ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ดุสิตธานี"

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
สร้างหน้าด้วย " '''เรียบเรียงโดย'''  ผศ.ดร.ณัฐพล ใจจริง '''ผู้ทรงคุณวุฒิปร..."
 
Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัดที่ 8: บรรทัดที่ 8:
<br/> '''บทนำ'''
<br/> '''บทนำ'''


ดุสิตธานี&nbsp;เป็นเมืองจำลอง ที่[https://th.wikipedia.org/wiki/พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว]&nbsp;สร้างขึ้นเมื่อ&nbsp;[https://th.wikipedia.org/wiki/21_กรกฎาคม 21 กรกฎาคม]&nbsp;[https://th.wikipedia.org/wiki/พ.ศ._2461 พ.ศ. 2461]&nbsp;บริเวณ[https://th.wikipedia.org/wiki/วังพญาไท วังพญาไท]&nbsp;ดุสิตธานีเป็นเมืองเล็ก ๆ มีเนื้อที่ 3 ไร่ แรกเริ่มตั้งอยู่บริเวณรอบ[https://th.wikipedia.org/w/index.php?title=พระที่นั่งอุดร&action=edit&redlink=1 พระที่นั่งอุดร]&nbsp;ใน[https://th.wikipedia.org/wiki/พระราชวังดุสิต พระราชวังดุสิต]&nbsp;มีลักษณะเป็นเมืองขนาดเล็ก มีขนาดพื้นที่ 1 ใน 20 เท่าของเมืองจริง ประกอบด้วย&nbsp;[https://th.wikipedia.org/wiki/พระราชวัง พระราชวัง]&nbsp;ศาลารัฐบาล วัดวาอาราม สถานที่ราชการ โรงทหาร&nbsp;[https://th.wikipedia.org/wiki/โรงเรียน โรงเรียน]&nbsp;[https://th.wikipedia.org/wiki/โรงพยาบาล โรงพยาบาล]&nbsp;ตลาดร้านค้า[https://th.wikipedia.org/wiki/ธนาคาร ธนาคาร]&nbsp;[https://th.wikipedia.org/wiki/โรงละคร โรงละคร]&nbsp;ประมาณเกือบสองร้อยหลัง โปรดเกล้าฯให้ดุสิตธานีมีธรรมนูญการปกครองลักษณะนคราภิบาล เป็นแนวทางในการปกครอง &nbsp;สถานะทางความรู้เกี่ยวกับดุสิตธานี มี 2 ประการ คือ ประการแรก ดุสิตธานี คือ เมืองทดลองประชาธิปไตยในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ ในขณะที่สยามยังคงปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ประการที่สอง ดุสิตธานี&nbsp; คือ การทดลองการปกครองท้องถิ่น ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ &nbsp;
ดุสิตธานี&nbsp;เป็นเมืองจำลอง ที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว&nbsp;สร้างขึ้นเมื่อ&nbsp;21 กรกฎาคม&nbsp;พ.ศ. 2461&nbsp;บริเวณวังพญาไท&nbsp;ดุสิตธานีเป็นเมืองเล็ก ๆ มีเนื้อที่ 3 ไร่ แรกเริ่มตั้งอยู่บริเวณรอบพระที่นั่งอุดร&nbsp;ในพระราชวังดุสิต&nbsp;มีลักษณะเป็นเมืองขนาดเล็ก มีขนาดพื้นที่ 1 ใน 20 เท่าของเมืองจริง ประกอบด้วย&nbsp;พระราชวัง&nbsp;ศาลารัฐบาล วัดวาอาราม สถานที่ราชการ โรงทหาร&nbsp;โรงเรียน&nbsp;โรงพยาบาล&nbsp;ตลาดร้านค้าธนาคาร&nbsp;โรงละคร&nbsp;ประมาณเกือบสองร้อยหลัง โปรดเกล้าฯให้ดุสิตธานีมีธรรมนูญการปกครองลักษณะนคราภิบาล เป็นแนวทางในการปกครอง &nbsp;สถานะทางความรู้เกี่ยวกับดุสิตธานี มี 2 ประการ คือ ประการแรก ดุสิตธานี คือ เมืองทดลองประชาธิปไตยในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ ในขณะที่สยามยังคงปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ประการที่สอง ดุสิตธานี&nbsp; คือ การทดลองการปกครองท้องถิ่น ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ &nbsp;


&nbsp;
&nbsp;
บรรทัดที่ 16: บรรทัดที่ 16:
ดุสิตธานี เป็นเมืองจำลองที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯทรงสร้างขึ้นนั้นมีสถานะทางความรู้ที่เกี่ยวกับเมืองดังกล่าวถูกตีความหมายออกเป็น 2 แนวทางดังนี้
ดุสิตธานี เป็นเมืองจำลองที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯทรงสร้างขึ้นนั้นมีสถานะทางความรู้ที่เกี่ยวกับเมืองดังกล่าวถูกตีความหมายออกเป็น 2 แนวทางดังนี้


แนวทางแรก ดุสิตธานี คือ เมืองทดลองประชาธิปไตยในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าฯ ในขณะที่สยามยังคงปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ งานเขียนชิ้นสำคัญที่ถือเป็นหลักของการตีความแนวนี้ คือ งานของจมื่นอมรดรุณารักษ์&nbsp; (แจ่ม สุนทรเวช ) มหาดเล็กผู้ใกล้ชิด เรื่อง ดุสิตธานี:เมืองประชาธิปไตยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ตีพิมพ์เมื่อ 2513 ตีความว่า การจัดตั้งดุสิตธานีเป็นพระราชประสงค์ที่พระองค์ทรงฝึกอบรม เสนาอำมาตย์ ราชบริพาร นับแต่เสนาบดีลงมาให้ซาบซึ้งใน พระบรม<br/> ราโชบาย และวิธีการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย [[#_ftn1|[1]]] นอกจากนี้ ในงานเขียนของหลุย คีรีวัต นักหนังสือพิมพ์บางกอกเดลิเมล์ ผู้มีความใกล้ชิดพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ ได้ตีความถึงพระราชดำริของพระองค์ว่า
แนวทางแรก ดุสิตธานี คือ เมืองทดลองประชาธิปไตยในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าฯ ในขณะที่สยามยังคงปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ งานเขียนชิ้นสำคัญที่ถือเป็นหลักของการตีความแนวนี้ คือ งานของจมื่นอมรดรุณารักษ์&nbsp; (แจ่ม สุนทรเวช ) มหาดเล็กผู้ใกล้ชิด เรื่อง ดุสิตธานี:เมืองประชาธิปไตยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ตีพิมพ์เมื่อ 2513 ตีความว่า การจัดตั้งดุสิตธานีเป็นพระราชประสงค์ที่พระองค์ทรงฝึกอบรม เสนาอำมาตย์ ราชบริพาร นับแต่เสนาบดีลงมาให้ซาบซึ้งใน พระบรมราโชบาย และวิธีการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย [1] นอกจากนี้ ในงานเขียนของหลุย คีรีวัต นักหนังสือพิมพ์บางกอกเดลิเมล์ ผู้มีความใกล้ชิดพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ ได้ตีความถึงพระราชดำริของพระองค์ว่า


'''“''พระมหากษัตริย์ทำอะไร คนภายนอกก็รู้เท่าไม่ถึงการพากันเห็นไปว่าพระองค์ทรงทำเล่นๆ….ดุจเดียวกับที่พระองค์ทรงเล่นดุสิตธานีนั้น...เพราะมีจุดประสงค์จะสอนประชาธิปไตยให้ข้าราชบริพาร''” [[#_ftn2|[2]]]'''
'''“''พระมหากษัตริย์ทำอะไร คนภายนอกก็รู้เท่าไม่ถึงการพากันเห็นไปว่าพระองค์ทรงทำเล่นๆ….ดุจเดียวกับที่พระองค์ทรงเล่นดุสิตธานีนั้น...เพราะมีจุดประสงค์จะสอนประชาธิปไตยให้ข้าราชบริพาร''” [2]'''


สำหรับแนวทางที่สอง เป็นการตีความใหม่ของ นรนิติ เศรษฐบุตร ในหนังสือเรื่อง ดุสิตธานี: การทดลองจัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เมื่อ พ.ศ.2461 (2550) ตีความว่า ดุสิตธานี คือ การทดลองการปกครองท้องถิ่น&nbsp; ซึ่งได้พิจารณาจาก “'''ธรรมนูญลักษณะปกครอง คณะนคราภิบาล (ดุสิตธานี) พระพุทธศักราช 2461'''” [[#_ftn3|[3]]] แล้ว มีความเห็นว่า ข้อบัญญัติต่าง ๆ ที่ปรากฏในกฎหมายฉบับดังกล่าวอันประกาศใช้ในดุสิตธานีนี้ คือ พระราชประสงค์ในการทดลองการจัดองค์กรปกครองท้องถิ่นในรูปเทศบาลในยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์
สำหรับแนวทางที่สอง เป็นการตีความใหม่ของ นรนิติ เศรษฐบุตร ในหนังสือเรื่อง ดุสิตธานี: การทดลองจัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เมื่อ พ.ศ.2461 (2550) ตีความว่า ดุสิตธานี คือ การทดลองการปกครองท้องถิ่น&nbsp; ซึ่งได้พิจารณาจาก “'''ธรรมนูญลักษณะปกครอง คณะนคราภิบาล (ดุสิตธานี) พระพุทธศักราช 2461'''” [3] แล้ว มีความเห็นว่า ข้อบัญญัติต่าง ๆ ที่ปรากฏในกฎหมายฉบับดังกล่าวอันประกาศใช้ในดุสิตธานีนี้ คือ พระราชประสงค์ในการทดลองการจัดองค์กรปกครองท้องถิ่นในรูปเทศบาลในยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์


&nbsp;
&nbsp;
บรรทัดที่ 26: บรรทัดที่ 26:
'''กำเนิดดุสิตธานี'''
'''กำเนิดดุสิตธานี'''


จุดเริ่มต้นของการการมีพระราชดำริให้มีดุสิตธานี เกิดภายหลังที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯได้ทรงเลี้ยงส่งทหารอาสาไปพระราชสงครามทวีปยุโรปเมื่อ 26 เมษายน 2461 แล้ว วันรุ่งขึ้น พระองค์ทรงเสด็จพระราชดำเนินพระราชวังบ้านปืน ที่จังหวัดเพชรบุรี ต่อมาพระองค์ได้ทรงเสด็จสรงน้ำทะเลที่หาดเจ้าสำราญ และทอดพระเนตรเห็นมหาดเล็กเล่นทรายกันที่ชายหาด พระองค์จึงทรงพระราชทานคำแนะนำให้มหาดเล็กสร้างเมืองทราย ขึ้น และที่เมืองทราย พระองค์ทรงสอนให้มหาดเล็กรู้จักทำน้ำตก การลำเลียงน้ำผ่านคลอง การสูบน้ำดับเพลิง ฯลฯ[[#_ftn4|[4]]]
จุดเริ่มต้นของการการมีพระราชดำริให้มีดุสิตธานี เกิดภายหลังที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯได้ทรงเลี้ยงส่งทหารอาสาไปพระราชสงครามทวีปยุโรปเมื่อ 26 เมษายน 2461 แล้ว วันรุ่งขึ้น พระองค์ทรงเสด็จพระราชดำเนินพระราชวังบ้านปืน ที่จังหวัดเพชรบุรี ต่อมาพระองค์ได้ทรงเสด็จสรงน้ำทะเลที่หาดเจ้าสำราญ และทอดพระเนตรเห็นมหาดเล็กเล่นทรายกันที่ชายหาด พระองค์จึงทรงพระราชทานคำแนะนำให้มหาดเล็กสร้างเมืองทราย ขึ้น และที่เมืองทราย พระองค์ทรงสอนให้มหาดเล็กรู้จักทำน้ำตก การลำเลียงน้ำผ่านคลอง การสูบน้ำดับเพลิง ฯลฯ[4]


ต่อมา พระองค์ได้ทรงมีพระราชดำริในการให้ความรู้ด้านการปกครองระบอบประชาธิปไตยจึงทรงคิดถึงเมืองทรายที่พระองค์ทรงเคยสอนมหาดเล็กที่หาดเจ้าสำราญ [[#_ftn5|[5]]] จากนั้น พระองค์ทรงสร้างดุสิตธานี&nbsp;เป็นเมืองจำลองขึ้นที่พระราชวังสวนดุสิต เมื่อ&nbsp;[https://th.wikipedia.org/wiki/21_กรกฎาคม 21 กรกฎาคม]&nbsp;[https://th.wikipedia.org/wiki/พ.ศ._2461 พ.ศ. 2461]&nbsp;ดังจมื่นอมรดรุณารักษ์(แจ่ม สุทรเวช)ได้บันทึกว่า &nbsp;
ต่อมา พระองค์ได้ทรงมีพระราชดำริในการให้ความรู้ด้านการปกครองระบอบประชาธิปไตยจึงทรงคิดถึงเมืองทรายที่พระองค์ทรงเคยสอนมหาดเล็กที่หาดเจ้าสำราญ [5] จากนั้น พระองค์ทรงสร้างดุสิตธานี&nbsp;เป็นเมืองจำลองขึ้นที่พระราชวังสวนดุสิต เมื่อ&nbsp;21 กรกฎาคม&nbsp;พ.ศ. 2461&nbsp;ดังจมื่นอมรดรุณารักษ์(แจ่ม สุทรเวช)ได้บันทึกว่า &nbsp;


&nbsp;
&nbsp;


'''“''ดุสิตธานีเป็นเมืองเล็กๆ สร้างขึ้นแห่งแรกในพระราชวัง ดุสิต(ภายหลังย้ายไปอยู่ที่พระราชวังพญาไท) มีเนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ เนื้อที่มีลักษณะเกือบจะเป็นรูปสี่เหลี่ยม ทางด้านใต้ของ ดุสิตธานีชิดพระที่นั่งอุดร ทางด้านเหนือชิดอ่างหยก บ้าน ทั้งหมดมีจำนวนประมาณร้อยกว่าหลัง การประชุมโหวดครั้งที่ 1 มีทวยนาครโหวต 199 เสียง บ้านแต่ละหลังมีขนาดโตกว่าศาล พระภูมิ สร้างขึ้นด้วยฝีมือประณีต ฉลุสลักลวดลายอย่างวิจิตร ทาสีสวยงาม ทุกๆ บ้านมีไฟฟ้าติดสว่างอยู่กลางบ้าน ถนน หนทางในเมืองดุสิตธานีส่วนมากเป็นถนนสายเล็กๆ มีบางสายที่ ใหญ่โต พอที่จะเดินได้ ถนนทุกสายสะอาดสะอ้าน สวยงาม ปลูก ต้นไม้เล็กๆไว้ร่มรื่นสองข้างทางถนนที่เป็นสายสำคัญ''” [[#_ftn6|[6]]]'''
'''“''ดุสิตธานีเป็นเมืองเล็กๆ สร้างขึ้นแห่งแรกในพระราชวัง ดุสิต(ภายหลังย้ายไปอยู่ที่พระราชวังพญาไท) มีเนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ เนื้อที่มีลักษณะเกือบจะเป็นรูปสี่เหลี่ยม ทางด้านใต้ของ ดุสิตธานีชิดพระที่นั่งอุดร ทางด้านเหนือชิดอ่างหยก บ้าน ทั้งหมดมีจำนวนประมาณร้อยกว่าหลัง การประชุมโหวดครั้งที่ 1 มีทวยนาครโหวต 199 เสียง บ้านแต่ละหลังมีขนาดโตกว่าศาล พระภูมิ สร้างขึ้นด้วยฝีมือประณีต ฉลุสลักลวดลายอย่างวิจิตร ทาสีสวยงาม ทุกๆ บ้านมีไฟฟ้าติดสว่างอยู่กลางบ้าน ถนน หนทางในเมืองดุสิตธานีส่วนมากเป็นถนนสายเล็กๆ มีบางสายที่ ใหญ่โต พอที่จะเดินได้ ถนนทุกสายสะอาดสะอ้าน สวยงาม ปลูก ต้นไม้เล็กๆไว้ร่มรื่นสองข้างทางถนนที่เป็นสายสำคัญ''” [6]'''


&nbsp;
&nbsp;
บรรทัดที่ 40: บรรทัดที่ 40:
&nbsp;
&nbsp;


'''“''จังหวัดดุสิตธานีนี้มีพระมหากษัตริย์เปนผู้ปกครองเปนประธาน แล้วและทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานอำนาจบางอย่างให้แก่ทวยนาครปกครองกันเอง ทวยนาครสมมตตั้งหัวน่าขึ้นคนหนึ่ง คือ นคราภิบาล ซึ่งเปนผู้รับอำนาจนั้นมาปฏิบัติให้เปนไป ส่วนอำนาจใดที่มิได้ทรงกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานก็ยังมีอยู่ในพระมหากษัตริย์ทั้งสิ้น ซึ่งมีสมุหเทศภิบาลสำเร็จราชการต่างพระเนตรพระกรรณอีกฝ่ายหนึ่ง เพราะฉะนั้นอำนาจใดที่ได้พระราชทานแล้วนั้น หากมีเหตุผลซึ่งไม่เหมาะแก่ความเจริญ จะทรงเลิกถอนเสียก็ได้ ''”[[#_ftn7|[7]]]'''
'''“''จังหวัดดุสิตธานีนี้มีพระมหากษัตริย์เปนผู้ปกครองเปนประธาน แล้วและทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานอำนาจบางอย่างให้แก่ทวยนาครปกครองกันเอง ทวยนาครสมมตตั้งหัวน่าขึ้นคนหนึ่ง คือ นคราภิบาล ซึ่งเปนผู้รับอำนาจนั้นมาปฏิบัติให้เปนไป ส่วนอำนาจใดที่มิได้ทรงกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานก็ยังมีอยู่ในพระมหากษัตริย์ทั้งสิ้น ซึ่งมีสมุหเทศภิบาลสำเร็จราชการต่างพระเนตรพระกรรณอีกฝ่ายหนึ่ง เพราะฉะนั้นอำนาจใดที่ได้พระราชทานแล้วนั้น หากมีเหตุผลซึ่งไม่เหมาะแก่ความเจริญ จะทรงเลิกถอนเสียก็ได้ ''”[7]'''


&nbsp;
&nbsp;


ต่อมา ดุสิตธานีได้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วจนไม่มีพื้นที่จะสร้างบ้านเรือนได้เพียงพอ ประจวบกับพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯได้ทรงมีพระราชดำริสร้างพระราชฐานใหม่ที่[https://th.wikipedia.org/wiki/วังพญาไท วังพญาไท] จึงได้โปรดเกล้าฯ ให้ย้ายเมืองทั้งเมืองไปตั้งที่บริเวณวังพญาไท เมื่อเดือนธันวาคม&nbsp;[https://th.wikipedia.org/wiki/พ.ศ._2462 พ.ศ. 2462]&nbsp;ในบริเวณของดุสิตธานีมีความกว้างขวางมากยิ่งขึ้น อาณาบริเวณของดุสิตธานี มีบ้านเรือนเล็ก ๆจำนวนมาก
ต่อมา ดุสิตธานีได้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วจนไม่มีพื้นที่จะสร้างบ้านเรือนได้เพียงพอ ประจวบกับพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯได้ทรงมีพระราชดำริสร้างพระราชฐานใหม่ที่วังพญาไท จึงได้โปรดเกล้าฯ ให้ย้ายเมืองทั้งเมืองไปตั้งที่บริเวณวังพญาไท เมื่อเดือนธันวาคม&nbsp;พ.ศ. 2462&nbsp;ในบริเวณของดุสิตธานีมีความกว้างขวางมากยิ่งขึ้น อาณาบริเวณของดุสิตธานี มีบ้านเรือนเล็ก ๆจำนวนมาก


ทั้งนี้ ราษฎรที่อาศัยอยู่ในเมืองดุสิตธานีนั้น เรียกว่า ทวยนาครของดุสิตธานี อันประกอบด้วย ผู้เป็นมหาดเล็กรับใช้ใกล้ชิด ซึ่งมีทั้งเชื้อพระวงศ์ ชั้นหม่อมเจ้า สมมติชื่อตนเองเพื่อเป็นเจ้าของบ้านและแสดงอาชีพ&nbsp; ราษฎรผู้เป็นเจ้าของบ้านทุกคน มีหน้าที่ต้องคอยดูแลบ้านของตนให้สะอาดเรียบร้อย ซึ่งมีการบริการด้านสาธารณูปโภค และมีพนักงานชาวที่คอยดูแลตรวจตราความสะอาด&nbsp;เจ้าของบ้านในดุสิตานีต้องเสียค่าน้ำ ค่าไฟ เงินที่เก็บได้จะนำมาใช้ในการบำรุงเมืองดุสิตธานี สำหรับ พระราชสถานะของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯนั้น พระองค์ทรงใช้สามัญชื่อว่า “''ท่านราม ณ กรุงเทพ''” ทรงเป็นราษฎรคนหนึ่งของดุสิตธานีผู้หนึ่ง ทรงมีอาชีพเป็นทนายและทรงเป็น[https://th.wikipedia.org/wiki/มรรคนายก มรรคนายก]วัดพระบรมธาตุ เป็นพระราชมุนี เจ้าอาวาสวัดธรรมาธิปไตย และทรงแสดงพระธรรมเทศนาจริง ๆ ด้วย นอกจากนี้ทรงให้คำปรึกษาเกี่ยวกับกรณีพิพาทเรื่องที่ดินอาชีพ
ทั้งนี้ ราษฎรที่อาศัยอยู่ในเมืองดุสิตธานีนั้น เรียกว่า ทวยนาครของดุสิตธานี อันประกอบด้วย ผู้เป็นมหาดเล็กรับใช้ใกล้ชิด ซึ่งมีทั้งเชื้อพระวงศ์ ชั้นหม่อมเจ้า สมมติชื่อตนเองเพื่อเป็นเจ้าของบ้านและแสดงอาชีพ&nbsp; ราษฎรผู้เป็นเจ้าของบ้านทุกคน มีหน้าที่ต้องคอยดูแลบ้านของตนให้สะอาดเรียบร้อย ซึ่งมีการบริการด้านสาธารณูปโภค และมีพนักงานชาวที่คอยดูแลตรวจตราความสะอาด&nbsp;เจ้าของบ้านในดุสิตานีต้องเสียค่าน้ำ ค่าไฟ เงินที่เก็บได้จะนำมาใช้ในการบำรุงเมืองดุสิตธานี สำหรับ พระราชสถานะของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯนั้น พระองค์ทรงใช้สามัญชื่อว่า “''ท่านราม ณ กรุงเทพ''” ทรงเป็นราษฎรคนหนึ่งของดุสิตธานีผู้หนึ่ง ทรงมีอาชีพเป็นทนายและทรงเป็นมรรคนายกวัดพระบรมธาตุ เป็นพระราชมุนี เจ้าอาวาสวัดธรรมาธิปไตย และทรงแสดงพระธรรมเทศนาจริง ๆ ด้วย นอกจากนี้ทรงให้คำปรึกษาเกี่ยวกับกรณีพิพาทเรื่องที่ดินอาชีพ


ทั้งนี้ ตาม “ธรรมนูญลักษณะปกครอง คณะนคราภิบาล (ดุสิตธานี) พระพุทธศักราช 2461” &nbsp;[[#_ftn8|[8]]]กำหนดให้ นคราภิบาล เป็นหน่วยการปกครองของดุสิตธานี &nbsp;&nbsp;มีคณะนคราภิบาลทำหน้าที่ในการบริหารและว่าราชการทั่วไป รวมทั้ง การจัดเก็บภาษีอากรทุกเดือน&nbsp; ในดุสิตธานีกำหนดให้นับเวลา 1 เดือนเท่ากับ 1 ปีของเวลาปกติ มีการจัดการทำนุบำรุงด้านสุขาภิบาลและการป้องกันโรคภัย จัดการเก็บภาษีที่ดิน และมีสภานคราภิบาล ในดุสิตธานี มีพรรคการเมืองสองพรรค คือ พรรคแพรแถบสีน้ำเงินและพรรคแพรแถบสีแดง เป็นต้น[[#_ftn9|[9]]] อย่างไรก็ตาม การดำเนินกิจกรรมทั้งหมดดำเนินไปในเมืองจำลองขนาดเล็กที่ชื่อว่าดุสิตธานี อันมีพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ ขุนนาง พระบรมวงศานุวงศ์และมหาดเล็ก แสดงบทบาทสมมุติในดุสิตธานีแห่งนี้
ทั้งนี้ ตาม “ธรรมนูญลักษณะปกครอง คณะนคราภิบาล (ดุสิตธานี) พระพุทธศักราช 2461” &nbsp;[8]กำหนดให้ นคราภิบาล เป็นหน่วยการปกครองของดุสิตธานี &nbsp;&nbsp;มีคณะนคราภิบาลทำหน้าที่ในการบริหารและว่าราชการทั่วไป รวมทั้ง การจัดเก็บภาษีอากรทุกเดือน&nbsp; ในดุสิตธานีกำหนดให้นับเวลา 1 เดือนเท่ากับ 1 ปีของเวลาปกติ มีการจัดการทำนุบำรุงด้านสุขาภิบาลและการป้องกันโรคภัย จัดการเก็บภาษีที่ดิน และมีสภานคราภิบาล ในดุสิตธานี มีพรรคการเมืองสองพรรค คือ พรรคแพรแถบสีน้ำเงินและพรรคแพรแถบสีแดง เป็นต้น[9] อย่างไรก็ตาม การดำเนินกิจกรรมทั้งหมดดำเนินไปในเมืองจำลองขนาดเล็กที่ชื่อว่าดุสิตธานี อันมีพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ ขุนนาง พระบรมวงศานุวงศ์และมหาดเล็ก แสดงบทบาทสมมุติในดุสิตธานีแห่งนี้


นอกจากนี้ ในดุสิตธานี มีหนังสือพิมพ์ 3 ฉบับคือ ดุสิตสมัย เป็นหนังสือพิมพ์รายวัน ดุสิตสักขี เป็นหนังสือพิมพ์รายวัน&nbsp; และดุสิตสมิต โดย ท่านราม ณ กรุงเทพฯ หรือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจัดทำเป็นหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ออกทุกวันเสาร์&nbsp;
นอกจากนี้ ในดุสิตธานี มีหนังสือพิมพ์ 3 ฉบับคือ ดุสิตสมัย เป็นหนังสือพิมพ์รายวัน ดุสิตสักขี เป็นหนังสือพิมพ์รายวัน&nbsp; และดุสิตสมิต โดย ท่านราม ณ กรุงเทพฯ หรือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจัดทำเป็นหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ออกทุกวันเสาร์&nbsp;
บรรทัดที่ 54: บรรทัดที่ 54:
สุดท้ายนี้&nbsp; การเข้าใจพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯถึงแนวพระราชดำริในการจัดสร้างเมืองขนาดเล็กอันมีนามว่า ดุสิตธานีเพื่อสิ่งใดนั้น อาจเข้าในใจได้จากการเสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดศาลารัฐบาลมณฑลดุสิตธานี เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2462 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯได้ทรงมีพระราชดำรัสว่า
สุดท้ายนี้&nbsp; การเข้าใจพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯถึงแนวพระราชดำริในการจัดสร้างเมืองขนาดเล็กอันมีนามว่า ดุสิตธานีเพื่อสิ่งใดนั้น อาจเข้าในใจได้จากการเสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดศาลารัฐบาลมณฑลดุสิตธานี เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2462 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯได้ทรงมีพระราชดำรัสว่า


'''“ ''วิธีการดำเนินการในธานีเล็ก ๆ ของเราเป็นเช่นไร ก็ตั้งใจไว้ว่าจะให้ประเทศสยามได้เป็นเช่นเดียวกัน แต่จะให้เป็นการสำเร็จรวดเร็วดังธานีเล็กนี้ ก็ยังทำไปทีเดียวยังไม่ได้ โดยมีอุปสรรคบางอย่าง เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าขอให้ข้าราชการทั้งหลาย ตลอดจนทวยนาคร จงตั้งใจกระทำกิจการของตนตามหน้าที่ให้สมกับธานีซึ่งได้จัดตั้งขึ้นนี้ ในไม่ช้าจะได้แลเห็นผลของประเทศสยามว่าเจริญไปได้เพียงใด'' ”[[#_ftn10|[10]]]'''
'''“ ''วิธีการดำเนินการในธานีเล็ก ๆ ของเราเป็นเช่นไร ก็ตั้งใจไว้ว่าจะให้ประเทศสยามได้เป็นเช่นเดียวกัน แต่จะให้เป็นการสำเร็จรวดเร็วดังธานีเล็กนี้ ก็ยังทำไปทีเดียวยังไม่ได้ โดยมีอุปสรรคบางอย่าง เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าขอให้ข้าราชการทั้งหลาย ตลอดจนทวยนาคร จงตั้งใจกระทำกิจการของตนตามหน้าที่ให้สมกับธานีซึ่งได้จัดตั้งขึ้นนี้ ในไม่ช้าจะได้แลเห็นผลของประเทศสยามว่าเจริญไปได้เพียงใด'' ”[10]'''


'''อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันนี้ ร่องรอยของดุสิตธานี &nbsp;คงเหลือแต่เพียงอาคารจำลองจำนวนหนึ่งที่ถูกเก็บรักษาไว้ ณ หอวชิราวุธานุสรณ์ '''หอสมุดแห่งชาติ ท่าวาสุกรี กรุงเทพฯและการตีความสถานะทางความรู้ของดุสิตธานี ขณะนี้มีสองแนวทาง คือ ดุสิตธานี คือ เมืองทดลองประชาธิปไตย และ ดุสิตธานี&nbsp; คือ การทดลองการปกครองท้องถิ่น ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ &nbsp;
'''อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันนี้ ร่องรอยของดุสิตธานี &nbsp;คงเหลือแต่เพียงอาคารจำลองจำนวนหนึ่งที่ถูกเก็บรักษาไว้ ณ หอวชิราวุธานุสรณ์ '''หอสมุดแห่งชาติ ท่าวาสุกรี กรุงเทพฯและการตีความสถานะทางความรู้ของดุสิตธานี ขณะนี้มีสองแนวทาง คือ ดุสิตธานี คือ เมืองทดลองประชาธิปไตย และ ดุสิตธานี&nbsp; คือ การทดลองการปกครองท้องถิ่น ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ &nbsp;
บรรทัดที่ 64: บรรทัดที่ 64:
จมื่นอมรดรุณารักษ์ (แจ่ม สุนทรเวช) เรียบเรียง. '''ดุสิต ธานีเมืองประชาธิปไตยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว'''. กรุงเทพฯ: หอสมุดแห่งชาติ, 2513.
จมื่นอมรดรุณารักษ์ (แจ่ม สุนทรเวช) เรียบเรียง. '''ดุสิต ธานีเมืองประชาธิปไตยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว'''. กรุงเทพฯ: หอสมุดแห่งชาติ, 2513.


นรนิติ เศรษฐบุตร. '''ดุสิตธานี'''''': การทดลองจัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เมื่อ พ. ศ. 2461'''. นนทบุรี :สถาบันพระปกเกล้าฯ, 2550.
นรนิติ เศรษฐบุตร. '''ดุสิตธานี'''''': การทดลองจัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เมื่อ พ. ศ. 2461'''. นนทบุรี&nbsp;:สถาบันพระปกเกล้าฯ, 2550.


วรชาติ มีชูบท. '''เกร็ดพงศาวดาร รัชกาลที่ 6'''. กรุงเทพฯ : สร้างสรรค์บุ๊คส์, 2554.
วรชาติ มีชูบท. '''เกร็ดพงศาวดาร รัชกาลที่ 6'''. กรุงเทพฯ&nbsp;: สร้างสรรค์บุ๊คส์, 2554.
<div>
<div>
&nbsp;
&nbsp;
บรรทัดที่ 72: บรรทัดที่ 72:
'''อ้างอิง'''
'''อ้างอิง'''
<div id="ftn1">
<div id="ftn1">
[[#_ftnref1|[1]]] จมื่นอมรดรุณารักษ์ (แจ่ม สุนทรเวช) เรียบเรียง, ดุสิต ธานีเมืองประชาธิปไตยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว. (กรุงเทพฯ:&nbsp; หอสมุดแห่งชาติ, 2513), หน้า 322-323.
[1] จมื่นอมรดรุณารักษ์ (แจ่ม สุนทรเวช) เรียบเรียง, ดุสิต ธานีเมืองประชาธิปไตยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว. (กรุงเทพฯ:&nbsp; หอสมุดแห่งชาติ, 2513), หน้า 322-323.
</div> <div id="ftn2">
</div> <div id="ftn2">
[[#_ftnref2|[2]]] หลุย คีรีวัต, ประชาธิปไตย 17 ปี , (พระนคร : โอเดียนสโตร์, 2493) ,หน้า 84.
[2] หลุย คีรีวัต, ประชาธิปไตย 17 ปี , (พระนคร&nbsp;: โอเดียนสโตร์, 2493) ,หน้า 84.
</div> <div id="ftn3">
</div> <div id="ftn3">
[[#_ftnref3|[3]]] นรนิติ เศรษฐบุตร, ดุสิตธานี: การทดลองจัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เมื่อ พ.ศ.2461,( นนทบุรี :สถาบันพระปกเกล้าฯ, 2550).
[3] นรนิติ เศรษฐบุตร, ดุสิตธานี: การทดลองจัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เมื่อ พ.ศ.2461,( นนทบุรี&nbsp;:สถาบันพระปกเกล้าฯ, 2550).
</div> <div id="ftn4">
</div> <div id="ftn4">
[[#_ftnref4|[4]]] วรชาติ มีชูบท, เกร็ดพงศาวดาร รัชกาลที่ 6 (กรุงเทพฯ : สร้างสรรค์บุ๊คส์ , 2554), หน้า&nbsp; 283-284.
[4] วรชาติ มีชูบท, เกร็ดพงศาวดาร รัชกาลที่ 6 (กรุงเทพฯ&nbsp;: สร้างสรรค์บุ๊คส์ , 2554), หน้า&nbsp; 283-284.
</div> <div id="ftn5">
</div> <div id="ftn5">
[[#_ftnref5|[5]]] วรชาติ มีชูบท, เกร็ดพงศาวดาร รัชกาลที่ 6 (กรุงเทพฯ : สร้างสรรค์บุ๊คส์ , 2554), หน้า&nbsp; 285.
[5] วรชาติ มีชูบท, เกร็ดพงศาวดาร รัชกาลที่ 6 (กรุงเทพฯ&nbsp;: สร้างสรรค์บุ๊คส์ , 2554), หน้า&nbsp; 285.
</div> <div id="ftn6">
</div> <div id="ftn6">
[[#_ftnref6|[6]]] จมื่นอมรดรุณารักษ์ (แจ่ม สุนทรเวช) เรียบเรียง, ดุสิต ธานีเมืองประชาธิปไตยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว. (กรุงเทพฯ: &nbsp;หอสมุดแห่งชาติ, 2513), หน้า 8.
[6] จมื่นอมรดรุณารักษ์ (แจ่ม สุนทรเวช) เรียบเรียง, ดุสิต ธานีเมืองประชาธิปไตยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว. (กรุงเทพฯ: &nbsp;หอสมุดแห่งชาติ, 2513), หน้า 8.
</div> <div id="ftn7">
</div> <div id="ftn7">
[[#_ftnref7|[7]]] วรชาติ มีชูบท, เกร็ดพงศาวดาร รัชกาลที่ 6 (กรุงเทพฯ : สร้างสรรค์บุ๊คส์ , 2554), หน้า 291.
[7] วรชาติ มีชูบท, เกร็ดพงศาวดาร รัชกาลที่ 6 (กรุงเทพฯ&nbsp;: สร้างสรรค์บุ๊คส์ , 2554), หน้า 291.
</div> <div id="ftn8">
</div> <div id="ftn8">
[[#_ftnref8|[8]]] โปรดดูเพิ่มใน นรนิติ เศรษฐบุตร, ดุสิตธานี: การทดลองจัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เมื่อ พ.ศ.2461,( นนทบุรี :สถาบันพระปกเกล้าฯ, 2550), หน้า 27-49.
[8] โปรดดูเพิ่มใน นรนิติ เศรษฐบุตร, ดุสิตธานี: การทดลองจัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เมื่อ พ.ศ.2461,( นนทบุรี&nbsp;:สถาบันพระปกเกล้าฯ, 2550), หน้า 27-49.
</div> <div id="ftn9">
</div> <div id="ftn9">
[[#_ftnref9|[9]]] โปรดศึกษาเพิ่มเติมใน จมื่นอมรดรุณารักษ์ (แจ่ม สุนทรเวช) เรียบเรียง, ดุสิตธานีเมืองประชาธิปไตยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว. (กรุงเทพฯ:&nbsp; หอสมุดแห่งชาติ, 2513).
[9] โปรดศึกษาเพิ่มเติมใน จมื่นอมรดรุณารักษ์ (แจ่ม สุนทรเวช) เรียบเรียง, ดุสิตธานีเมืองประชาธิปไตยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว. (กรุงเทพฯ:&nbsp; หอสมุดแห่งชาติ, 2513).
</div> <div id="ftn10">
</div> <div id="ftn10">
[[#_ftnref10|[10]]] วรชาติ มีชูบท, เกร็ดพงศาวดาร รัชกาลที่ 6 (กรุงเทพฯ : สร้างสรรค์บุ๊คส์ , 2554), หน้า&nbsp; 299.
[10] วรชาติ มีชูบท, เกร็ดพงศาวดาร รัชกาลที่ 6 (กรุงเทพฯ&nbsp;: สร้างสรรค์บุ๊คส์ , 2554), หน้า&nbsp; 299.
</div> </div>  
</div> </div>  
[[Category:ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการปกครองท้องถิ่น]]
[[Category:ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการปกครองท้องถิ่น]]

รุ่นแก้ไขเมื่อ 10:32, 3 สิงหาคม 2560

เรียบเรียงโดย  ผศ.ดร.ณัฐพล ใจจริง

ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รศ.ดร.ปธาน สุวรรณมงคล



บทนำ

ดุสิตธานี เป็นเมืองจำลอง ที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว สร้างขึ้นเมื่อ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2461 บริเวณวังพญาไท ดุสิตธานีเป็นเมืองเล็ก ๆ มีเนื้อที่ 3 ไร่ แรกเริ่มตั้งอยู่บริเวณรอบพระที่นั่งอุดร ในพระราชวังดุสิต มีลักษณะเป็นเมืองขนาดเล็ก มีขนาดพื้นที่ 1 ใน 20 เท่าของเมืองจริง ประกอบด้วย พระราชวัง ศาลารัฐบาล วัดวาอาราม สถานที่ราชการ โรงทหาร โรงเรียน โรงพยาบาล ตลาดร้านค้าธนาคาร โรงละคร ประมาณเกือบสองร้อยหลัง โปรดเกล้าฯให้ดุสิตธานีมีธรรมนูญการปกครองลักษณะนคราภิบาล เป็นแนวทางในการปกครอง  สถานะทางความรู้เกี่ยวกับดุสิตธานี มี 2 ประการ คือ ประการแรก ดุสิตธานี คือ เมืองทดลองประชาธิปไตยในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ ในขณะที่สยามยังคงปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ประการที่สอง ดุสิตธานี  คือ การทดลองการปกครองท้องถิ่น ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ  

 

สถานะทางความรู้ของดุสิตธานี

ดุสิตธานี เป็นเมืองจำลองที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯทรงสร้างขึ้นนั้นมีสถานะทางความรู้ที่เกี่ยวกับเมืองดังกล่าวถูกตีความหมายออกเป็น 2 แนวทางดังนี้

แนวทางแรก ดุสิตธานี คือ เมืองทดลองประชาธิปไตยในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าฯ ในขณะที่สยามยังคงปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ งานเขียนชิ้นสำคัญที่ถือเป็นหลักของการตีความแนวนี้ คือ งานของจมื่นอมรดรุณารักษ์  (แจ่ม สุนทรเวช ) มหาดเล็กผู้ใกล้ชิด เรื่อง ดุสิตธานี:เมืองประชาธิปไตยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ตีพิมพ์เมื่อ 2513 ตีความว่า การจัดตั้งดุสิตธานีเป็นพระราชประสงค์ที่พระองค์ทรงฝึกอบรม เสนาอำมาตย์ ราชบริพาร นับแต่เสนาบดีลงมาให้ซาบซึ้งใน พระบรมราโชบาย และวิธีการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย [1] นอกจากนี้ ในงานเขียนของหลุย คีรีวัต นักหนังสือพิมพ์บางกอกเดลิเมล์ ผู้มีความใกล้ชิดพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ ได้ตีความถึงพระราชดำริของพระองค์ว่า

พระมหากษัตริย์ทำอะไร คนภายนอกก็รู้เท่าไม่ถึงการพากันเห็นไปว่าพระองค์ทรงทำเล่นๆ….ดุจเดียวกับที่พระองค์ทรงเล่นดุสิตธานีนั้น...เพราะมีจุดประสงค์จะสอนประชาธิปไตยให้ข้าราชบริพาร” [2]

สำหรับแนวทางที่สอง เป็นการตีความใหม่ของ นรนิติ เศรษฐบุตร ในหนังสือเรื่อง ดุสิตธานี: การทดลองจัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เมื่อ พ.ศ.2461 (2550) ตีความว่า ดุสิตธานี คือ การทดลองการปกครองท้องถิ่น  ซึ่งได้พิจารณาจาก “ธรรมนูญลักษณะปกครอง คณะนคราภิบาล (ดุสิตธานี) พระพุทธศักราช 2461” [3] แล้ว มีความเห็นว่า ข้อบัญญัติต่าง ๆ ที่ปรากฏในกฎหมายฉบับดังกล่าวอันประกาศใช้ในดุสิตธานีนี้ คือ พระราชประสงค์ในการทดลองการจัดองค์กรปกครองท้องถิ่นในรูปเทศบาลในยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์

 

กำเนิดดุสิตธานี

จุดเริ่มต้นของการการมีพระราชดำริให้มีดุสิตธานี เกิดภายหลังที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯได้ทรงเลี้ยงส่งทหารอาสาไปพระราชสงครามทวีปยุโรปเมื่อ 26 เมษายน 2461 แล้ว วันรุ่งขึ้น พระองค์ทรงเสด็จพระราชดำเนินพระราชวังบ้านปืน ที่จังหวัดเพชรบุรี ต่อมาพระองค์ได้ทรงเสด็จสรงน้ำทะเลที่หาดเจ้าสำราญ และทอดพระเนตรเห็นมหาดเล็กเล่นทรายกันที่ชายหาด พระองค์จึงทรงพระราชทานคำแนะนำให้มหาดเล็กสร้างเมืองทราย ขึ้น และที่เมืองทราย พระองค์ทรงสอนให้มหาดเล็กรู้จักทำน้ำตก การลำเลียงน้ำผ่านคลอง การสูบน้ำดับเพลิง ฯลฯ[4]

ต่อมา พระองค์ได้ทรงมีพระราชดำริในการให้ความรู้ด้านการปกครองระบอบประชาธิปไตยจึงทรงคิดถึงเมืองทรายที่พระองค์ทรงเคยสอนมหาดเล็กที่หาดเจ้าสำราญ [5] จากนั้น พระองค์ทรงสร้างดุสิตธานี เป็นเมืองจำลองขึ้นที่พระราชวังสวนดุสิต เมื่อ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2461 ดังจมื่นอมรดรุณารักษ์(แจ่ม สุทรเวช)ได้บันทึกว่า  

 

ดุสิตธานีเป็นเมืองเล็กๆ สร้างขึ้นแห่งแรกในพระราชวัง ดุสิต(ภายหลังย้ายไปอยู่ที่พระราชวังพญาไท) มีเนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ เนื้อที่มีลักษณะเกือบจะเป็นรูปสี่เหลี่ยม ทางด้านใต้ของ ดุสิตธานีชิดพระที่นั่งอุดร ทางด้านเหนือชิดอ่างหยก บ้าน ทั้งหมดมีจำนวนประมาณร้อยกว่าหลัง การประชุมโหวดครั้งที่ 1 มีทวยนาครโหวต 199 เสียง บ้านแต่ละหลังมีขนาดโตกว่าศาล พระภูมิ สร้างขึ้นด้วยฝีมือประณีต ฉลุสลักลวดลายอย่างวิจิตร ทาสีสวยงาม ทุกๆ บ้านมีไฟฟ้าติดสว่างอยู่กลางบ้าน ถนน หนทางในเมืองดุสิตธานีส่วนมากเป็นถนนสายเล็กๆ มีบางสายที่ ใหญ่โต พอที่จะเดินได้ ถนนทุกสายสะอาดสะอ้าน สวยงาม ปลูก ต้นไม้เล็กๆไว้ร่มรื่นสองข้างทางถนนที่เป็นสายสำคัญ” [6]

 

สำหรับระบอบการปกครองของดุสิตธานี เป็นเช่นไรนั้น พบว่า แบบเรียนของจังหวัดดุสิตธานี ซึ่งเขียนโดย พระยามหามนตรีศรีองครักษ์สมุทร์ (พงษ์สวัสดิ-ชูโต)ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับการปกครองดุสิตธานีว่า 

 

จังหวัดดุสิตธานีนี้มีพระมหากษัตริย์เปนผู้ปกครองเปนประธาน แล้วและทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานอำนาจบางอย่างให้แก่ทวยนาครปกครองกันเอง ทวยนาครสมมตตั้งหัวน่าขึ้นคนหนึ่ง คือ นคราภิบาล ซึ่งเปนผู้รับอำนาจนั้นมาปฏิบัติให้เปนไป ส่วนอำนาจใดที่มิได้ทรงกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานก็ยังมีอยู่ในพระมหากษัตริย์ทั้งสิ้น ซึ่งมีสมุหเทศภิบาลสำเร็จราชการต่างพระเนตรพระกรรณอีกฝ่ายหนึ่ง เพราะฉะนั้นอำนาจใดที่ได้พระราชทานแล้วนั้น หากมีเหตุผลซึ่งไม่เหมาะแก่ความเจริญ จะทรงเลิกถอนเสียก็ได้ ”[7]

 

ต่อมา ดุสิตธานีได้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วจนไม่มีพื้นที่จะสร้างบ้านเรือนได้เพียงพอ ประจวบกับพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯได้ทรงมีพระราชดำริสร้างพระราชฐานใหม่ที่วังพญาไท จึงได้โปรดเกล้าฯ ให้ย้ายเมืองทั้งเมืองไปตั้งที่บริเวณวังพญาไท เมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2462 ในบริเวณของดุสิตธานีมีความกว้างขวางมากยิ่งขึ้น อาณาบริเวณของดุสิตธานี มีบ้านเรือนเล็ก ๆจำนวนมาก

ทั้งนี้ ราษฎรที่อาศัยอยู่ในเมืองดุสิตธานีนั้น เรียกว่า ทวยนาครของดุสิตธานี อันประกอบด้วย ผู้เป็นมหาดเล็กรับใช้ใกล้ชิด ซึ่งมีทั้งเชื้อพระวงศ์ ชั้นหม่อมเจ้า สมมติชื่อตนเองเพื่อเป็นเจ้าของบ้านและแสดงอาชีพ  ราษฎรผู้เป็นเจ้าของบ้านทุกคน มีหน้าที่ต้องคอยดูแลบ้านของตนให้สะอาดเรียบร้อย ซึ่งมีการบริการด้านสาธารณูปโภค และมีพนักงานชาวที่คอยดูแลตรวจตราความสะอาด เจ้าของบ้านในดุสิตานีต้องเสียค่าน้ำ ค่าไฟ เงินที่เก็บได้จะนำมาใช้ในการบำรุงเมืองดุสิตธานี สำหรับ พระราชสถานะของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯนั้น พระองค์ทรงใช้สามัญชื่อว่า “ท่านราม ณ กรุงเทพ” ทรงเป็นราษฎรคนหนึ่งของดุสิตธานีผู้หนึ่ง ทรงมีอาชีพเป็นทนายและทรงเป็นมรรคนายกวัดพระบรมธาตุ เป็นพระราชมุนี เจ้าอาวาสวัดธรรมาธิปไตย และทรงแสดงพระธรรมเทศนาจริง ๆ ด้วย นอกจากนี้ทรงให้คำปรึกษาเกี่ยวกับกรณีพิพาทเรื่องที่ดินอาชีพ

ทั้งนี้ ตาม “ธรรมนูญลักษณะปกครอง คณะนคราภิบาล (ดุสิตธานี) พระพุทธศักราช 2461”  [8]กำหนดให้ นคราภิบาล เป็นหน่วยการปกครองของดุสิตธานี   มีคณะนคราภิบาลทำหน้าที่ในการบริหารและว่าราชการทั่วไป รวมทั้ง การจัดเก็บภาษีอากรทุกเดือน  ในดุสิตธานีกำหนดให้นับเวลา 1 เดือนเท่ากับ 1 ปีของเวลาปกติ มีการจัดการทำนุบำรุงด้านสุขาภิบาลและการป้องกันโรคภัย จัดการเก็บภาษีที่ดิน และมีสภานคราภิบาล ในดุสิตธานี มีพรรคการเมืองสองพรรค คือ พรรคแพรแถบสีน้ำเงินและพรรคแพรแถบสีแดง เป็นต้น[9] อย่างไรก็ตาม การดำเนินกิจกรรมทั้งหมดดำเนินไปในเมืองจำลองขนาดเล็กที่ชื่อว่าดุสิตธานี อันมีพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ ขุนนาง พระบรมวงศานุวงศ์และมหาดเล็ก แสดงบทบาทสมมุติในดุสิตธานีแห่งนี้

นอกจากนี้ ในดุสิตธานี มีหนังสือพิมพ์ 3 ฉบับคือ ดุสิตสมัย เป็นหนังสือพิมพ์รายวัน ดุสิตสักขี เป็นหนังสือพิมพ์รายวัน  และดุสิตสมิต โดย ท่านราม ณ กรุงเทพฯ หรือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจัดทำเป็นหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ออกทุกวันเสาร์ 

สุดท้ายนี้  การเข้าใจพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯถึงแนวพระราชดำริในการจัดสร้างเมืองขนาดเล็กอันมีนามว่า ดุสิตธานีเพื่อสิ่งใดนั้น อาจเข้าในใจได้จากการเสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดศาลารัฐบาลมณฑลดุสิตธานี เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2462 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯได้ทรงมีพระราชดำรัสว่า

วิธีการดำเนินการในธานีเล็ก ๆ ของเราเป็นเช่นไร ก็ตั้งใจไว้ว่าจะให้ประเทศสยามได้เป็นเช่นเดียวกัน แต่จะให้เป็นการสำเร็จรวดเร็วดังธานีเล็กนี้ ก็ยังทำไปทีเดียวยังไม่ได้ โดยมีอุปสรรคบางอย่าง เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าขอให้ข้าราชการทั้งหลาย ตลอดจนทวยนาคร จงตั้งใจกระทำกิจการของตนตามหน้าที่ให้สมกับธานีซึ่งได้จัดตั้งขึ้นนี้ ในไม่ช้าจะได้แลเห็นผลของประเทศสยามว่าเจริญไปได้เพียงใด ”[10]

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันนี้ ร่องรอยของดุสิตธานี  คงเหลือแต่เพียงอาคารจำลองจำนวนหนึ่งที่ถูกเก็บรักษาไว้ ณ หอวชิราวุธานุสรณ์ หอสมุดแห่งชาติ ท่าวาสุกรี กรุงเทพฯและการตีความสถานะทางความรู้ของดุสิตธานี ขณะนี้มีสองแนวทาง คือ ดุสิตธานี คือ เมืองทดลองประชาธิปไตย และ ดุสิตธานี  คือ การทดลองการปกครองท้องถิ่น ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ  

 

บรรณานุกรม

จมื่นอมรดรุณารักษ์ (แจ่ม สุนทรเวช) เรียบเรียง. ดุสิต ธานีเมืองประชาธิปไตยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว. กรุงเทพฯ: หอสมุดแห่งชาติ, 2513.

นรนิติ เศรษฐบุตร. ดุสิตธานี': การทดลองจัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เมื่อ พ. ศ. 2461'. นนทบุรี :สถาบันพระปกเกล้าฯ, 2550.

วรชาติ มีชูบท. เกร็ดพงศาวดาร รัชกาลที่ 6. กรุงเทพฯ : สร้างสรรค์บุ๊คส์, 2554.

 

อ้างอิง

[1] จมื่นอมรดรุณารักษ์ (แจ่ม สุนทรเวช) เรียบเรียง, ดุสิต ธานีเมืองประชาธิปไตยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว. (กรุงเทพฯ:  หอสมุดแห่งชาติ, 2513), หน้า 322-323.

[2] หลุย คีรีวัต, ประชาธิปไตย 17 ปี , (พระนคร : โอเดียนสโตร์, 2493) ,หน้า 84.

[3] นรนิติ เศรษฐบุตร, ดุสิตธานี: การทดลองจัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เมื่อ พ.ศ.2461,( นนทบุรี :สถาบันพระปกเกล้าฯ, 2550).

[4] วรชาติ มีชูบท, เกร็ดพงศาวดาร รัชกาลที่ 6 (กรุงเทพฯ : สร้างสรรค์บุ๊คส์ , 2554), หน้า  283-284.

[5] วรชาติ มีชูบท, เกร็ดพงศาวดาร รัชกาลที่ 6 (กรุงเทพฯ : สร้างสรรค์บุ๊คส์ , 2554), หน้า  285.

[6] จมื่นอมรดรุณารักษ์ (แจ่ม สุนทรเวช) เรียบเรียง, ดุสิต ธานีเมืองประชาธิปไตยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว. (กรุงเทพฯ:  หอสมุดแห่งชาติ, 2513), หน้า 8.

[7] วรชาติ มีชูบท, เกร็ดพงศาวดาร รัชกาลที่ 6 (กรุงเทพฯ : สร้างสรรค์บุ๊คส์ , 2554), หน้า 291.

[8] โปรดดูเพิ่มใน นรนิติ เศรษฐบุตร, ดุสิตธานี: การทดลองจัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เมื่อ พ.ศ.2461,( นนทบุรี :สถาบันพระปกเกล้าฯ, 2550), หน้า 27-49.

[9] โปรดศึกษาเพิ่มเติมใน จมื่นอมรดรุณารักษ์ (แจ่ม สุนทรเวช) เรียบเรียง, ดุสิตธานีเมืองประชาธิปไตยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว. (กรุงเทพฯ:  หอสมุดแห่งชาติ, 2513).

[10] วรชาติ มีชูบท, เกร็ดพงศาวดาร รัชกาลที่ 6 (กรุงเทพฯ : สร้างสรรค์บุ๊คส์ , 2554), หน้า  299.