ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ใบสั่ง"

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
ใบสั่ง(รศ.ดร.ปรีชา) ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น ใบสั่ง
 
Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
 
(ไม่แสดง 3 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้คนเดียวกัน)
บรรทัดที่ 1: บรรทัดที่ 1:
'''“ใบสั่ง”'''
'''ผู้เรียบเรียง''' รศ.ดร.ปรีชา  หงษ์ไกรเลิศ


“ใบสั่ง”  เป็นคำพังเพยที่ล้อเลียนกระทบกระเทียบเปรียบเปรยการปฏิบัติหน้าที่ของสมาชิกสภานิติบัญญัติ  (สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา)  ของไทยที่ไม่เป็นไปตามหลักการอิสระเสรีในการออกเสียงลงมติของสมาชิกตามหลักการประชาธิปไตย หากแต่ออกเสียงลงมติไปตามความประสงค์ของผู้มีอำนาจและอิทธิพลเหนือเสียงส่วนใหญ่ของสภานั้น
----


คำ “ใบสั่ง”  มีที่มาจากการปฏิบัติงานทางการเมืองของนักการเมืองไทยในอดีต ตั้งแต่เปลี่ยนแปลงทางการเมืองเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน  พ.ศ. 2475 ซึ่งนายกรัฐมนตรีที่มีอำนาจและอิทธิพลและเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองที่มีเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรมักใช้อำนาจและอิทธิพลในการสั่งการโดยตรงและโดยอ้อมให้สมาชิกสภาในสังกัดพรรคการเมืองของตน  (หรือพรรคการเมืองอื่นในบางกรณี) ในสภาผู้แทนราษฎรให้ออกเสียงไปตามความประสงค์ของผู้มีอำนาจนั้น ซึ่งเรียกว่า  “ออกเสียงตามใบสั่ง”  หรือ  “ใบสั่ง”  นั่นเอง
'''ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ''' ศ.อนันต์ เกตุวงศ์


คำ  “ใบสั่ง”  ได้มีการนำไปใช้กับการออกเสียงในวุฒิสภาที่สมาชิกมาจากการแต่งตั้งซึ่งรัฐธรรมนูญในสมัยนั้น ๆ ให้อำนาจนายกรัฐมนตรีในการรับสนองพระบรมราชโองการของพระมหากษัตริย์ในการลงพระปรมาภิไธยแต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภา  ส่วนใหญ่นายกรัฐมนตรีในสมัยนั้นมักแต่งตั้งข้าราชการประจำ (ทั้งทหารและพลเรือน)  พนักงานรัฐวิสาหกิจ ข้าราชการบำนาญ นักธุรกิจ และบุคคลอื่นที่ตนไว้วางใจและควบคุมได้ให้ดำรงตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา  ทำให้การลงมติใด ๆ ของสมาชิกวุฒิสภามักเป็นไปตาม  “ใบสั่ง”  ของนายกรัฐมนตรีผู้นั้น  รวมทั้งวุฒิสภาที่มาจากการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๔๐ ซึ่งถ้าการลงมติของวุฒิสภาเรื่องใดก็ตามที่ไม่เป็นไปตามหลักการอิสระเสรีตามหลักประชาธิปไตย หากแต่ออกเสียงลงมติไปตามความประสงค์ของนักการเมืองที่มีอำนาจและอิทธิพลเหนือสมาชิกวุฒิสภาส่วนใหญ่แล้ว ก็เรียกเปรียบเปรยว่าเป็นการออกเสียงตาม  “ใบสั่ง”  ของผู้มีอำนาจนั้น
----


                     
== ใบสั่ง ==
  รศ.ดร.ปรีชา หงษ์ไกรเลิศ
 
“ใบสั่ง”  เป็นคำพังเพยที่ล้อเลียนกระทบกระเทียบเปรียบเปรยการปฏิบัติหน้าที่ของ[[สมาชิกสภานิติบัญญัติ ]] (สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา) ของไทยที่ไม่เป็นไปตามหลักการอิสระเสรีใน[[การออกเสียงลงมติ]]ของสมาชิกตามหลักการ[[ประชาธิปไตย]] หากแต่ออกเสียง[[ลงมติ]]ไปตามความประสงค์ของผู้มีอำนาจและอิทธิพลเหนือเสียงส่วนใหญ่ของสภานั้น
 
คำ “ใบสั่ง”  มีที่มาจากการปฏิบัติงานทางการเมืองของ[[นักการเมือง]]ไทยในอดีต ตั้งแต่เปลี่ยนแปลงทางการเมืองเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน  พ.. 2475 ซึ่ง[[นายกรัฐมนตรี]]ที่มีอำนาจและอิทธิพลและเป็น[[หัวหน้าพรรค]]การเมืองที่มีเสียงข้างมากใน[[สภาผู้แทนราษฎร]]มักใช้อำนาจและอิทธิพลในการสั่งการโดยตรงและโดยอ้อมให้สมาชิกสภาในสังกัดพรรคการเมืองของตน (หรือพรรคการเมืองอื่นในบางกรณี) ในสภาผู้แทนราษฎรให้ออกเสียงไปตามความประสงค์ของผู้มีอำนาจนั้น ซึ่งเรียกว่า  “ออกเสียงตามใบสั่ง”  หรือ  “ใบสั่ง”  นั่นเอง
 
คำ  “ใบสั่ง”  ได้มีการนำไปใช้กับการ[[ออกเสียง]]ใน[[วุฒิสภา]]ที่สมาชิกมาจากการแต่งตั้งซึ่ง[[รัฐธรรมนูญ]]ในสมัยนั้น ๆ ให้อำนาจนายกรัฐมนตรีในการรับสนองพระบรมราชโองการของ[[พระมหากษัตริย์]]ในการลงพระปรมาภิไธยแต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภา  ส่วนใหญ่นายกรัฐมนตรีในสมัยนั้นมักแต่งตั้งข้าราชการประจำ (ทั้งทหารและพลเรือน)  พนักงาน[[รัฐวิสาหกิจ]] ข้าราชการบำนาญ นักธุรกิจ และบุคคลอื่นที่ตนไว้วางใจและควบคุมได้ให้ดำรงตำแหน่ง[[สมาชิกวุฒิสภา ]] ทำให้การลงมติใด ๆ ของสมาชิกวุฒิสภามักเป็นไปตาม  “ใบสั่ง”  ของนายกรัฐมนตรีผู้นั้น  รวมทั้งวุฒิสภาที่มาจากการเลือกตั้งตาม[[รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 ]] ซึ่งถ้าการลงมติของวุฒิสภาเรื่องใดก็ตามที่ไม่เป็นไปตามหลักการอิสระเสรีตามหลักประชาธิปไตย หากแต่ออกเสียงลงมติไปตามความประสงค์ของนักการเมืองที่มีอำนาจและอิทธิพลเหนือสมาชิกวุฒิสภาส่วนใหญ่แล้ว ก็เรียกเปรียบเปรยว่าเป็นการออกเสียงตาม  “ใบสั่ง”  ของผู้มีอำนาจนั้น
 
[[หมวดหมู่:สารานุกรมการเมืองไทย|บ]]

รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 15:15, 30 พฤษภาคม 2555

ผู้เรียบเรียง รศ.ดร.ปรีชา หงษ์ไกรเลิศ


ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ ศ.อนันต์ เกตุวงศ์


ใบสั่ง

“ใบสั่ง” เป็นคำพังเพยที่ล้อเลียนกระทบกระเทียบเปรียบเปรยการปฏิบัติหน้าที่ของสมาชิกสภานิติบัญญัติ (สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา) ของไทยที่ไม่เป็นไปตามหลักการอิสระเสรีในการออกเสียงลงมติของสมาชิกตามหลักการประชาธิปไตย หากแต่ออกเสียงลงมติไปตามความประสงค์ของผู้มีอำนาจและอิทธิพลเหนือเสียงส่วนใหญ่ของสภานั้น

คำ “ใบสั่ง” มีที่มาจากการปฏิบัติงานทางการเมืองของนักการเมืองไทยในอดีต ตั้งแต่เปลี่ยนแปลงทางการเมืองเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 ซึ่งนายกรัฐมนตรีที่มีอำนาจและอิทธิพลและเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองที่มีเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรมักใช้อำนาจและอิทธิพลในการสั่งการโดยตรงและโดยอ้อมให้สมาชิกสภาในสังกัดพรรคการเมืองของตน (หรือพรรคการเมืองอื่นในบางกรณี) ในสภาผู้แทนราษฎรให้ออกเสียงไปตามความประสงค์ของผู้มีอำนาจนั้น ซึ่งเรียกว่า “ออกเสียงตามใบสั่ง” หรือ “ใบสั่ง” นั่นเอง

คำ “ใบสั่ง” ได้มีการนำไปใช้กับการออกเสียงในวุฒิสภาที่สมาชิกมาจากการแต่งตั้งซึ่งรัฐธรรมนูญในสมัยนั้น ๆ ให้อำนาจนายกรัฐมนตรีในการรับสนองพระบรมราชโองการของพระมหากษัตริย์ในการลงพระปรมาภิไธยแต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภา ส่วนใหญ่นายกรัฐมนตรีในสมัยนั้นมักแต่งตั้งข้าราชการประจำ (ทั้งทหารและพลเรือน) พนักงานรัฐวิสาหกิจ ข้าราชการบำนาญ นักธุรกิจ และบุคคลอื่นที่ตนไว้วางใจและควบคุมได้ให้ดำรงตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา ทำให้การลงมติใด ๆ ของสมาชิกวุฒิสภามักเป็นไปตาม “ใบสั่ง” ของนายกรัฐมนตรีผู้นั้น รวมทั้งวุฒิสภาที่มาจากการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 ซึ่งถ้าการลงมติของวุฒิสภาเรื่องใดก็ตามที่ไม่เป็นไปตามหลักการอิสระเสรีตามหลักประชาธิปไตย หากแต่ออกเสียงลงมติไปตามความประสงค์ของนักการเมืองที่มีอำนาจและอิทธิพลเหนือสมาชิกวุฒิสภาส่วนใหญ่แล้ว ก็เรียกเปรียบเปรยว่าเป็นการออกเสียงตาม “ใบสั่ง” ของผู้มีอำนาจนั้น