ผลต่างระหว่างรุ่นของ "คณิตศาสตร์การเมืองไทย"
สร้างหน้าด้วย " '''คณิตศาสตร์การเมืองไทย''' '''ผู้เรียบเรียง''': รองศาส..." |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัดที่ 1: | บรรทัดที่ 1: | ||
'''ผู้เรียบเรียง''': รองศาสตราจารย์ ดร.กตัญญู แก้วหานาม | '''ผู้เรียบเรียง''': รองศาสตราจารย์ ดร.กตัญญู แก้วหานาม | ||
บรรทัดที่ 1,201: | บรรทัดที่ 1,197: | ||
จากเว็บไซต์ [https://www.ect.go.th/ect_th/download/article/article_20190528140635.pdf https://www.ect.go.th/ect_th/download/article/article_20190528140635.pdf] สืบค้นเมื่อ 10 เมษายน 2563. | จากเว็บไซต์ [https://www.ect.go.th/ect_th/download/article/article_20190528140635.pdf https://www.ect.go.th/ect_th/download/article/article_20190528140635.pdf] สืบค้นเมื่อ 10 เมษายน 2563. | ||
| | ||
บรรทัดที่ 1,223: | บรรทัดที่ 1,217: | ||
[https://themaster.co/pulse/complicated-thai-mps-system/74209 https://themaster.co/pulse/complicated-thai-mps-system/74209], เข้าถึงเมื่อ 6 เมษายน 2563 | [https://themaster.co/pulse/complicated-thai-mps-system/74209 https://themaster.co/pulse/complicated-thai-mps-system/74209], เข้าถึงเมื่อ 6 เมษายน 2563 | ||
</div> </div> | </div> </div> | ||
[[Category:การเลือกตั้ง]] |
รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 15:40, 30 พฤศจิกายน 2563
ผู้เรียบเรียง: รองศาสตราจารย์ ดร.กตัญญู แก้วหานาม
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รศ.ดร.ยุทธพร อิสรชัย
เนื่องจากระบบการเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสมที่ประเทศไทยนำมาใช้ในการจัดการเลือกตั้งทั่วไปสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนั้น มีการเขียนสูตรคิดคำนวณจำนวนที่นั่ง ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อไว้ในบัญญัติ
ของรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2560 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 ซึ่งกำหนดหลักการไว้เป็นลายลักษณ์อักษร แต่เมื่อภายหลังการเลือกตั้งกลับพบว่ามีพฤติการณ์ตีความการใช้สูตรคำนวณดังกล่าวแตกต่างกันออกไปทั้งในกลุ่มนักวิชาการ กลุ่มพรรคการเมืองฝ่ายต่างๆ และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จึงทำให้การคิดคำนวนสูตรดังกล่าวกลายเป็นคณิตศาสตร์การเมืองไทย ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
1. ความหมาย หรือ แนวคิด
คณิตศาสตร์การเมืองไทย เป็นชื่อของการเรียกสูตรการคำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ (Party list) ซึ่งปรากฏในบทบัญญัตของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 91 และพระราชบัญญิประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มาตรา 128 ดังนี้
จากบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 91[1] การคำนวณหาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อของแต่ละพรรคการเมืองให้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้
(1) นำคะแนนรวมทั้งประเทศที่พรรคการเมืองทุกพรรคที่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อได้รับจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งหารด้วยห้าร้อยอันเป็นจำนวนสมาชิกทั้งหมดของสภาผู้แทนราษฎร
(2) นำผลลัพธ์ตาม (1) ไปหารจำนวนคะแนนรวมทั้งประเทศของพรรคการเมืองแต่ละพรรคที่ได้รับจากการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งทุกเขต จำนวนที่ได้รับให้ถือเป็นจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่พรรคการเมืองนั้นจะพึงมีได้
(3) นำจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่พรรคการเมืองจะพึงมีได้ตาม (2) ลบด้วยจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งทั้งหมดที่พรรคการเมืองนั้นได้รับเลือกตั้งในทุกเขตเลือกตั้งผลลัพธ์คือจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองนั้นจะได้รับ
(4) ถ้าพรรคการเมืองใดมีผู้ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งเท่ากับหรือสูงกว่าจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่พรรคการเมืองนั้นจะพึงมีได้ตาม (2) ให้พรรคการเมืองนั้นมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามจำนวนที่ได้รับจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง และไม่มีสิทธิได้รับการจัดสรรสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ และให้นำจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อทั้งหมดไปจัดสรรให้แก่พรรคการเมืองที่มีจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งต่ำกว่าจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่พรรคการเมืองนั้นจะพึงมีได้ตาม (2) ตามอัตราส่วน แต่ต้องไม่มีผลให้พรรคการเมืองใดดังกล่าวมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเกินจำนวนที่จะพึงมีได้ตาม (2)
(5) เมื่อได้จำนวนผู้ได้รับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อของแต่ละพรรคการเมืองแล้ว ให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งตามลำดับหมายเลขในบัญชีรายชื่อสมาชิกสภสผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองนั้นเป็นผู้ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
ในกรณีที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ใดตายภายหลังวันปิดรับสมัครเลือกตั้งแต่ก่อนก่อนเวลาปิดการลงคะแนนในวันเลือกตั้ง ให้นำคะแนนที่มีผู้ลงคะแนนให้มาคำนวนตาม (1) และ (2) ด้วย
การนับคะแนน หลักเกณฑ์และวิธีการคำนวณ การคิดอัตราส่วน และการประกาศผลการเลือกตั้งให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
และจากพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 128[2] ในกรณีที่มีการประกาศผลการเลือกตั้งครบทุกเขตเลือกตั้งแล้ว การคำนวณหาจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อของแต่ละพรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อจะพึงได้รับ
ให้คำนวนตามวิธีการดังนี้ โดยในกรณีที่มีเศษให้ใช้ทศนิยมสี่ตำแหน่ง
(1) นำคะแนนรวมทั้งประเทศที่พรรคการเมืองทุกพรรคที่ส่งผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อได้รับจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งหารด้วยห้าร้อยอันเป็นจำนวนสมาชิกทั้งหมดของสภาผู้แทนราษฎร
(2) นำผลลัพธ์ตาม (1) ไปหารจำนวนคะแนนรวมทั้งประเทศของพรรคการเมืองแต่ละพรรคที่ได้รับจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งทุกเขต จำนวนที่ได้รับให้ถือเป็นจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่พรรคการเมืองนั้นจะมีพึงมีได้เบื้องต้น และเมื่อได้คำนวณตาม (5) (6) หรือ (7) ถ้ามีแล้ว จึงให้ถือว่าเป็นจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่พรรคการเมืองนั้นจะพึงมีได้
(3) นำจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่พรรคการเมืองจะพึงมีได้ตาม (2) ลบด้วยจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งทั้งหมดที่พรรคการเมืองนั้นได้รับเลือกตั้งในทุกเขตเลือกตั้ง ผลลัพธ์คือจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองนั้นจะได้รับเบื้องต้น
(4) ภายใต้บังคับ (5) ให้จัดสรรจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองจะได้รับให้ครบหนึ่งร้อยห้าสิบค้น ให้พรรคการเมืองที่มีเศษจากการคำนวณมากที่สุดได้รับการจัดสรรจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อเพิ่มอีกหนึ่งคนตามลำดับจนครบจำนวนหนึ่งร้อยห้าสิบค้นในกรณีมีเศษเท่ากันให้ดำเนินการตาม (6)
(5) ถ้าพรรคการเมืองใดมีผู้ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งเท่ากับหรือสูงกว่าจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่พรรคการเมืองนั้นจะพึงมีได้ตาม (2) ให้พรรคการเมืองนั้นมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามจำนวนที่ได้รับจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง และไม่มีสิทธิได้รับการจัดสรรสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ และให้นำจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อทั้งหมดไปจัดสรรให้พรรคการเมืองที่มีจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งต่ำกว่าจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่พรรคการเมืองนั้นจะพึงมีได้ตาม (2) ตามอัตราส่วน แต่ต้องไม่มีผลให้พรรคการเมืองใดดังกล่าวมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเกินจำนวนที่จะพึงมีได้ตาม (2)
(6) ในการจัดสรรตาม (5) แล้วปรากฏว่ายังจัดสรรจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อไม่ครบหนึ่งร้อยห้าสิบคน ให้พรรคการเมืองที่มีเศษจากการคำนวนมากที่สุดได้รับการจัดสรรจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อเพิ่มอีกหนึ่งคนตามลำดับจนครบจำนวนหนึ่งร้อยห้าสิบคน กรณีที่เศษที่เหลือของแต่ละพรรคการเมืองเท่ากันจนทำให้ไม่สามารถจัดสรรสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบัญชีรายชื่อได้ครบจำนวนหนึ่งร้อยห้าสิบคน ให้นำค่าเฉลี่ยคะแนนของแต่ละพรรคการเมืองต่อจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่พึงมีหนึ่งคนมาพิจารณา โดยหากพรรคการเมืองใดมีค่าเฉลี่ยคะแนนของพรรคการเมืองต่อจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่พึงมีหนึ่งคนมากกว่าพรรคการเมืองอื่น ให้พรรคการเมืองนั้นมีสิทธิได้รับการจัดสรรสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบัญชีรายชื่อเพิ่มอีกหนึ่งคน และหากยังมีจำนวนค่าเฉลี่ยดังกล่าวเท่ากันอีก ให้ใช้วิธีการจับสลาก
(7) ในกรณีที่เมื่อคำนวณตาม (5) แล้วปรากฏว่าพรรคการเมืองทุกพรรคได้รับจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อรวมกันแล้วเกินหนึ่งร้อยห้าสิบคน ให้ดำเนินการคำนวณปรับจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อใหม่โดยคำนวณตามอัตราส่วนที่ทุกพรรคจะได้รับการจัดสรรจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อซึ่งเมื่อรวมแล้วไม่เกินหนึ่งร้อยห้าสิบคน โดยให้นำจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อที่แต่ละพรรคการเมืองจะได้รับคูณด้วยหนึ่งร้อยห้าสิบ หารด้วยผลบวกของร้อยห้าสิบกับจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อที่เกินจำนวนหนึ่งร้อยห้าสิบและให้นำ (4) มาใช้ในการคำนวณด้วยโดยอนุโลม
(8) เมื่อได้จำนวนผู้ได้รับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อของแต่ละพรรคการเมืองแล้ว ให้ผู้สมัครตามลำดับหมายเลขในบัญชีรายชื่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองนั้นเป็นผู้ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
ในกรณีที่ผู้สมัครแบบแบ่งเขตเลือกตั้งตายภายหลังวันปิดรับสมัครรับเลือกตั้งแต่ก่อนวันปิดการลงคะแนนในวันเลือกตั้ง ให้นำคะแนนที่มีผู้ลงคะแนนให้มาคำนวณตาม (1) และ (2) ด้วย
ทั้งนี้ การดำเนินการตาม (1) ถึง (8) ให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการกำหนด
จากบทกฎหมายทั้งสองฉบับข้างต้นจะเห็นได้ว่า จากผลการใช้สูตรคำนวณคะแนน ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่ามีการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่คำนวณที่นั่ง ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อให้กับพรรคการเมืองที่ได้คะแนนต่ำกว่าจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่พรรคการเมืองนั้นจะพึงมีได้ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 91 (2) ที่มาจากคะแนนที่พรรคการเมืองที่มีคะแนนขั้นต่ำ เมื่อรวบรวมจากจำนวนคะแนนเสียงทั่วประเทศที่พรรคการเมืองนั้นได้รับจึงเป็นพรรคที่ควรได้รับการจัดสรรให้มี ส.ส. พึงมีได้ แต่เมื่อการประกาศวิธีการใช้สูตรคำนวณของ กกต. และประกาศจำนวนที่นั่ง ส.ส. ของบรรดาพรรคการเมืองที่ได้คะแนนต่ำกว่า 71,123.1120 คะแนน ซึ่งคำนวณได้จากสูตรของ กกต. ตามที่ปรากฏออกมา จึงทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า “คณิตศาสตร์การเมืองไทย” ซึ่งเป็นสูตรการคำนวนที่เขียนขึ้นโดยคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญที่ได้นำแนวคิดการจัดการเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสมมาใช้ในการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2560 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในการใช้คำนวนวิธีการดังกล่าว ทำให้เกิดการตีความและเข้าใจสูตรการคำนวนที่นั่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองต่าง ๆ แตกต่างกันออกไป แม้ตัวสูตรดังกล่าวจะเขียนไว้เป็นลายลักษณ์อักษณ์ที่นิ่งอยู่แล้ว แต่วลีที่เขียนในภาษากฎหมายที่ใช้เกิดความไม่ชัดเจน คณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญมีการใช้วลีว่า “ให้จัดสรรกับพรรคที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรต่ำกว่าจำนวนที่พรรคจะพึงมี แต่ต้องไม่เกินจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพึงมีได้” ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ มาตรา 91 (4) ซึ่งผลปรากฏว่าบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ ไม่ให้ปัดเลขทศนิยม แต่ให้เกลี่ยให้พรรคเล็กจนครบ 150 ที่นั่ง แม้ว่าจะได้คะแนนไม่ถึงเกณฑ์คะแนนขั้นต่ำที่คำนวณได้ เรียกระบบ Loser Bonus System (ให้รางวัลกับพรรคที่ได้เสียงน้อย) เพราะถ้าไม่ทำแบบนี้ ส.ส.จะไม่ถึง 150 ที่นั่งตามคำอธิบายของ กกต. ที่เกิดขึ้น[3]
2. ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น
จากสูตรคณิตศาสตร์ทางการเมืองไทยตามที่ปรากฏในบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญและกฎหมายการเลือกตั้งทำให้เกิดการตีความการใช้สูตรดังกล่าวในทางปฏิบัติออกเป็น 2 แนวทาง ทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนในการคำนวณหาที่นั่งสมาชิกสภาผู้แทนราฎรแบบบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองภายหลังการประกาศผลการเลือกตั้งจากคณะกรรมการการเลือกตั้งแล้ว ดังนี้
1. สูตรแรก นำสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพึงมีได้ลบ ( - ) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรระบบเขตเลือกตั้ง ตัวเลขที่ได้สามารถนำไปใช้คำนวณสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ หาร (/) จำนวน ส.ส. ทั้งหมดในระบบบัญชีรายชื่อคือ 150 คน แล้วนับจำนวนเต็มของแต่ละพรรคที่มีสิทธิได้รับการจัดสรร ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อได้รับ และหากยังไม่ครบส่วนที่เหลือให้คิดตามค่าเฉลี่ยทศนิยมสี่ตำแหน่งแล้วเรียงลำดับค่าเฉลี่ยที่แต่ละพรรคได้รับเพื่อให้ได้จำนวน ส.ส. เพิ่มอีกหนึ่งคน[[|จนครบจำนวน ส.ส. ในระบบบัญชีรายชื่อรวมกันทุกพรรค
ที่ได้รับการจัดสรรทั้งหมดจำนวน ]]150 คน
ผลจากการคำนวนตามสูตรแรกนี้ จะทำให้มีพรรคการเมืองที่ได้ที่นั่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2562 เพียง 16 พรรค ดังนี้
ผลการคำนวณ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองที่ได้รับการจัดสรรที่นั่ง ส.ส. ตามสูตรแรก
อันดับ |
พรรค |
คะแนนที่นำมาคิด |
ส.ส.พึงมีได้ |
ส.ส.เขต |
ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อที่ได้รับเบื้องต้น |
รวมที่นั่ง (ส.ส.แบบเขต + ส.ส. บัญชีรายชื่อที่ได้รับการจัดสรร) |
1 |
พลังประชารัฐ |
8,433,137 |
118.6805 |
97 |
21.6805 |
119 |
2 |
เพื่อไทย |
7,920,630 |
111.4679 |
137 |
-25.5321 |
137 |
3 |
อนาคตใหม่ |
6,265,950 |
88.1814 |
30 |
58.1814 |
88 |
4 |
ประชาธิปัตย์ |
3,947,726 |
55.5568 |
33 |
22.5568 |
53 |
5 |
ภูมิใจไทย |
3,732,883 |
52.5333 |
39 |
13.5333 |
53 |
6 |
เสรีรวมไทย |
826,530 |
11.6318 |
0 |
11.6318 |
12 |
7 |
ชาติไทยพัฒนา |
782,031 |
11.0056 |
6 |
5.0056 |
11 |
8 |
เศรษฐกิจใหม่ |
485,664 |
6.8348 |
0 |
6.8348 |
7 |
9 |
ประชาชาติ |
485,436 |
6.8316 |
6 |
0.8316 |
7 |
10 |
เพื่อชาติ |
419,393 |
5.9022 |
0 |
5.9022 |
6 |
11 |
รวมพลังประชาชาติไทย |
416,324 |
5.8590 |
1 |
4.8590 |
5 |
12 |
ชาติพัฒนา |
252,044 |
3.5470 |
1 |
2.5470 |
3 |
13 |
พลังท้องถิ่นไทย |
213,129 |
2.9994 |
0 |
2.9994 |
3 |
14 |
รักษ์ผืนป่าแห่งประเทศไทย |
136,597 |
1.9223 |
0 |
1.9223 |
2 |
15 |
พลังปวงชนไทย |
81,733 |
1.1502 |
0 |
1.1502 |
1 |
16 |
พลังชาติไทย |
73,871 |
1.0396 |
0 |
1.0396 |
1 |
2. สูตรที่ 2 นำสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพึงมีได้ลบ ( - ) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรระบบเขตเลือกตั้ง ให้ได้ตัวเลขที่จะใช้คำนวณสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ แล้วหาร ( / ) ตัวเลขที่ใช้เพื่อคำนวณสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อของทุกพรรค แล้วนำไปปรับค่า Overhang ให้ได้ 150 เท่ากับจำนวน ส.ส. บัญชีรายชื่อ นับจำนวนเต็มเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบัญชีรายชื่อที่แต่ละพรรคการเมืองได้รับการจัดสรรก่อน ส่วนที่เหลือที่ยังไม่ครบ 150 ให้คิดจากค่าเฉลี่ยทศนิยม 4 หลักที่มากที่สุดเรียงลำดับให้บัญชีพรรคการเมืองต่าง ๆ ไปจนครบจำนวน ส.ส. ในระบบบัญชีรายชื่อรวมกันทุกพรรคที่ได้รับการจัดสรรทั้งหมดจำนวน 150 คน
ผลจากการคำนวนตามสูตรที่สามนี้ จะทำให้มีพรรคการเมืองที่ได้ที่นั่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2562 เพียง 27 พรรค ดังนี้
ผลการคำนวณ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองที่ได้รับการจัดสรรที่นั่ง ส.ส. ตามสูตรที่สอง
อันดับ |
พรรค |
คะแนนที่นำมาคิด |
ส.ส.พึงมีได้ |
ส.ส.เขต |
ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อที่ได้รับเบื้องต้น |
ส.ส.บัญชีรายชื่อที่ได้รับการจัดสรร |
รวม |
1 |
พลังประชารัฐ |
8,433,137 |
118.6805 |
97 |
21.6805 |
19 |
116 |
2 |
เพื่อไทย |
7,920,630 |
111.4679 |
137 |
-25.5321 |
0 |
137 |
3 |
อนาคตใหม่ |
6,265,950 |
88.1814 |
30 |
58.1814 |
50 |
80 |
4 |
ประชาธิปัตย์ |
3,947,726 |
55.5568 |
33 |
22.5568 |
20 |
53 |
5 |
ภูมิใจไทย |
3,732,883 |
52.5333 |
39 |
13.5333 |
12 |
51 |
6 |
เสรีรวมไทย |
826,530 |
11.6318 |
0 |
11.6318 |
9 |
9 |
7 |
ชาติไทยพัฒนา |
782,031 |
11.0056 |
6 |
5.0056 |
4 |
10 |
8 |
เศรษฐกิจใหม่ |
485,664 |
6.8348 |
0 |
6.8348 |
6 |
6 |
9 |
ประชาชาติ |
485,436 |
6.8316 |
6 |
0.8316 |
1 |
7 |
10 |
เพื่อชาติ |
419,393 |
5.9022 |
0 |
5.9022 |
5 |
5 |
11 |
รวมพลังประชาชาติไทย |
416,324 |
5.8590 |
1 |
4.8590 |
4 |
4 |
12 |
ชาติพัฒนา |
252,044 |
3.5470 |
1 |
2.5470 |
2 |
3 |
13 |
พลังท้องถิ่นไทย |
213,129 |
2.9994 |
0 |
2.9994 |
3 |
3 |
14 |
รักษ์ผืนป่าแห่งประเทศไทย |
136,597 |
1.9223 |
0 |
1.9223 |
2 |
2 |
15 |
พลังปวงชนไทย |
81,733 |
1.1502 |
0 |
1.1502 |
1 |
1 |
16 |
พลังชาติไทย |
73,871 |
1.0396 |
0 |
1.0396 |
1 |
1 |
17 |
ประชาภิวัฒน์ |
69,417 |
0.9769 |
0 |
0.9769 |
1 |
1 |
18 |
พลังไทยรักไทย |
60,840 |
0.8562 |
0 |
0.8562 |
1 |
1 |
19 |
ไทยศรีวิไลย์ |
60,421 |
0.8503 |
0 |
0.8503 |
1 |
1 |
20 |
ประชานิยม |
56,617 |
0.7968 |
0 |
0.7968 |
1 |
1 |
21 |
ครูไทยเพื่อประชาชน |
56,617 |
0.7929 |
0 |
0.7929 |
1 |
1 |
22 |
ประชาธรรมไทย |
47,848 |
0.6734 |
0 |
0.6734 |
1 |
1 |
23 |
ประชาชนปฏิรูป |
45,508 |
0.6404 |
0 |
0.6404 |
1 |
1 |
24 |
พลเมืองไทย |
44,766 |
0.6300 |
0 |
0.6300 |
1 |
1 |
25 |
ประชาธิปไตยใหม่ |
39,792 |
0.5600 |
0 |
0.5600 |
1 |
1 |
26 |
พลังธรรมใหม่ |
35,533 |
0.5001 |
0 |
0.5001 |
1 |
1 |
27 |
ไทรักธรรม |
33,748 |
0.4749 |
0 |
0.4749 |
1 |
1 |
3. หลักการสำคัญ / ความสำคัญ
ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรเป็นการทั่วไป เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 ที่ผ่านมานั้น
เป็นการใช้สูตรในการคำนวณสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ ในการเลือกตั้งครั้งแรก ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 ตามที่ได้นำเสนอตามประเด็นดังก่อนหน้านี้ ซึ่งหลักการของการตีความสูตรการคำนวณคะแนนของพรรคการเมืองเพื่อหาที่นั่ง ส.ส. ในระบบัญชีรายชื่อกลายเป็นปัญหาที่นำไปสู่การเกิดคณิตศาสตร์การเมืองไทย ซึ่งจากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจะเห็นความสำคัญของการใช้สูตรที่แตกต่างกันได้ดังนี้[4]
จากสูตรแรกที่นำเสนอ ถ้าจะเทียบให้เห็นภาพตามสูตรแรกนี้ ขั้วพรรคการเมืองที่เคยประกาศว่าไม่สนับสนุนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีเพื่อสืบทอดอำนาจของ คสช. ภายหลังการเลือกตั้ง ซึ่งได้แก่ พรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ พรรคเสรีรวมไทย พรรคประชาชาติ พรรคเพื่อชาติ พรรคเศรษฐกิจใหม่และพรรคพลังปวงชนไทย จะมี ส.ส. รวมกัน 137 + 88 + 12 + 7 + 6 + 7 + 1 = 258 เสียง ซึ่งเกินครึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งหมด
ส่วนสูตรที่สอง ซึ่งเป็นสูตรตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้งได้ใช้คำนวณและประกาศวิธีการออกมาจะพบว่า ขั้วพรรคการเมืองที่เคยประกาศว่าไม่สนับสนุนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีเพื่อสืบทอดอำนาจของ คสช. ภายหลังการเลือกตั้ง ซึ่งได้แก่ พรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ พรรคเสรีรวมไทย พรรคประชาชาติ พรรคเพื่อชาติ พรรคเศรษฐกิจใหม่และพรรคพลังปวงชนไทย จะมี ส.ส. รวมกัน 137 + 80 + 9 + 7 + 5 + 6 + 1 = 245 เสียง ซึ่งไม่ถึงกึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งหมด
ดังนั้นการใช้สูตรคณิตศาสตร์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นจากการตีความบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญและกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งของไทยในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ผ่านมามีผลต่อการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคการเมืองแกนนำและพรรคเล็กๆ ที่ได้จำนวนที่นั่งจากการใช้สูตรที่สองเพิ่มขึ้นจากการใช้สูตรที่ 1 กว่า 11 พรรคการเมือง ซึ่งต่อมากลายเป็นตัวแปรสำคัญของการจัดตั้งรัฐบาลในเวลาต่อมา
4. สรุป
คณิตศาสตร์การเมืองไทย เป็นชื่อของการเรียกสูตรการคำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ (Party list) ซึ่งปรากฏในบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 91 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มาตรา 128 ซึ่งมีการตีความแตกต่างกัน โดยเฉพาะการใช้สูตรคำนวณคะแนน ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่ามีการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่คำนวณที่นั่ง ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อให้กับพรรคการเมืองที่ได้คะแนนต่ำกว่าจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่พรรคการเมืองนั้นจะพึงมีได้ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 91 (2) ทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า “คณิตศาสตร์การเมืองไทย” ซึ่งเขียนขึ้นโดยคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญที่ได้นำแนวคิดการจัดการเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสมมาใช้ในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในการใช้คำนวนวิธีการดังกล่าว ทำให้เกิดการตีความและเข้าใจสูตรการคำนวนที่นั่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองต่าง ๆ แตกต่างกันออกไป และทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนในการคำนวณหาที่นั่งสมาชิกสภาผู้แทนราฎรแบบบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองภายหลังการประกาศผลการเลือกตั้งจากคณะกรรมการการเลือกตั้งแล้ว
5. บรรณานุกรม
เดอะมาสเตอร์. (2562). กกต. เปิดสูตรคำนวณ ส.ส. (ที่อาจเป็น) เวอร์ชั่นของ กกต. (ออนไลน์). สืบค้นจาก
https://themaster.co/pulse/complicated-thai-mps-system/74209, เข้าถึงเมื่อ 6 เมษายน 2563
พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561,
ราชกิจจานุเบกษา, เล่มที่135 ตอนที่ 68 ก วันที่ 12 กันยายน 2561, หน้า 81
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 สืบค้นจาก
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2560/A/040/1.PDF, เข้าถึงเมื่อ 6 เมษายน 2563
สิริพรรณ นกสวน สวัสดี. (2562). ไขปัญหาสูตรคำนวณเลือกตั้ง 62
สืบค้นจาก https://www.chula.ac.th/cuinside/19196/,เข้าถึงข้อมูลเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2563
สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง. (2562). หลักเกณฑ์และวิธีการคำนวณ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ สืบค้น
จากเว็บไซต์ https://www.ect.go.th/ect_th/download/article/article_20190528140635.pdf สืบค้นเมื่อ 10 เมษายน 2563.
[1] รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 สืบค้นจาก
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2560/A/040/1.PDF, เข้าถึงเมื่อ 6 เมษายน 2563
[2] พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561,
ราชกิจจานุเบกษา, เล่มที่135 ตอนที่ 68 ก วันที่ 12 กันยายน 2561, หน้า 81
[3] สิริพรรณ นกสวน สวัสดี. (2562). ไขปัญหาสูตรคำนวณเลือกตั้ง 62 เข้าถึงข้อมูลเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2563
เข้าถึงจาก https://www.chula.ac.th/cuinside/19196/
[4] เดอะมาสเตอร์. (2562). กกต. เปิดสูตรคำนวณ ส.ส. (ที่อาจเป็น) เวอร์ชั่นของ กกต. (ออนไลน์). สืบค้นจาก
https://themaster.co/pulse/complicated-thai-mps-system/74209, เข้าถึงเมื่อ 6 เมษายน 2563