ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระบรมราโชบายด้านการต่างประเทศ"
ลไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัดที่ 1: | บรรทัดที่ 1: | ||
ความไม่เท่าเทียมของสยามกับนานาประเทศมีที่มาจากสนธิสัญญาที่ไม่เสมอภาคตั้งแต่สมัย[[รัชกาลที่ ๔]] และ[[รัชกาลที่ ๕]] ที่สำคัญมักเกี่ยวกับสิทธิสภาพนอกอาณาเขตซึ่งกระทบต่ออำนาจของศาลไทยอย่างมาก ทั้งยังมีผลต่อการกำหนดเพดานอัตราภาษีขาเข้าและออกของสยามด้วย | |||
ในสมัย[[รัชกาลที่ ๖]] ได้แก้ไขหรือทำสนธิสัญญาหรือสัญญาใหม่กับ ๗ ประเทศสำเร็จแล้ว ต่อมาสมัย[[รัชกาลที่ ๗]] ได้ดำเนินนโยบายต่อเนื่องจนสำเร็จอีก ๘ ประเทศ นับถึงปี ๒๔๗๔ ยังผลให้สยามไม่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบเช่นที่ผ่านมา และมี[[ความเสมอภาค]]กับนานาประเทศ สยามยังได้มีบทบาทที่แข็งขันในสันนิบาตชาติซึ่งเป็นต้นเค้าของ[[องค์การสหประชาชาติ]]ในเวลาต่อมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในความร่วมมือด้านการศึกษา ยาเสพติด และการแพทย์ การสาธารณสุข อีกทั้งได้แสดงตนเป็นประเทศที่มีเอกราชอย่างเต็มภาคภูมิในการออกเสียงเกี่ยวกับปัญหาระหว่างประเทศที่สำคัญบางประการ | |||
[[พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว]]ยังได้ทรงเจริญพระราชไมตรีด้วยการเสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศต่างๆ โดยในปี ๒๔๗๒ ได้เสด็จประพาสสิงคโปร์ ชวา บาหลี ปี ๒๔๗๓ เสด็จประพาสอินโดจีนของฝรั่งเศส ได้แก่ เวียดนามและกัมพูชา ปี ๒๔๗๔ เสด็จประพาสญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกาและแคนาดา และได้เสด็จประพาสครั้งสุดท้ายในปี ๒๔๗๖-๒๔๗๗ เมื่อทรงเป็นพระมหากษัตริย์ในระบอบรัฐธรรมนูญแล้ว โดยเสด็จประพาสประเทศในยุโรป รวม ๙ ประเทศพร้อมกับทรงเข้ารับการผ่าตัดต้อกระจกในพระเนตรที่อังกฤษ | |||
ทุกครั้งที่เสด็จพระราชดำเนินได้ทรงพระราชอุสาหะ ศึกษาความก้าวหน้าในวิทยาการ แนวความคิด และการเปลี่ยนแปลงทางการปกครองของประเทศเหล่านั้นไว้ประกอบพระราชดำริ เพื่อประโยชน์ของสยามประเทศเป็นประจำ | ทุกครั้งที่เสด็จพระราชดำเนินได้ทรงพระราชอุสาหะ ศึกษาความก้าวหน้าในวิทยาการ แนวความคิด และการเปลี่ยนแปลงทางการปกครองของประเทศเหล่านั้นไว้ประกอบพระราชดำริ เพื่อประโยชน์ของสยามประเทศเป็นประจำ |
รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 09:17, 10 กุมภาพันธ์ 2559
ความไม่เท่าเทียมของสยามกับนานาประเทศมีที่มาจากสนธิสัญญาที่ไม่เสมอภาคตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๔ และรัชกาลที่ ๕ ที่สำคัญมักเกี่ยวกับสิทธิสภาพนอกอาณาเขตซึ่งกระทบต่ออำนาจของศาลไทยอย่างมาก ทั้งยังมีผลต่อการกำหนดเพดานอัตราภาษีขาเข้าและออกของสยามด้วย
ในสมัยรัชกาลที่ ๖ ได้แก้ไขหรือทำสนธิสัญญาหรือสัญญาใหม่กับ ๗ ประเทศสำเร็จแล้ว ต่อมาสมัยรัชกาลที่ ๗ ได้ดำเนินนโยบายต่อเนื่องจนสำเร็จอีก ๘ ประเทศ นับถึงปี ๒๔๗๔ ยังผลให้สยามไม่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบเช่นที่ผ่านมา และมีความเสมอภาคกับนานาประเทศ สยามยังได้มีบทบาทที่แข็งขันในสันนิบาตชาติซึ่งเป็นต้นเค้าขององค์การสหประชาชาติในเวลาต่อมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในความร่วมมือด้านการศึกษา ยาเสพติด และการแพทย์ การสาธารณสุข อีกทั้งได้แสดงตนเป็นประเทศที่มีเอกราชอย่างเต็มภาคภูมิในการออกเสียงเกี่ยวกับปัญหาระหว่างประเทศที่สำคัญบางประการ
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวยังได้ทรงเจริญพระราชไมตรีด้วยการเสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศต่างๆ โดยในปี ๒๔๗๒ ได้เสด็จประพาสสิงคโปร์ ชวา บาหลี ปี ๒๔๗๓ เสด็จประพาสอินโดจีนของฝรั่งเศส ได้แก่ เวียดนามและกัมพูชา ปี ๒๔๗๔ เสด็จประพาสญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกาและแคนาดา และได้เสด็จประพาสครั้งสุดท้ายในปี ๒๔๗๖-๒๔๗๗ เมื่อทรงเป็นพระมหากษัตริย์ในระบอบรัฐธรรมนูญแล้ว โดยเสด็จประพาสประเทศในยุโรป รวม ๙ ประเทศพร้อมกับทรงเข้ารับการผ่าตัดต้อกระจกในพระเนตรที่อังกฤษ
ทุกครั้งที่เสด็จพระราชดำเนินได้ทรงพระราชอุสาหะ ศึกษาความก้าวหน้าในวิทยาการ แนวความคิด และการเปลี่ยนแปลงทางการปกครองของประเทศเหล่านั้นไว้ประกอบพระราชดำริ เพื่อประโยชน์ของสยามประเทศเป็นประจำ
ที่มา
บทสารคดี “ปกเกล้าธรรมราชา” สารคดีเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่ในวโรกาสครบ ๑๒๐ ปี แห่งวันพระบรมราชสมภพและเป็นบุคคลสำคัญของโลก โดยองค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ประจำปี ๒๕๕๖