ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร"

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
Adminkpi (คุย | ส่วนร่วม)
สร้างหน้าด้วย "'''ผู้เรียบเรียง :''' รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต '''ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ :''' ศาสตราจารย์พิเศษ นรนิติ เศรษฐบุตร '''<big>สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร</big>'''           ''' '''   '''&nb..."
 
Adminkpi (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัดที่ 6: บรรทัดที่ 6:
'''<big>สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร</big>'''
'''<big>สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร</big>'''


&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;'''สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือเรียกโดยย่อว่า “ส.ส.” ในบริบทของประเทศไทย หมายถึงผู้แทนปวงชนชาวไทย เข้าสู่ตำแหน่งโดยการเลือกตั้งของประชาชน มีหน้าที่ด้านนิติบัญญัติ ซึ่งได้แก่ การตรากฎหมาย และการควบคุมการบริหารประเทศ ทั้งนี้ ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยที่มีโครงสร้างการปกครองระบบรัฐสภา ส.ส.ที่นายกรัฐมนตรีมาจากการให้ความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎร ส.ส.ยังมีหน้าที่ให้ความเห็นชอบในตัวบุคคลที่สมควรได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกด้วย ซึ่งโดยธรรมเนียมปฏิบัติแล้วจะเลือกจากบรรดาสมาชิกด้วยกันเอง หรือตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด (ปัจจุบัน รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 กำหนดให้เลือกจากบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ โดยต้องเป็นบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองที่สมาชิกได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร  
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;'''สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือเรียกโดยย่อว่า “'''สส.'''” ในบริบทของประเทศไทย หมายถึงผู้แทนปวงชนชาวไทย เข้าสู่ตำแหน่งโดยการเลือกตั้งของประชาชน มีหน้าที่ด้านนิติบัญญัติ ซึ่งได้แก่ การตรากฎหมายและการควบคุมการบริหารประเทศ ทั้งนี้ ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยที่มีโครงสร้างการปกครองระบบรัฐสภา สส. ที่นายกรัฐมนตรีมาจากการให้ความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎร สส. ยังมีหน้าที่ให้ความเห็นชอบในตัวบุคคลที่สมควรได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกด้วย ซึ่งโดยธรรมเนียมปฏิบัติแล้วจะเลือกจากบรรดาสมาชิกด้วยกันเอง หรือตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด (ปัจจุบัน รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 กำหนดให้เลือกจากบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ โดยต้องเป็นบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองที่สมาชิกได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่น้อยกว่า ร้อยละ 5 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร  


&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;'''ตำแหน่ง ส.ส. โดยบทบาทแล้วมีภารกิจ 2 ด้าน คือ
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;'''ตำแหน่ง สส. โดยบทบาทแล้วมีภารกิจ 2 ด้าน คือ


&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;'''1. ด้านเป็นตัวแทนประชาชนเฉพาะพื้นที่ ดูแลทุกข์สุขคลุกคลีอยู่กับประชาชนในเขตพื้นที่เลือกตั้ง ซึ่งตามแนวคิดของนักปรัชญาจีนโบราณ เมิ่งจื่อ ซึ่งยังพอประยุกต์ใช้ได้กับชุมชนรากหญ้าของไทยในปัจจุบัน กล่าวไว้ว่าจะต้องปกครองด้วยหลัก “เมตตาธรรม”โดยเฉพาะกับ “ชาวบ้านชาวช่องจะต้องดูแลมิให้อดอยาก ผู้สูงอายุมีคนดูแล ผู้เยาว์มีสถานที่เรียน เป็นสังคมพอเพียงที่ทุกคนอยู่ดีมีสุข” ส่วนการสูญเสียอำนาจเกิดจากการสูญเสียแรงสนับสนุนและจิตใจของประชาชน ทางที่จะให้ได้มาซึ่งอำนาจจึงต้องให้ได้มาซึ่งการสนับสนุนและได้ใจของประชาชน การจะบรรลุเป้าหมายทั้ง 2 ผู้ปกครองจะต้องทำเรื่องที่มีคุณประโยชน์ต่อประชาชน ไม่ทำเรื่องที่ประชาชนรังเกียจ”   
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;'''1. ด้านเป็นตัวแทนประชาชนเฉพาะพื้นที่ ดูแลทุกข์สุขคลุกคลีอยู่กับประชาชนในเขตพื้นที่เลือกตั้ง ซึ่งตามแนวคิดของนักปรัชญาจีนโบราณ เมิ่งจื่อ ซึ่งยังพอประยุกต์ใช้ได้กับชุมชนรากหญ้าของไทยในปัจจุบัน กล่าวไว้ว่าจะต้องปกครองด้วยหลัก “'''เมตตาธรรม'''” โดยเฉพาะกับ “'''ชาวบ้านชาวช่องจะต้องดูแลมิให้อดอยาก ผู้สูงอายุมีคนดูแล ผู้เยาว์มีสถานที่เรียน เป็นสังคมพอเพียงที่ทุกคนอยู่ดีมีสุข'''” ส่วนการสูญเสียอำนาจเกิดจากการสูญเสียแรงสนับสนุนและจิตใจของประชาชน ทางที่จะให้ได้มาซึ่งอำนาจจึงต้องให้ได้มาซึ่งการสนับสนุนและได้ใจของประชาชน การจะบรรลุเป้าหมายทั้ง 2 ผู้ปกครองจะต้องทำเรื่องที่มีคุณประโยชน์ต่อประชาชน ไม่ทำเรื่องที่ประชาชนรังเกียจ”   


&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;'''ในฐานะตัวแทนประชาชนในเขตพื้นที่เลือกตั้ง ส.ส.มีพันธะหน้าที่จะต้องลงพื้นที่เยี่ยมเยียนประชาชน รับฟังปัญหาและความคิดเห็นของประชาชนและของเจ้าหน้าที่รัฐ ดูแลทุกข์สุขของประชาชนในเขตเลือกตั้ง ใครเดือดร้อน ไม่มีงานทำ ลูกหลานหาที่เรียนไม่ได้ ญาติโยมถูกตำรวจจับ ถนนในชุมชนเป็นหลุมเป็นบ่อ น้ำประปาไม่ไหล บ้างครั้งก็ตกเป็นภาระของ .ส. ที่จะต้องช่วยแก้ไขหรือบอกกล่าวแก่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้แก้ไข  ประชาชนในพื้นที่จัดงานมงคลงานหรืองานอัปมงคล เช่น งานบวช งานแต่ง งานศพ หรือชุมชนมีกิจกรรมสังสรรค์ ส่งเสริมความสามัคคี หรือพัฒนาชุมชน เช่น ทำบุญตลาด ทอดกฐิน ทอดผ้าป่า บูรณะวัด โรงเรียนจัดงานแข่งขันกีฬา  ส.ส.ก็ต้องส่งเงินส่งสิ่งของไปร่วม รวมถึงต้องไปปรากฏตัวหากเป็นไปได้เพื่อเป็นเกียรติ์แก่เจ้าของงาน ถ้ามีธุระติดขัดก็ต้องส่งตัวแทนไปร่วม มิฉะนั้น เมื่อถึงเวลาเลือกตั้งก็อาจไม่ได้รับเสียงสนับสนุน เนื่องจากประชาชนในเขตเลือกตั้งเห็นว่าทำหน้าที่ตัวแทนได้ไม่ดีพอ
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;'''ในฐานะตัวแทนประชาชนในเขตพื้นที่เลือกตั้ง สส. มีพันธะหน้าที่จะต้องลงพื้นที่เยี่ยมเยียนประชาชน รับฟังปัญหาและความคิดเห็นของประชาชนและของเจ้าหน้าที่รัฐ ดูแลทุกข์สุขของประชาชนในเขตเลือกตั้ง ใครเดือดร้อน ไม่มีงานทำ ลูกหลานหาที่เรียนไม่ได้ ญาติโยมถูกตำรวจจับ ถนนในชุมชนเป็นหลุมเป็นบ่อ น้ำประปาไม่ไหล บ้างครั้งก็ตกเป็นภาระของ สส. ที่จะต้องช่วยแก้ไขหรือบอกกล่าวแก่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้แก้ไข ประชาชนในพื้นที่จัดงานมงคลงานหรืองานอัปมงคล เช่น งานบวช งานแต่ง งานศพ หรือชุมชนมีกิจกรรมสังสรรค์ ส่งเสริมความสามัคคี หรือพัฒนาชุมชน เช่น ทำบุญตลาด ทอดกฐิน ทอดผ้าป่า บูรณะวัด โรงเรียนจัดงานแข่งขันกีฬา สส. ก็ต้องส่งเงินส่งสิ่งของไปร่วม รวมถึงต้องไปปรากฏตัวหากเป็นไปได้เพื่อเป็นเกียรติ์แก่เจ้าของงาน ถ้ามีธุระติดขัดก็ต้องส่งตัวแทนไปร่วม มิฉะนั้น เมื่อถึงเวลาเลือกตั้งก็อาจไม่ได้รับเสียงสนับสนุน เนื่องจากประชาชนในเขตเลือกตั้งเห็นว่าทำหน้าที่ตัวแทนได้ไม่ดีพอ


&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;'''2. ด้านเป็นตัวแทนปวงชนชาวไทยหรือประชาชนทั้งประเทศ ส.ส.มีหน้าที่จะต้องทำคืองานด้านนิติบัญญัติ ซึ่งจะต้องอาศัยสภาผู้แทนราษฎรเป็นสถานที่หลักในการประกอบภารกิจ ในประเด็นนี้ จอห์น ล๊อก นักปรัชญาชาวอังกฤษยุคใหม่หัวเสรีนิยม มีความเห็นว่า เป้าหมายของการจัดให้มีรัฐบาลก็เพื่อทำให้มีหลักประกัน ให้มีกลไกทำหน้าที่ปกป้องคุ้มครองชีวิต เสรีภาพ และทรัพย์สินของประชาชน ยิ่งกว่านี้ ในโลกยุคปัจจุบันที่แนวคิดประชานิยมกำลังแพร่หลายไปทั่ว การดูแลทุกข์ของประชาชนในวงกว้าง ส.ส.และพรรคการเมืองต่าง ๆ มีการนำเสนอสวัสดิการและหลักประกันแก่ประชาชนอย่างมากมาย บางนโยบายต้องใช้งบประมาณแผ่นดินเกินกว่าที่สถานะทางเศรษฐกิจและการคลังของประเทศจะรองรับไหว เช่น แรงงานขั้นต่ำที่สูงมาก (600 บาทต่อวัน) แจกเงินดิจิตัล 10,000 บาทแก่ประชาชนทุกคนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป แจกเงินคนชราในอัตราทวีคูณ 5-6 เท่าของอัตราที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน (อายุ 60 ปีขึ้นไป 3,000 บาท 70 ปีขึ้นไป 4,000 บาท 80 ปีขึ้นไป 5,000 บาท) แต่เนื่องจากระบอบการเมืองที่ต้องเอาใจปวงชนเป็นฐานในการรักษาอำนาจ ส.ส.และพรรคการเมืองทั้งหลายจึงต้องพยายามนำเสนอในสิ่งที่จะทำให้ได้คะแนนนิยม เพื่อความอยู่รอดของ ส.ส. เอง ส่วนอะไรทำได้ทำไม่ได้ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจและสำนึกชั่วดีของประชาชนเป็นเกณฑ์ตัดสิน
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;'''2. ด้านเป็นตัวแทนปวงชนชาวไทยหรือประชาชนทั้งประเทศ สส. มีหน้าที่จะต้องทำคืองานด้านนิติบัญญัติ ซึ่งจะต้องอาศัยสภาผู้แทนราษฎรเป็นสถานที่หลักในการประกอบภารกิจ ในประเด็นนี้ จอห์น ล๊อก นักปรัชญาชาวอังกฤษยุคใหม่หัว[[เสรีนิยม]] มีความเห็นว่า เป้าหมายของการจัดให้มีรัฐบาลก็เพื่อทำให้มีหลักประกัน ให้มีกลไกทำหน้าที่ปกป้องคุ้มครองชีวิต เสรีภาพ และทรัพย์สินของประชาชน ยิ่งกว่านี้ ในโลกยุคปัจจุบันที่แนวคิด[[ประชานิยม]]กำลังแพร่หลายไปทั่ว การดูแลทุกข์ของประชาชนในวงกว้าง สส. และพรรคการเมืองต่าง ๆ มีการนำเสนอสวัสดิการและหลักประกันแก่ประชาชนอย่างมากมาย บางนโยบายต้องใช้งบประมาณแผ่นดินเกินกว่าที่สถานะทางเศรษฐกิจและการคลังของประเทศจะรองรับไหว เช่น แรงงานขั้นต่ำที่สูงมาก (600 บาทต่อวัน) แจกเงินดิจิตัล 10,000 บาท แก่ประชาชนทุกคนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป แจกเงินคนชราในอัตราทวีคูณ 5-6 เท่าของอัตราที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน (อายุ 60 ปีขึ้นไป 3,000 บาท 70 ปีขึ้นไป 4,000 บาท 80 ปีขึ้นไป 5,000 บาท) แต่เนื่องจากระบอบการเมืองที่ต้องเอาใจปวงชนเป็นฐานในการรักษาอำนาจ สส. และพรรคการเมืองทั้งหลายจึงต้องพยายามนำเสนอในสิ่งที่จะทำให้ได้คะแนนนิยม เพื่อความอยู่รอดของ สส. เอง ส่วนอะไรทำได้ทำไม่ได้ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจและสำนึกชั่วดีของประชาชนเป็นเกณฑ์ตัดสิน


&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;'''ในด้านเป็นตัวแทนปวงชนนี้ ส.ส.มีหน้าที่ต้องดูแลผลประโยชน์ของประชาชนทั้งประเทศ โดยผ่านการทำหน้าที่ในฐานะเป็นสมาชิกของสภาผู้แทนราษฎร  โดยทั่วไป สภาผู้แทนราษฎรจะทำหน้าที่หรือแสดงบทบาทได้โดยการประชุมสมาชิก เพื่อพิจารณาเรื่องราวต่าง ๆ ที่บรรจุเข้าสู่วาระการประชุมของสภา เพื่อตัดสิน ให้ความเห็นชอบ หรือรับทราบ ในกรณีมีรายละเอียดมาก ก็จะมีการตั้งคณะกรรมาธิการชุดต่าง ๆขึ้นมาพิจารณาเรื่องราวนั้น ๆ เป็นกรณี ๆ ไป แล้วนำเสนอสภาเพื่อพิจารณาตัดสินต่อไป หรือกรณีมีข้อมูลไม่เพียงพอ จำเป็นต้องตั้งคณะอนุกรรมาธิการไปทำการสอบสวน หรือศึกษาเพิ่มเติม ก็อาจตั้งคณะอนุกรรมาธิการขึ้นมาทำหน้าที่สอบสวนหรือศึกษากรณีนั้นเป็นการเฉพาะก็ได้ แล้วเสนอต่อคณะกรรมาธิการเพื่อดำเนินการพิจารณาตัดสินต่อไป
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;'''ในด้านเป็นตัวแทนปวงชนนี้ สส. มีหน้าที่ต้องดูแลผลประโยชน์ของประชาชนทั้งประเทศ โดยผ่านการทำหน้าที่ในฐานะเป็นสมาชิกของสภาผู้แทนราษฎร  โดยทั่วไป สภาผู้แทนราษฎรจะทำหน้าที่หรือแสดงบทบาทได้โดยการประชุมสมาชิก เพื่อพิจารณาเรื่องราวต่าง ๆ ที่บรรจุเข้าสู่วาระการประชุมของสภา เพื่อตัดสิน ให้ความเห็นชอบ หรือรับทราบ ในกรณีมีรายละเอียดมาก ก็จะมีการตั้งคณะกรรมาธิการชุดต่าง ๆ ขึ้นมาพิจารณาเรื่องราวนั้น ๆ เป็นกรณี ๆ ไป แล้วนำเสนอสภาเพื่อพิจารณาตัดสินต่อไป หรือกรณีมีข้อมูลไม่เพียงพอ จำเป็นต้องตั้งคณะอนุกรรมาธิการไปทำการสอบสวน หรือศึกษาเพิ่มเติม ก็อาจตั้งคณะอนุกรรมาธิการขึ้นมาทำหน้าที่สอบสวนหรือศึกษากรณีนั้นเป็นการเฉพาะก็ได้ แล้วเสนอต่อคณะกรรมาธิการเพื่อดำเนินการพิจารณาตัดสินต่อไป


การทำหน้าที่ด้านนิติบัญญัติของ ส.ส. ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 อาจแยกได้เป็น  6 ประเภท ได้แก่  1. การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ  2. การพิจารณาพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ  3. การอนุมัติพระราชกำหนด 4. การควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน  5. การตั้งคณะกรรมาธิการ และ  6. การให้ความเห็นชอบแต่งตั้งบุคคลเป็นนายกรัฐมนตรี 
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;'''การทำหน้าที่ด้านนิติบัญญัติของ สส. ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 อาจแยกได้เป็น 6 ประเภท ได้แก่ 


&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;'''1. การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ
''&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;'''1. การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ ''


         สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่น้อยกว่า 20 คน มีสิทธิเสนอร่างพระราชบัญญัติ และการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ มีกระบวนการและวิธีปฏิบัติแบ่งเป็น 3 ขั้นตอน ดังนี้ 1) ขั้นรับหลักการ เป็นขั้นแรกในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติที่เสนอเข้าสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่าจะรับไว้พิจารณาเพื่อตราเป็นพระราชบัญญัติต่อไปหรือไม่ 2) ขั้นพิจารณารายมาตรา เป็นขั้นตอนที่ 2 เมื่อร่างพระราชบัญญัติผ่านขั้นรับหลักการไปแล้ว จะเป็นขั้นตอนพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเป็นมาตรา ๆ ที่ละมาตรา ทั้งในแง่ของเนื้อหาสาระ ถ้อยคำ และความถูกต้องในทางอักขระวิธี 3) ขั้นลงมติ เมื่อร่างพระราชบัญญัติผ่านขั้นตอนที่ 2 เรียบร้อยแล้ว เป็นขั้นที่ที่ประชุมสภาจะลงมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบในร่างพระราชบัญญัติที่ผ่านการพิจารณารายมาตราเรียบร้อยแล้ว
''&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;'''2. การพิจารณาพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ ''


&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;'''2. การพิจารณาพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
''&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;'''3. การอนุมัติพระราชกำหนด'' 


&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;'''การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเกี่ยวกับงบประมาณรายจ่ายของแผ่นดิน รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 กำหนดให้งบประมาณรายจ่ายของแผ่นดินให้ทำเป็นพระราชบัญญัติ และในการเสนอร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ ต้องแสดงแหล่งที่มาและประมาณการรายได้ ผลสัมฤทธิ์หรือประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการจ่ายเงินและความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ และแผนพัฒนาต่าง ๆ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่บัญญัติไว้ในกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐ
''&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;'''4. การควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน ''


&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;'''ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม และร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย เป็นร่างพระราชบัญญัติที่เสนอโดยรัฐบาล ส่วน ส.ส.ทั้งหมดในนามของสภาผู้แทนราษฎร มีหน้าที่ต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 105 วัน นับแต่วันที่ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมาถึงสภาผู้แทนราษฎร ถ้าสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาร่างพระราชบัญญัตินั้นไม่แล้วเสร็จภายในกำหนดเวลา ให้ถือว่าสภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบกับร่างพระราชบัญญัตินั้นและให้เสนอร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวต่อวุฒิสภาเพื่อพิจารณา (วุฒิสภาจะต้องให้ความเห็นชอบหรือไม่ให้ความเห็นชอบภายใน 20 วัน นับแต่วันที่ร่างพระราชบัญญัตินั้นมาถึงวุฒิสภา โดยจะแก้ไขเพิ่มเติมใด ๆ มิได้ ถ้าพ้นกำหนดเวลาดังกล่าว ให้ถือว่าวุฒิสภาเห็นชอบกับร่างพระราชบัญญัตินั้น)
''&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;'''5. การตั้งคณะกรรมาธิการ และ'' 


&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;'''3. การอนุมัติพระราชกำหนด
''&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;'''6. การให้ความเห็นชอบแต่งตั้งบุคคลเป็นนายกรัฐมนตรี''


&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;'''พระราชกำหนด คือ กฎหมายที่พระมหากษัตริย์ทรงตราขึ้นให้ใช้บังคับเช่นเดียวกับพระราชบัญญัติ โดยคำแนะนำของคณะรัฐมนตรี ซึ่งต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ พระราชกำหนดแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ 1) พระราชกำหนดทั่วไป ตราขึ้นได้เฉพาะเมื่อคณะรัฐมนตรีเห็นว่าเป็นกรณีฉุกเฉินที่มีความจำเป็นรีบด่วนอันมิอาจจะหลีกเลี่ยงได้ เพื่อประโยชน์ในอันที่จะรักษาความปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือป้องปัดภัยพิบัติสาธารณะ 2) พระราชกำหนดเกี่ยวด้วยภาษีอากรและเงินตรา ตราขึ้นในกรณีที่คณะรัฐมนตรีเห็นว่ามีความจำเป็นต้องมีกฎหมายเกี่ยวด้วยภาษีอากรหรือเงินตราซึ่งจะต้องได้รับการพิจารณาโดยด่วนและลับเพื่อรักษาประโยชน์ของแผ่นดิน
 
 
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;1. การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ'''
 
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;'''สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่น้อยกว่า 20 คน มีสิทธิเสนอร่างพระราชบัญญัติ และการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ มีกระบวนการและวิธีปฏิบัติแบ่งเป็น 3 ขั้นตอน ดังนี้ 
 
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;'''1) ขั้นรับหลักการ เป็นขั้นแรกในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติที่เสนอเข้าสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่าจะรับไว้พิจารณาเพื่อตราเป็นพระราชบัญญัติต่อไปหรือไม่ 
 
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;'''2) ขั้นพิจารณารายมาตรา เป็นขั้นตอนที่ 2 เมื่อร่างพระราชบัญญัติผ่านขั้นรับหลักการไปแล้ว จะเป็นขั้นตอนพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเป็นมาตรา ๆ ที่ละมาตรา ทั้งในแง่ของเนื้อหาสาระ ถ้อยคำ และความถูกต้องในทางอักขระวิธี 
 
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;'''3) ขั้นลงมติ เมื่อร่างพระราชบัญญัติผ่านขั้นตอนที่ 2 เรียบร้อยแล้ว เป็นขั้นที่ที่ประชุมสภาจะลงมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบในร่างพระราชบัญญัติที่ผ่านการพิจารณารายมาตราเรียบร้อยแล้ว
 
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;2. การพิจารณาพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ'''
 
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;'''การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเกี่ยวกับงบประมาณรายจ่ายของแผ่นดิน [[รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560]] กำหนดให้งบประมาณรายจ่ายของแผ่นดินให้ทำเป็นพระราชบัญญัติ และในการเสนอร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ ต้องแสดงแหล่งที่มาและประมาณการรายได้ ผลสัมฤทธิ์หรือประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการจ่ายเงินและความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ และแผนพัฒนาต่าง ๆ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่บัญญัติไว้ในกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐ
 
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;'''ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม และร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย เป็นร่างพระราชบัญญัติที่เสนอโดยรัฐบาล ส่วน สส. ทั้งหมดในนามของสภาผู้แทนราษฎร มีหน้าที่ต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 105 วัน นับแต่วันที่ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมาถึงสภาผู้แทนราษฎร ถ้าสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาร่างพระราชบัญญัตินั้นไม่แล้วเสร็จภายในกำหนดเวลา ให้ถือว่าสภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบกับร่างพระราชบัญญัตินั้นและให้เสนอร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวต่อวุฒิสภาเพื่อพิจารณา (วุฒิสภาจะต้องให้ความเห็นชอบหรือไม่ให้ความเห็นชอบภายใน 20 วัน นับแต่วันที่ร่างพระราชบัญญัตินั้นมาถึงวุฒิสภา โดยจะแก้ไขเพิ่มเติมใด ๆ มิได้ ถ้าพ้นกำหนดเวลาดังกล่าว ให้ถือว่าวุฒิสภาเห็นชอบกับร่างพระราชบัญญัตินั้น)
 
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;3. การอนุมัติพระราชกำหนด'''
 
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;'''พระราชกำหนด คือ กฎหมายที่พระมหากษัตริย์ทรงตราขึ้นให้ใช้บังคับเช่นเดียวกับพระราชบัญญัติ โดยคำแนะนำของคณะรัฐมนตรี ซึ่งต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ พระราชกำหนดแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่  
 
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;'''1) พระราชกำหนดทั่วไป ตราขึ้นได้เฉพาะเมื่อคณะรัฐมนตรีเห็นว่าเป็นกรณีฉุกเฉินที่มีความจำเป็นรีบด่วนอันมิอาจจะหลีกเลี่ยงได้ เพื่อประโยชน์ในอันที่จะรักษาความปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือป้องปัดภัยพิบัติสาธารณะ  
 
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;'''2) พระราชกำหนดเกี่ยวด้วยภาษีอากรและเงินตรา ตราขึ้นในกรณีที่คณะรัฐมนตรีเห็นว่ามีความจำเป็นต้องมีกฎหมายเกี่ยวด้วยภาษีอากรหรือเงินตราซึ่งจะต้องได้รับการพิจารณาโดยด่วนและลับเพื่อรักษาประโยชน์ของแผ่นดิน


&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;'''การพิจารณาพระราชกำหนด เมื่อประกาศใช้บังคับแล้วต้องเสนอต่อรัฐสภา อันหมายถึงสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาตามลำดับ เพื่อพิจารณาอนุมัติให้ใช้บังคับเป็นพระราชบัญญัติต่อไป
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;'''การพิจารณาพระราชกำหนด เมื่อประกาศใช้บังคับแล้วต้องเสนอต่อรัฐสภา อันหมายถึงสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาตามลำดับ เพื่อพิจารณาอนุมัติให้ใช้บังคับเป็นพระราชบัญญัติต่อไป
บรรทัดที่ 40: บรรทัดที่ 64:
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;'''2) พระราชกำหนดเกี่ยวด้วยภาษีอากรและเงินตราคณะรัฐมนตรีต้องเสนอพระราชกำหนดเกี่ยวด้วยภาษีอากรและเงินตราต่อรัฐสภาในการประชุมรัฐสภาคราวต่อไปเพื่อพิจารณาโดยไม่ชักช้า ถ้าอยู่นอกสมัยประชุมและการรอการเปิดสมัยประชุมสามัญจะเป็นการชักช้า คณะรัฐมนตรีต้องดำเนินการให้มีการเรียกประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณาอนุมัติหรือไม่อนุมัติพระราชกำหนดโดยเร็ว แต่ถ้าเป็นการตราขึ้นในระหว่างสมัยประชุมจะต้องนำเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรภายใน 3 วัน นับแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;'''2) พระราชกำหนดเกี่ยวด้วยภาษีอากรและเงินตราคณะรัฐมนตรีต้องเสนอพระราชกำหนดเกี่ยวด้วยภาษีอากรและเงินตราต่อรัฐสภาในการประชุมรัฐสภาคราวต่อไปเพื่อพิจารณาโดยไม่ชักช้า ถ้าอยู่นอกสมัยประชุมและการรอการเปิดสมัยประชุมสามัญจะเป็นการชักช้า คณะรัฐมนตรีต้องดำเนินการให้มีการเรียกประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณาอนุมัติหรือไม่อนุมัติพระราชกำหนดโดยเร็ว แต่ถ้าเป็นการตราขึ้นในระหว่างสมัยประชุมจะต้องนำเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรภายใน 3 วัน นับแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา


&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;'''4. การควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน  
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;4. การควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน'''
 
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;'''การควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน แบ่งได้เป็น 3 ลักษณะ คือ
 
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;'''1) การตั้งกระทู้ถาม
 
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;'''2) การเปิดภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลหรือทั้งคณะ และ
 
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;'''3) การเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี


&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;'''การควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน แบ่งได้เป็น 3 ลักษณะ คือ 1)การตั้งกระทู้ถาม 2)การเปิดภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลหรือทั้งคณะ และ 3)การเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี


&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;'''1) การตั้งกระทู้ถาม
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;'''1) การตั้งกระทู้ถาม
บรรทัดที่ 56: บรรทัดที่ 87:
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;'''สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎรจะเข้าชื่อกันเพื่อเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี โดยไม่มีการลงมติ
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;'''สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎรจะเข้าชื่อกันเพื่อเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี โดยไม่มีการลงมติ


&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;'''5. การตั้งคณะกรรมาธิการ
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;5. การตั้งคณะกรรมาธิการ'''


         สภาผู้แทนราษฎรมีอำนาจเลือกสมาชิกของสภาตั้งเป็นคณะกรรมาธิการสามัญ และมีอำนาจเลือกบุคคลผู้เป็นสมาชิกหรือมิได้เป็นสมาชิกตั้งเป็นคณะกรรมาธิการวิสามัญ หรือคณะกรรมาธิการร่วมกัน เพื่อกระทำกิจการ พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริง หรือศึกษาเรื่องใด ๆ และรายงานให้สภาทราบตามระยะเวลาที่สภากำหนด และกำหนดให้เป็นหน้าที่ของรัฐมนตรีที่รับผิดชอบในกิจการที่คณะกรรมาธิการสอบหาข้อเท็จจริงหรือศึกษา ที่จะต้องสั่งการให้เจ้าหน้าที่ของรัฐในสังกัดหรือในกำกับให้ข้อเท็จจริง ส่งเอกสารหรือแสดงความเห็นตามที่คณะกรรมาธิการเรียก
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;'''สภาผู้แทนราษฎรมีอำนาจเลือกสมาชิกของสภาตั้งเป็นคณะกรรมาธิการสามัญ และมีอำนาจเลือกบุคคลผู้เป็นสมาชิกหรือมิได้เป็นสมาชิกตั้งเป็นคณะกรรมาธิการวิสามัญ หรือคณะกรรมาธิการร่วมกัน เพื่อกระทำกิจการ พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริง หรือศึกษาเรื่องใด ๆ และรายงานให้สภาทราบตามระยะเวลาที่สภากำหนด และกำหนดให้เป็นหน้าที่ของรัฐมนตรีที่รับผิดชอบในกิจการที่คณะกรรมาธิการสอบหาข้อเท็จจริงหรือศึกษา ที่จะต้องสั่งการให้เจ้าหน้าที่ของรัฐในสังกัดหรือในกำกับให้ข้อเท็จจริง ส่งเอกสารหรือแสดงความเห็นตามที่คณะกรรมาธิการเรียก


&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;'''6. การให้ความเห็นชอบแต่งตั้งบุคคลเป็นนายกรัฐมนตรี
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;6. การให้ความเห็นชอบแต่งตั้งบุคคลเป็นนายกรัฐมนตรี'''


&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;'''ให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแต่ละพรรคแจ้งต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง เฉพาะจากบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองที่มีสมาชิกได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร และต้องมีสมาชิกรับรองไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร มติของสภาผู้แทนราษฎรที่เห็นชอบการแต่งตั้งบุคคลใดให้เป็นนายกรัฐมนตรีต้องมีคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;''' &nbsp; '''&nbsp;'''ให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแต่ละพรรคแจ้งต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง เฉพาะจากบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองที่มีสมาชิกได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร และต้องมีสมาชิกรับรองไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร มติของสภาผู้แทนราษฎรที่เห็นชอบการแต่งตั้งบุคคลใดให้เป็นนายกรัฐมนตรีต้องมีคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร

รุ่นแก้ไขเมื่อ 15:07, 17 มิถุนายน 2568

ผู้เรียบเรียง : รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต

ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ : ศาสตราจารย์พิเศษ นรนิติ เศรษฐบุตร


สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

                   สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือเรียกโดยย่อว่า “สส.” ในบริบทของประเทศไทย หมายถึงผู้แทนปวงชนชาวไทย เข้าสู่ตำแหน่งโดยการเลือกตั้งของประชาชน มีหน้าที่ด้านนิติบัญญัติ ซึ่งได้แก่ การตรากฎหมายและการควบคุมการบริหารประเทศ ทั้งนี้ ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยที่มีโครงสร้างการปกครองระบบรัฐสภา สส. ที่นายกรัฐมนตรีมาจากการให้ความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎร สส. ยังมีหน้าที่ให้ความเห็นชอบในตัวบุคคลที่สมควรได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกด้วย ซึ่งโดยธรรมเนียมปฏิบัติแล้วจะเลือกจากบรรดาสมาชิกด้วยกันเอง หรือตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด (ปัจจุบัน รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 กำหนดให้เลือกจากบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ โดยต้องเป็นบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองที่สมาชิกได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่น้อยกว่า ร้อยละ 5 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร

                   ตำแหน่ง สส. โดยบทบาทแล้วมีภารกิจ 2 ด้าน คือ

                   1. ด้านเป็นตัวแทนประชาชนเฉพาะพื้นที่ ดูแลทุกข์สุขคลุกคลีอยู่กับประชาชนในเขตพื้นที่เลือกตั้ง ซึ่งตามแนวคิดของนักปรัชญาจีนโบราณ เมิ่งจื่อ ซึ่งยังพอประยุกต์ใช้ได้กับชุมชนรากหญ้าของไทยในปัจจุบัน กล่าวไว้ว่าจะต้องปกครองด้วยหลัก “เมตตาธรรม” โดยเฉพาะกับ “ชาวบ้านชาวช่องจะต้องดูแลมิให้อดอยาก ผู้สูงอายุมีคนดูแล ผู้เยาว์มีสถานที่เรียน เป็นสังคมพอเพียงที่ทุกคนอยู่ดีมีสุข” ส่วนการสูญเสียอำนาจเกิดจากการสูญเสียแรงสนับสนุนและจิตใจของประชาชน ทางที่จะให้ได้มาซึ่งอำนาจจึงต้องให้ได้มาซึ่งการสนับสนุนและได้ใจของประชาชน การจะบรรลุเป้าหมายทั้ง 2 ผู้ปกครองจะต้องทำเรื่องที่มีคุณประโยชน์ต่อประชาชน ไม่ทำเรื่องที่ประชาชนรังเกียจ” 

                   ในฐานะตัวแทนประชาชนในเขตพื้นที่เลือกตั้ง สส. มีพันธะหน้าที่จะต้องลงพื้นที่เยี่ยมเยียนประชาชน รับฟังปัญหาและความคิดเห็นของประชาชนและของเจ้าหน้าที่รัฐ ดูแลทุกข์สุขของประชาชนในเขตเลือกตั้ง ใครเดือดร้อน ไม่มีงานทำ ลูกหลานหาที่เรียนไม่ได้ ญาติโยมถูกตำรวจจับ ถนนในชุมชนเป็นหลุมเป็นบ่อ น้ำประปาไม่ไหล บ้างครั้งก็ตกเป็นภาระของ สส. ที่จะต้องช่วยแก้ไขหรือบอกกล่าวแก่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้แก้ไข ประชาชนในพื้นที่จัดงานมงคลงานหรืองานอัปมงคล เช่น งานบวช งานแต่ง งานศพ หรือชุมชนมีกิจกรรมสังสรรค์ ส่งเสริมความสามัคคี หรือพัฒนาชุมชน เช่น ทำบุญตลาด ทอดกฐิน ทอดผ้าป่า บูรณะวัด โรงเรียนจัดงานแข่งขันกีฬา สส. ก็ต้องส่งเงินส่งสิ่งของไปร่วม รวมถึงต้องไปปรากฏตัวหากเป็นไปได้เพื่อเป็นเกียรติ์แก่เจ้าของงาน ถ้ามีธุระติดขัดก็ต้องส่งตัวแทนไปร่วม มิฉะนั้น เมื่อถึงเวลาเลือกตั้งก็อาจไม่ได้รับเสียงสนับสนุน เนื่องจากประชาชนในเขตเลือกตั้งเห็นว่าทำหน้าที่ตัวแทนได้ไม่ดีพอ

                   2. ด้านเป็นตัวแทนปวงชนชาวไทยหรือประชาชนทั้งประเทศ สส. มีหน้าที่จะต้องทำคืองานด้านนิติบัญญัติ ซึ่งจะต้องอาศัยสภาผู้แทนราษฎรเป็นสถานที่หลักในการประกอบภารกิจ ในประเด็นนี้ จอห์น ล๊อก นักปรัชญาชาวอังกฤษยุคใหม่หัวเสรีนิยม มีความเห็นว่า เป้าหมายของการจัดให้มีรัฐบาลก็เพื่อทำให้มีหลักประกัน ให้มีกลไกทำหน้าที่ปกป้องคุ้มครองชีวิต เสรีภาพ และทรัพย์สินของประชาชน ยิ่งกว่านี้ ในโลกยุคปัจจุบันที่แนวคิดประชานิยมกำลังแพร่หลายไปทั่ว การดูแลทุกข์ของประชาชนในวงกว้าง สส. และพรรคการเมืองต่าง ๆ มีการนำเสนอสวัสดิการและหลักประกันแก่ประชาชนอย่างมากมาย บางนโยบายต้องใช้งบประมาณแผ่นดินเกินกว่าที่สถานะทางเศรษฐกิจและการคลังของประเทศจะรองรับไหว เช่น แรงงานขั้นต่ำที่สูงมาก (600 บาทต่อวัน) แจกเงินดิจิตัล 10,000 บาท แก่ประชาชนทุกคนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป แจกเงินคนชราในอัตราทวีคูณ 5-6 เท่าของอัตราที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน (อายุ 60 ปีขึ้นไป 3,000 บาท 70 ปีขึ้นไป 4,000 บาท 80 ปีขึ้นไป 5,000 บาท) แต่เนื่องจากระบอบการเมืองที่ต้องเอาใจปวงชนเป็นฐานในการรักษาอำนาจ สส. และพรรคการเมืองทั้งหลายจึงต้องพยายามนำเสนอในสิ่งที่จะทำให้ได้คะแนนนิยม เพื่อความอยู่รอดของ สส. เอง ส่วนอะไรทำได้ทำไม่ได้ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจและสำนึกชั่วดีของประชาชนเป็นเกณฑ์ตัดสิน

                   ในด้านเป็นตัวแทนปวงชนนี้ สส. มีหน้าที่ต้องดูแลผลประโยชน์ของประชาชนทั้งประเทศ โดยผ่านการทำหน้าที่ในฐานะเป็นสมาชิกของสภาผู้แทนราษฎร  โดยทั่วไป สภาผู้แทนราษฎรจะทำหน้าที่หรือแสดงบทบาทได้โดยการประชุมสมาชิก เพื่อพิจารณาเรื่องราวต่าง ๆ ที่บรรจุเข้าสู่วาระการประชุมของสภา เพื่อตัดสิน ให้ความเห็นชอบ หรือรับทราบ ในกรณีมีรายละเอียดมาก ก็จะมีการตั้งคณะกรรมาธิการชุดต่าง ๆ ขึ้นมาพิจารณาเรื่องราวนั้น ๆ เป็นกรณี ๆ ไป แล้วนำเสนอสภาเพื่อพิจารณาตัดสินต่อไป หรือกรณีมีข้อมูลไม่เพียงพอ จำเป็นต้องตั้งคณะอนุกรรมาธิการไปทำการสอบสวน หรือศึกษาเพิ่มเติม ก็อาจตั้งคณะอนุกรรมาธิการขึ้นมาทำหน้าที่สอบสวนหรือศึกษากรณีนั้นเป็นการเฉพาะก็ได้ แล้วเสนอต่อคณะกรรมาธิการเพื่อดำเนินการพิจารณาตัดสินต่อไป

                   การทำหน้าที่ด้านนิติบัญญัติของ สส. ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 อาจแยกได้เป็น 6 ประเภท ได้แก่ 

                   1. การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ 

                   2. การพิจารณาพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 

                   3. การอนุมัติพระราชกำหนด

                   4. การควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน 

                   5. การตั้งคณะกรรมาธิการ และ

                   6. การให้ความเห็นชอบแต่งตั้งบุคคลเป็นนายกรัฐมนตรี

 

                   1. การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ

                   สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่น้อยกว่า 20 คน มีสิทธิเสนอร่างพระราชบัญญัติ และการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ มีกระบวนการและวิธีปฏิบัติแบ่งเป็น 3 ขั้นตอน ดังนี้

                   1) ขั้นรับหลักการ เป็นขั้นแรกในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติที่เสนอเข้าสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่าจะรับไว้พิจารณาเพื่อตราเป็นพระราชบัญญัติต่อไปหรือไม่

                   2) ขั้นพิจารณารายมาตรา เป็นขั้นตอนที่ 2 เมื่อร่างพระราชบัญญัติผ่านขั้นรับหลักการไปแล้ว จะเป็นขั้นตอนพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเป็นมาตรา ๆ ที่ละมาตรา ทั้งในแง่ของเนื้อหาสาระ ถ้อยคำ และความถูกต้องในทางอักขระวิธี

                   3) ขั้นลงมติ เมื่อร่างพระราชบัญญัติผ่านขั้นตอนที่ 2 เรียบร้อยแล้ว เป็นขั้นที่ที่ประชุมสภาจะลงมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบในร่างพระราชบัญญัติที่ผ่านการพิจารณารายมาตราเรียบร้อยแล้ว

                   2. การพิจารณาพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ

                   การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเกี่ยวกับงบประมาณรายจ่ายของแผ่นดิน รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 กำหนดให้งบประมาณรายจ่ายของแผ่นดินให้ทำเป็นพระราชบัญญัติ และในการเสนอร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ ต้องแสดงแหล่งที่มาและประมาณการรายได้ ผลสัมฤทธิ์หรือประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการจ่ายเงินและความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ และแผนพัฒนาต่าง ๆ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่บัญญัติไว้ในกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐ

                   ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม และร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย เป็นร่างพระราชบัญญัติที่เสนอโดยรัฐบาล ส่วน สส. ทั้งหมดในนามของสภาผู้แทนราษฎร มีหน้าที่ต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 105 วัน นับแต่วันที่ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมาถึงสภาผู้แทนราษฎร ถ้าสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาร่างพระราชบัญญัตินั้นไม่แล้วเสร็จภายในกำหนดเวลา ให้ถือว่าสภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบกับร่างพระราชบัญญัตินั้นและให้เสนอร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวต่อวุฒิสภาเพื่อพิจารณา (วุฒิสภาจะต้องให้ความเห็นชอบหรือไม่ให้ความเห็นชอบภายใน 20 วัน นับแต่วันที่ร่างพระราชบัญญัตินั้นมาถึงวุฒิสภา โดยจะแก้ไขเพิ่มเติมใด ๆ มิได้ ถ้าพ้นกำหนดเวลาดังกล่าว ให้ถือว่าวุฒิสภาเห็นชอบกับร่างพระราชบัญญัตินั้น)

                   3. การอนุมัติพระราชกำหนด

                   พระราชกำหนด คือ กฎหมายที่พระมหากษัตริย์ทรงตราขึ้นให้ใช้บังคับเช่นเดียวกับพระราชบัญญัติ โดยคำแนะนำของคณะรัฐมนตรี ซึ่งต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ พระราชกำหนดแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่

                   1) พระราชกำหนดทั่วไป ตราขึ้นได้เฉพาะเมื่อคณะรัฐมนตรีเห็นว่าเป็นกรณีฉุกเฉินที่มีความจำเป็นรีบด่วนอันมิอาจจะหลีกเลี่ยงได้ เพื่อประโยชน์ในอันที่จะรักษาความปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือป้องปัดภัยพิบัติสาธารณะ

                   2) พระราชกำหนดเกี่ยวด้วยภาษีอากรและเงินตรา ตราขึ้นในกรณีที่คณะรัฐมนตรีเห็นว่ามีความจำเป็นต้องมีกฎหมายเกี่ยวด้วยภาษีอากรหรือเงินตราซึ่งจะต้องได้รับการพิจารณาโดยด่วนและลับเพื่อรักษาประโยชน์ของแผ่นดิน

                   การพิจารณาพระราชกำหนด เมื่อประกาศใช้บังคับแล้วต้องเสนอต่อรัฐสภา อันหมายถึงสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาตามลำดับ เพื่อพิจารณาอนุมัติให้ใช้บังคับเป็นพระราชบัญญัติต่อไป

                   1) พระราชกำหนดทั่วไปคณะรัฐมนตรีต้องเสนอพระราชกำหนดทั่วไปต่อรัฐสภาในการประชุมรัฐสภาคราวต่อไปเพื่อพิจารณาโดยไม่ชักช้า ถ้าอยู่นอกสมัยประชุมและการรอการเปิดสมัยประชุมสามัญจะเป็นการชักช้า คณะรัฐมนตรีต้องดำเนินการให้มีการเรียกประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณาอนุมัติหรือไม่อนุมัติพระราชกำหนดโดยเร็ว

                   2) พระราชกำหนดเกี่ยวด้วยภาษีอากรและเงินตราคณะรัฐมนตรีต้องเสนอพระราชกำหนดเกี่ยวด้วยภาษีอากรและเงินตราต่อรัฐสภาในการประชุมรัฐสภาคราวต่อไปเพื่อพิจารณาโดยไม่ชักช้า ถ้าอยู่นอกสมัยประชุมและการรอการเปิดสมัยประชุมสามัญจะเป็นการชักช้า คณะรัฐมนตรีต้องดำเนินการให้มีการเรียกประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณาอนุมัติหรือไม่อนุมัติพระราชกำหนดโดยเร็ว แต่ถ้าเป็นการตราขึ้นในระหว่างสมัยประชุมจะต้องนำเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรภายใน 3 วัน นับแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา

                   4. การควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน

                   การควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน แบ่งได้เป็น 3 ลักษณะ คือ

                   1) การตั้งกระทู้ถาม

                   2) การเปิดภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลหรือทั้งคณะ และ

                   3) การเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี


                   1) การตั้งกระทู้ถาม

                   การตั้งกระทู้ถาม คือ คำถามที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภา ตั้งคำถามรัฐมนตรีในเรื่องใดเกี่ยวกับงานในหน้าที่โดยจะถามเป็นหนังสือหรือด้วยวาจาก็ได้ ตามข้อบังคับการประชุมแห่งสภานั้น ๆ ซึ่งอย่างน้อยต้องกำหนดให้มีการตั้งกระทู้ถามด้วยวาจาโดยไม่ต้องแจ้งล่วงหน้าไว้ด้วย ทั้งนี้ รัฐมนตรีย่อมมีสิทธิที่จะไม่ตอบกระทู้เมื่อคณะรัฐมนตรีเห็นว่าเรื่องนั้นยังไม่ควรเปิดเผยเพราะเกี่ยวกับความปลอดภัยหรือประโยชน์สำคัญของแผ่นดิน

                   2) การเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลหรือทั้งคณะ

                   สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎรมีสิทธิเข้าชื่อเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลหรือทั้งคณะ โดยมติไม่ไว้วางใจต้องมีคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร

                   3) การเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี

                   สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎรจะเข้าชื่อกันเพื่อเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี โดยไม่มีการลงมติ

                   5. การตั้งคณะกรรมาธิการ

                   สภาผู้แทนราษฎรมีอำนาจเลือกสมาชิกของสภาตั้งเป็นคณะกรรมาธิการสามัญ และมีอำนาจเลือกบุคคลผู้เป็นสมาชิกหรือมิได้เป็นสมาชิกตั้งเป็นคณะกรรมาธิการวิสามัญ หรือคณะกรรมาธิการร่วมกัน เพื่อกระทำกิจการ พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริง หรือศึกษาเรื่องใด ๆ และรายงานให้สภาทราบตามระยะเวลาที่สภากำหนด และกำหนดให้เป็นหน้าที่ของรัฐมนตรีที่รับผิดชอบในกิจการที่คณะกรรมาธิการสอบหาข้อเท็จจริงหรือศึกษา ที่จะต้องสั่งการให้เจ้าหน้าที่ของรัฐในสังกัดหรือในกำกับให้ข้อเท็จจริง ส่งเอกสารหรือแสดงความเห็นตามที่คณะกรรมาธิการเรียก

                   6. การให้ความเห็นชอบแต่งตั้งบุคคลเป็นนายกรัฐมนตรี

                   ให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแต่ละพรรคแจ้งต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง เฉพาะจากบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองที่มีสมาชิกได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร และต้องมีสมาชิกรับรองไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร มติของสภาผู้แทนราษฎรที่เห็นชอบการแต่งตั้งบุคคลใดให้เป็นนายกรัฐมนตรีต้องมีคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร


เอกสารอ้างอิง

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560.

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 1) พ.ศ. 2564.

นิยม รัฐอมฤต และเฉิน เซ่าปอ. แบบเรียนพื้นฐานปรัชญาจีนโบราณ. กรุงเทพฯ : ธรรมดาเพรส, 2556.

ศูนย์บริการทางวิชาการและกฎหมาย สำนักงานเลขาธิการรัฐสภา. รวมกฎหมายรัฐธรรมนูญ (2475-2521). ไม่ปรากฏปีและสถานที่พิมพ์. 

ศูนย์บริการเอกสารและค้นคว้า สำนักงานเลขาธิการรัฐสภา. ระบบงานรัฐสภาไทย. กรุงเทพฯ : กองการพิมพ์ สำนักงานเลขารัฐสภา, 2530.

M. Judd Harmon. Political Though t: From Plato to the Present, New York, McGraw-Hill, 1964.