ผลต่างระหว่างรุ่นของ "17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2514"
หน้าที่ถูกสร้างด้วย ''''ผู้เรียบเรียง''' ศาสตราจารย์พิเศษ นรนิติ เศรษฐบุต...' |
ลไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
(ไม่แสดง 1 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้คนเดียวกัน) | |||
บรรทัดที่ 6: | บรรทัดที่ 6: | ||
---- | ---- | ||
วันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2514 เป็นวันที่[[จอมพล ถนอม กิตติขจร]] ซึ่งดำรงตำแหน่ง[[นายกรัฐมนตรี]]และ[[รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม]]และผู้บัญชาการทหารสูงสุดอยู่ก่อนวันยึดอำนาจนำคณะ[[ปฏิวัติ]]เข้ายึดอำนาจการปกครองโดยออกประกาศคณะปฏิวัติ การยึดอำนาจครั้งนี้จึงสะดวกง่ายดาย ถึงขนาดทางกรมประชาสัมพันธ์ที่เป็นหน่วยงานของรัฐได้ออกข่าวบอกประชาชนล่วงหน้าเป็นเวลา 1 ชั่วโมงให้รอฟังข่าวสำคัญ ซึ่งก็คือ “ประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 1” ที่ประกาศว่า | วันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2514 เป็นวันที่[[ถนอม กิตติขจร|จอมพล ถนอม กิตติขจร]] ซึ่งดำรงตำแหน่ง[[นายกรัฐมนตรี]]และ[[รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม]]และผู้บัญชาการทหารสูงสุดอยู่ก่อนวันยึดอำนาจนำคณะ[[ปฏิวัติ]]เข้ายึดอำนาจการปกครองโดยออกประกาศคณะปฏิวัติ การยึดอำนาจครั้งนี้จึงสะดวกง่ายดาย ถึงขนาดทางกรมประชาสัมพันธ์ที่เป็นหน่วยงานของรัฐได้ออกข่าวบอกประชาชนล่วงหน้าเป็นเวลา 1 ชั่วโมงให้รอฟังข่าวสำคัญ ซึ่งก็คือ “ประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 1” ที่ประกาศว่า | ||
“ด้วยว่าคณะปฏิวัติซึ่งประกอบด้วย ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ตำรวจ และพลเรือนได้ทำการยึดอำนาจการปกครองประเทศตั้งแต่เวลา 19.00 น. วันที่ 17 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2514 นี้เป็นต้นไป และสถานการณ์ทั้งหลายอยู่ภายใต้ความควบคุมของคณะปฏิวัติโดยทั่วไปแล้ว...ให้ทุกคนตั้งอยู่ในความสงบ คณะปฏิวัติจะได้ชี้แจงเหตุผลที่จำต้องทำการยึดอำนาจครั้งนี้ต่อไป...” | “ด้วยว่าคณะปฏิวัติซึ่งประกอบด้วย ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ตำรวจ และพลเรือนได้ทำการยึดอำนาจการปกครองประเทศตั้งแต่เวลา 19.00 น. วันที่ 17 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2514 นี้เป็นต้นไป และสถานการณ์ทั้งหลายอยู่ภายใต้ความควบคุมของคณะปฏิวัติโดยทั่วไปแล้ว...ให้ทุกคนตั้งอยู่ในความสงบ คณะปฏิวัติจะได้ชี้แจงเหตุผลที่จำต้องทำการยึดอำนาจครั้งนี้ต่อไป...” | ||
บรรทัดที่ 14: | บรรทัดที่ 14: | ||
ต่อมาคณะปฏิวัติก็ออกประกาศอีกหลายฉบับตามมาในคืนวันที่ 17 ซึ่งประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 3 ก็สั่งให้[[รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2511]] ที่ร่างกันมายาวนานถึง 9 ปีนั้นสิ้นสุดลง ให้[[รัฐสภา]]และ[[คณะรัฐมนตรี]]สิ้นสุดลงพร้อมกับรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2511 ส่วน[[พรรคการเมือง]] เมื่อมีประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 9 จึงได้ยกเลิก[[พระราชบัญญัติ]]พรรคการเมือง และ[[ยุบพรรค]]การเมือง | ต่อมาคณะปฏิวัติก็ออกประกาศอีกหลายฉบับตามมาในคืนวันที่ 17 ซึ่งประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 3 ก็สั่งให้[[รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2511]] ที่ร่างกันมายาวนานถึง 9 ปีนั้นสิ้นสุดลง ให้[[รัฐสภา]]และ[[คณะรัฐมนตรี]]สิ้นสุดลงพร้อมกับรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2511 ส่วน[[พรรคการเมือง]] เมื่อมีประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 9 จึงได้ยกเลิก[[พระราชบัญญัติ]]พรรคการเมือง และ[[ยุบพรรค]]การเมือง | ||
การบริหารบ้านเมืองโดยคณะปฏิวัติผ่านมาจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. | การบริหารบ้านเมืองโดยคณะปฏิวัติผ่านมาจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2514 จึงได้มีประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 34 ตั้งสภาบริหารคณะปฏิวัติขึ้นมา และจอมพลถนอม กิตติขจร ที่เคยเป็นหัวหน้า[[รัฐบาล]] หัวหน้าคณะปฏิวัติก็มาเป็นประธานสภาบริหารคณะปฏิวัติ และมีกรรมการสภาบริหารคณะปฏิวัติอีก 15 คน พอไปดูที่อำนาจหน้าที่ของสภาบริหารคณะปฏิวัติก็จะเห็น เขาต้องการให้มาทำหน้าที่[[คณะรัฐมนตรี]]นั่นเอง เพราะประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 34 ได้สั่งให้ “บรรดาอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายที่บัญญัติให้เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะรัฐมนตรีนั้นให้เป็นอำนาจหน้าที่ของสภาบริหารคณะปฏิวัติ” | ||
จอมพล ถนอม กิตติขจร และคณะได้อาศัยประกาศคณะปฏิวัติของท่านปกครองบ้านเมืองมาจนถึงวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2515 จึงได้ประกาศใช้[[ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พ.ศ. 2515]] และแต่งตั้ง[[สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ]] จัดตั้งรัฐบาลที่มี จอมพลถนอม กิตติขจร เป็นนายกรัฐมนตรี อยู่ต่อมาจนถูก[[ประท้วง]]โดยนิสิต นักศึกษา และประชาชน และเกิดเหตุการณ์ [[14 ตุลาคม พ.ศ. 2516]] จนท่านต้องลาออกและเดินทางไปอยู่ต่างประเทศ | จอมพล ถนอม กิตติขจร และคณะได้อาศัยประกาศคณะปฏิวัติของท่านปกครองบ้านเมืองมาจนถึงวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2515 จึงได้ประกาศใช้[[ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พ.ศ. 2515]] และแต่งตั้ง[[สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ]] จัดตั้งรัฐบาลที่มี จอมพลถนอม กิตติขจร เป็นนายกรัฐมนตรี อยู่ต่อมาจนถูก[[ประท้วง]]โดยนิสิต นักศึกษา และประชาชน และเกิดเหตุการณ์ [[14 ตุลาคม พ.ศ. 2516]] จนท่านต้องลาออกและเดินทางไปอยู่ต่างประเทศ |
รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 15:42, 13 ตุลาคม 2557
ผู้เรียบเรียง ศาสตราจารย์พิเศษ นรนิติ เศรษฐบุตร
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต
วันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2514 เป็นวันที่จอมพล ถนอม กิตติขจร ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและผู้บัญชาการทหารสูงสุดอยู่ก่อนวันยึดอำนาจนำคณะปฏิวัติเข้ายึดอำนาจการปกครองโดยออกประกาศคณะปฏิวัติ การยึดอำนาจครั้งนี้จึงสะดวกง่ายดาย ถึงขนาดทางกรมประชาสัมพันธ์ที่เป็นหน่วยงานของรัฐได้ออกข่าวบอกประชาชนล่วงหน้าเป็นเวลา 1 ชั่วโมงให้รอฟังข่าวสำคัญ ซึ่งก็คือ “ประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 1” ที่ประกาศว่า
“ด้วยว่าคณะปฏิวัติซึ่งประกอบด้วย ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ตำรวจ และพลเรือนได้ทำการยึดอำนาจการปกครองประเทศตั้งแต่เวลา 19.00 น. วันที่ 17 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2514 นี้เป็นต้นไป และสถานการณ์ทั้งหลายอยู่ภายใต้ความควบคุมของคณะปฏิวัติโดยทั่วไปแล้ว...ให้ทุกคนตั้งอยู่ในความสงบ คณะปฏิวัติจะได้ชี้แจงเหตุผลที่จำต้องทำการยึดอำนาจครั้งนี้ต่อไป...”
น่าสังเกตว่าออกประกาศยึดอำนาจแล้ว แต่เหตุผลในการยึดอำนาจก็ยังไม่ยอมชี้แจงในโอกาสแรกของการประกาศเลย เสมือนกับว่าเหตุผลนั่นไม่สำคัญบอกภายหลังก็ได้
ต่อมาคณะปฏิวัติก็ออกประกาศอีกหลายฉบับตามมาในคืนวันที่ 17 ซึ่งประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 3 ก็สั่งให้รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2511 ที่ร่างกันมายาวนานถึง 9 ปีนั้นสิ้นสุดลง ให้รัฐสภาและคณะรัฐมนตรีสิ้นสุดลงพร้อมกับรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2511 ส่วนพรรคการเมือง เมื่อมีประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 9 จึงได้ยกเลิกพระราชบัญญัติพรรคการเมือง และยุบพรรคการเมือง
การบริหารบ้านเมืองโดยคณะปฏิวัติผ่านมาจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2514 จึงได้มีประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 34 ตั้งสภาบริหารคณะปฏิวัติขึ้นมา และจอมพลถนอม กิตติขจร ที่เคยเป็นหัวหน้ารัฐบาล หัวหน้าคณะปฏิวัติก็มาเป็นประธานสภาบริหารคณะปฏิวัติ และมีกรรมการสภาบริหารคณะปฏิวัติอีก 15 คน พอไปดูที่อำนาจหน้าที่ของสภาบริหารคณะปฏิวัติก็จะเห็น เขาต้องการให้มาทำหน้าที่คณะรัฐมนตรีนั่นเอง เพราะประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 34 ได้สั่งให้ “บรรดาอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายที่บัญญัติให้เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะรัฐมนตรีนั้นให้เป็นอำนาจหน้าที่ของสภาบริหารคณะปฏิวัติ”
จอมพล ถนอม กิตติขจร และคณะได้อาศัยประกาศคณะปฏิวัติของท่านปกครองบ้านเมืองมาจนถึงวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2515 จึงได้ประกาศใช้ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พ.ศ. 2515 และแต่งตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ จัดตั้งรัฐบาลที่มี จอมพลถนอม กิตติขจร เป็นนายกรัฐมนตรี อยู่ต่อมาจนถูกประท้วงโดยนิสิต นักศึกษา และประชาชน และเกิดเหตุการณ์ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 จนท่านต้องลาออกและเดินทางไปอยู่ต่างประเทศ