ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สมาชิกพรรคการเมือง"

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
สร้างหน้าใหม่: '''ผู้เรียบเรียง''' นครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ---- '''ผู้ทรงคุณวุฒิป...
 
Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
 
(ไม่แสดง 2 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้คนเดียวกัน)
บรรทัดที่ 1: บรรทัดที่ 1:
'''ผู้เรียบเรียง''' นครินทร์ เมฆไตรรัตน์
'''ผู้เรียบเรียง''' รองศาสตราจารย์ ดร.นครินทร์ เมฆไตรรัตน์


----
----
บรรทัดที่ 9: บรรทัดที่ 9:
== สมาชิกพรรคการเมือง ==
== สมาชิกพรรคการเมือง ==


สมาชิกพรรคการเมือง หมายถึง  บุคคลที่เป็นส่วนหนึ่งของพรรคการเมือง เป็นผู้ที่สมัครใจเข้าร่วมกิจกรรมของพรรคโดยถูกต้องเป็นทางการ  โดยทั่วไปอาจแบ่งได้เป็น 2  กลุ่ม คือ กลุ่มผู้นำหรือผู้บริหารพรรค  และกลุ่มสมาชิกหรือผู้สนับสนุนพรรค  ซึ่งในประเทศประชาธิปไตยจะต้องมีความร่วมมือระหว่างคน 2 กลุ่มนี้เป็นอย่างดี ผู้นำคือผู้สร้างชื่อเสียงหรือสร้างภาพให้แก่พรรค  ในขณะนี้สมาชิกและผู้สนับสนุนจะต้องเข้ามามีส่วนร่วมอย่างจริงจัง  ซึ่งในระบบการเมืองสมัยใหม่กลุ่มสมาชิกและผู้สนับสนุนนี้จะเป็นกลุ่มที่บทบาทอย่างสำคัญในการผลักดันนโยบาย  และเกื้อกูลพรรคการเมืองนั้นๆให้ประสบความสำเร็จได้ในที่สุด   
สมาชิกพรรคการเมือง หมายถึง  บุคคลที่เป็นส่วนหนึ่งของ[[พรรคการเมือง]] เป็นผู้ที่สมัครใจเข้าร่วมกิจกรรมของพรรคโดยถูกต้องเป็นทางการ  โดยทั่วไปอาจแบ่งได้เป็น 2  กลุ่ม คือ กลุ่มผู้นำหรือผู้บริหารพรรค  และกลุ่มสมาชิกหรือผู้สนับสนุนพรรค  ซึ่งในประเทศ[[ประชาธิปไตย]]จะต้องมีความร่วมมือระหว่างคน 2 กลุ่มนี้เป็นอย่างดี ผู้นำคือผู้สร้างชื่อเสียงหรือสร้างภาพให้แก่พรรค  ในขณะนี้สมาชิกและผู้สนับสนุนจะต้องเข้ามามีส่วนร่วมอย่างจริงจัง  ซึ่งในระบบการเมืองสมัยใหม่กลุ่มสมาชิกและผู้สนับสนุนนี้จะเป็นกลุ่มที่บทบาทอย่างสำคัญในการผลักดันนโยบาย  และเกื้อกูลพรรคการเมืองนั้นๆให้ประสบความสำเร็จได้ในที่สุด   
 
อนึ่งในระบบพรรคการเมืองสมัยใหม่ยังอาจแบ่งสมาชิกออกได้เป็น 2 ประเภท คือ สมาชิกที่มีกิจกรรมในพรรคอย่างเข้มแข็ง(active members) กับสมาชิกที่อาจจะมีกิจกรรมกับพรรคน้อย  แต่มีความจงรักภักดีต่อพรรคสูง(royalty members)
อนึ่งในระบบพรรคการเมืองสมัยใหม่ยังอาจแบ่งสมาชิกออกได้เป็น 2 ประเภท คือ สมาชิกที่มีกิจกรรมในพรรคอย่างเข้มแข็ง(active members) กับสมาชิกที่อาจจะมีกิจกรรมกับพรรคน้อย  แต่มีความจงรักภักดีต่อพรรคสูง(royalty members)


บรรทัดที่ 22: บรรทัดที่ 23:
== คุณสมบัติการเป็นสมาชิกพรรคการเมือง ==
== คุณสมบัติการเป็นสมาชิกพรรคการเมือง ==


ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2550 มาตรา 19 กำหนดให้
ตาม[[พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2550]] มาตรา 19 กำหนดให้


(1) เป็นบุคคลธรรมดาผู้มีสัญชาติไทยโดยการเกิดหรือผู้มีสัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาติซึ่งได้สัญชาติไทยมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี
(1) เป็นบุคคลธรรมดาผู้มีสัญชาติไทยโดยการเกิดหรือผู้มีสัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาติซึ่งได้สัญชาติไทยมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี
บรรทัดที่ 28: บรรทัดที่ 29:
(2) มีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์  
(2) มีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์  


(3) ไม่มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ
(3) ไม่มี[[ลักษณะต้องห้าม]]มิให้ใช้สิทธิเลือกตั้งตาม[[รัฐธรรมนูญ]]


(4)  ยื่นใบสมัครด้วยตนเองพร้อมเอกสารประกอบตามที่นายทะเบียนกำหนดต่อพรรคการเมืองที่ผู้นั้นประสงค์จะสมัครเข้าเป็นสมาชิก และให้คำรับรองว่าตนมิได้เป็นสมาชิกของพรรคการเมืองอื่นอยู่ในขณะเดียวกันตามสถานที่ที่พรรคการเมืองกำหนดและให้พรรคการเมืองส่งสำเนาใบสมัครและเอกสารประกอบดังกล่าวให้นายทะเบียน
(4)  ยื่นใบสมัครด้วยตนเองพร้อมเอกสารประกอบตามที่นายทะเบียนกำหนดต่อพรรคการเมืองที่ผู้นั้นประสงค์จะสมัครเข้าเป็นสมาชิก และให้คำรับรองว่าตนมิได้เป็นสมาชิกของพรรคการเมืองอื่นอยู่ในขณะเดียวกันตามสถานที่ที่พรรคการเมืองกำหนดและให้พรรคการเมืองส่งสำเนาใบสมัครและเอกสารประกอบดังกล่าวให้นายทะเบียน
บรรทัดที่ 38: บรรทัดที่ 39:
(1) ตาย
(1) ตาย


(2) ลาออก  โดยให้ถือว่าสมบูรณ์เมื่อได้ยื่นใบลาออกต่อนายทะเบียนสมาชิกพรรคการเมือง
(2) ลาออก  โดยให้ถือว่าสมบูรณ์เมื่อได้ยื่นใบลาออกต่อ[[นายทะเบียนสมาชิกพรรคการเมือง]]


(3) ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ
(3) ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ


(4) พรรคการเมืองมีมติให้ออกตามข้อบังคับพรรคการเมืองเพราะกระทำผิดวินัยหรือจรรยาบรรณอย่างร้ายแรง หรือมีเหตุร้ายแรงอื่น
(4) พรรคการเมืองมีมติให้ออกตามข้อบังคับพรรคการเมืองเพราะกระทำผิดวินัยหรือ[[จรรยาบรรณ]]อย่างร้ายแรง หรือมีเหตุร้ายแรงอื่น


(5) พรรคการเมืองที่ผู้นั้นเป็นสมาชิกสิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมือง เลิกหรือยุบไป โดยให้สมาชิกภาพของผู้นั้นสิ้นสุดลงนับแต่วันถัดจากวันที่ครบ 60 วันนั้น
(5) พรรคการเมืองที่ผู้นั้นเป็นสมาชิกสิ้นสภาพความเป็น[[พรรคการเมือง]] เลิกหรือยุบไป โดยให้สมาชิกภาพของผู้นั้นสิ้นสุดลงนับแต่วันถัดจากวันที่ครบ 60 วันนั้น


(6) เป็นสมาชิกของพรรคการเมืองในขณะเดียวกันเกินกว่าหนึ่งพรรคการเมือง
(6) เป็นสมาชิกของพรรคการเมืองในขณะเดียวกันเกินกว่าหนึ่งพรรคการเมือง
บรรทัดที่ 54: บรรทัดที่ 55:
- ห้ามมิให้พรรคการเมืองรับบุคคลผู้ไม่มีสัญชาติไทยเข้าเป็นสมาชิกหรือดำรงตำแหน่งใด ๆ ในพรรคการเมือง หรือยอมให้กระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อประโยชน์ของพรรคการเมือง หรือร่วมกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งในการดำเนินกิจการของพรรคการเมือง(มาตรา 21)
- ห้ามมิให้พรรคการเมืองรับบุคคลผู้ไม่มีสัญชาติไทยเข้าเป็นสมาชิกหรือดำรงตำแหน่งใด ๆ ในพรรคการเมือง หรือยอมให้กระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อประโยชน์ของพรรคการเมือง หรือร่วมกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งในการดำเนินกิจการของพรรคการเมือง(มาตรา 21)


-ห้ามมิให้สมาชิกที่เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำนอกจากข้าราชการการเมือง พนักงาน เจ้าหน้าที่ หรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่นหรือเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ ดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคการเมือง หรือเจ้าหน้าที่ของพรรคการเมืองหรือตำแหน่งอื่นใดของพรรคการเมือง(มาตรา 21)
-ห้ามมิให้สมาชิกที่เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำนอกจากข้าราชการการเมือง พนักงาน เจ้าหน้าที่ หรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ [[รัฐวิสาหกิจ]] หรือ[[ราชการส่วนท้องถิ่น]]หรือเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ ดำรงตำแหน่ง[[กรรมการบริหารพรรคการเมือง]] หรือเจ้าหน้าที่ของพรรคการเมืองหรือตำแหน่งอื่นใดของพรรคการเมือง(มาตรา 21)


- ห้ามมิให้พรรคการเมืองหรือผู้ใดให้ เสนอให้ หรือสัญญาว่าจะให้เงิน ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อมเพื่อจูงใจให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดสมัครเข้าเป็นสมาชิกของพรรคการเมือง  (มาตรา 22)
- ห้ามมิให้พรรคการเมืองหรือผู้ใดให้ เสนอให้ หรือสัญญาว่าจะให้เงิน ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อมเพื่อจูงใจให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดสมัครเข้าเป็นสมาชิกของพรรคการเมือง  (มาตรา 22)
บรรทัดที่ 68: บรรทัดที่ 69:
พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2550  
พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2550  


ทวี สุรฤทธิกุล และ เสนีย์ คำสุข, “หน่วยที่ 7 โครงสร้างและกลไกของพรรคการเมืองไทยในปัจจุบัน” ในเอกสารการสอนชุดวิชา สถาบันและกระบวนการทางการเมืองไทย หน่วยที่ 1-8.สาขาวิชา
ทวี สุรฤทธิกุล และ เสนีย์ คำสุข, '''“หน่วยที่ 7 โครงสร้างและกลไกของพรรคการเมืองไทยในปัจจุบัน”''' ในเอกสารการสอนชุดวิชา สถาบันและกระบวนการทางการเมืองไทย หน่วยที่ 1-8.สาขาวิชารัฐศาสตร์ : มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช,2548 หน้า 81 – 82 ,86 และ483.
รัฐศาสตร์ : มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช,2548 หน้า 81 – 82 ,86 และ483.


[[หมวดหมู่:ตำแหน่งสำำคัญในพรรคการเมือง]]
[[หมวดหมู่:ตำแหน่งสำคัญในพรรคการเมือง]]
[[หมวดหมู่:รองศาสตราจารย์ ดร.นครินทร์ เมฆไตรรัตน์]]

รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 09:18, 19 สิงหาคม 2556

ผู้เรียบเรียง รองศาสตราจารย์ ดร.นครินทร์ เมฆไตรรัตน์


ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองศาสตราจารย์นรนิติ เศรษฐบุตร และ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต


สมาชิกพรรคการเมือง

สมาชิกพรรคการเมือง หมายถึง บุคคลที่เป็นส่วนหนึ่งของพรรคการเมือง เป็นผู้ที่สมัครใจเข้าร่วมกิจกรรมของพรรคโดยถูกต้องเป็นทางการ โดยทั่วไปอาจแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มผู้นำหรือผู้บริหารพรรค และกลุ่มสมาชิกหรือผู้สนับสนุนพรรค ซึ่งในประเทศประชาธิปไตยจะต้องมีความร่วมมือระหว่างคน 2 กลุ่มนี้เป็นอย่างดี ผู้นำคือผู้สร้างชื่อเสียงหรือสร้างภาพให้แก่พรรค ในขณะนี้สมาชิกและผู้สนับสนุนจะต้องเข้ามามีส่วนร่วมอย่างจริงจัง ซึ่งในระบบการเมืองสมัยใหม่กลุ่มสมาชิกและผู้สนับสนุนนี้จะเป็นกลุ่มที่บทบาทอย่างสำคัญในการผลักดันนโยบาย และเกื้อกูลพรรคการเมืองนั้นๆให้ประสบความสำเร็จได้ในที่สุด

อนึ่งในระบบพรรคการเมืองสมัยใหม่ยังอาจแบ่งสมาชิกออกได้เป็น 2 ประเภท คือ สมาชิกที่มีกิจกรรมในพรรคอย่างเข้มแข็ง(active members) กับสมาชิกที่อาจจะมีกิจกรรมกับพรรคน้อย แต่มีความจงรักภักดีต่อพรรคสูง(royalty members)

การเข้าเป็นสมาชิกพรรคการเมือง

การเป็นสมาชิกพรรคการเมืองนั้น พิจารณาได้เป็น 2 ลักษณะ ได้แก่

(1)การเข้าเป็นสมาชิกอย่างไม่มีเงื่อนไข เป็นการเข้าร่วมพรรคการเมืองอย่างอิสระไม่มีเงื่อนไข ไม่มีระเบียบการใดๆ ทั้งสิ้น การเข้าเป็นสมาชิกพรรคไม่ต้องใช้ระเบียบกฎเกณฑ์ ส่วนการจ่ายค่าสมัครหรือค่าบำรุงพรรคไม่ต้องทำเป็นประจำ แต่อาจทำในบางโอกาส ดังนั้นสมาชิกจึงเป็นลักษณะของผู้เข้าร่วมกิจกรรมของพรรคตามที่พรรคกำหนดให้เท่านั้น

(2)การเข้าเป็นสมาชิกอย่างมีเงื่อนไข เป็นการเข้าเป็นสมาชิกพรรคการเมืองที่ต้องผ่านขั้นตอนต่างๆ ตามเงื่อนไขที่พรรคกำหนด อาทิ การลงนามสมัครเข้าเป็นสมาชิก การจ่ายค่าบำรุงพรรค ตลอดจนการยอมรับเงื่อนไขและระเบียบต่างๆ ของพรรค เช่น เห็นด้วยกับนโยบายหรืออุดมการณ์ที่พรรคได้ประกาศต่อสาธารณะ การยอมปฏิบัติตามกฎข้อบังคับหรือระเบียบต่างๆ ของพรรค เป็นต้น

คุณสมบัติการเป็นสมาชิกพรรคการเมือง

ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2550 มาตรา 19 กำหนดให้

(1) เป็นบุคคลธรรมดาผู้มีสัญชาติไทยโดยการเกิดหรือผู้มีสัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาติซึ่งได้สัญชาติไทยมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี

(2) มีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์

(3) ไม่มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ

(4) ยื่นใบสมัครด้วยตนเองพร้อมเอกสารประกอบตามที่นายทะเบียนกำหนดต่อพรรคการเมืองที่ผู้นั้นประสงค์จะสมัครเข้าเป็นสมาชิก และให้คำรับรองว่าตนมิได้เป็นสมาชิกของพรรคการเมืองอื่นอยู่ในขณะเดียวกันตามสถานที่ที่พรรคการเมืองกำหนดและให้พรรคการเมืองส่งสำเนาใบสมัครและเอกสารประกอบดังกล่าวให้นายทะเบียน

การสิ้นสุดสมาชิกภาพ

ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2550 มาตรา 20 กำหนดให้สมาชิกภาพของสมาชิกสิ้นสุดลง เมื่อ

(1) ตาย

(2) ลาออก โดยให้ถือว่าสมบูรณ์เมื่อได้ยื่นใบลาออกต่อนายทะเบียนสมาชิกพรรคการเมือง

(3) ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ

(4) พรรคการเมืองมีมติให้ออกตามข้อบังคับพรรคการเมืองเพราะกระทำผิดวินัยหรือจรรยาบรรณอย่างร้ายแรง หรือมีเหตุร้ายแรงอื่น

(5) พรรคการเมืองที่ผู้นั้นเป็นสมาชิกสิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมือง เลิกหรือยุบไป โดยให้สมาชิกภาพของผู้นั้นสิ้นสุดลงนับแต่วันถัดจากวันที่ครบ 60 วันนั้น

(6) เป็นสมาชิกของพรรคการเมืองในขณะเดียวกันเกินกว่าหนึ่งพรรคการเมือง

(7) กระทำการอื่นตามที่กำหนดในข้อบังคับพรรคการเมือง

ข้อห้ามเกี่ยวกับการรับสมาชิกพรรคการเมือง

- ห้ามมิให้พรรคการเมืองรับบุคคลผู้ไม่มีสัญชาติไทยเข้าเป็นสมาชิกหรือดำรงตำแหน่งใด ๆ ในพรรคการเมือง หรือยอมให้กระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อประโยชน์ของพรรคการเมือง หรือร่วมกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งในการดำเนินกิจการของพรรคการเมือง(มาตรา 21)

-ห้ามมิให้สมาชิกที่เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำนอกจากข้าราชการการเมือง พนักงาน เจ้าหน้าที่ หรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่นหรือเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ ดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคการเมือง หรือเจ้าหน้าที่ของพรรคการเมืองหรือตำแหน่งอื่นใดของพรรคการเมือง(มาตรา 21)

- ห้ามมิให้พรรคการเมืองหรือผู้ใดให้ เสนอให้ หรือสัญญาว่าจะให้เงิน ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อมเพื่อจูงใจให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดสมัครเข้าเป็นสมาชิกของพรรคการเมือง (มาตรา 22)

- ห้ามมิให้ผู้ใดเรียก รับ หรือยอมจะรับเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้ จากพรรคการเมืองหรือจากผู้ใด เพื่อยอมสมัครเข้าเป็นสมาชิกของพรรคการเมือง (มาตรา 23)

- ห้ามมิให้ผู้ใดเป็นสมาชิกของพรรคการเมืองในขณะเดียวกันเกินหนึ่งพรรคการเมือง (มาตรา 24)

- ภายใน 1 ปีนับแต่วันที่นายทะเบียนรับจดแจ้งการจัดตั้งพรรคการเมืองใด พรรคการเมืองนั้นต้องดำเนินการรับสมัครสมาชิกให้มีจำนวนไม่น้อยกว่า 5,000 คน ซึ่งอย่างน้อย ต้องประกอบด้วยสมาชิกซึ่งมีที่อยู่ในแต่ละภาคตามบัญชีรายชื่อภาค และจังหวัดที่นายทะเบียนประกาศกำหนด และมีสาขาพรรคการเมืองอย่างน้อยภาคละหนึ่งสาขา (มาตรา 26)

ที่มา

พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2550

ทวี สุรฤทธิกุล และ เสนีย์ คำสุข, “หน่วยที่ 7 โครงสร้างและกลไกของพรรคการเมืองไทยในปัจจุบัน” ในเอกสารการสอนชุดวิชา สถาบันและกระบวนการทางการเมืองไทย หน่วยที่ 1-8.สาขาวิชารัฐศาสตร์ : มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช,2548 หน้า 81 – 82 ,86 และ483.