของกลุ่มจังหวัด ดังต่อไปนี้<ref>ประกาศคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ เรื่อง การจัดตั้งกลุ่มจังหวัดและกำหนดจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด,ราชกิจานุเบกษา เล่ม 126 ตอนพิเศษ 28 ง ลงวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2552. </ref> | ||
1.''' [[กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน 1]]''' ประกอบด้วย จังหวัดนนทบุรี จังหวัดปทุมธานี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และจังหวัดสระบุรี โดยให้จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด | 1.'''[[กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน_1|กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน 1]]''' ประกอบด้วย จังหวัดนนทบุรี จังหวัดปทุมธานี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และจังหวัดสระบุรี โดยให้จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด | ||
2.''' [[กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน 2]]''' ประกอบด้วย จังหวัดชัยนาท จังหวัดลพบุรี จังหวัดสิงห์บุรี และจังหวัดอ่างทอง โดยให้จังหวัดลพบุรีเป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด | 2.'''[[กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน_2|กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน 2]]''' ประกอบด้วย จังหวัดชัยนาท จังหวัดลพบุรี จังหวัดสิงห์บุรี และจังหวัดอ่างทอง โดยให้จังหวัดลพบุรีเป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด | ||
3.'''[[กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนกลาง]]''' ประกอบด้วย จังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดนครนายก จังหวัดปราจีนบุรี จังหวัดสมุทรปราการ และจังหวัดสระแก้ว โดยให้จังหวัดฉะเชิงเทราเป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด | 3.'''[[กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนกลาง|กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนกลาง]]''' ประกอบด้วย จังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดนครนายก จังหวัดปราจีนบุรี จังหวัดสมุทรปราการ และจังหวัดสระแก้ว โดยให้จังหวัดฉะเชิงเทราเป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด | ||
4. '''[[กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1]]''' ประกอบด้วย จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดนครปฐม จังหวัดราชบุรี และจังหวัดสุพรรณบุรี โดยให้จังหวัดนครปฐมเป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด | 4. '''[[กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง_1|กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1]]''' ประกอบด้วย จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดนครปฐม จังหวัดราชบุรี และจังหวัดสุพรรณบุรี โดยให้จังหวัดนครปฐมเป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด | ||
5.'''[[กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 2]]''' ประกอบด้วย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดสมุทรสงคราม และจังหวัดสมุทรสาคร โดยให้จังหวัดเพชรบุรีเป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด | 5.'''[[กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง_2|กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 2]]''' ประกอบด้วย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดสมุทรสงคราม และจังหวัดสมุทรสาคร โดยให้จังหวัดเพชรบุรีเป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด | ||
6.''' [[กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย]]''' ประกอบด้วย จังหวัดชุมพร จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดพัทลุง และจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยให้จังหวัดสุราษฎร์ธานีเป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด | 6.'''[[กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย|กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย]]''' ประกอบด้วย จังหวัดชุมพร จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดพัทลุง และจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยให้จังหวัดสุราษฎร์ธานีเป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด | ||
7.'''[[กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน]]''' ประกอบด้วย จังหวัดกระบี่ จังหวัดตรัง จังหวัดพังงา จังหวัดภูเก็ต และจังหวัดระนอง โดยให้จังหวัดภูเก็ตเป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด | 7.'''[[กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน|กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน]]''' ประกอบด้วย จังหวัดกระบี่ จังหวัดตรัง จังหวัดพังงา จังหวัดภูเก็ต และจังหวัดระนอง โดยให้จังหวัดภูเก็ตเป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด | ||
8.''' [[กลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดน]]''' ประกอบด้วย จังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา จังหวัดสงขลา และจังหวัดสตูล โดยให้จังหวัดสงขลาเป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด | 8.'''[[กลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดน|กลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดน]]''' ประกอบด้วย จังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา จังหวัดสงขลา และจังหวัดสตูล โดยให้จังหวัดสงขลาเป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด | ||
9. '''[[กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก]]''' ประกอบด้วย จังหวัดจันทบุรี จังหวัดชลบุรี จังหวัดตราด และจังหวัดระยอง โดยให้จังหวัดชลบุรีเป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด | 9. '''[[กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก|กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก]]''' ประกอบด้วย จังหวัดจันทบุรี จังหวัดชลบุรี จังหวัดตราด และจังหวัดระยอง โดยให้จังหวัดชลบุรีเป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด | ||
10. '''[[กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1]]''' ประกอบด้วย จังหวัดเลย จังหวัดหนองคาย จังหวัดบึงกาฬ จังหวัดหนองบัวลำภู และจังหวัดอุดรธานี โดยให้จังหวัดอุดรธานีเป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด | 10. '''[[กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน_1|กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1]]''' ประกอบด้วย จังหวัดเลย จังหวัดหนองคาย จังหวัดบึงกาฬ จังหวัดหนองบัวลำภู และจังหวัดอุดรธานี โดยให้จังหวัดอุดรธานีเป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด | ||
11. '''[[กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2]]''' ประกอบด้วย จังหวัดนครพนม จังหวัดมุกดาหาร และจังหวัดสกลนคร โดยให้จังหวัดสกลนครเป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด | 11. '''[[กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน_2|กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2]]''' ประกอบด้วย จังหวัดนครพนม จังหวัดมุกดาหาร และจังหวัดสกลนคร โดยให้จังหวัดสกลนครเป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด | ||
12.''' [[กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง]]''' ประกอบด้วย จังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดขอนแก่น จังหวัดมหาสารคาม และจังหวัดร้อยเอ็ด โดยให้จังหวัดขอนแก่นเป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด | 12.'''[[กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง|กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง]]''' ประกอบด้วย จังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดขอนแก่น จังหวัดมหาสารคาม และจังหวัดร้อยเอ็ด โดยให้จังหวัดขอนแก่นเป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด | ||
13.''' [[กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 1]]''' ประกอบด้วยจังหวัดนครราชสีมา จังหวัดชัยภูมิ จังหวัดบุรีรัมย์ และจังหวัดสุรินทร์ โดยให้จังหวัดนครราชสีมาเป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด | 13.'''[[กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง_1|กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 1]]''' ประกอบด้วยจังหวัดนครราชสีมา จังหวัดชัยภูมิ จังหวัดบุรีรัมย์ และจังหวัดสุรินทร์ โดยให้จังหวัดนครราชสีมาเป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด | ||
14. '''[[กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 2]]''' ประกอบด้วย จังหวัดยโสธร จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดอำนาจเจริญ และจังหวัดอุบลราชธานี โดยให้จังหวัดอุบลราชธานีเป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด | 14. '''[[กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง_2|กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 2]]''' ประกอบด้วย จังหวัดยโสธร จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดอำนาจเจริญ และจังหวัดอุบลราชธานี โดยให้จังหวัดอุบลราชธานีเป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด | ||
15. '''[[กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1]]''' ประกอบด้วย จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน จังหวัดลำปาง และจังหวัดลำพูน โดยให้จังหวัดเชียงใหม่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด | 15. '''[[กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน_1|กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1]]''' ประกอบด้วย จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน จังหวัดลำปาง และจังหวัดลำพูน โดยให้จังหวัดเชียงใหม่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด | ||
16. '''[[กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2]]''' ประกอบด้วย จังหวัดเชียงราย จังหวัดน่าน จังหวัดพะเยา และจังหวัดแพร่ โดยให้จังหวัดเชียงรายเป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด | 16. '''[[กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน_2|กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2]]''' ประกอบด้วย จังหวัดเชียงราย จังหวัดน่าน จังหวัดพะเยา และจังหวัดแพร่ โดยให้จังหวัดเชียงรายเป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด | ||
17.'''[[กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง_1|กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1]]''' ประกอบด้วย จังหวัดตาก จังหวัดพิษณุโลก จังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัดสุโขทัย และจังหวัดอุตรดิตถ์ โดยให้จังหวัดพิษณุโลกเป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด | |||
18. '''[[กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง_2|กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 2]]''' ประกอบด้วย จังหวัดกำแพงเพชร จังหวัดนครสวรรค์ จังหวัดพิจิตร และจังหวัดอุทัยธานี โดยให้จังหวัดนครสวรรค์เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด | |||
==การจัดทำแผนพัฒนากลุ่มจังหวัด== | == การจัดทำแผนพัฒนากลุ่มจังหวัด == | ||
ตาม[[พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534]] มาตรา 53/1 ได้กำหนดให้จังหวัดจัดทำ[[แผนพัฒนาจังหวัด]]ให้สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในระดับชาติ และความต้องการของประชาชนในท้องถิ่นในจังหวัด | ตาม[[พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน_พ.ศ._2534|พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534]] มาตรา 53/1 ได้กำหนดให้จังหวัดจัดทำ[[แผนพัฒนาจังหวัด|แผนพัฒนาจังหวัด]]ให้สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในระดับชาติ และความต้องการของประชาชนในท้องถิ่นในจังหวัด | ||
ในการจัดทำแผนพัฒนาจังหวัด ให้[[ผู้ว่าราชการจังหวัด]]จัดให้มีการประชุมปรึกษาหารือร่วมกันระหว่างหัวหน้าส่วนราชการที่มีสถานที่ตั้งทำการอยู่ในจังหวัดไม่ว่าจะเป็น[[ราชการบริหารส่วนภูมิภาค]] หรือ[[ราชการบริหารส่วนกลาง]] และ[[ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น]]ทั้งหมดในจังหวัด รวมทั้งผู้แทน[[ภาคประชาสังคม]] และผู้แทนภาคธุรกิจเอกชน | ในการจัดทำแผนพัฒนาจังหวัด ให้[[ผู้ว่าราชการจังหวัด|ผู้ว่าราชการจังหวัด]]จัดให้มีการประชุมปรึกษาหารือร่วมกันระหว่างหัวหน้าส่วนราชการที่มีสถานที่ตั้งทำการอยู่ในจังหวัดไม่ว่าจะเป็น[[ราชการบริหารส่วนภูมิภาค|ราชการบริหารส่วนภูมิภาค]] หรือ[[ราชการบริหารส่วนกลาง|ราชการบริหารส่วนกลาง]] และ[[ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น|ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น]]ทั้งหมดในจังหวัด รวมทั้งผู้แทน[[ภาคประชาสังคม|ภาคประชาสังคม]] และผู้แทนภาคธุรกิจเอกชน | ||
พระราชกฤษฎีว่าด้วยการบริหารงานจังหวัดและกลุมจังหวัดแบบบูรณาการ พ.ศ.2551 ได้กำหนดแนวทางการจัดทำแผนพัฒนากลุ่มจังหวัดในมาตรา 27 โดยมีวิธีการดังนี้ คือ | พระราชกฤษฎีว่าด้วยการบริหารงานจังหวัดและกลุมจังหวัดแบบบูรณาการ พ.ศ.2551 ได้กำหนดแนวทางการจัดทำแผนพัฒนากลุ่มจังหวัดในมาตรา 27 โดยมีวิธีการดังนี้ คือ | ||
1. ให้คณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุมจังหวัดแบบบูรณาการ( ก.น.จ.) เป็นผู้กําหนดนโยบาย หลักเกณฑ และวิธีการในการจัดทําแผนพัฒนากลุ่มจังหวัด | 1. ให้คณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุมจังหวัดแบบบูรณาการ( ก.น.จ.) เป็นผู้กําหนดนโยบาย หลักเกณฑ และวิธีการในการจัดทําแผนพัฒนากลุ่มจังหวัด | ||
2. คณะกรรมการบริหารงานกลุมจังหวัดแบบบูรณาการเป็นผู้ดําเนินการจัดทําแผนพัฒนากลุ่มจังหวัด โดยจัดทำเป็นแผนสี่ป การจัดทำต้องคํานึงถึงความต้องการและศักยภาพของประชาชนในท้องถิ่น ในจังหวัด รวมตลอดถึงความพร้อมของภาครัฐและภาคธุรกิจเอกชน และยุทธศาสตร์ระดับชาติ | 2. คณะกรรมการบริหารงานกลุมจังหวัดแบบบูรณาการเป็นผู้ดําเนินการจัดทําแผนพัฒนากลุ่มจังหวัด โดยจัดทำเป็นแผนสี่ป การจัดทำต้องคํานึงถึงความต้องการและศักยภาพของประชาชนในท้องถิ่น ในจังหวัด รวมตลอดถึงความพร้อมของภาครัฐและภาคธุรกิจเอกชน และยุทธศาสตร์ระดับชาติ | ||
แผนพัฒนากลุ่มจังหวัดต้องระบุรายละเอียดของวิสัยทัศน์ ประเด็นยุทธศาสตร์ เป้าประสงค์ ตัวชี้วัด ค่าเป้าหมาย และกลยุทธ์ | แผนพัฒนากลุ่มจังหวัดต้องระบุรายละเอียดของวิสัยทัศน์ ประเด็นยุทธศาสตร์ เป้าประสงค์ ตัวชี้วัด ค่าเป้าหมาย และกลยุทธ์ | ||
บรรทัดที่ 82: | บรรทัดที่ 84: | ||
แผนพัฒนากลุ่มจังหวัดต้องให้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบ จากนั้นให้คณะกรรมการบริหารกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการจัดทำแผนปฏิบัติราชการประจำปีกลุ่มจังหวัดโดยระบุรายละเอียดของโครงการ เป้าหมายและผลสัมฤทธิ์ของงาน หน่วยงานผู้รับผิดชอบและงบประมาณที่ต้องใช้ดำเนินการ | แผนพัฒนากลุ่มจังหวัดต้องให้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบ จากนั้นให้คณะกรรมการบริหารกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการจัดทำแผนปฏิบัติราชการประจำปีกลุ่มจังหวัดโดยระบุรายละเอียดของโครงการ เป้าหมายและผลสัมฤทธิ์ของงาน หน่วยงานผู้รับผิดชอบและงบประมาณที่ต้องใช้ดำเนินการ | ||
==แนวทางการจัดทำแผนพัฒนาจังหวัด/กลุ่มจังหวัด== | == แนวทางการจัดทำแผนพัฒนาจังหวัด/กลุ่มจังหวัด == | ||
แนวทางการจัดทำแผนพัฒนาจังหวัด/กลุ่มจังหวัด | แนวทางการจัดทำแผนพัฒนาจังหวัด/กลุ่มจังหวัด จะต้องคำนึงถึงแนวทาง ดังนี้<ref>ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยระบบการบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการ พ.ศ. 2546</ref> | ||
1. ต้องสอดคล้องเชื่อมโยงกับนโยบายของรัฐบาล แผนการบริหารราชการแผ่นดินแผนพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาภาค ยุทธศาสตร์รายสาขา/เฉพาะด้าน รวมทั้งสอดคล้องกับศักยภาพ โอกาส สภาพปัญหา และความต้องการของประชาชนในพื้นที่ | 1. ต้องสอดคล้องเชื่อมโยงกับนโยบายของรัฐบาล แผนการบริหารราชการแผ่นดินแผนพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาภาค ยุทธศาสตร์รายสาขา/เฉพาะด้าน รวมทั้งสอดคล้องกับศักยภาพ โอกาส สภาพปัญหา และความต้องการของประชาชนในพื้นที่ | ||
2. คุณภาพของแผน ในการจัดทำ[[แผนพัฒนาจังหวัด]]และแผนพัฒนากลุ่มจังหวัด ที่มีคุณภาพ จะต้องผ่านกระบวนการเห็นชอบร่วมกันของทุกฝ่าย และแผนดังกล่าวจะต้องมีความชัดเจน ความเป็นเหตุเป็นผลของแผนพัฒนาจังหวัดและแผนพัฒนากลุ่มจังหวัดที่สอดคล้อง เชื่อมโยงตั้งแต่[[วิสัยทัศน์]] [[ประเด็นยุทธศาสตร์]] [[เป้าประสงค์]] [[ตัวชี้วัด]] [[ค่าเป้าหมาย]] [[กลยุทธ์]] จนถึง[[แผนงาน/โครงการ]] (Logical Framework) โดยมีรายละเอียดดังนี้ | 2. คุณภาพของแผน ในการจัดทำ[[แผนพัฒนาจังหวัด|แผนพัฒนาจังหวัด]]และแผนพัฒนากลุ่มจังหวัด ที่มีคุณภาพ จะต้องผ่านกระบวนการเห็นชอบร่วมกันของทุกฝ่าย และแผนดังกล่าวจะต้องมีความชัดเจน ความเป็นเหตุเป็นผลของแผนพัฒนาจังหวัดและแผนพัฒนากลุ่มจังหวัดที่สอดคล้อง เชื่อมโยงตั้งแต่[[วิสัยทัศน์|วิสัยทัศน์]] [[ประเด็นยุทธศาสตร์|ประเด็นยุทธศาสตร์]] [[เป้าประสงค์|เป้าประสงค์]] [[ตัวชี้วัด|ตัวชี้วัด]] [[ค่าเป้าหมาย|ค่าเป้าหมาย]] [[กลยุทธ์|กลยุทธ์]] จนถึง[[แผนงาน/โครงการ|แผนงาน/โครงการ]] (Logical Framework) โดยมีรายละเอียดดังนี้ | ||
(1) มีการกำหนดประเด็นปัญหาและโอกาสการพัฒนาชัดเจนทั้งในเชิงของขนาด และพื้นที่ พร้อมทั้งจัดลำดับความสำคัญของปัญหาและโอกาสการพัฒนานั้น ๆ | (1) มีการกำหนดประเด็นปัญหาและโอกาสการพัฒนาชัดเจนทั้งในเชิงของขนาด และพื้นที่ พร้อมทั้งจัดลำดับความสำคัญของปัญหาและโอกาสการพัฒนานั้น ๆ | ||
(2) มีวัตถุประสงค์ ตัวชี้วัดและค่าเป้าหมายในเชิงปริมาณและคุณภาพที่ชัดเจน สะท้อนให้เห็นถึงการแก้ปัญหา และการใช้โอกาสในการพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัด | (2) มีวัตถุประสงค์ ตัวชี้วัดและค่าเป้าหมายในเชิงปริมาณและคุณภาพที่ชัดเจน สะท้อนให้เห็นถึงการแก้ปัญหา และการใช้โอกาสในการพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัด | ||
(3) มีประเด็นยุทธศาสตร์และแนวทางการพัฒนา และการแก้ไขปัญหาที่ตอบสนองกับวัตถุประสงค์ และเป้าหมายของแผน โดยในการกำหนดประเด็นยุทธศาสตร์จะต้องมีการหาข้อตกลงร่วมกันเพื่อยืนยันประเด็นยุทธศาสตร์นั้น ๆ และเป็นที่ยอมรับของทุกภาคส่วน | (3) มีประเด็นยุทธศาสตร์และแนวทางการพัฒนา และการแก้ไขปัญหาที่ตอบสนองกับวัตถุประสงค์ และเป้าหมายของแผน โดยในการกำหนดประเด็นยุทธศาสตร์จะต้องมีการหาข้อตกลงร่วมกันเพื่อยืนยันประเด็นยุทธศาสตร์นั้น ๆ และเป็นที่ยอมรับของทุกภาคส่วน | ||
(4) มีการจัดลำดับความสำคัญของประเด็นยุทธศาสตร์ | (4) มีการจัดลำดับความสำคัญของประเด็นยุทธศาสตร์ | ||
(5) มีแผนงาน/โครงการ ตอบสนองกับแนวทางพัฒนานั้น ๆ | (5) มีแผนงาน/โครงการ ตอบสนองกับแนวทางพัฒนานั้น ๆ | ||
แผนพัฒนากลุ่มจังหวัดจะเป็นการสนับสนุนให้การปฏิบัติราชการของจังหวัดต่างๆ เป็น[[การบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการ|การบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการ]] มีหน่วยงานเชิงยุทธศาสตร์ภาครัฐในระดับพื้นที่ที่มีศักยภาพและสมรรถภาพสูง สามารถประสานและกำกับดูแลการปฏิบัติราชการของทุกส่วนราชการ [[รัฐวิสาหกิจ|รัฐวิสาหกิจ]] และหน่วยงานอื่นของรัฐ และส่งเสริมสนับสนุน[[องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น|องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น]]และชุมชนในพื้นที่ ให้สามารถริเริ่ม แก้ไขปัญหา และพัฒนาพื้นที่ของตนเอง รวมทั้งส่งเสริมให้เกิดระบบงานที่มีกระบวนการสร้างความเห็นพ้องต้องกันของทุกภาคส่วนในสังคม เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการด้วยความรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง และมีผู้รับผิดชอบที่ชัดเจนใน[[การบริหารราชการระดับพื้นที่|การบริหารราชการระดับพื้นที่]] | |||
แผนพัฒนากลุ่มจังหวัดคือการกำหนดบูรณาการยุทธศาสตร์ แผนงาน โครงการ สรรพกำลังและทรัพยากรในจังหวัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทำให้การทำงานเกิดการประสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วนในสังคมอย่างมีทิศทางและเป้าหมายร่วมกัน รวมทั้งมีผู้รับผิดชอบต่อผลของงานในการบริหาร การพัฒนา การป้องกัน และการแก้ไขปัญหาในเขตพื้นที่จังหวัดอย่างชัดเจน | |||
==อ้างอิง== | == อ้างอิง == | ||
<references/> | <references /> | ||
==หนังสืออ่านประกอบ== | == หนังสืออ่านประกอบ == | ||
ประสิทธิ์ การกลาง,'''รายงานการศึกษาวิจัยเรื่องการพัฒนาขีดสมรรถนะจังหวัดในการจัดทำแผนและงบประมาณจังหวัดและกลุ่มจังหวัด''',(กรุงเทพมหานคร | ประสิทธิ์ การกลาง,'''รายงานการศึกษาวิจัยเรื่องการพัฒนาขีดสมรรถนะจังหวัดในการจัดทำแผนและงบประมาณจังหวัดและกลุ่มจังหวัด''',(กรุงเทพมหานคร : สถาบันดำรงราชานุภาพ, 2552). | ||
สำนักพัฒนาและส่งเสริมการบริหารราชการจังหวัด กระทรวงมหาดไทย,'''วิสัยทัศน์และยุทธศาสตร์การพัฒนากลุ่มจังหวัดและจังหวัด''',(กรุงเทพมหานคร : สำนักพัฒนาและส่งเสริมการบริหารราชการจังหวัด,2547). | สำนักพัฒนาและส่งเสริมการบริหารราชการจังหวัด กระทรวงมหาดไทย,'''วิสัยทัศน์และยุทธศาสตร์การพัฒนากลุ่มจังหวัดและจังหวัด''',(กรุงเทพมหานคร : สำนักพัฒนาและส่งเสริมการบริหารราชการจังหวัด,2547). | ||
สำนักพัฒนาและส่งเสริมการบริหารราชการจังหวัด สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย, '''รายงานการศึกษาวิจัยเรื่องการบริหารจัดการของกลุ่มจังหวัดในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมระดับพื้นที่''',(กรุงเทพมหานคร | สำนักพัฒนาและส่งเสริมการบริหารราชการจังหวัด สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย, '''รายงานการศึกษาวิจัยเรื่องการบริหารจัดการของกลุ่มจังหวัดในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมระดับพื้นที่''',(กรุงเทพมหานคร : สถาบันดำรงราชานุภาพ, 2548). | ||
[[ | [[Category:การบริหารราชการแผ่นดิน|ผ]] |
รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 13:50, 3 กรกฎาคม 2560
เรียบเรียงโดย : อาจารย์บุญเกียรติ การะเวกพันธุ์ และคณะ
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ : รศ.ดร.ปธาน สุวรรณมงคล
แผนพัฒนากลุ่มจังหวัด หมายความว่า รายการเกี่ยวกับโครงการและแผนงานต่าง ๆ ของกลุ่มจังหวัดที่จำเป็นต้องจัดทำเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และทิศทางการพัฒนาของกลุ่มจังหวัดในอนาคต[1]
จากการที่มีการจัดตั้งกลุ่มจังหวัด ตามมาตรา 26 ของพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการบริหารจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ พ.ศ.2551 ซึ่งบัญญัติให้มีคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ (ก.น.จ.) พิจารณาจัดตั้งกลุ่มจังหวัดและกำหนดจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด และเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบการจัดตั้งกลุ่มจังหวัดและกำหนดจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดของจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัดทำหน้าที่เป็นหัวหน้ากลุ่มจังหวัด
กรอบแนวคิดของการจัดกลุ่มจังหวัด
มี 3 ประการ คือ[2]
ประการแรก เรื่องของการจัดการปัญหาในระดับพื้นที่ที่เชื่อมโยงกันระหว่างจังหวัด ปัญหานี้เป็นปัญหาทั้งทางด้านสังคมและปัญหาเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องยาเสพติด ปัญหาเรื่องอาชญากรรม หรือปัญหาเกี่ยวกับเรื่องราคาพืชผลต่างๆ ที่เป็นปัญหาร่วมกันในพื้นที่ เช่น เรื่องราคาข้าวต้องร่วมกันแก้ไขปัญหาปริมาณข้าวในระหว่างจังหวัดนครสวรรค์กับจังหวัดพิจิตรเป็นต้น
ประการที่สอง เน้นความร่วมมือในเรื่องของการใช้ทรัพยากรร่วมกันในการพัฒนายุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจและสังคม
ประการที่สาม ยุทธศาสตร์ในจังหวัดใกล้เคียงกันจะมีจุดเน้นของแต่ละจังหวัดที่ต่างกัน แต่เกื้อกูลกัน เราก็ต้องการให้มีเจ้าภาพในแต่ละยุทธศาสตร์ให้จังหวัดใดเป็นผู้นำในยุทธศาสตร์นั้นรับผิดชอบ
แนวทางการจัดกลุ่มจังหวัด
การจัดกลุ่มจังหวัดเป็น 19 กลุ่มที่ผ่านมามีแนวทางในการจัดกลุ่ม 3 ประการ คือ
ประการแรก เน้นเรื่องของพื้นที่ที่มีความเชื่อมโยงกันสัมพันธ์กัน พื้นที่ที่เกี่ยวเนื่องกันในลักษณะของเป็นภาคเล็กๆ ลักษณะเป็น Sub-region
ประการที่สอง แม้พื้นที่จะเกี่ยวเนื่องกันจะเชื่อมโยงกัน จะใช้หลักความสัมพันธ์ทางด้านเศรษฐกิจ การผลิต การค้า และการลงทุนเป็นตัวที่จะช่วยชี้ว่า จังหวัดนี้ควรจะอยู่ในกลุ่มไหน จากการพิจารณาลักษณะนี้จะเห็นว่า จังหวัดพิจิตรแม้จะอยู่ใกล้กับ พิษณุโลกและใกล้กับนครสวรรค์ ซึ่งถ้ามองในเชิงพื้นทีอย่างเดียวน่าจะอยู่ในกลุ่มเดียวกัน แต่ถ้าพิจารณาองค์ประกอบอื่นเพิ่มเติม เช่น ความสัมพันธ์เชื่อมโยงทางด้านการ การค้าการลงทุนแล้ว จะต่างกัน พิษณุโลกจะเน้นไปด้านอุตสาหกรรมใหม่ ขณะที่พิจิตรกับนครสวรรค์มีความสัมพันธ์เรื่องของด้านการเกษตร เรื่องข้าว ปริมาณ ผลผลิต ราคาต่างๆ ก็อยู่คนละกลุ่มกัน พิจิตรจึงเข้าใกล้นครสวรรค์มากกว่าพิษณุโลก การที่จะนำพิจิตรไปอยู่กับพิษณุโลกเพราะพื้นที่ติดกันนั้น จะติดที่เงื่อนไขของการลงทุน ปัจจัยร่วมต่างๆ แตกต่างกัน
ประการที่สาม ต้องการที่จะให้มีความร่วมมือกันในการที่จะแก้ปัญหา ที่เป็นปัญหาเร่งด่วนของชาติ ที่อยู่บนพื้นฐานความร่วมมือของจังหวัด
คณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการได้เสนอจัดตั้งกลุ่มจังหวัดและกำหนดจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด ตามมาตรา 26 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการบริหารราชการจังหวัดและส่วนจังหวัดแบบบูรณาการ พ.ศ. 2551 โดยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2546 และวันที่ 17 พฤศจิกายน 2546[3] ได้ให้ความเห็นชอบ โดยแบ่งจังหวัดออกเป็น 18 กลุ่มจังหวัด และกำหนดจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติราชของกลุ่มจังหวัด ดังต่อไปนี้[4]
1.กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน 1 ประกอบด้วย จังหวัดนนทบุรี จังหวัดปทุมธานี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และจังหวัดสระบุรี โดยให้จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด
2.กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน 2 ประกอบด้วย จังหวัดชัยนาท จังหวัดลพบุรี จังหวัดสิงห์บุรี และจังหวัดอ่างทอง โดยให้จังหวัดลพบุรีเป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด
3.กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนกลาง ประกอบด้วย จังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดนครนายก จังหวัดปราจีนบุรี จังหวัดสมุทรปราการ และจังหวัดสระแก้ว โดยให้จังหวัดฉะเชิงเทราเป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด
4. กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1 ประกอบด้วย จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดนครปฐม จังหวัดราชบุรี และจังหวัดสุพรรณบุรี โดยให้จังหวัดนครปฐมเป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด
5.กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 2 ประกอบด้วย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดสมุทรสงคราม และจังหวัดสมุทรสาคร โดยให้จังหวัดเพชรบุรีเป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด
6.กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย ประกอบด้วย จังหวัดชุมพร จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดพัทลุง และจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยให้จังหวัดสุราษฎร์ธานีเป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด
7.กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน ประกอบด้วย จังหวัดกระบี่ จังหวัดตรัง จังหวัดพังงา จังหวัดภูเก็ต และจังหวัดระนอง โดยให้จังหวัดภูเก็ตเป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด
8.กลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดน ประกอบด้วย จังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา จังหวัดสงขลา และจังหวัดสตูล โดยให้จังหวัดสงขลาเป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด
9. กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก ประกอบด้วย จังหวัดจันทบุรี จังหวัดชลบุรี จังหวัดตราด และจังหวัดระยอง โดยให้จังหวัดชลบุรีเป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด
10. กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 ประกอบด้วย จังหวัดเลย จังหวัดหนองคาย จังหวัดบึงกาฬ จังหวัดหนองบัวลำภู และจังหวัดอุดรธานี โดยให้จังหวัดอุดรธานีเป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด
11. กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 ประกอบด้วย จังหวัดนครพนม จังหวัดมุกดาหาร และจังหวัดสกลนคร โดยให้จังหวัดสกลนครเป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด
12.กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง ประกอบด้วย จังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดขอนแก่น จังหวัดมหาสารคาม และจังหวัดร้อยเอ็ด โดยให้จังหวัดขอนแก่นเป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด
13.กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 1 ประกอบด้วยจังหวัดนครราชสีมา จังหวัดชัยภูมิ จังหวัดบุรีรัมย์ และจังหวัดสุรินทร์ โดยให้จังหวัดนครราชสีมาเป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด
14. กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 2 ประกอบด้วย จังหวัดยโสธร จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดอำนาจเจริญ และจังหวัดอุบลราชธานี โดยให้จังหวัดอุบลราชธานีเป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด
15. กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 ประกอบด้วย จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน จังหวัดลำปาง และจังหวัดลำพูน โดยให้จังหวัดเชียงใหม่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด
16. กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 ประกอบด้วย จังหวัดเชียงราย จังหวัดน่าน จังหวัดพะเยา และจังหวัดแพร่ โดยให้จังหวัดเชียงรายเป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด
17.กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 ประกอบด้วย จังหวัดตาก จังหวัดพิษณุโลก จังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัดสุโขทัย และจังหวัดอุตรดิตถ์ โดยให้จังหวัดพิษณุโลกเป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด
18. กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 2 ประกอบด้วย จังหวัดกำแพงเพชร จังหวัดนครสวรรค์ จังหวัดพิจิตร และจังหวัดอุทัยธานี โดยให้จังหวัดนครสวรรค์เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด
การจัดทำแผนพัฒนากลุ่มจังหวัด
ตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 มาตรา 53/1 ได้กำหนดให้จังหวัดจัดทำแผนพัฒนาจังหวัดให้สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในระดับชาติ และความต้องการของประชาชนในท้องถิ่นในจังหวัด
ในการจัดทำแผนพัฒนาจังหวัด ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดจัดให้มีการประชุมปรึกษาหารือร่วมกันระหว่างหัวหน้าส่วนราชการที่มีสถานที่ตั้งทำการอยู่ในจังหวัดไม่ว่าจะเป็นราชการบริหารส่วนภูมิภาค หรือราชการบริหารส่วนกลาง และผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้งหมดในจังหวัด รวมทั้งผู้แทนภาคประชาสังคม และผู้แทนภาคธุรกิจเอกชน
พระราชกฤษฎีว่าด้วยการบริหารงานจังหวัดและกลุมจังหวัดแบบบูรณาการ พ.ศ.2551 ได้กำหนดแนวทางการจัดทำแผนพัฒนากลุ่มจังหวัดในมาตรา 27 โดยมีวิธีการดังนี้ คือ
1. ให้คณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุมจังหวัดแบบบูรณาการ( ก.น.จ.) เป็นผู้กําหนดนโยบาย หลักเกณฑ และวิธีการในการจัดทําแผนพัฒนากลุ่มจังหวัด
2. คณะกรรมการบริหารงานกลุมจังหวัดแบบบูรณาการเป็นผู้ดําเนินการจัดทําแผนพัฒนากลุ่มจังหวัด โดยจัดทำเป็นแผนสี่ป การจัดทำต้องคํานึงถึงความต้องการและศักยภาพของประชาชนในท้องถิ่น ในจังหวัด รวมตลอดถึงความพร้อมของภาครัฐและภาคธุรกิจเอกชน และยุทธศาสตร์ระดับชาติ
แผนพัฒนากลุ่มจังหวัดต้องระบุรายละเอียดของวิสัยทัศน์ ประเด็นยุทธศาสตร์ เป้าประสงค์ ตัวชี้วัด ค่าเป้าหมาย และกลยุทธ์
แผนพัฒนากลุ่มจังหวัดต้องให้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบ จากนั้นให้คณะกรรมการบริหารกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการจัดทำแผนปฏิบัติราชการประจำปีกลุ่มจังหวัดโดยระบุรายละเอียดของโครงการ เป้าหมายและผลสัมฤทธิ์ของงาน หน่วยงานผู้รับผิดชอบและงบประมาณที่ต้องใช้ดำเนินการ
แนวทางการจัดทำแผนพัฒนาจังหวัด/กลุ่มจังหวัด
แนวทางการจัดทำแผนพัฒนาจังหวัด/กลุ่มจังหวัด จะต้องคำนึงถึงแนวทาง ดังนี้[5]
1. ต้องสอดคล้องเชื่อมโยงกับนโยบายของรัฐบาล แผนการบริหารราชการแผ่นดินแผนพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาภาค ยุทธศาสตร์รายสาขา/เฉพาะด้าน รวมทั้งสอดคล้องกับศักยภาพ โอกาส สภาพปัญหา และความต้องการของประชาชนในพื้นที่
2. คุณภาพของแผน ในการจัดทำแผนพัฒนาจังหวัดและแผนพัฒนากลุ่มจังหวัด ที่มีคุณภาพ จะต้องผ่านกระบวนการเห็นชอบร่วมกันของทุกฝ่าย และแผนดังกล่าวจะต้องมีความชัดเจน ความเป็นเหตุเป็นผลของแผนพัฒนาจังหวัดและแผนพัฒนากลุ่มจังหวัดที่สอดคล้อง เชื่อมโยงตั้งแต่วิสัยทัศน์ ประเด็นยุทธศาสตร์ เป้าประสงค์ ตัวชี้วัด ค่าเป้าหมาย กลยุทธ์ จนถึงแผนงาน/โครงการ (Logical Framework) โดยมีรายละเอียดดังนี้
(1) มีการกำหนดประเด็นปัญหาและโอกาสการพัฒนาชัดเจนทั้งในเชิงของขนาด และพื้นที่ พร้อมทั้งจัดลำดับความสำคัญของปัญหาและโอกาสการพัฒนานั้น ๆ
(2) มีวัตถุประสงค์ ตัวชี้วัดและค่าเป้าหมายในเชิงปริมาณและคุณภาพที่ชัดเจน สะท้อนให้เห็นถึงการแก้ปัญหา และการใช้โอกาสในการพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัด
(3) มีประเด็นยุทธศาสตร์และแนวทางการพัฒนา และการแก้ไขปัญหาที่ตอบสนองกับวัตถุประสงค์ และเป้าหมายของแผน โดยในการกำหนดประเด็นยุทธศาสตร์จะต้องมีการหาข้อตกลงร่วมกันเพื่อยืนยันประเด็นยุทธศาสตร์นั้น ๆ และเป็นที่ยอมรับของทุกภาคส่วน
(4) มีการจัดลำดับความสำคัญของประเด็นยุทธศาสตร์
(5) มีแผนงาน/โครงการ ตอบสนองกับแนวทางพัฒนานั้น ๆ
แผนพัฒนากลุ่มจังหวัดจะเป็นการสนับสนุนให้การปฏิบัติราชการของจังหวัดต่างๆ เป็นการบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการ มีหน่วยงานเชิงยุทธศาสตร์ภาครัฐในระดับพื้นที่ที่มีศักยภาพและสมรรถภาพสูง สามารถประสานและกำกับดูแลการปฏิบัติราชการของทุกส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐ และส่งเสริมสนับสนุนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและชุมชนในพื้นที่ ให้สามารถริเริ่ม แก้ไขปัญหา และพัฒนาพื้นที่ของตนเอง รวมทั้งส่งเสริมให้เกิดระบบงานที่มีกระบวนการสร้างความเห็นพ้องต้องกันของทุกภาคส่วนในสังคม เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการด้วยความรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง และมีผู้รับผิดชอบที่ชัดเจนในการบริหารราชการระดับพื้นที่
แผนพัฒนากลุ่มจังหวัดคือการกำหนดบูรณาการยุทธศาสตร์ แผนงาน โครงการ สรรพกำลังและทรัพยากรในจังหวัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทำให้การทำงานเกิดการประสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วนในสังคมอย่างมีทิศทางและเป้าหมายร่วมกัน รวมทั้งมีผู้รับผิดชอบต่อผลของงานในการบริหาร การพัฒนา การป้องกัน และการแก้ไขปัญหาในเขตพื้นที่จังหวัดอย่างชัดเจน
อ้างอิง
- ↑ พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการบริหารจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ พ.ศ.2551 มาตรา 3
- ↑ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ, แนวทางการบริหารราชการแบบกลุ่มจังหวัด [ออนไลน์] , แหล่งข้อมูล : http://www.opdc.go.th/content.php?menu_id=5&content_id=780
- ↑ สำนักบริหารยุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัด สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย, ความเป็นมาของการแบ่งกลุ่มจังหวัด [ออนไลน์], แหล่งข้อมูล : http://www.osm.moi.go.th/images/stories/april/osm1.pdf .
- ↑ ประกาศคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ เรื่อง การจัดตั้งกลุ่มจังหวัดและกำหนดจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด,ราชกิจานุเบกษา เล่ม 126 ตอนพิเศษ 28 ง ลงวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2552.
- ↑ ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยระบบการบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการ พ.ศ. 2546
หนังสืออ่านประกอบ
ประสิทธิ์ การกลาง,รายงานการศึกษาวิจัยเรื่องการพัฒนาขีดสมรรถนะจังหวัดในการจัดทำแผนและงบประมาณจังหวัดและกลุ่มจังหวัด,(กรุงเทพมหานคร : สถาบันดำรงราชานุภาพ, 2552).
สำนักพัฒนาและส่งเสริมการบริหารราชการจังหวัด กระทรวงมหาดไทย,วิสัยทัศน์และยุทธศาสตร์การพัฒนากลุ่มจังหวัดและจังหวัด,(กรุงเทพมหานคร : สำนักพัฒนาและส่งเสริมการบริหารราชการจังหวัด,2547).
สำนักพัฒนาและส่งเสริมการบริหารราชการจังหวัด สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย, รายงานการศึกษาวิจัยเรื่องการบริหารจัดการของกลุ่มจังหวัดในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมระดับพื้นที่,(กรุงเทพมหานคร : สถาบันดำรงราชานุภาพ, 2548).