ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ดาราประถมาภรณ์ช้างเผือก"
สร้างหน้าใหม่: '''ผู้เรียบเรียง''' พิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอ... |
ลไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
(ไม่แสดง 1 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้คนเดียวกัน) | |||
บรรทัดที่ 14: | บรรทัดที่ 14: | ||
ดาราประถมาภรณ์ช้างเผือก เป็นเครื่องประดับในเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นที่ 1 เรียกว่า ประถมาภรณ์ช้างเผือก (เดิมเรียกว่า มหาวราภรณ์) เรียกย่อว่า เครื่องราชอิสริยาภรณ์ช้างเผือก เป็นดาราที่ใช้ประดับบนฉลองพระองค์ครุยประถมาภรณ์ช้างเผือกสำหรับฝ่ายหน้า โดยติดไว้ทางเบื้องซ้ายของฉลองพระองค์ครุย | ดาราประถมาภรณ์ช้างเผือก เป็นเครื่องประดับในเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นที่ 1 เรียกว่า ประถมาภรณ์ช้างเผือก (เดิมเรียกว่า มหาวราภรณ์) เรียกย่อว่า เครื่องราชอิสริยาภรณ์ช้างเผือก เป็นดาราที่ใช้ประดับบนฉลองพระองค์ครุยประถมาภรณ์ช้างเผือกสำหรับฝ่ายหน้า โดยติดไว้ทางเบื้องซ้ายของฉลองพระองค์ครุย | ||
[[พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว]]ได้ทรงพระราชดำริสร้างขึ้นเมื่อปีระกา พ.ศ. 2404 จัดเป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์สำหรับบำเหน็จความชอบใน[[ราชการแผ่นดิน]] เดิมทำเป็นรูปช้างสลักบนแผ่นทองคำ มีรูปแบบต่างๆ กัน บางชนิดทำเป็นรูปช้างมีมงกุฎและเครื่องสูงลงยาราชาวดีประดับเพชร บางชนิดก็มีแต่ช้างและมงกุฎไม่มีเครื่องสูง บางชนิดทำเป็นรูปช้างกับธงลงยาบ้าง ไม่ลงยาบ้าง ไม่มีชื่อและชั้นของเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เป็นแต่เรียกกันว่า “เดคอเรแชน” ( Decoration) สำหรับพระราชทานแก่พระบรมวงศ์ศานุวงศ์ ข้าราชการที่เดินทางไปต่างประเทศ หรือทูตต่างประเทศ และชาวต่างประเทศบางคนที่เข้ามาในประเทศไทย | |||
ใน พ.ศ. 2412 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระราชดำริเห็นว่า ตรารูปช้างที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงสร้างไว้นั้น นับได้ว่าเป็นเครื่องราชอิสริยยศอย่างสูง เพราะมีรูปช้างเผือกอันเป็นสัญลักษณ์ของแผ่นดิน และเป็นที่รู้จักของชาวต่างประเทศทั่วไป | ใน พ.ศ. 2412 [[พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว]] ได้ทรงพระราชดำริเห็นว่า ตรารูปช้างที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงสร้างไว้นั้น นับได้ว่าเป็นเครื่องราชอิสริยยศอย่างสูง เพราะมีรูปช้างเผือกอันเป็นสัญลักษณ์ของแผ่นดิน และเป็นที่รู้จักของชาวต่างประเทศทั่วไป สมควรที่จะได้จัดเป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์สำหรับพระราชทานตอบแทน[[พระมหากษัตริย์]]ต่างประเทศหรือพระราชทานแก่ผู้ที่ทำความชอบทางราชการ แต่โดยที่ของเดิมที่สร้างขึ้นไว้นั้น ยังไม่มีชื่อ ชั้น และแพรแถบ จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กำหนดชื่อ ชั้น และแพรแถบขึ้น | ||
ใน พ.ศ. 2484 | ใน พ.ศ. 2484 ในรัชกาล[[พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล]] ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ปรับปรุงแก้ไขชื่อ ชั้น และแพรแถบเสียใหม่ พร้อมทั้งตรา[[พระราชบัญญัติ]] เรียกว่า “พระราชบัญญัติเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก พุทธศักราช 2484” <ref>สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี, เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย, (กรุงเทพฯ : ศิริมิตรการพิมพ์, 2523), หน้า 88-89.</ref> | ||
==อ้างอิง== | ==อ้างอิง== | ||
<references/> | <references/> | ||
[[หมวดหมู่:วัตถุชิ้นเอก]] | [[หมวดหมู่:วัตถุชิ้นเอก]] | ||
[[หมวดหมู่:พิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว]] |
รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 16:38, 6 ตุลาคม 2554
ผู้เรียบเรียง พิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว

ลักษณะ
ผ้าปักดิ้นเงิน ดิ้นทอง และไหม
เส้นผ่าศูนย์กลาง 17.0 เซนติเมตร
รอบนอกปักเป็นกระจังด้วยดิ้นเงินจำนวน 16 แฉก และกระจังปักไหมสีแดงแทรกระหว่างอีก 16 แฉก ถัดเข้ามาเป็นกรอบวงแหวนปักดิ้นเงิน ตรงกลางดวงตราเป็นรูปช้างเผือกยืนบนแท่นดอกบัวบาน อัญเชิญพระมหาพิชัยมงกุฎปักดิ้นทอง ขนาบข้างด้วยฉัตร 7 ชั้น และมีลายกระหนกเปลวแทรกอยู่บนพื้นหลังปักไหมสีฟ้า
ประวัติความเป็นมา
ดาราประถมาภรณ์ช้างเผือก เป็นเครื่องประดับในเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นที่ 1 เรียกว่า ประถมาภรณ์ช้างเผือก (เดิมเรียกว่า มหาวราภรณ์) เรียกย่อว่า เครื่องราชอิสริยาภรณ์ช้างเผือก เป็นดาราที่ใช้ประดับบนฉลองพระองค์ครุยประถมาภรณ์ช้างเผือกสำหรับฝ่ายหน้า โดยติดไว้ทางเบื้องซ้ายของฉลองพระองค์ครุย
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระราชดำริสร้างขึ้นเมื่อปีระกา พ.ศ. 2404 จัดเป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์สำหรับบำเหน็จความชอบในราชการแผ่นดิน เดิมทำเป็นรูปช้างสลักบนแผ่นทองคำ มีรูปแบบต่างๆ กัน บางชนิดทำเป็นรูปช้างมีมงกุฎและเครื่องสูงลงยาราชาวดีประดับเพชร บางชนิดก็มีแต่ช้างและมงกุฎไม่มีเครื่องสูง บางชนิดทำเป็นรูปช้างกับธงลงยาบ้าง ไม่ลงยาบ้าง ไม่มีชื่อและชั้นของเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เป็นแต่เรียกกันว่า “เดคอเรแชน” ( Decoration) สำหรับพระราชทานแก่พระบรมวงศ์ศานุวงศ์ ข้าราชการที่เดินทางไปต่างประเทศ หรือทูตต่างประเทศ และชาวต่างประเทศบางคนที่เข้ามาในประเทศไทย
ใน พ.ศ. 2412 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระราชดำริเห็นว่า ตรารูปช้างที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงสร้างไว้นั้น นับได้ว่าเป็นเครื่องราชอิสริยยศอย่างสูง เพราะมีรูปช้างเผือกอันเป็นสัญลักษณ์ของแผ่นดิน และเป็นที่รู้จักของชาวต่างประเทศทั่วไป สมควรที่จะได้จัดเป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์สำหรับพระราชทานตอบแทนพระมหากษัตริย์ต่างประเทศหรือพระราชทานแก่ผู้ที่ทำความชอบทางราชการ แต่โดยที่ของเดิมที่สร้างขึ้นไว้นั้น ยังไม่มีชื่อ ชั้น และแพรแถบ จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กำหนดชื่อ ชั้น และแพรแถบขึ้น
ใน พ.ศ. 2484 ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ปรับปรุงแก้ไขชื่อ ชั้น และแพรแถบเสียใหม่ พร้อมทั้งตราพระราชบัญญัติ เรียกว่า “พระราชบัญญัติเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก พุทธศักราช 2484” [1]
อ้างอิง
- ↑ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี, เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย, (กรุงเทพฯ : ศิริมิตรการพิมพ์, 2523), หน้า 88-89.