ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เสด็จฯ เยือนญี่ปุ่น 3"

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Suksan (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
 
บรรทัดที่ 3: บรรทัดที่ 3:
วัดแห่งนี้ นอกจากจะประดิษฐานพระพุทธรูปอันศักดิ์สิทธิ์อย่างพระไดบุตสุแล้ว ที่นี่ยังมีร่องรอยของสัมพันธไมตรีระหว่างสยามกับญี่ปุ่น ที่ยังคงปรากฏเป็นหลักฐานมาจนถึงทุกวันนี้  
วัดแห่งนี้ นอกจากจะประดิษฐานพระพุทธรูปอันศักดิ์สิทธิ์อย่างพระไดบุตสุแล้ว ที่นี่ยังมีร่องรอยของสัมพันธไมตรีระหว่างสยามกับญี่ปุ่น ที่ยังคงปรากฏเป็นหลักฐานมาจนถึงทุกวันนี้  


วันที่ ๙ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๗๔ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี เสด็จไปยังเมืองคามาคุระโดยรถไฟเพื่อทอดพระเนตรพระพุทธรูปไดบุตสุ ที่วัดโคโตกุอิน วัดแห่งนี้พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เคยเสด็จพระราชดำเนินมาทอดพระเนตร ในวันที่ ๒๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๔๕ เมื่อครั้งที่ยังดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร ทั้งยังทรงปลูกต้นสนไว้เป็นที่ระลึกภายในสวนของวัดอีกด้วย  
วันที่ ๙ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๗๔ [[พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว]] และ[[สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี]] เสด็จไปยังเมืองคามาคุระโดยรถไฟเพื่อทอดพระเนตรพระพุทธรูปไดบุตสุ ที่วัดโคโตกุอิน วัดแห่งนี้[[พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว]] เคยเสด็จพระราชดำเนินมาทอดพระเนตร ในวันที่ ๒๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๔๕ เมื่อครั้งที่ยังดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร ทั้งยังทรงปลูกต้นสนไว้เป็นที่ระลึกภายในสวนของวัดอีกด้วย  


นอกจากจะทอดพระเนตรพระพุทธรูปไดบุตสุและต้นสนที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงปลูกไว้แล้ว พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวก็ได้ทรงปลูกต้นสนไว้อีกต้นหนึ่งในบริเวณเดียวกันเป็นเครื่องยืนยันถึงสัมพันธไมตรีและความศรัทธาในพระพุทธศาสนาที่มั่นคง ยั่งยืนมาตราบจนทุกวันนี้  
นอกจากจะทอดพระเนตรพระพุทธรูปไดบุตสุและต้นสนที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงปลูกไว้แล้ว พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวก็ได้ทรงปลูกต้นสนไว้อีกต้นหนึ่งในบริเวณเดียวกันเป็นเครื่องยืนยันถึงสัมพันธไมตรีและความศรัทธาในพระพุทธศาสนาที่มั่นคง ยั่งยืนมาตราบจนทุกวันนี้  

รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 09:43, 10 กุมภาพันธ์ 2559

สยามและญี่ปุ่น ต่างมีความศรัทธาในพระพุทธศาสนาไม่ต่างกัน ทำให้ญี่ปุ่นยังคงมีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประดิษฐานและเป็นที่สักการะของชาวญี่ปุ่น ดังเช่นพระพุทธรูปไดบุตสุ วัดโคโตกุอิน เมืองคามาคุระ

วัดแห่งนี้ นอกจากจะประดิษฐานพระพุทธรูปอันศักดิ์สิทธิ์อย่างพระไดบุตสุแล้ว ที่นี่ยังมีร่องรอยของสัมพันธไมตรีระหว่างสยามกับญี่ปุ่น ที่ยังคงปรากฏเป็นหลักฐานมาจนถึงทุกวันนี้

วันที่ ๙ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๗๔ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี เสด็จไปยังเมืองคามาคุระโดยรถไฟเพื่อทอดพระเนตรพระพุทธรูปไดบุตสุ ที่วัดโคโตกุอิน วัดแห่งนี้พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เคยเสด็จพระราชดำเนินมาทอดพระเนตร ในวันที่ ๒๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๔๕ เมื่อครั้งที่ยังดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร ทั้งยังทรงปลูกต้นสนไว้เป็นที่ระลึกภายในสวนของวัดอีกด้วย

นอกจากจะทอดพระเนตรพระพุทธรูปไดบุตสุและต้นสนที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงปลูกไว้แล้ว พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวก็ได้ทรงปลูกต้นสนไว้อีกต้นหนึ่งในบริเวณเดียวกันเป็นเครื่องยืนยันถึงสัมพันธไมตรีและความศรัทธาในพระพุทธศาสนาที่มั่นคง ยั่งยืนมาตราบจนทุกวันนี้

ที่มา

บทสารคดี “ปกเกล้าธรรมราชา” สารคดีเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่ในวโรกาสครบ ๑๒๐ ปี แห่งวันพระบรมราชสมภพและเป็นบุคคลสำคัญของโลก โดยองค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ประจำปี ๒๕๕๖