ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระมหากษัตริย์ไทยในระบอบประชาธิปไตย"

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
 
Suksan (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
 
(ไม่แสดง 1 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้ 1 คน)
บรรทัดที่ 1: บรรทัดที่ 1:
แม้พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวจะทรงประสบกับปัญหานานัปประการมาตั้งแต่ก่อนเสด็จขึ้นครองราชย์ ประจวบกับการเผชิญปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก ทว่าพระองค์ก็ทรงใช้พระปรีชาสามารถในการบริหารงานราชการแผ่นดินมาโดยตลอด
แม้[[พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว]]จะทรงประสบกับปัญหานานัปประการมาตั้งแต่ก่อนเสด็จขึ้นครองราชย์ ประจวบกับการเผชิญปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก ทว่าพระองค์ก็ทรงใช้พระปรีชาสามารถในการบริหารงานราชการแผ่นดินมาโดยตลอด
แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ครั้งสำคัญในวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ ส่งผลให้ฐานะของพระองค์ต้องเปลี่ยนแปลงจากพระมหากษัตริย์ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นพระมหากษัตริย์ภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวก็ทรงยอมรับสถานการณ์นั้นอย่างเป็นสุภาพบุรุษ ดังที่ปรากฏในลายพระหัตถ์ความว่า  
แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ครั้งสำคัญในวันที่ [[๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕]] ส่งผลให้ฐานะของพระองค์ต้องเปลี่ยนแปลงจากพระมหากษัตริย์ใน[[ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์]]มาเป็นพระมหากษัตริย์ภายใต้[[กฎหมายรัฐธรรมนูญ]] พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวก็ทรงยอมรับสถานการณ์นั้นอย่างเป็นสุภาพบุรุษ ดังที่ปรากฏในลายพระหัตถ์ความว่า  


“...ข้าพเจ้าเห็นแก่ความเรียบร้อยของอาณาประชาราษฎร์ ไม่อยากให้เสียเลือดเนื้อ กับทั้งเพื่อจัดการโดยละม่อมละมัยไม่ให้ขึ้นชื่อได้ว่าจลาจล เสียหายแก่บ้านเมือง และความจริงข้าพเจ้าก็ได้คิดอยู่แล้วที่จะเปลี่ยนแปลงตามทำนองนี้ คือมีพระเจ้าแผ่นดินปกครองตามพระธรรมนูญ จึงยอมรับที่จะเป็นตัวเชิด เพื่อให้คุมโครงการตั้งรัฐบาลให้เป็นรูปแบบวิธีเปลี่ยนแปลงตั้งพระธรรมนูญโดยสะดวก...”
“...ข้าพเจ้าเห็นแก่ความเรียบร้อยของอาณาประชาราษฎร์ ไม่อยากให้เสียเลือดเนื้อ กับทั้งเพื่อจัดการโดยละม่อมละมัยไม่ให้ขึ้นชื่อได้ว่าจลาจล เสียหายแก่บ้านเมือง และความจริงข้าพเจ้าก็ได้คิดอยู่แล้วที่จะเปลี่ยนแปลงตามทำนองนี้ คือมีพระเจ้าแผ่นดินปกครองตามพระธรรมนูญ จึงยอมรับที่จะเป็นตัวเชิด เพื่อให้คุมโครงการตั้ง[[รัฐบาล]]ให้เป็นรูปแบบวิธีเปลี่ยนแปลงตั้งพระธรรมนูญโดยสะดวก...”


แท้ที่จริงแล้วพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงตระเตรียมที่จะพระราชทานอำนาจอธิปไตยให้แก่ราษฎรอยู่แล้ว ดังจะเห็นได้จากพระราชดำรัสที่ทรงให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนที่สหรัฐอเมริกาในปี ๒๔๗๔ ว่าทรงเตรียมการที่จะให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการปกครองประเทศโดยเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นประชาธิปไตย
แท้ที่จริงแล้วพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงตระเตรียมที่จะพระราชทาน[[อำนาจอธิปไตย]]ให้แก่ราษฎรอยู่แล้ว ดังจะเห็นได้จากพระราชดำรัสที่ทรงให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนที่สหรัฐอเมริกาในปี ๒๔๗๔ ว่าทรงเตรียมการที่จะให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการปกครองประเทศโดย[[เปลี่ยนแปลงการปกครอง]]เป็นประชาธิปไตย


กล่าวได้ว่าพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นพระมหากษัตรย์พระองค์สุดท้ายในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ และเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกในระบอบรัฐสภาของประเทศไทย โดยในวันที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๔๗๕ ทรงลงพระปรมาภิไธยในรัฐธรรมนูญฉบับถาวรเพื่อใช้เป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองบ้านเมืองตามระบอบประชาธิปไตย
กล่าวได้ว่าพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นพระมหากษัตรย์พระองค์สุดท้ายใน[[ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์]] และเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกใน[[ระบอบรัฐสภา]]ของประเทศไทย โดยในวันที่ [[๑๐ ธันวาคม ๒๔๗๕]] ทรงลงพระปรมาภิไธยใน''รัฐธรรมนูญฉบับถาวร''เพื่อใช้เป็น[[กฎหมายสูงสุด]]ในการปกครองบ้านเมืองตาม[[ระบอบประชาธิปไตย]]


'''ที่มา '''
'''ที่มา '''
   
   
บทสารคดี “ปกเกล้าธรรมราชา” สารคดีเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่ในวโรกาสครบ ๑๒๐ ปี แห่งวันพระบรมราชสมภพและเป็นบุคคลสำคัญของโลก โดยองค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ประจำปี ๒๕๕๖
บทสารคดี “ปกเกล้าธรรมราชา” สารคดีเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่ในวโรกาสครบ ๑๒๐ ปี แห่งวันพระบรมราชสมภพและเป็นบุคคลสำคัญของโลก โดยองค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ประจำปี ๒๕๕๖
*[https://www.youtube.com/watch?v=_K-mraQF4oY&list=PLz3ADrKTT5i0vjsCnIPrpraHExclR_Odo&index=101 YOU TUBE : ธ ทรงธรรม กับวิวัฒนาการการปกครองของสยาม : พระมหากษัตริย์ไทยในระบอบประชาธิปไตย]


[[หมวดหมู่:สมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวกับ "ประชาธิปไตย"]]
[[หมวดหมู่:สมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวกับ "ประชาธิปไตย"]]

รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 10:42, 10 กุมภาพันธ์ 2559

แม้พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวจะทรงประสบกับปัญหานานัปประการมาตั้งแต่ก่อนเสด็จขึ้นครองราชย์ ประจวบกับการเผชิญปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก ทว่าพระองค์ก็ทรงใช้พระปรีชาสามารถในการบริหารงานราชการแผ่นดินมาโดยตลอด

แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ครั้งสำคัญในวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ ส่งผลให้ฐานะของพระองค์ต้องเปลี่ยนแปลงจากพระมหากษัตริย์ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นพระมหากษัตริย์ภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวก็ทรงยอมรับสถานการณ์นั้นอย่างเป็นสุภาพบุรุษ ดังที่ปรากฏในลายพระหัตถ์ความว่า

“...ข้าพเจ้าเห็นแก่ความเรียบร้อยของอาณาประชาราษฎร์ ไม่อยากให้เสียเลือดเนื้อ กับทั้งเพื่อจัดการโดยละม่อมละมัยไม่ให้ขึ้นชื่อได้ว่าจลาจล เสียหายแก่บ้านเมือง และความจริงข้าพเจ้าก็ได้คิดอยู่แล้วที่จะเปลี่ยนแปลงตามทำนองนี้ คือมีพระเจ้าแผ่นดินปกครองตามพระธรรมนูญ จึงยอมรับที่จะเป็นตัวเชิด เพื่อให้คุมโครงการตั้งรัฐบาลให้เป็นรูปแบบวิธีเปลี่ยนแปลงตั้งพระธรรมนูญโดยสะดวก...”

แท้ที่จริงแล้วพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงตระเตรียมที่จะพระราชทานอำนาจอธิปไตยให้แก่ราษฎรอยู่แล้ว ดังจะเห็นได้จากพระราชดำรัสที่ทรงให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนที่สหรัฐอเมริกาในปี ๒๔๗๔ ว่าทรงเตรียมการที่จะให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการปกครองประเทศโดยเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นประชาธิปไตย

กล่าวได้ว่าพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นพระมหากษัตรย์พระองค์สุดท้ายในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ และเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกในระบอบรัฐสภาของประเทศไทย โดยในวันที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๔๗๕ ทรงลงพระปรมาภิไธยในรัฐธรรมนูญฉบับถาวรเพื่อใช้เป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองบ้านเมืองตามระบอบประชาธิปไตย

ที่มา

บทสารคดี “ปกเกล้าธรรมราชา” สารคดีเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่ในวโรกาสครบ ๑๒๐ ปี แห่งวันพระบรมราชสมภพและเป็นบุคคลสำคัญของโลก โดยองค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ประจำปี ๒๕๕๖