ผลต่างระหว่างรุ่นของ "แรกทรงรับราชการ"

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Suksan (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
 
บรรทัดที่ 1: บรรทัดที่ 1:
สโมสรนายทหารปืนใหญ่ที่พระราชทานทรัพย์สร้างไว้เพื่อใช้เป็นสถานที่บำรุงขวัญ กำลังพลและเป็นที่พักผ่อนในยามว่างจากราชการ คือประจักษ์พยานถึงน้ำพระทัยของสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าประชาธิปกศักดิเดชน์ กรมขุนศุโขทัยธรรมราชในการเอาพระทัยใส่ในทุกข์สุขของผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างใกล้ชิดและทั่วถึงในระหว่างที่ทรงรับราชการทหารได้เป็นอย่างดี ตั้งแต่ทรงสำเร็จการศึกษาวิชาทหารในประเทศอังกฤษ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สมเด็จพระอนุชาเป็นนายร้อยตรีนอกกอง กรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ แล้วเลื่อนขึ้นเป็นนายร้อยโทและเป็นนายทหารนอกกองกรมทหารปืนใหญ่รักษาพระองค์
สโมสรนายทหารปืนใหญ่ที่พระราชทานทรัพย์สร้างไว้เพื่อใช้เป็นสถานที่บำรุงขวัญ กำลังพลและเป็นที่พักผ่อนในยามว่างจากราชการ คือประจักษ์พยานถึงน้ำพระทัยของ[[สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าประชาธิปกศักดิเดชน์ กรมขุนศุโขทัยธรรมราช]]ในการเอาพระทัยใส่ในทุกข์สุขของผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างใกล้ชิดและทั่วถึงในระหว่างที่ทรงรับราชการทหารได้เป็นอย่างดี ตั้งแต่ทรงสำเร็จการศึกษาวิชาทหารในประเทศอังกฤษ [[พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว]]ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สมเด็จพระอนุชาเป็นนายร้อยตรีนอกกอง กรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ แล้วเลื่อนขึ้นเป็นนายร้อยโทและเป็นนายทหารนอกกองกรมทหารปืนใหญ่รักษาพระองค์


ครั้นเสด็จนิวัตถึงพระนคร เมื่อ พุทธศักราช ๒๔๕๘ ทรงเข้ารับราชการกองทัพบกในตำแหน่งนายทหารคนสนิท ของสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถฯ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ เสนาธิการทหารบก ต่อมาทรงดำรงพระยศนายร้อยเอก ตำแหน่งผู้บังคับกองร้อยกรมทหารปืนใหญ่ที่ ๑ รักษาพระองค์และเคยประทับที่อาคารภายในกองพลทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานหลังนี้  โดยมีพระภารกิจหลักคือ การทรงฝึกหัดทหารใหม่ที่มาเข้ารับราชการตามพระราชบัญญัติเกณฑ์ทหาร  หลังจากนั้นทรงย้ายมาดำรงตำแหน่งนายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำกองบัญชาการกองทัพน้อยที่ ๒ เมื่อ พุทธศักราช 2461 และทรงได้รับพระราชทานเลื่อนพระยศเป็นนายพันตรี ตำแหน่งผู้บังคับการโรงเรียนนายร้อยชั้นประถมแล้วเลื่อนพระยศเป็นนายพันโทใน พ.ศ. ๒๔๖๒  แม้จะทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ แต่ก็มิได้ทรงถือพระองค์ทรงยึดมั่นในระเบียบวินัย เคารพ เชื่อฟังผู้บังคับบัญชาเช่นนายทหารทั่วไป ทรงปฏิบัติราชการด้วยพระวิริยะอุตสาหะในการฝึกทหารให้มีวินัยและมีความรู้ทันสมัยกว่าเดิม
ครั้นเสด็จนิวัตถึงพระนคร เมื่อ พุทธศักราช ๒๔๕๘ ทรงเข้ารับราชการกองทัพบกในตำแหน่งนายทหารคนสนิท ของ[[สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถฯ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ]] เสนาธิการทหารบก ต่อมาทรงดำรงพระยศนายร้อยเอก ตำแหน่งผู้บังคับกองร้อยกรมทหารปืนใหญ่ที่ ๑ รักษาพระองค์และเคยประทับที่อาคารภายในกองพลทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานหลังนี้  โดยมีพระภารกิจหลักคือ การทรงฝึกหัดทหารใหม่ที่มาเข้ารับราชการตามพระราชบัญญัติเกณฑ์ทหาร  หลังจากนั้นทรงย้ายมาดำรงตำแหน่งนายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำกองบัญชาการกองทัพน้อยที่ ๒ เมื่อ พุทธศักราช 2461 และทรงได้รับพระราชทานเลื่อนพระยศเป็นนายพันตรี ตำแหน่งผู้บังคับการโรงเรียนนายร้อยชั้นประถมแล้วเลื่อนพระยศเป็นนายพันโทใน พ.ศ. ๒๔๖๒  แม้จะทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ แต่ก็มิได้ทรงถือพระองค์ทรงยึดมั่นในระเบียบวินัย เคารพ เชื่อฟังผู้บังคับบัญชาเช่นนายทหารทั่วไป ทรงปฏิบัติราชการด้วยพระวิริยะอุตสาหะในการฝึกทหารให้มีวินัยและมีความรู้ทันสมัยกว่าเดิม





รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 13:26, 19 มกราคม 2559

สโมสรนายทหารปืนใหญ่ที่พระราชทานทรัพย์สร้างไว้เพื่อใช้เป็นสถานที่บำรุงขวัญ กำลังพลและเป็นที่พักผ่อนในยามว่างจากราชการ คือประจักษ์พยานถึงน้ำพระทัยของสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าประชาธิปกศักดิเดชน์ กรมขุนศุโขทัยธรรมราชในการเอาพระทัยใส่ในทุกข์สุขของผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างใกล้ชิดและทั่วถึงในระหว่างที่ทรงรับราชการทหารได้เป็นอย่างดี ตั้งแต่ทรงสำเร็จการศึกษาวิชาทหารในประเทศอังกฤษ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สมเด็จพระอนุชาเป็นนายร้อยตรีนอกกอง กรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ แล้วเลื่อนขึ้นเป็นนายร้อยโทและเป็นนายทหารนอกกองกรมทหารปืนใหญ่รักษาพระองค์

ครั้นเสด็จนิวัตถึงพระนคร เมื่อ พุทธศักราช ๒๔๕๘ ทรงเข้ารับราชการกองทัพบกในตำแหน่งนายทหารคนสนิท ของสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถฯ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ เสนาธิการทหารบก ต่อมาทรงดำรงพระยศนายร้อยเอก ตำแหน่งผู้บังคับกองร้อยกรมทหารปืนใหญ่ที่ ๑ รักษาพระองค์และเคยประทับที่อาคารภายในกองพลทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานหลังนี้ โดยมีพระภารกิจหลักคือ การทรงฝึกหัดทหารใหม่ที่มาเข้ารับราชการตามพระราชบัญญัติเกณฑ์ทหาร หลังจากนั้นทรงย้ายมาดำรงตำแหน่งนายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำกองบัญชาการกองทัพน้อยที่ ๒ เมื่อ พุทธศักราช 2461 และทรงได้รับพระราชทานเลื่อนพระยศเป็นนายพันตรี ตำแหน่งผู้บังคับการโรงเรียนนายร้อยชั้นประถมแล้วเลื่อนพระยศเป็นนายพันโทใน พ.ศ. ๒๔๖๒ แม้จะทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ แต่ก็มิได้ทรงถือพระองค์ทรงยึดมั่นในระเบียบวินัย เคารพ เชื่อฟังผู้บังคับบัญชาเช่นนายทหารทั่วไป ทรงปฏิบัติราชการด้วยพระวิริยะอุตสาหะในการฝึกทหารให้มีวินัยและมีความรู้ทันสมัยกว่าเดิม


ที่มา

บทสารคดี “ปกเกล้าธรรมราชา” สารคดีเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่ในวโรกาสครบ ๑๒๐ ปี แห่งวันพระบรมราชสมภพและเป็นบุคคลสำคัญของโลก โดยองค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ประจำปี ๒๕๕๖