ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ยกมือขึ้นพ้นศีรษะ"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
(ไม่แสดง 8 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้ 2 คน) | |||
บรรทัดที่ 5: | บรรทัดที่ 5: | ||
---- | ---- | ||
การปกครองระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภาของไทย ประกอบด้วย สภาผู้แทนราษฎร (House of Representatives) และ[[วุฒิสภา]] (House of Senate) ทำหน้าที่ใน[[กระบวนการตรากฎหมาย|การตรากฎหมาย]] ควบคุม[[การบริหารราชการแผ่นดิน]] ตลอดจนเห็นชอบและไม่เห็นชอบในเรื่องสำคัญเกี่ยวกับผลประโยชน์ของประเทศ โดยมีตัวแทนของทั้งสองสภา ทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ให้ดำเนินการในลักษณะ[[การประชุมสภา]] ด้วยการอภิปรายแสดงความคิดเห็นเรื่องต่าง ๆ ในที่ประชุม เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย และวัตถุประสงค์อันเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติและประชาชน ซึ่งในการประชุมสภาแต่ละครั้งย่อมมีการแสดงความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ อย่างหลากหลาย จึงจำเป็นต้องมีการกำหนดกฎเกณฑ์ หรือระเบียบปฏิบัติเพื่อให้การแสดงความคิดเห็น อภิปราย | การปกครองระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภาของไทย ประกอบด้วย [[สภาผู้แทนราษฎร]] (House of Representatives) และ[[วุฒิสภา]] (House of Senate) ทำหน้าที่ใน[[กระบวนการตรากฎหมาย|การตรากฎหมาย]] ควบคุม[[การบริหารราชการแผ่นดิน]] ตลอดจนเห็นชอบและไม่เห็นชอบในเรื่องสำคัญเกี่ยวกับผลประโยชน์ของประเทศ โดยมีตัวแทนของทั้งสองสภา ทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ให้ดำเนินการในลักษณะ[[การประชุมสภา]] ด้วยการอภิปรายแสดงความคิดเห็นเรื่องต่าง ๆ ในที่ประชุม เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย และวัตถุประสงค์อันเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติและประชาชน ซึ่งในการประชุมสภาแต่ละครั้งย่อมมีการแสดงความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ อย่างหลากหลาย จึงจำเป็นต้องมีการกำหนดกฎเกณฑ์ หรือระเบียบปฏิบัติเพื่อให้การแสดงความคิดเห็น อภิปราย หรือการ[[ประท้วง]]ในที่ประชุมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย | ||
==ยกมือขึ้นพ้นศีรษะ== | ==ยกมือขึ้นพ้นศีรษะ== | ||
ยกมือขึ้นพ้นศีรษะ<ref>คณิน บุญสุวรรณ, '''“ปทานุกรมศัพท์รัฐสภาและการเมืองไทย.”,''' กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์สุขภาพใจ, 2548, หน้า 308-309.</ref> หมายถึง | '''ยกมือขึ้นพ้นศีรษะ'''<ref>คณิน บุญสุวรรณ, '''“ปทานุกรมศัพท์รัฐสภาและการเมืองไทย.”,''' กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์สุขภาพใจ, 2548, หน้า 308-309.</ref> หมายถึง การแสดงความประสงค์ที่จะขอ[[อภิปราย]]หรือ[[ประท้วง]]หรือขอ[[ใช้สิทธิพาดพิง]]ใน[[ที่ประชุมสภาของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร]] และสมาชิกวุฒิสภา เมื่อสมาชิกผู้ใดยกมือขึ้นพ้นศีรษะเพื่อขออภิปรายก็ดี หรือเพื่อประท้วงก็ดี ต้องได้รับอนุญาตจากประธานในที่ประชุมสภาเสียก่อน จึงจะสามารถลุกขึ้นอภิปราย หรือกระทำการประท้วงในเรื่องใดได้ อย่างไรก็ดี [[การประชุมสภา]]เกือบทุกครั้งที่ผ่านมา พฤติกรรมที่แสดงออกให้เห็นกันบ่อย ๆ คือ ทันทีที่ยกมือก็ลุกขึ้นอภิปรายหรือทำการประท้วงเลย โดยไม่รอให้ประธานอนุญาต สมาชิกบางคนลุกขึ้นประท้วง ทั้ง ๆ ที่สมาชิกคนอื่นยังอภิปรายไม่จบ บางคนก็ลุกขึ้นประท้วงซ้อนประท้วง ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม เพราะนอกจากจะไม่เคารพผู้เป็นประธาน ไม่เคารพที่ประชุมแล้ว ยังเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับการประชุมอีกด้วย | ||
==ข้อบังคับการประชุมที่กำหนดเกี่ยวกับเรื่องยกมือขึ้นพ้นศีรษะ== | ==ข้อบังคับการประชุมที่กำหนดเกี่ยวกับเรื่องยกมือขึ้นพ้นศีรษะ== | ||
ข้อบังคับการประชุมทุกฉบับได้กำหนดกฎ หรือระเบียบใช้บังคับการประชุมดำเนินไปด้วยความสงบและเรียบร้อย ซึ่งการกำหนดเกี่ยวกับการยกมือขึ้นพ้นศีรษะนั้น ใช้ในกรณีมีผู้อภิปราย การประท้วง และการลงมติ | ข้อบังคับการประชุมทุกฉบับได้กำหนดกฎ หรือระเบียบใช้บังคับการประชุมดำเนินไปด้วยความสงบและเรียบร้อย ซึ่งการกำหนดเกี่ยวกับการยกมือขึ้นพ้นศีรษะนั้น ใช้ในกรณีมีผู้อภิปราย การประท้วง และการลงมติ โดยใน[[ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร]] พ.ศ. 2540 และข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2551 ให้การยกมือขึ้นพ้นศีรษะใช้ในกรณีการลงมติด้วย ส่วนข้อบังคับการประชุม[[สภานิติบัญญัติแห่งชาติ]] พ.ศ. 2549 และ[[ข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา]] พ.ศ. 2551 ได้มีกำหนดการยกมือขึ้นพ้นศีรษะใช้สำหรับกรณีการลงมติโดยเปิดเผย ดังตัวอย่างของข้อบังคับการประชุมฯ ดังนี้ | ||
'''ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2544''' ข้อ 20<ref>สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, '''“ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2544.”,''' กรุงเทพฯ : สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2546, หน้า 10.</ref> กำหนดว่า ผู้ใดประสงค์จะกล่าวถ้อยคำต่อที่ประชุม ให้ยกมือขึ้นพ้นศีรษะ เมื่อประธานของที่ประชุมอนุญาตแล้ว จึงยืนขึ้นกล่าวได้ และต้องเป็นคำกล่าวกับประธานเท่านั้น | '''ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2544''' ข้อ 20<ref>สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, '''“ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2544.”,''' กรุงเทพฯ : สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2546, หน้า 10.</ref> กำหนดว่า ผู้ใดประสงค์จะกล่าวถ้อยคำต่อที่ประชุม ให้ยกมือขึ้นพ้นศีรษะ เมื่อประธานของที่ประชุมอนุญาตแล้ว จึงยืนขึ้นกล่าวได้ และต้องเป็นคำกล่าวกับประธานเท่านั้น | ||
ข้อ 63<ref>เรื่องเดียวกัน หน้า 18.</ref> | ข้อ 63<ref>เรื่องเดียวกัน หน้า 18.</ref> สมาชิกผู้ใดต้องการ[[ประท้วง]]ว่ามีการฝ่าฝืนข้อบังคับ ให้ยืนและยกมือขึ้นพ้นศีรษะ ประธานต้องให้โอกาสผู้นั้นชี้แจง แล้วให้ประธานวินิจฉัยว่าได้มีการฝ่าฝืนข้อบังคับตามที่ประท้วงหรือไม่ คำวินิจฉัยของประธานถือเป็นเด็ดขาด | ||
'''ข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. 2544''' ข้อ 22<ref>สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, '''“ข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. 2544.”,''' กรุงเทพฯ : สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2546, หน้า 77.</ref> ผู้ใดประสงค์จะกล่าวถ้อยคำ ที่ประชุมวุฒิสภาให้ยกมือขึ้นพ้นศีรษะ เมื่อประธานของที่ประชุมอนุญาตแล้วจึงยืนขึ้นกล่าวได้ และต้องเป็นคำกล่าวกับประธานของที่ประชุม | '''ข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. 2544''' ข้อ 22<ref>สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, '''“ข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. 2544.”,''' กรุงเทพฯ : สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2546, หน้า 77.</ref> ผู้ใดประสงค์จะกล่าวถ้อยคำ ที่ประชุมวุฒิสภาให้ยกมือขึ้นพ้นศีรษะ เมื่อประธานของที่ประชุมอนุญาตแล้วจึงยืนขึ้นกล่าวได้ และต้องเป็นคำกล่าวกับประธานของที่ประชุม | ||
บรรทัดที่ 27: | บรรทัดที่ 27: | ||
ข้อ 65<ref>เรื่องเดียวกัน หน้า 88.</ref> การออกเสียงลงคะแนนโดยเปิดเผยมีวิธีปฏิบัติดังต่อไปนี้ | ข้อ 65<ref>เรื่องเดียวกัน หน้า 88.</ref> การออกเสียงลงคะแนนโดยเปิดเผยมีวิธีปฏิบัติดังต่อไปนี้ | ||
(1) | (1) ใช้เครื่องออกเสียงลงคะแนนตามที่[[ประธานวุฒิสภา]]กำหนด | ||
(2) ยกมือขึ้นพ้นศีรษะพร้อมกับแสดงบัตรลงคะแนน ผู้เห็นด้วยให้แสดงบัตรลงคะแนนสีน้ำเงิน ผู้ไม่เห็นด้วยให้แสดงบัตรลงคะแนนสีแดง ส่วนผู้ไม่ออกเสียงให้แสดงบัตรลงคะแนนสีขาว โดยบัตรลงคะแนนดังกล่าวให้สมาชิกลงลายมือชื่อและหมายเลขประจำตัวสมาชิกกำกับไว้ | (2) ยกมือขึ้นพ้นศีรษะพร้อมกับแสดงบัตรลงคะแนน ผู้เห็นด้วยให้แสดงบัตรลงคะแนนสีน้ำเงิน ผู้ไม่เห็นด้วยให้แสดงบัตรลงคะแนนสีแดง ส่วนผู้ไม่ออกเสียงให้แสดงบัตรลงคะแนนสีขาว โดยบัตรลงคะแนนดังกล่าวให้สมาชิกลงลายมือชื่อและหมายเลขประจำตัวสมาชิกกำกับไว้ | ||
บรรทัดที่ 35: | บรรทัดที่ 35: | ||
(4) วิธีอื่นใดซึ่งที่ประชุมวุฒิสภาเห็นสมควรเฉพาะกรณี | (4) วิธีอื่นใดซึ่งที่ประชุมวุฒิสภาเห็นสมควรเฉพาะกรณี | ||
การ[[ออกเสียงลงคะแนน]]เปิดเผยนั้นให้ใช้วิธีตาม (1) จะใช้วิธีตาม (2) (3) หรือ (4) ได้ | การ[[ออกเสียงลงคะแนน]]เปิดเผยนั้นให้ใช้วิธีตาม (1) จะใช้วิธีตาม (2) (3) หรือ (4) ได้ ต่อเมื่อสมาชิกเสนอ[[ญัตติ]]และที่ประชุมวุฒิสภาอนุมัติหรือเมื่อมีการนับคะแนนเสียงใหม่ตามข้อ 72 | ||
การออกเสียงลงคะแนนเปิดเผยตาม (1) ให้ใช้เครื่องออกเสียงลงคะแนนได้จนกว่าประธานของที่ประชุมจะได้สั่งปิดการออกเสียงลงคะแนน | การออกเสียงลงคะแนนเปิดเผยตาม (1) ให้ใช้เครื่องออกเสียงลงคะแนนได้จนกว่าประธานของที่ประชุมจะได้สั่งปิดการออกเสียงลงคะแนน | ||
บรรทัดที่ 43: | บรรทัดที่ 43: | ||
'''ข้อบังคับการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พ.ศ. 2549''' ข้อ 22<reF>สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, '''“ข้อบังคับการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พ.ศ. 2549.”,''' กรุงเทพฯ : สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2549, หน้า 15.</ref> กล่าวว่า ผู้ใดประสงค์จะกล่าวถ้อยคำต่อที่ประชุมสภา ให้ยกมือขึ้นพ้นศีรษะ เมื่อประธานอนุญาตแล้วจึงยืนขึ้นกล่าวได้และต้องเป็นคำกล่าวกับประธาน | '''ข้อบังคับการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พ.ศ. 2549''' ข้อ 22<reF>สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, '''“ข้อบังคับการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พ.ศ. 2549.”,''' กรุงเทพฯ : สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2549, หน้า 15.</ref> กล่าวว่า ผู้ใดประสงค์จะกล่าวถ้อยคำต่อที่ประชุมสภา ให้ยกมือขึ้นพ้นศีรษะ เมื่อประธานอนุญาตแล้วจึงยืนขึ้นกล่าวได้และต้องเป็นคำกล่าวกับประธาน | ||
ข้อ 53<ref>เรื่องเดียวกัน หน้า 23.</ref> | ข้อ 53<ref>เรื่องเดียวกัน หน้า 23.</ref> สมาชิกผู้ใดเห็นว่ามี[[การฝ่าฝืนข้อบังคับ]]และประสงค์จะประท้วง ให้ยืนและยกมือขึ้นพ้นศีรษะ ประธานจะต้องให้โอกาสผู้นั้นชี้แจง แล้วให้ประธานวินิจฉัยว่าได้มีการฝ่าฝืนข้อบังคับตามที่ประท้วงหรือไม่ คำวินิจฉัยของประธานดังกล่าวให้ถือเป็นเด็ดขาด | ||
และข้อ 63<ref>เรื่องเดียวกัน หน้า 26.</ref> | และข้อ 63<ref>เรื่องเดียวกัน หน้า 26.</ref> [[การออกเสียงลงคะแนนเปิดเผย]]มีวิธีปฏิบัติดังต่อไปนี้ | ||
(1) | (1) ใช้[[เครื่องออกเสียงลงคะแนน]]ตามที่ประธานสภากำหนด | ||
(2) | (2) ยกมือขึ้นพ้นศีรษะพร้อมกับแสดง[[บัตรลงคะแนน]] ผู้เห็นด้วยให้แสดงบัตรลงคะแนนสีน้ำเงิน ผู้ไม่เห็นด้วยให้แสดงบัตรลงคะแนนสีแดง ส่วนผู้ไม่ออกเสียงให้แสดงบัตรลงคะแนนสีขาว โดยบัตรลงคะแนนดังกล่าวให้สมาชิกลงลายมือชื่อและหมายเลขประจำตัวสมาชิกกำกับไว้ด้วย | ||
(3) เรียกชื่อสมาชิกตามลำดับอักษรให้ออกเสียงลงคะแนนเป็นรายคน ตามวิธีที่ประธานกำหนด | (3) เรียกชื่อสมาชิกตามลำดับอักษรให้ออกเสียงลงคะแนนเป็นรายคน ตามวิธีที่ประธานกำหนด | ||
บรรทัดที่ 71: | บรรทัดที่ 71: | ||
และข้อ 67<ref>เรื่องเดียวกัน หน้า 97.</ref> การออกเสียงลงคะแนนเปิดเผยวิธีปฏิบัติดังต่อไปนี้ | และข้อ 67<ref>เรื่องเดียวกัน หน้า 97.</ref> การออกเสียงลงคะแนนเปิดเผยวิธีปฏิบัติดังต่อไปนี้ | ||
(1) | (1) ใช้เครื่องออกเสียงลงคะแนนตามที่[[ประธานวุฒิสภา]]กำหนด | ||
(2) ยกมือขึ้นพ้นศีรษะพร้อมกับแสดงบัตรลงคะแนน ผู้เห็นด้วยให้แสดงบัตรลงคะแนนสีน้ำเงิน ผู้ไม่เห็นด้วยให้แสดงบัตรลงคะแนนสีแดง ส่วนผู้ไม่ออกเสียงให้แสดงบัตรลงคะแนนสีขาว โดยบัตรลงคะแนนดังกล่าว ให้สมาชิกลงลายมือชื่อและหมายเลขประจำตัวสมาชิกกำกับไว้ด้วย | (2) ยกมือขึ้นพ้นศีรษะพร้อมกับแสดงบัตรลงคะแนน ผู้เห็นด้วยให้แสดงบัตรลงคะแนนสีน้ำเงิน ผู้ไม่เห็นด้วยให้แสดงบัตรลงคะแนนสีแดง ส่วนผู้ไม่ออกเสียงให้แสดงบัตรลงคะแนนสีขาว โดยบัตรลงคะแนนดังกล่าว ให้สมาชิกลงลายมือชื่อและหมายเลขประจำตัวสมาชิกกำกับไว้ด้วย | ||
บรรทัดที่ 79: | บรรทัดที่ 79: | ||
(4) วิธีอื่นซึ่งที่ประชุมวุฒิสภาเห็นสมควรเฉพาะกรณี | (4) วิธีอื่นซึ่งที่ประชุมวุฒิสภาเห็นสมควรเฉพาะกรณี | ||
การออกเสียงลงคะแนนเปิดเผยนั้น ให้ใช้วิธีตาม (1) จะใช้วิธีตาม (2) (3) หรือ (4) | การออกเสียงลงคะแนนเปิดเผยนั้น ให้ใช้วิธีตาม (1) จะใช้วิธีตาม (2) (3) หรือ (4) ได้ต่อเมื่อสมาชิกเสนอ[[ญัตติ]] และที่ประชุมวุฒิสภาอนุมัติ หรือเมื่อมีการนับคะแนนเสียงใหม่ตามข้อ 74 | ||
การออกเสียงลงคะแนนตาม (1) ให้ใช้เครื่องออกเสียงลงคะแนนได้ จนกว่าประธานของที่ประชุมจะได้สั่งปิดการออกเสียงลงคะแนน | การออกเสียงลงคะแนนตาม (1) ให้ใช้เครื่องออกเสียงลงคะแนนได้ จนกว่าประธานของที่ประชุมจะได้สั่งปิดการออกเสียงลงคะแนน | ||
บรรทัดที่ 85: | บรรทัดที่ 85: | ||
การออกเสียงลงคะแนนเผิดเผยตาม (2) ให้ประธานของที่ประชุมสั่งให้เจ้าหน้าที่ไปรับบัตรลงคะแนนจากสมาชิกมาเพื่อดำเนินการตรวจนับคะแนนต่อไป | การออกเสียงลงคะแนนเผิดเผยตาม (2) ให้ประธานของที่ประชุมสั่งให้เจ้าหน้าที่ไปรับบัตรลงคะแนนจากสมาชิกมาเพื่อดำเนินการตรวจนับคะแนนต่อไป | ||
ใน[[การประชุมสภา]] จำเป็นต้องมีข้อบังคับการประชุมเป็นเครื่องมือใช้บังคับและควบคุมการดำเนินงานของรัฐสภาให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ยกตัวอย่างในการประชุมสภา | ใน[[การประชุมสภา]] จำเป็นต้องมีข้อบังคับการประชุมเป็นเครื่องมือใช้บังคับและควบคุมการดำเนินงานของรัฐสภาให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ยกตัวอย่างในการประชุมสภา โดยเฉพาะการอภิปรายไม่ไว้วางใจ[[รัฐมนตรี]] การแปรญัตติ ร่างกฎหมายต่าง ๆ ย่อมมีสมาชิกรัฐสภาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก ดังนั้น ประธานของที่ประชุมจะต้องพิจารณาวินิจฉัยว่ามีสมาชิกท่านใดประสงค์จะอภิปรายหรือประท้วง ตามลำดับ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาความวุ่นวายในการประชุม ซึ่งการยกมือขึ้นพ้นศีรษะเป็นการแสดงความประสงค์ที่จะขออภิปราย การ[[ประท้วง]] และการลงมติในที่ประชุมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา | ||
==อ้างอิง== | ==อ้างอิง== | ||
บรรทัดที่ 115: | บรรทัดที่ 115: | ||
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, (2551) '''“ข้อบังคับการประชุม.”,''' กรุงเทพฯ : สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. | สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, (2551) '''“ข้อบังคับการประชุม.”,''' กรุงเทพฯ : สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. | ||
[[หมวดหมู่: กิจกรรมที่เกี่ยวกับกระบวนการทางนิติบัญญัติ]] | |||
[[ |
รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 17:28, 6 กันยายน 2553
ผู้เรียบเรียง นารีลักษณ์ ศิริวรรณ
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จเร พันธุ์เปรื่อง
การปกครองระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภาของไทย ประกอบด้วย สภาผู้แทนราษฎร (House of Representatives) และวุฒิสภา (House of Senate) ทำหน้าที่ในการตรากฎหมาย ควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน ตลอดจนเห็นชอบและไม่เห็นชอบในเรื่องสำคัญเกี่ยวกับผลประโยชน์ของประเทศ โดยมีตัวแทนของทั้งสองสภา ทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ให้ดำเนินการในลักษณะการประชุมสภา ด้วยการอภิปรายแสดงความคิดเห็นเรื่องต่าง ๆ ในที่ประชุม เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย และวัตถุประสงค์อันเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติและประชาชน ซึ่งในการประชุมสภาแต่ละครั้งย่อมมีการแสดงความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ อย่างหลากหลาย จึงจำเป็นต้องมีการกำหนดกฎเกณฑ์ หรือระเบียบปฏิบัติเพื่อให้การแสดงความคิดเห็น อภิปราย หรือการประท้วงในที่ประชุมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
ยกมือขึ้นพ้นศีรษะ
ยกมือขึ้นพ้นศีรษะ[1] หมายถึง การแสดงความประสงค์ที่จะขออภิปรายหรือประท้วงหรือขอใช้สิทธิพาดพิงในที่ประชุมสภาของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา เมื่อสมาชิกผู้ใดยกมือขึ้นพ้นศีรษะเพื่อขออภิปรายก็ดี หรือเพื่อประท้วงก็ดี ต้องได้รับอนุญาตจากประธานในที่ประชุมสภาเสียก่อน จึงจะสามารถลุกขึ้นอภิปราย หรือกระทำการประท้วงในเรื่องใดได้ อย่างไรก็ดี การประชุมสภาเกือบทุกครั้งที่ผ่านมา พฤติกรรมที่แสดงออกให้เห็นกันบ่อย ๆ คือ ทันทีที่ยกมือก็ลุกขึ้นอภิปรายหรือทำการประท้วงเลย โดยไม่รอให้ประธานอนุญาต สมาชิกบางคนลุกขึ้นประท้วง ทั้ง ๆ ที่สมาชิกคนอื่นยังอภิปรายไม่จบ บางคนก็ลุกขึ้นประท้วงซ้อนประท้วง ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม เพราะนอกจากจะไม่เคารพผู้เป็นประธาน ไม่เคารพที่ประชุมแล้ว ยังเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับการประชุมอีกด้วย
ข้อบังคับการประชุมที่กำหนดเกี่ยวกับเรื่องยกมือขึ้นพ้นศีรษะ
ข้อบังคับการประชุมทุกฉบับได้กำหนดกฎ หรือระเบียบใช้บังคับการประชุมดำเนินไปด้วยความสงบและเรียบร้อย ซึ่งการกำหนดเกี่ยวกับการยกมือขึ้นพ้นศีรษะนั้น ใช้ในกรณีมีผู้อภิปราย การประท้วง และการลงมติ โดยในข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2540 และข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2551 ให้การยกมือขึ้นพ้นศีรษะใช้ในกรณีการลงมติด้วย ส่วนข้อบังคับการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พ.ศ. 2549 และข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. 2551 ได้มีกำหนดการยกมือขึ้นพ้นศีรษะใช้สำหรับกรณีการลงมติโดยเปิดเผย ดังตัวอย่างของข้อบังคับการประชุมฯ ดังนี้
ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2544 ข้อ 20[2] กำหนดว่า ผู้ใดประสงค์จะกล่าวถ้อยคำต่อที่ประชุม ให้ยกมือขึ้นพ้นศีรษะ เมื่อประธานของที่ประชุมอนุญาตแล้ว จึงยืนขึ้นกล่าวได้ และต้องเป็นคำกล่าวกับประธานเท่านั้น
ข้อ 63[3] สมาชิกผู้ใดต้องการประท้วงว่ามีการฝ่าฝืนข้อบังคับ ให้ยืนและยกมือขึ้นพ้นศีรษะ ประธานต้องให้โอกาสผู้นั้นชี้แจง แล้วให้ประธานวินิจฉัยว่าได้มีการฝ่าฝืนข้อบังคับตามที่ประท้วงหรือไม่ คำวินิจฉัยของประธานถือเป็นเด็ดขาด
ข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. 2544 ข้อ 22[4] ผู้ใดประสงค์จะกล่าวถ้อยคำ ที่ประชุมวุฒิสภาให้ยกมือขึ้นพ้นศีรษะ เมื่อประธานของที่ประชุมอนุญาตแล้วจึงยืนขึ้นกล่าวได้ และต้องเป็นคำกล่าวกับประธานของที่ประชุม
ข้อ 55[5] สมาชิกผู้ใดเห็นว่ามีการฝ่าฝืนข้อบังคับและประสงค์จะประท้วง ให้ยืนและยกมือขึ้นพ้นศีรษะ ประธานของที่ประชุมจะต้องให้โอกาสผู้นั้นชี้แจง แล้วให้ประธานของที่ประชุมวินิจฉัยว่าได้มีการฝ่าฝืนข้อบังคับตามที่ประท้วงนั้นหรือไม่ คำวินิจฉัยของประธานของที่ประชุมดังกล่าวให้ถือเป็นเด็ดขาด
ให้นำความตามวรรคหนึ่งมาใช้บังคับโดยอนุโลมแก่ผู้ถูกอภิปรายพาดพิงถึงเรื่องส่วนตัว หรือเรื่องอื่นใดอันเป็นที่เสียหายแก่ผู้นั้น และเมื่อประธานของที่ประชุมวินิจฉัยว่าการอภิปรายนั้นเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับ ผู้อภิปรายต้องถอนคำพูดตามคำสั่งของประธานของที่ประชุม
ข้อ 65[6] การออกเสียงลงคะแนนโดยเปิดเผยมีวิธีปฏิบัติดังต่อไปนี้
(1) ใช้เครื่องออกเสียงลงคะแนนตามที่ประธานวุฒิสภากำหนด
(2) ยกมือขึ้นพ้นศีรษะพร้อมกับแสดงบัตรลงคะแนน ผู้เห็นด้วยให้แสดงบัตรลงคะแนนสีน้ำเงิน ผู้ไม่เห็นด้วยให้แสดงบัตรลงคะแนนสีแดง ส่วนผู้ไม่ออกเสียงให้แสดงบัตรลงคะแนนสีขาว โดยบัตรลงคะแนนดังกล่าวให้สมาชิกลงลายมือชื่อและหมายเลขประจำตัวสมาชิกกำกับไว้
(3) เรียกชื่อสมาชิกตามลำดับอักษรให้ออกเสียงลงคะแนนเป็นรายคน ตามวิธีที่ประธานของที่ประชุมกำหนด
(4) วิธีอื่นใดซึ่งที่ประชุมวุฒิสภาเห็นสมควรเฉพาะกรณี
การออกเสียงลงคะแนนเปิดเผยนั้นให้ใช้วิธีตาม (1) จะใช้วิธีตาม (2) (3) หรือ (4) ได้ ต่อเมื่อสมาชิกเสนอญัตติและที่ประชุมวุฒิสภาอนุมัติหรือเมื่อมีการนับคะแนนเสียงใหม่ตามข้อ 72
การออกเสียงลงคะแนนเปิดเผยตาม (1) ให้ใช้เครื่องออกเสียงลงคะแนนได้จนกว่าประธานของที่ประชุมจะได้สั่งปิดการออกเสียงลงคะแนน
การออกเสียงลงคะแนนเปิดเผยตาม (2) ให้ประธานของที่ประชุมสั่งให้เจ้าหน้าที่ไปรับบัตรลงคะแนนจากสมาชิกเพื่อดำเนินการตรวจนับคะแนนต่อไป
ข้อบังคับการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พ.ศ. 2549 ข้อ 22[7] กล่าวว่า ผู้ใดประสงค์จะกล่าวถ้อยคำต่อที่ประชุมสภา ให้ยกมือขึ้นพ้นศีรษะ เมื่อประธานอนุญาตแล้วจึงยืนขึ้นกล่าวได้และต้องเป็นคำกล่าวกับประธาน
ข้อ 53[8] สมาชิกผู้ใดเห็นว่ามีการฝ่าฝืนข้อบังคับและประสงค์จะประท้วง ให้ยืนและยกมือขึ้นพ้นศีรษะ ประธานจะต้องให้โอกาสผู้นั้นชี้แจง แล้วให้ประธานวินิจฉัยว่าได้มีการฝ่าฝืนข้อบังคับตามที่ประท้วงหรือไม่ คำวินิจฉัยของประธานดังกล่าวให้ถือเป็นเด็ดขาด
และข้อ 63[9] การออกเสียงลงคะแนนเปิดเผยมีวิธีปฏิบัติดังต่อไปนี้
(1) ใช้เครื่องออกเสียงลงคะแนนตามที่ประธานสภากำหนด
(2) ยกมือขึ้นพ้นศีรษะพร้อมกับแสดงบัตรลงคะแนน ผู้เห็นด้วยให้แสดงบัตรลงคะแนนสีน้ำเงิน ผู้ไม่เห็นด้วยให้แสดงบัตรลงคะแนนสีแดง ส่วนผู้ไม่ออกเสียงให้แสดงบัตรลงคะแนนสีขาว โดยบัตรลงคะแนนดังกล่าวให้สมาชิกลงลายมือชื่อและหมายเลขประจำตัวสมาชิกกำกับไว้ด้วย
(3) เรียกชื่อสมาชิกตามลำดับอักษรให้ออกเสียงลงคะแนนเป็นรายคน ตามวิธีที่ประธานกำหนด
(4) วิธีอื่นใดซึ่งที่ประชุมวุฒิสภาเห็นสมควรเฉพาะกรณี
การออกเสียงลงคะแนนเปิดเผยนั้นให้ใช้วิธีตาม (1) ให้ใช้เครื่องออกเสียงลงคะแนนได้จนกว่าประธานจะได้สั่งปิดการออกเสียงลงคะแนน
การออกเสียงลงคะแนนเปิดเผยตาม (2) ให้ประธานสั่งให้เจ้าหน้าที่ไปรับบัตรลงคะแนนจากสมาชิกเพื่อดำเนินการตรวจนับคะแนนต่อไป
ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2551 ข้อ 22[10] กำหนดว่า ผู้ใดประสงค์จะกล่าวถ้อยคำต่อที่ประชุม ให้ยกมือขึ้นพ้นศีรษะ เมื่อประธานอนุญาตแล้ว จึงยืนขึ้นกล่าวได้ และต้องเป็นคำกล่าวกับประธานเท่านั้น
ข้อ 63[11] สมาชิกผู้ใดต้องการประท้วงว่ามีการฝ่าฝืนข้อบังคับให้ยืนและยกมือขึ้นพ้นศีรษะ ประธานต้องให้โอกาสผู้นั้นชี้แจง แล้วให้ประธานวินิจฉัยว่าได้มีการฝ่าฝืนข้อบังคับตามที่ประท้วงหรือไม่ คำวินิจฉัยของประธานถือเป็นเด็ดขาด
ข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. 2551 ข้อ 23[12] กำหนดว่า ผู้ใดประสงค์จะกล่าวถ้อยคำต่อที่ประชุมวุฒิสภา ให้ยกมือขึ้นพ้นศีรษะ เมื่อประธานของที่ประชุมอนุญาตแล้วจึงยืนขึ้นกล่าวได้ และต้องเป็นคำกล่าวกับประธานของที่ประชุม
ข้อ 57[13] สมาชิกผู้ใดเห็นว่ามีการฝ่าฝืนข้อบังคับและประสงค์จะประท้วงให้ยืนและยกมือขึ้นพ้นศีรษะ ประธานของที่ประชุมจะต้องให้โอกาสผู้นั้นชี้แจงแล้วให้ประธานของที่ประชุมวินิจฉัยว่าได้มีการฝ่าฝืนข้อบังคับตามที่ประท้วงนั้นหรือไม่ คำวินิจฉัยของประธานของที่ประชุมดังกล่าว ให้ถือเป็นเด็ดขาด
ให้นำความในวรรคหนึ่งมาใช้บังคับโดยอนุโลมแก่ผู้ถูกอภิปรายพาดพิงถึงเรื่องส่วนตัวหรือเรื่องอื่นใดอันเป็นที่เสียหายแก่ผู้นั้น และเมื่อประธานของที่ประชุมวินิจฉัยว่าการอภิปรายนั้นเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับ ประธานของที่ประชุมอาจสั่งให้ผู้อภิปรายถอนคำพูดและผู้อภิปรายต้องปฏิบัติตามคำสั่ง
และข้อ 67[14] การออกเสียงลงคะแนนเปิดเผยวิธีปฏิบัติดังต่อไปนี้
(1) ใช้เครื่องออกเสียงลงคะแนนตามที่ประธานวุฒิสภากำหนด
(2) ยกมือขึ้นพ้นศีรษะพร้อมกับแสดงบัตรลงคะแนน ผู้เห็นด้วยให้แสดงบัตรลงคะแนนสีน้ำเงิน ผู้ไม่เห็นด้วยให้แสดงบัตรลงคะแนนสีแดง ส่วนผู้ไม่ออกเสียงให้แสดงบัตรลงคะแนนสีขาว โดยบัตรลงคะแนนดังกล่าว ให้สมาชิกลงลายมือชื่อและหมายเลขประจำตัวสมาชิกกำกับไว้ด้วย
(3) เรียกชื่อตามลำดับอักษรให้ออกเสียงลงคะแนนเป็นรายคนตามวิธีที่ประธานของที่ประชุมกำหนด
(4) วิธีอื่นซึ่งที่ประชุมวุฒิสภาเห็นสมควรเฉพาะกรณี
การออกเสียงลงคะแนนเปิดเผยนั้น ให้ใช้วิธีตาม (1) จะใช้วิธีตาม (2) (3) หรือ (4) ได้ต่อเมื่อสมาชิกเสนอญัตติ และที่ประชุมวุฒิสภาอนุมัติ หรือเมื่อมีการนับคะแนนเสียงใหม่ตามข้อ 74
การออกเสียงลงคะแนนตาม (1) ให้ใช้เครื่องออกเสียงลงคะแนนได้ จนกว่าประธานของที่ประชุมจะได้สั่งปิดการออกเสียงลงคะแนน
การออกเสียงลงคะแนนเผิดเผยตาม (2) ให้ประธานของที่ประชุมสั่งให้เจ้าหน้าที่ไปรับบัตรลงคะแนนจากสมาชิกมาเพื่อดำเนินการตรวจนับคะแนนต่อไป
ในการประชุมสภา จำเป็นต้องมีข้อบังคับการประชุมเป็นเครื่องมือใช้บังคับและควบคุมการดำเนินงานของรัฐสภาให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ยกตัวอย่างในการประชุมสภา โดยเฉพาะการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี การแปรญัตติ ร่างกฎหมายต่าง ๆ ย่อมมีสมาชิกรัฐสภาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก ดังนั้น ประธานของที่ประชุมจะต้องพิจารณาวินิจฉัยว่ามีสมาชิกท่านใดประสงค์จะอภิปรายหรือประท้วง ตามลำดับ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาความวุ่นวายในการประชุม ซึ่งการยกมือขึ้นพ้นศีรษะเป็นการแสดงความประสงค์ที่จะขออภิปราย การประท้วง และการลงมติในที่ประชุมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา
อ้างอิง
- ↑ คณิน บุญสุวรรณ, “ปทานุกรมศัพท์รัฐสภาและการเมืองไทย.”, กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์สุขภาพใจ, 2548, หน้า 308-309.
- ↑ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, “ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2544.”, กรุงเทพฯ : สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2546, หน้า 10.
- ↑ เรื่องเดียวกัน หน้า 18.
- ↑ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, “ข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. 2544.”, กรุงเทพฯ : สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2546, หน้า 77.
- ↑ เรื่องเดียวกัน หน้า 68.
- ↑ เรื่องเดียวกัน หน้า 88.
- ↑ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, “ข้อบังคับการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พ.ศ. 2549.”, กรุงเทพฯ : สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2549, หน้า 15.
- ↑ เรื่องเดียวกัน หน้า 23.
- ↑ เรื่องเดียวกัน หน้า 26.
- ↑ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, “ข้อบังคับการประชุม.”, กรุงเทพฯ : สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2551, หน้า 11.
- ↑ เรื่องเดียวกัน หน้า 21.
- ↑ เรื่องเดียวกัน หน้า 85.
- ↑ เรื่องเดียวกัน หน้า 94.
- ↑ เรื่องเดียวกัน หน้า 97.
หนังสือแนะนำให้อ่านต่อ
คณิน บุญสุวรรณ, (2548) “ปทานุกรมศัพท์รัฐสภาและการเมืองไทย”. กรุงเทพฯ : บริษัทสำนักพิมพ์สุขภาพใจ.
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, (2546) “ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร.”, กรุงเทพฯ : สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร.
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, (2546) “ข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา.”, กรุงเทพฯ : สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร.
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, (2549) “ข้อบังคับการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ.”, กรุงเทพฯ : สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร.
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, (2551) “ข้อบังคับการประชุม.”, กรุงเทพฯ : สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร.
บรรณานุกรม
คณิน บุญสุวรรณ, (2548) “ปทานุกรมศัพท์รัฐสภาและการเมืองไทย”. กรุงเทพฯ : บริษัทสำนักพิมพ์สุขภาพใจ.
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, (2546) “ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร.”, กรุงเทพฯ : สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร.
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, (2546) “ข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา.”, กรุงเทพฯ : สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร.
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, (2549) “ข้อบังคับการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ.”, กรุงเทพฯ : สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร.
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, (2551) “ข้อบังคับการประชุม.”, กรุงเทพฯ : สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร.