ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท"

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
Adminkpi (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Adminkpi (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
 
(ไม่แสดง 1 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้คนเดียวกัน)
บรรทัดที่ 67: บรรทัดที่ 67:
[[index.php?title=หมวดหมู่:พระราชพิธี]]
[[index.php?title=หมวดหมู่:พระราชพิธี]]
[[index.php?title=หมวดหมู่:สารานุกรม คำศัพท์ต่าง ๆ]]
[[index.php?title=หมวดหมู่:สารานุกรม คำศัพท์ต่าง ๆ]]
[[index.php?title=หมวดหมู่:พระปกเกล้าศึกษา]]

รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 14:28, 19 มิถุนายน 2568

ผู้เรียบเรียง : ฉัตรบงกช ศรีวัฒนสาร

ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ : ศาสตราจารย์พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ


พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท

                   ศาสตราจารย์ ดร. อภินันท์ โปษยานนท์ นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ศิลปะในพระบรมมหาราชวังได้ให้ข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นของพระที่นั่งองค์นี้ว่า พระที่นั่งจักรีมหาปราสาทภายในพระบรมมหาราชวังเป็นการแสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองและความสามารถในการผสมผสานวัฒนธรรมตะวันตกและตะวันออกซึ่งสอดคล้องกับนโยบายการเปิดประเทศและการปรับปรุงประเทศให้ทันสมัย ตรงกับในสมัยรัชกาลที่ 5 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น เมื่อ พ.ศ. 2419 ออกแบบก่อสร้าง โดยสถาปนิกชาวอังกฤษ ชื่อ ยอน คลูนิช มีเจ้าพระยาภาณุวงศ์มหาโกษาธิบดีเป็นแม่กองและพระยาเวียงในนฤบาล (หรั่ง เกตุทัต) เป็นผู้กำกับดูแล แรกเริ่มนั้นรัชกาลที่ 5 ทรงมีพระราชประสงค์เมื่อสร้างให้เป็นสถาปัตยกรรมแบบยุโรปโดยตลอด แต่เมื่อต่อมาได้รับคำกราบบังคมทูลจากสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ให้สร้างเป็นพระมหาปราสาทจึงทรงให้ปรับเปลี่ยนเป็นหลังคายอดปราสาท 3 ยอด

                   พระที่นั่งองค์นี้จึงมีการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมไทยและสถาปัตยกรรมยุโรป พระที่นั่งสูง 3 ชั้น แต่หลังคาพระที่นั่งเป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมไทยเป็นที่มาของชื่อ “ฝรั่งสวมชฎา” คือเป็นสถาปัตยกรรมตะวันตกแต่มีหลังคาเป็นแบบไทยประเพณีตั้งอยู่ระหว่างพระมหามณเฑียรและพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท องค์พระที่นั่งทอดตัวจากทิศตะวันออกไปทิศตะวันตก แต่ละองค์เชื่อมต่อกันด้วยมุขกระสันโดยตลอด

                   รูปแบบสถาปัตยกรรมพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท

                   ลักษณะสถาปัตยกรรมองค์พระที่นั่งด้านหน้าแบ่งออกเป็น 5 ตอน โดยมีพระที่นั่งที่มียอดปราสาทเป็นองค์ประธาน คือ

                   พระที่นั่งจักรีมหาปราสาทองค์กลาง เป็นอาคารประธานองค์กลางมี 3 ชั้น ได้แก่

                   ชั้นบนสุดจัดเป็นหอพระบรมอัฐิ ภายในตกแต่งล้วนด้วยศิลปะลายไทยอย่างวิจิตร ภายในคูหาด้านทิศใต้มีพระวิมานที่ประดิษฐานพระบรมอัฐิของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 และรัชกาลที่ 5 กับพระบรมอัฐิของสมเด็จพระอัครมเหสีในสองรัชกาล ภายในคูหาด้านทิศตะวันออกเป็นที่ประดิษฐานพระบรมอัฐิของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 รัชกาลที่ 7 และรัชกาลที่ 8 รวมถึงรัชกาลที่ 9 ในเวลาต่อมา ชั้นกลางเป็นท้องพระโรงหน้า ท้องพระโรงเป็นห้องโถงใหญ่ซึ่งจะผ่านไปยังส่วนอื่น ๆ ของพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทได้ ดังนี้ ทางด้านใต้ของท้องพระโรงมีพระทวารใหญ่เป็นทางเข้าสู่ท้องพระโรงกลาง พระที่นั่งจักรีมหาปราสาททางทิศตะวันออกมีอัฒจันทร์ขึ้นไปสู่มุขกระสันและห้องรับแขกภายในพระที่นั่งจักรีองค์ตะวันออก ส่วนทางด้านตะวันตกก็มีอัฒจันทร์ขึ้นไปสู่มุขกระสันและห้องรับแขกภายในพระที่นั่งจักรีองค์ตะวันตกเช่นเดียวกัน ส่วนทางด้านเหนือเป็นทางออกสู่มุขด้านหน้า มุขด้านหน้าเป็นมุขใหญ่ที่ยื่นจากองค์พระที่นั่งจักรีองค์กลางออกมาทางทิศเหนือเหมือนชานอัฒจันทร์ ด้านตะวันตกและด้านตะวันออกของมุขมีอัฒจันทร์เป็นทางลงไปสู่ลานชาลาด้านหน้าพระที่นั่ง ที่ด้านเหนือต่อจากมุขหน้าออกไปมีชานเล็กสร้างเป็นรูปโค้งเสี้ยวพระจันทร์ ยื่นออกไปนอกองค์พระที่นั่ง ชานนี้เป็นสีหบัญชร สำหรับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกให้ประชาชนเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทในบางโอกาส อาทิ เมื่อคราวพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติ ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ก็ได้เสด็จออกให้ประชาชนเฝ้าถวายพระพรชัยมงคลที่มุขนี้

                   พระที่นั่งจักรีมหาปราสาทองค์ทิศตะวันออก

                   ชั้นบนเป็นที่ประดิษฐานวัตถุสำคัญของพระมหากษัตริย์

                   ชั้นกลางจัดเป็นห้องรับรองพระราชอาคันตุกะชั้นสมเด็จพระราชาธิบดีและพระราชวงศ์ ภายในประดิษฐานพระบรมสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวประทับร่วมกับสมเด็จพระศรีพัชรินทรา บรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และพระราชโอรสทั้ง 5 พระองค์

                    ชั้นล่างเป็นห้องสำหรับพระบรมวงศานุวงศ์ลงนามถวายพระพร และยังเป็นห้องสำหรับนายทหารราชองครักษ์

                   พระที่นั่งจักรีมหาปราสาทองค์ทิศตะวันตก

                   ชั้นบนเป็นหอพระอัฐิของพระมเหสี และพระบรมวงศานุวงศ์ชั้นผู้ใหญ่

                   ชั้นกลางเป็นห้องรับแขก ออฟฟิศหลวงในสมัยรัชกาลที่ 5 และเคยโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอและพระเจ้าลูกยาเธอทรงพระอักษรกับครูที่เป็นพระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายหน้าตามหลักฐานปรากฏในบันทึกของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ และพระเจ้าลูกยาเธอพระองค์เจ้ากิติยากรวรลักษณ์เมื่อครั้งทรงพระเยาว์เคยเสด็จมาร่วมทรงพระอักษรในห้องนี้

                   พระที่นั่งจักรีมหาปราสาทในสมัยรัชกาลที่ 7

                   น้อยคนนักจะทราบว่า พระที่นั่งจักรีมหาปราสาทที่เราเห็นในปัจจุบันแท้จริงนั้นได้รับการซ่อมครั้งใหญ่ในสมัยรัชกาลที่ 7 ภายหลังจากการเสด็จขึ้นครองราชย์สมบัติในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2468 รัชกาลที่ 7 ทรงมีพระราชกระแสรับสั่งให้สมเด็จฯเจ้าฟ้า กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ อุปนายกแผนกศิลปากรราชบัณฑิตยสภาดำเนินการซ่อมพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทให้ทันงานฉลองพระนครครบ 150 ปี ซึ่งการซ่อมแซมในครั้งนี้มีความแตกต่างจากครั้งก่อนเพราะเป็นการแก้ไขปรับโฉมใหม่ทั้งในด้านโครงสร้าง รูปแบบ ทรวดทรง ตลอดจนเครื่องประดับตกแต่งยอดปราสาทอันนำมาสู่การระดมบุคคลากรทางการช่างชั้นนำทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายตะวันตกร่วมกันออกแบบแก้ไขปัญหาทั้งทางโครงสร้างและรูปแบบทางสถาปัตยกรรมไปพร้อมกัน

                   รัชกาลที่ 7 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้จัดพระที่นั่งองค์ทิศตะวันตกห้องนี้ให้เป็นห้องเฝ้าฯ สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี และต่อมาในปัจจุบันเป็นสถานที่รอเข้าเฝ้าฯ ของพระราชอาคันตุกะ ชั้นล่างเป็นห้องเก็บของและห้องสมุด

                   มุขกระสันด้านตะวันออก ชั้นบนประดิษฐานพระบรมสาทิสลักษณ์ของรัชกาลที่ 1 ถึงรัชกาลที่ 7 รวมทั้งพระบรมสาทิสลักษณ์ของพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ชั้นกลางเป็นที่รับรองพระราชคันตุกะ ชั้นล่างเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงเครื่องอาวุธโบราณ มุขกระสันด้านทิศตะวันตกชั้นบนประดิษฐานพระสาทิสลักษณ์ของพระอัครมเหสี 6 พระองค์ ชั้นกลางเป็นที่รับรองพระราชอาคันตุกะและชั้นล่างเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงเครื่องอาวุธโบราณ ท้องพระโรงกลางภายในประดิษฐานพระที่นั่งพุดตานถม ซึ่งเป็นพระราชอาสน์ประจำพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ซึ่งกางกั้นด้วยพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร ใช้เป็นสถานที่สำหรับเสด็จออกให้คณะทูตานุทูตเฝ้าฯ รวมทั้งถวายพระราชสาสน์ตราตั้งและถวายพระพรชัยมงคลในโอกาสสำคัญ

                   มุขกระสันด้านทิศตะวันตก ชั้นบนเป็นเฉลียงทางเดินระหว่างหอพระบรมอัฐิบนพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทองค์กลางกับหอพระอัฐิบนพระที่นั่งจักรีองค์ตะวันตก ชั้นกลางเป็นห้องโถงสำหรับรับรองพระราชอาคันตุกะ ห้องนี้มีขนาดเหมือนมุขกระสันทิศตะวันออกทุกประการ แต่ผนังประดับพระบรมสาทิสลักษณ์สมเด็จพระอัครมเหสีในองค์พระมหากษัตริย์รวม 6 พระองค์ ชั้นล่างเป็นห้องโถง

                   ท้องพระโรงกลาง ตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมของยุโรป เป็นท้องพระโรงสำหรับพระมหากษัตริยาธิราชเจ้าเสด็จออกให้คณะทูตานุทูตต่างประเทศเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายพระราชสาสน์ตราตั้งเป็นเอกอัครข้าราชทูตประจำพระราชสำนักหรือเฝ้าถวายพระพรชัยมงคลในโอกาสต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังใช้ประกอบพระราชกุศลหรือประกอบพระราชกรณียกิจอย่างอื่นตามควรแก่โอกาส เช่น จัดเป็นที่พระราชทานเลี้ยงรับรองสมเด็จพระราชาธิบดี หรือประธานาธิบดีและเจ้าราชวงศ์ต่างประเทศที่เข้ามาเยือนอย่างเป็นทางการ

                   การบูรณะพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทในพระบรมมหาราชวังสมัยรัชกาลที่ 7

                   แม้ว่าเศรษฐกิจของประเทศในสมัยรัชกาลที่ 7 จะดำเนินไปไม่ราบรื่นนัก แต่พระราชกรณียกิจสำคัญในการทำนุบำรุงมรดกทางด้านศิลปวัฒนธรรมต้องดำเนินไป เนื่องจากพระที่นั่งต่าง ๆ ในพระบรมมหาราชวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทเป็นที่ต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองให้สมพระเกียรติยศมีความชำรุดทรุดโทรม ดังนั้นรัชกาลที่ 7 จึงโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์เป็นผู้ทรงอำนวยการซ่อมแซม โดยมีหม่อมเจ้าอิทธิเทพสรรค์ กฤดากรทรงเป็นผู้ควบคุมซ่อมแซมพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทให้ทันกับการฉลองพระนครครบ 150 ปี การบูรณะปฏิสังขรณ์พระที่นั่งจักรีมหาปราสาทในสมัยรัชกาลที่ 7 ครั้งนี้เป็นการซ่อมใหญ่ได้มีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างบางส่วนและวัสดุที่ใช้เป็นเครื่องบนและเครื่องยอด รวมถึงการเปลี่ยนแปลงทรวดทรงและลวดลายของพระทวารและพระบัญชรทั้งภายในและภายนอกเป็นอันมาก อาทิ เครื่องบนและเครื่องยอด เปลี่ยนเครื่องลำยองที่หน้าบันแต่เดิมเป็น ช่อฟ้ามอญ ประกอบใบระกาและตัวลำยองแบบ นาครวยเปลี่ยนเป็นช่อฟ้าแบบไทย ประกอบใบระกาและตัวลำยองแบบนาคสะดุ้ง รวมทั้งเปลี่ยนวัสดุของเครื่องยอดซึ่งแต่เดิมเป็นไม้ เปลี่ยนเป็นทองแดง และเปลี่ยนทวยรับไขรายอดปราสาทซึ่งเดิมเป็นครุฑยุดนาคเป็นคันทวย แต่เดิมสันหลังคาประดับด้วยบราลี เป็นระยะ ๆ แก้ไขเป็นยกบราลีออกทั้งหมดและเปลี่ยนลายหน้าบันใหม่หมดทุกด้าน


บรรณานุกรม

นางอมรดรุณารักษ์ (อุทมพร (วีระไวทยะ) สุนทรเวช) วังหลวง. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว

แน่งน้อย ศักดิ์ศรี ม.ร.ว. (2527) การศึกษาวิวัฒนาการทางสถาปัตยกรรมเขตพระราชฐานชั้นในของ

พระบรมมหาราชวัง คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

อภินันท์ โปษยานนท์. (2536) จิตรกรรมและประติมากรรมในราชสำนัก พิมพ์ครั้งที่ 1 กรุงเทพฯ :สำนัก

พระราชวัง จัดพิมพ์.

https: //virtualexpo.asa.or.th/content/page8.

index.php?title=หมวดหมู่:พระมหากษัตริย์ index.php?title=หมวดหมู่:ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ index.php?title=หมวดหมู่:พระราชพิธี index.php?title=หมวดหมู่:สารานุกรม คำศัพท์ต่าง ๆ index.php?title=หมวดหมู่:พระปกเกล้าศึกษา