ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ธรรมรัฐ (พ.ศ. 2542)"

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
Teeraphan (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
 
บรรทัดที่ 6: บรรทัดที่ 6:
'''พรรคธรรมรัฐ'''
'''พรรคธรรมรัฐ'''


พรรคธรรมรัฐจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2542<ref>ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 116 ตอนพิเศษ 103ง หน้า 6</ref>  โดยมีว่าที่ร้อยตรีอดิศักดิ์ วิชาชู<ref>ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 116 ตอนพิเศษ 103ง หน้า 72</ref>  ดำรงตำแหน่งเป็น[[หัวหน้าพรรค]] ต่อมาเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2543 [[ศาลรัฐธรรมนูญ]]ได้มีคำสั่งให้[[พรรคธรรมรัฐ]]ef>คำพิพากษาศาลรัฐธรรมนูญเรื่องให้ยุบพรรคธรรมรัฐ คำสั่งที่ 3/2543 วันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ.2543.</ref>  ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2541 มาตรา 65 วรรคสอง เนื่องจากไม่ดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรา 29 แห่ง[[ะราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2541]]ล่าวคือ[[พรรคการเมือง]]ต้องดำเนินการให้มีสมาชิกตั้งแต่ห้าพันคนขึ้นไป ซึ่งอย่างน้อยต้องประกอบด้วยสมาชิกซึ่งมีที่อยู่ในแต่ละภาคตามบัญชีรายชื่อภาคและจังหวัดที่[[นายทะเบียน]]ประกาศกำหนดและมีสาขาพรรคการเมืองอย่างน้อยภาคละหนึ่งสาขาภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่มีการจดทะเบียนพรรคการเมืองซึ่งภายในระยะเวลาดังกล่าวนั้นพรรคธรรมรัฐมีสมาชิกเพียง 2,810 คนแม้ว่าหลังจากนั้นพรรคจะหารายชื่อสมาชิกเพิ่มเติมได้อีกรวมทั้งสิ้น 5,645 คนแต่ก็เป็นการพ้นช่วงเวลาที่กฎหมายกำหนดให้ต้องดำเนินการดังกล่าวแล้ว ดังนั้นศาลรัฐธรรมนูญจึงมีคำสั่งให้ยุบพรรคธรรมรัฐ
พรรคธรรมรัฐจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2542<ref>ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 116 ตอนพิเศษ 103ง หน้า 6</ref>  โดยมีว่าที่ร้อยตรีอดิศักดิ์ วิชาชู<ref>ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 116 ตอนพิเศษ 103ง หน้า 72</ref>  ดำรงตำแหน่งเป็น[[หัวหน้าพรรค]] ต่อมาเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2543 [[ศาลรัฐธรรมนูญ]]ได้มีคำสั่งให้[[พรรคธรรมรัฐ]]<ref>คำพิพากษาศาลรัฐธรรมนูญเรื่องให้ยุบพรรคธรรมรัฐ คำสั่งที่ 3/2543 วันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ.2543.</ref>  ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2541 มาตรา 65 วรรคสอง เนื่องจากไม่ดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรา 29 แห่ง[[พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2541]]กล่าวคือ[[พรรคการเมือง]]ต้องดำเนินการให้มีสมาชิกตั้งแต่ห้าพันคนขึ้นไป ซึ่งอย่างน้อยต้องประกอบด้วยสมาชิกซึ่งมีที่อยู่ในแต่ละภาคตามบัญชีรายชื่อภาคและจังหวัดที่[[นายทะเบียน]]ประกาศกำหนดและมีสาขาพรรคการเมืองอย่างน้อยภาคละหนึ่งสาขาภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่มีการจดทะเบียนพรรคการเมืองซึ่งภายในระยะเวลาดังกล่าวนั้นพรรคธรรมรัฐมีสมาชิกเพียง 2,810 คนแม้ว่าหลังจากนั้นพรรคจะหารายชื่อสมาชิกเพิ่มเติมได้อีกรวมทั้งสิ้น 5,645 คนแต่ก็เป็นการพ้นช่วงเวลาที่กฎหมายกำหนดให้ต้องดำเนินการดังกล่าวแล้ว ดังนั้นศาลรัฐธรรมนูญจึงมีคำสั่งให้ยุบพรรคธรรมรัฐ


รายละเอียดเกี่ยวกับนโยบายและการดำเนินการที่สำคัญมีดังต่อไปนี้คือ <ref>สรุปความจากราชกิจจานุเบกษา เล่ม 116 ตอนพิเศษ 103ง หน้า 6-25</ref>
รายละเอียดเกี่ยวกับนโยบายและการดำเนินการที่สำคัญมีดังต่อไปนี้คือ <ref>สรุปความจากราชกิจจานุเบกษา เล่ม 116 ตอนพิเศษ 103ง หน้า 6-25</ref>

รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 17:34, 19 เมษายน 2554

ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองศาสตราจารย์นรนิติ เศรษฐบุตร และ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต



พรรคธรรมรัฐ

พรรคธรรมรัฐจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2542[1] โดยมีว่าที่ร้อยตรีอดิศักดิ์ วิชาชู[2] ดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรค ต่อมาเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2543 ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำสั่งให้พรรคธรรมรัฐ[3] ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2541 มาตรา 65 วรรคสอง เนื่องจากไม่ดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรา 29 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2541กล่าวคือพรรคการเมืองต้องดำเนินการให้มีสมาชิกตั้งแต่ห้าพันคนขึ้นไป ซึ่งอย่างน้อยต้องประกอบด้วยสมาชิกซึ่งมีที่อยู่ในแต่ละภาคตามบัญชีรายชื่อภาคและจังหวัดที่นายทะเบียนประกาศกำหนดและมีสาขาพรรคการเมืองอย่างน้อยภาคละหนึ่งสาขาภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่มีการจดทะเบียนพรรคการเมืองซึ่งภายในระยะเวลาดังกล่าวนั้นพรรคธรรมรัฐมีสมาชิกเพียง 2,810 คนแม้ว่าหลังจากนั้นพรรคจะหารายชื่อสมาชิกเพิ่มเติมได้อีกรวมทั้งสิ้น 5,645 คนแต่ก็เป็นการพ้นช่วงเวลาที่กฎหมายกำหนดให้ต้องดำเนินการดังกล่าวแล้ว ดังนั้นศาลรัฐธรรมนูญจึงมีคำสั่งให้ยุบพรรคธรรมรัฐ

รายละเอียดเกี่ยวกับนโยบายและการดำเนินการที่สำคัญมีดังต่อไปนี้คือ [4]


ด้านการเมืองการปกครอง

1.สนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการสร้างพรรคในลักษณะพรรคมหาชน

2.วุฒิสมาชิกควรเป็นตัวแทนจากกลุ่มชนต่างๆหลากหลายอาชีพ

3.แก้ไขกฎหมายลูกทุกข้อที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสิทธิเสรีภาพของประชาชน


ด้านเศรษฐกิจ

1.พัฒนาเศรษฐกิจโดยใช้คนเป็นศูนย์กลาง

2.พัฒนาระบบเศรษฐกิจที่ทำให้ทุกคนได้รับโอกาสเท่าเทียมกัน

4.กระจายรายได้อย่างทั่วถึง

5.ออกกฎหมายคุ้มครองธนาคารหมู่บ้าน กลุ่มออมทรัพย์และกลุ่มการเงินของหมู่บ้าน

6.สนับสนุนเศรษฐกิจพอเพียง

7.สนับสนุนให้เกิดผู้ประกอบการขนาดกลาง

8.ขุดคอคอดกระ


ด้านเกษตรกรรม

1.แก้ปัญหาหนี้สินของเกษตรกร โดยการประนอมหนี้

2.ส่งเสริมให้องค์การตลาดเพื่อการเกษตรหรือสหกรณ์รับจำนำผลผลิตทางการเกษตร

3.จัดหาเงินทุนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร

4.จัดหาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรอย่างเพียงพอ

5.กำหนดพื้นที่ในการเลี้ยงสัตว์และการเพาะปลูก

6.ป้องกันการจดทะเบียนสิทธิบัตรสัตว์และพืชที่มีแหล่งกำเนิดในประเทศไทย

7.กำหนดปริมาณการเช่าที่ดินไม่เกินคนละ 100 ไร่


ด้านอุตสาหกรรม

1.ส่งเสริมการใช้วัตถุดิบภายในประเทศ

2.ส่งเสริมอุตสาหกรรมในครัวเรือน

3.กระจายโรงงานอุตสาหกรรมออกสู่ชนบท


ด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว

1.จัดตั้งกระทรวงการท่องเที่ยว

2.สนับสนุนให้มีการสำรวจหาแหล่งท่องเที่ยวใหม่

3.สนับสนุนการให้บริการนักท่องเที่ยวอย่างเป็นธรรมและซื่อสัตย์


ด้านการศึกษา

1.ส่งเสริมการศึกษาให้แก่ประชาชนทุกคนโดยสนับสนุนการศึกษาขั้นพื้นฐาน12ปี โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

2.ปรับปรุงหลักสูตรการสอนให้มีความหลากหลาย

3.สนับสนุนให้ครูผลิตผลงานด้านการวิจัยให้เพิ่มมากขึ้น

4.สนับสนุนเด็กที่มีความเป็นเลิศทางวิชาการให้ได้แข่งขันในระดับภูมิภาคและระดับโลก


ด้านกีฬา

1.สนับสนุนให้มีการตั้งสถาบันทางพลศึกษาและการกีฬาในทุกจังหวัด

2. สนับสนุนให้มีการปรับปรุงพระราชบัญญัติการกีฬาให้ทันสมัย

3.ส่งเสริมให้มีการพัฒนากีฬาบางชนิดให้ไปสู่การเป็นกีฬาอาชีพ

4.นำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาพัฒนากีฬา

5.ส่งเสริมและอนุรักษ์กีฬาประจำท้องถิ่น


ด้านการศาสนา

1.สนับสนุนให้ทุกศาสนาในประเทศไทยจัดกิจกรรมที่ไม่ขัดกับกฎระเบียบของสังคมได้

2.คุ้มครองพุทธศาสนาโดยรวมเข้ากับองค์กรสงฆ์


ด้านศิลปวัฒนธรรม

1.สำรวจรวบรวมและอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านทุกภาคของไทย

2.พัฒนาบุคลากรที่ปฏิบัติหน้าที่ด้านงานอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมของชาติ ร่วมกับการนำวิทยาการสมัยใหม่มาใช้

3.ส่งเสริมหน่วยงานการปกครองท้องถิ่นให้ร่วมกันอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นและของชาติ


ด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม

1.พัฒนาบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์ให้มีปริมาณและคุณภาพเพียงพอกับความต้องการของสังคม

2.ส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยอย่างเป็นระบบ

3.ส่งเสริมความร่วมมือกับต่างประเทศด้านการวิจัยทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

4.ปรับปรุงและแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องการด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้สอดคล้องกับยุคสมัยปัจจุบัน

5.เร่งแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างเร่งด่วน


ด้านสาธารณสุข

1.สนับสนุนให้มีสถานพยาบาลอย่างทั่วถึงและมีคุณภาพได้มาตรฐาน

2.สนับสนุนให้มีการพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์และเครื่องมือทางการแพทย์อย่างเพียงพอ

3.ใช้สื่อประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจด้านสุขภาพกับประชาชน

4.กำหนดมาตรการการคุ้มครองผู้บริโภคให้เกิดความเป็นธรรม

5.สนับสนุนการวิจัยด้านสมุนไพรไทย


ด้านการป้องกันประเทศและความมั่นคง

1.ส่งเสริมการสร้างความสัมพันธ์ทางกองทัพระหว่างกลุ่มอาเซียน

2.เสริมสร้างความทันสมัยให้กับกำลังพลและยุทโธปกรณ์

3.ยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของกำลังพลระดับต่างๆ ให้ดียิ่งขึ้น

4.ส่งเสริมให้กองทัพช่วยเหลือสังคมยามสันติ


ด้านการต่างประเทศ

1.ส่งเสริมระบบการค้าระหว่างประเทศกับงานการทูตควบคู่กันไป

2.ตรวจสอบการรับการสนับสนุนจากต่างประเทศโดยมิให้ประเทศได้รับผลเสียหาย

3.ปรับปรุงระบบงานข่าวสารต่างประเทศให้ทันสมัย


ด้านการปฏิรูประบบราชการ

1.ส่งเสริมการจัดตั้งคณะกรรมการประชาชนในส่วนราชการระดับต่างๆ

2.สนับสนุนให้มีระบบราชการกระจายอำนาจ โดยเปลี่ยนจากการควบคุมเป็นการเสนอแนะ

3.ส่งเสริมให้หน่วยงานด้านความมั่นคงรับฟังความคิดเห็นของประชาชนมากยิ่งขึ้น

4.ส่งเสริมบทบาทของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน


ด้านการปฏิรูปสื่อมวลชน

1.จัดตั้งองค์กรตรวจสอบการทำงานของสื่อมวลชน

2.สนับสนุนให้มีระบบการสอบคัดเลือกเพื่อเป็นผู้สื่อข่าว

3.ส่งเสริมการจัดอันดับคุณภาพของสื่อมวลชน

อ้างอิง

  1. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 116 ตอนพิเศษ 103ง หน้า 6
  2. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 116 ตอนพิเศษ 103ง หน้า 72
  3. คำพิพากษาศาลรัฐธรรมนูญเรื่องให้ยุบพรรคธรรมรัฐ คำสั่งที่ 3/2543 วันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ.2543.
  4. สรุปความจากราชกิจจานุเบกษา เล่ม 116 ตอนพิเศษ 103ง หน้า 6-25