ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ระบบสองพรรคครึ่ง (สหราชอาณาจักร)"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
(ไม่แสดง 2 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้คนเดียวกัน) | |||
บรรทัดที่ 10: | บรรทัดที่ 10: | ||
การทำความเข้าใจระบบสองพรรคครึ่งของสหราชอาณาจักร สามารถแบ่งการอธิบายออกเป็น 2 ส่วน คือ หนึ่ง นิยามทั่วไปของระบบสองพรรคครึ่ง และ สอง ระบบสองพรรคครึ่งในสหราชอาณาจักร | การทำความเข้าใจระบบสองพรรคครึ่งของสหราชอาณาจักร สามารถแบ่งการอธิบายออกเป็น 2 ส่วน คือ หนึ่ง นิยามทั่วไปของระบบสองพรรคครึ่ง และ สอง ระบบสองพรรคครึ่งในสหราชอาณาจักร | ||
= <span style="font-size:x-large;">'''นิยามทั่วไปของระบบสองพรรคครึ่ง'''</span> = | |||
<span style="font-size:x-large;">'''นิยามทั่วไปของระบบสองพรรคครึ่ง'''</span> | |||
'''ระบบสองพรรคครึ่ง''' '''(Two-and-a-Half-Party Systems)''' เป็นปรากฎการณ์ที่ระบบพรรคการเมืองของประเทศแม้จะมีพรรคการเมืองจำนวนมาก แต่จะมีพรรคการเมืองขนาดใหญ่ 2 พรรค ที่แข่งขันกันในการเลือกตั้งของระบบรัฐสภาและมีพรรคการเมืองที่มีขนาดเป็นอันดับสามที่แม้จะได้ที่นั่งในรัฐสภาพอสมควร แต่ไม่ได้มีจำนวนมากเทียบเท่ากับสองพรรคใหญ่ แต่พรรคการเมืองอันดับสามนี้สามารถเป็นตัวแปรสำคัญในการจัดตั้งรัฐบาลผสมกับสองพรรคใหญ่ในกรณีที่พรรคการเมืองขนาดใหญ่ไม่สามารถได้ที่นั่งในสภาถึงกึ่งหนึ่งของที่มีอยู่ได้ โดยพบปรากฎการณ์ระบบสองพรรคครึ่งที่พรรคการเมืองอันดับสามมีบทบาทสำคัญในทางการเมืองในประเทศเยอรมนี ลักเซมเบิร์ก ไอร์แลนด์ และแคนาดา[[#_ftn1|[1]]] อย่างไรก็ตาม ระบบสองพรรคครึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงผันแปรไปตามผลการเลือกตั้งในแต่ละครั้งและการเปลี่ยนแปลงในกติกาเกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมือง ตัวอย่างเช่น ประเทศไอร์แลนด์และเบลเยี่ยมที่เปลี่ยนมาเป็นระบบพรรคการเมืองแบบหลายพรรค ขณะที่ประเทศโปรตุเกสกลับเปลี่ยนไปในทิศทางตรงกันข้ามจากระบบพรรคการเมืองหลายพรรคมาเป็นระบบสองพรรคครึ่ง[[#_ftn2|[2]]] | '''ระบบสองพรรคครึ่ง''' '''(Two-and-a-Half-Party Systems)''' เป็นปรากฎการณ์ที่ระบบพรรคการเมืองของประเทศแม้จะมีพรรคการเมืองจำนวนมาก แต่จะมีพรรคการเมืองขนาดใหญ่ 2 พรรค ที่แข่งขันกันในการเลือกตั้งของระบบรัฐสภาและมีพรรคการเมืองที่มีขนาดเป็นอันดับสามที่แม้จะได้ที่นั่งในรัฐสภาพอสมควร แต่ไม่ได้มีจำนวนมากเทียบเท่ากับสองพรรคใหญ่ แต่พรรคการเมืองอันดับสามนี้สามารถเป็นตัวแปรสำคัญในการจัดตั้งรัฐบาลผสมกับสองพรรคใหญ่ในกรณีที่พรรคการเมืองขนาดใหญ่ไม่สามารถได้ที่นั่งในสภาถึงกึ่งหนึ่งของที่มีอยู่ได้ โดยพบปรากฎการณ์ระบบสองพรรคครึ่งที่พรรคการเมืองอันดับสามมีบทบาทสำคัญในทางการเมืองในประเทศเยอรมนี ลักเซมเบิร์ก ไอร์แลนด์ และแคนาดา[[#_ftn1|[1]]] อย่างไรก็ตาม ระบบสองพรรคครึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงผันแปรไปตามผลการเลือกตั้งในแต่ละครั้งและการเปลี่ยนแปลงในกติกาเกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมือง ตัวอย่างเช่น ประเทศไอร์แลนด์และเบลเยี่ยมที่เปลี่ยนมาเป็นระบบพรรคการเมืองแบบหลายพรรค ขณะที่ประเทศโปรตุเกสกลับเปลี่ยนไปในทิศทางตรงกันข้ามจากระบบพรรคการเมืองหลายพรรคมาเป็นระบบสองพรรคครึ่ง[[#_ftn2|[2]]] | ||
บรรทัดที่ 23: | บรรทัดที่ 21: | ||
| | ||
<p style="text-align: center;">'''ตารางที่ 1 : | <p style="text-align: center;">'''ตารางที่ 1 :''' การแบ่งประเภทของระบบพรรคการเมืองตามจำนวนและขนาดของพรรคการเมือง</p> | ||
{| align="center" border="1" cellpadding="0" cellspacing="0" | {| align="center" border="1" cellpadding="0" cellspacing="0" | ||
|- | |- | ||
บรรทัดที่ 61: | บรรทัดที่ 59: | ||
|} | |} | ||
<p style="text-align: center;">'''ที่มา''' ''':''' Arend Lijphart, "Patterns of Democracy," in ''Chapter 5. Party Systems: Two-Party and Multiparty Patterns'' (Yale University Press, 2012), 65.</p> | <p style="text-align: center;">'''ที่มา''' ''':''' Arend Lijphart, "Patterns of Democracy," in ''Chapter 5. Party Systems: Two-Party and Multiparty Patterns'' (Yale University Press, 2012), 65.</p> | ||
= <span style="font-size:x-large;">'''ระบบสองพรรคครึ่งในสหราชอาณาจักร'''</span> = | |||
<span style="font-size:x-large;">'''ระบบสองพรรคครึ่งในสหราชอาณาจักร'''</span> | |||
ในกรณีของสหราชอาณาจักร ระบบสองพรรคครึ่งเป็นระบบพรรคการเมืองที่ใช้นิยามการแข่งขันทางการเมืองในสหราชอาณาจักรจากการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสภาล่าง (House of Commons) ค.ศ. 2010 เมื่อผลการเลือกตั้งพรรคการเมืองขนาดใหญ่สองพรรคคือ พรรคอนุรักษ์นิยม (Conservative Party) และพรรคแรงงาน (Labour Party) แต่ละพรรคได้ที่นั่งไม่ถึงกึ่งหนึ่งของที่นั่งในสภาล่างทั้งหมด ทำให้ทั้งสองพรรคไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ การจัดตั้งรัฐบาลจึงต้องร่วมมือกับพรรคเสรีประชาธิปไตย (Liberal Democrat Party) ซึ่งได้ที่นั่งเป็นอันดับ 3 ในการเลือกตั้ง[[#_ftn7|[7]]] โดยพรรคอนุรักษ์นิยมที่ได้คะแนนเสียงเป็นอันดับหนึ่งได้ตัดสินใจจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคเสรีประชาธิปไตยเป็นรัฐบาลผสมครั้งแรกของสหราชอาณาจักรนับตั้งแต่หลัง[[สงครามโลกครั้งที่_2|สงครามโลกครั้งที่_2]] อย่างไรก็ตาม หลังจากการเลือกตั้งใน ค.ศ. 2015 พรรคอนุรักษ์นิยมสามารถชนะการเลือกตั้งโดยได้ที่นั่งในสภาเกินกว่ากึ่งหนึ่งได้และการเลือกตั้งหลังจากนี้ทำให้ระบบการเมืองอังกฤษกลับไปสู่ระบบพรรคการเมืองแบบสองพรรค (Two-Party System) อีกครั้ง | ในกรณีของสหราชอาณาจักร ระบบสองพรรคครึ่งเป็นระบบพรรคการเมืองที่ใช้นิยามการแข่งขันทางการเมืองในสหราชอาณาจักรจากการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสภาล่าง (House of Commons) ค.ศ. 2010 เมื่อผลการเลือกตั้งพรรคการเมืองขนาดใหญ่สองพรรคคือ พรรคอนุรักษ์นิยม (Conservative Party) และพรรคแรงงาน (Labour Party) แต่ละพรรคได้ที่นั่งไม่ถึงกึ่งหนึ่งของที่นั่งในสภาล่างทั้งหมด ทำให้ทั้งสองพรรคไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ การจัดตั้งรัฐบาลจึงต้องร่วมมือกับพรรคเสรีประชาธิปไตย (Liberal Democrat Party) ซึ่งได้ที่นั่งเป็นอันดับ 3 ในการเลือกตั้ง[[#_ftn7|[7]]] โดยพรรคอนุรักษ์นิยมที่ได้คะแนนเสียงเป็นอันดับหนึ่งได้ตัดสินใจจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคเสรีประชาธิปไตยเป็นรัฐบาลผสมครั้งแรกของสหราชอาณาจักรนับตั้งแต่หลัง[[สงครามโลกครั้งที่_2|สงครามโลกครั้งที่_2]] อย่างไรก็ตาม หลังจากการเลือกตั้งใน ค.ศ. 2015 พรรคอนุรักษ์นิยมสามารถชนะการเลือกตั้งโดยได้ที่นั่งในสภาเกินกว่ากึ่งหนึ่งได้และการเลือกตั้งหลังจากนี้ทำให้ระบบการเมืองอังกฤษกลับไปสู่ระบบพรรคการเมืองแบบสองพรรค (Two-Party System) อีกครั้ง | ||
| | ||
<p style="text-align: center;">'''ตารางที่''' '''2 : การเลือกตั้งทั่วไปของสหราชอาณาจักร ค.ศ. 2010 | <p style="text-align: center;">'''ตารางที่''' '''2 :''' การเลือกตั้งทั่วไปของสหราชอาณาจักร ค.ศ. 2010</p> | ||
{| align="center" border="1" cellpadding="0" cellspacing="0" | {| align="center" border="1" cellpadding="0" cellspacing="0" | ||
|- | |- | ||
บรรทัดที่ 75: | บรรทัดที่ 71: | ||
! style="width: 50px; text-align: center;" | | ! style="width: 50px; text-align: center;" | | ||
''' | '''เขตเลือกตั้ง''' | ||
'''ที่ลงแข่ง''' | |||
! style="width: 50px; text-align: center;" | | ! style="width: 50px; text-align: center;" | | ||
'''จำนวน ส.ส. ที่ได้''' | '''จำนวน ส.ส. ที่ได้''' | ||
! style="width: 120px; text-align: center;" | | ! style="width: 120px; text-align: center;" | | ||
บรรทัดที่ 91: | บรรทัดที่ 89: | ||
| style="width:84px;" | <p style="text-align: right;">631</p> | | style="width:84px;" | <p style="text-align: right;">631</p> | ||
| style="width: | | style="width: 69px;" | <p style="text-align: right;">307</p> | ||
| style="width:84px;" | <p style="text-align: right;">10,726,614</p> | | style="width:84px;" | <p style="text-align: right;">10,726,614</p> | ||
| style="width:129px;" | <p style="text-align: right;">36.1</p> | | style="width:129px;" | <p style="text-align: right;">36.1</p> | ||
บรรทัดที่ 191: | บรรทัดที่ 189: | ||
| | ||
<p style="text-align: center;">'''ตารางที่ 3 : | <p style="text-align: center;">'''ตารางที่ 3 :''' พรรคร่วมรัฐบาลของสหราชอาณาจักรหลังสงครามโลกครั้งที่ 2</p> | ||
{| align="center" border="1" cellpadding="0" cellspacing="0" | {| align="center" border="1" cellpadding="0" cellspacing="0" | ||
|- | |- | ||
บรรทัดที่ 307: | บรรทัดที่ 305: | ||
|} | |} | ||
<p style="text-align: center;">'''ที่มา :''' Joseph L. Klesner, ''Comparative Politics: A Introduction'' (New York: McGraw-Hill, 2014), 272. และ GOV.UK, "Past Prime Ministers," accessed 1 September, 2021, [https://www.gov.uk/government/history/past-prime-ministers https://www.gov.uk/government/history/past-prime-ministers].</p> | <p style="text-align: center;">'''ที่มา :''' Joseph L. Klesner, ''Comparative Politics: A Introduction'' (New York: McGraw-Hill, 2014), 272. และ GOV.UK, "Past Prime Ministers," accessed 1 September, 2021, [https://www.gov.uk/government/history/past-prime-ministers https://www.gov.uk/government/history/past-prime-ministers].</p> | ||
= <span style="font-size:x-large;">'''บรรณานุกรม'''</span> = | |||
<span style="font-size:x-large;">'''บรรณานุกรม'''</span> | |||
BBC. "National Results ", 2010. Accessed 19 July, 2021. [http://news.bbc.co.uk/2/shared/election2010/results/ http://news.bbc.co.uk/2/shared/election2010/results/]. | BBC. "National Results ", 2010. Accessed 19 July, 2021. [http://news.bbc.co.uk/2/shared/election2010/results/ http://news.bbc.co.uk/2/shared/election2010/results/]. | ||
Electoral Reform Society. | Electoral Reform Society. The Uk General Election 2010: In-Depth. Electoral Reform Society, 2010. | ||
GOV.UK. "Past Prime Ministers." Accessed 1 September, 2021. [https://www.gov.uk/government/history/past-prime-ministers https://www.gov.uk/government/history/past-prime-ministers]. | GOV.UK. "Past Prime Ministers." Accessed 1 September, 2021. [https://www.gov.uk/government/history/past-prime-ministers https://www.gov.uk/government/history/past-prime-ministers]. | ||
Klesner, Joseph L. | Klesner, Joseph L. Comparative Politics: A Introduction. New York: McGraw-Hill, 2014. | ||
Lijphart, Arend. "Patterns of Democracy." In Chapter 5. Party Systems: Two-Party and Multiparty Patterns: Yale University Press, 2012. | |||
Rose, Richard. "Politics in England." In Comparative Politics Today: A World View. Edited by Gabriel A. Almond, Russell J. Dalton, G. Bingham Powell, and Kaare Strom. New York: Pearson, 2006. | |||
Siaroff, Alan. "Two-and-a-Half-Party Systems and the Comparative Role of the `Half'." Party Politics 9, no. 3 (2003): 267-90. [https://dx.doi.org/10.1177/1354068803009003001 https://dx.doi.org/10.1177/1354068803009003001]. | |||
'''<span style="font-size:x-large;">อ้างอิง</span>''' | = '''<span style="font-size:x-large;">อ้างอิง</span>''' = | ||
[[#_ftnref1|[1]]] มาจากคำอธิบายในงานของ Jean Blondel (1968) ดูใน Arend Lijphart, "Patterns of Democracy," in | [[#_ftnref1|[1]]] มาจากคำอธิบายในงานของ Jean Blondel (1968) ดูใน Arend Lijphart, "Patterns of Democracy," in Chapter 5. Party Systems: Two-Party and Multiparty Patterns (Yale University Press, 2012), 65. | ||
<div><div id="ftn2"> | <div><div id="ftn2"> | ||
[[#_ftnref2|[2]]] Alan Siaroff, "Two-and-a-Half-Party Systems and the Comparative Role of the `Half'," | [[#_ftnref2|[2]]] Alan Siaroff, "Two-and-a-Half-Party Systems and the Comparative Role of the `Half'," Party Politics 9, no. 3 (2003): 272, [https://dx.doi.org/10.1177/1354068803009003001 https://dx.doi.org/10.1177/1354068803009003001]. | ||
</div> <div id="ftn3"> | </div> <div id="ftn3"> | ||
[[#_ftnref3|[3]]] Siaroff, 268. | [[#_ftnref3|[3]]] Siaroff, 268. | ||
</div> <div id="ftn4"> | </div> <div id="ftn4"> | ||
[[#_ftnref4|[4]]] Lijphart, in | [[#_ftnref4|[4]]] Lijphart, in Chapter 5. Party Systems: Two-Party and Multiparty Patterns, 66. | ||
</div> <div id="ftn5"> | </div> <div id="ftn5"> | ||
[[#_ftnref5|[5]]] Lijphart, in | [[#_ftnref5|[5]]] Lijphart, in Chapter 5. Party Systems: Two-Party and Multiparty Patterns, 65. | ||
</div> <div id="ftn6"> | </div> <div id="ftn6"> | ||
[[#_ftnref6|[6]]] Siaroff, 272. | [[#_ftnref6|[6]]] Siaroff, 272. | ||
บรรทัดที่ 343: | บรรทัดที่ 337: | ||
[[#_ftnref7|[7]]] BBC, "National Results ", 2010, accessed 19 July, 2021, [http://news.bbc.co.uk/2/shared/election2010/results/ http://news.bbc.co.uk/2/shared/election2010/results/]. | [[#_ftnref7|[7]]] BBC, "National Results ", 2010, accessed 19 July, 2021, [http://news.bbc.co.uk/2/shared/election2010/results/ http://news.bbc.co.uk/2/shared/election2010/results/]. | ||
</div> <div id="ftn8"> | </div> <div id="ftn8"> | ||
[[#_ftnref8|[8]]] Joseph L. Klesner, | [[#_ftnref8|[8]]] Joseph L. Klesner, Comparative Politics: A Introduction (New York: McGraw-Hill, 2014), 272. และ GOV.UK, "Past Prime Ministers," accessed 1 September, 2021, [https://www.gov.uk/government/history/past-prime-ministers https://www.gov.uk/government/history/past-prime-ministers]. | ||
</div> <div id="ftn9"> | </div> <div id="ftn9"> | ||
[[#_ftnref9|[9]]] Lijphart, in | [[#_ftnref9|[9]]] Lijphart, in Chapter 5. Party Systems: Two-Party and Multiparty Patterns, 73. | ||
</div> <div id="ftn10"> | </div> <div id="ftn10"> | ||
[[#_ftnref10|[10]]] Klesner, 272. | [[#_ftnref10|[10]]] Klesner, 272. | ||
บรรทัดที่ 351: | บรรทัดที่ 345: | ||
[[#_ftnref11|[11]]] Siaroff, 274. | [[#_ftnref11|[11]]] Siaroff, 274. | ||
</div> <div id="ftn12"> | </div> <div id="ftn12"> | ||
[[#_ftnref12|[12]]] Richard Rose, "Politics in England," in | [[#_ftnref12|[12]]] Richard Rose, "Politics in England," in Comparative Politics Today: A World View, ed. Gabriel A. Almond et al. (New York: Pearson, 2006), 190. | ||
</div> <div id="ftn13"> | </div> <div id="ftn13"> | ||
[[#_ftnref13|[13]]] มาจากคำว่า Liberal Democrat Party และ Labour Party | [[#_ftnref13|[13]]] มาจากคำว่า Liberal Democrat Party และ Labour Party | ||
บรรทัดที่ 357: | บรรทัดที่ 351: | ||
[[#_ftnref14|[14]]] Siaroff, 276. | [[#_ftnref14|[14]]] Siaroff, 276. | ||
</div> <div id="ftn15"> | </div> <div id="ftn15"> | ||
[[#_ftnref15|[15]]] Rose, in | [[#_ftnref15|[15]]] Rose, in Comparative Politics Today: A World View, 190-91. | ||
</div> <div id="ftn16"> | </div> <div id="ftn16"> | ||
[[#_ftnref16|[16]]] Electoral Reform Society, | [[#_ftnref16|[16]]] Electoral Reform Society, The Uk General Election 2010: In-Depth (Electoral Reform Society, 2010), 6-7. | ||
</div> <div id="ftn17"> | </div> <div id="ftn17"> | ||
[[#_ftnref17|[17]]] Rose, in | [[#_ftnref17|[17]]] Rose, in Comparative Politics Today: A World View, 191. | ||
</div> </div> | </div> </div> | ||
| | ||
[[Category:พรรคการเมือง]][[Category:ว่าด้วยพรรคการเมืองและการเลือกตั้ง]][[Category:พรรคการเมืองและการเลือกตั้ง]][[Category:สารานุกรม คำศัพท์ต่าง ๆ]] | [[Category:พรรคการเมือง]] [[Category:ว่าด้วยพรรคการเมืองและการเลือกตั้ง]] [[Category:พรรคการเมืองและการเลือกตั้ง]] [[Category:สารานุกรม คำศัพท์ต่าง ๆ]] |
รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 11:00, 14 กรกฎาคม 2566
ผู้เรียบเรียง : เอกวีร์ มีสุข
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ : รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต
ระบบสองพรรคครึ่ง (สหราชอาณาจักร)
การทำความเข้าใจระบบสองพรรคครึ่งของสหราชอาณาจักร สามารถแบ่งการอธิบายออกเป็น 2 ส่วน คือ หนึ่ง นิยามทั่วไปของระบบสองพรรคครึ่ง และ สอง ระบบสองพรรคครึ่งในสหราชอาณาจักร
นิยามทั่วไปของระบบสองพรรคครึ่ง
ระบบสองพรรคครึ่ง (Two-and-a-Half-Party Systems) เป็นปรากฎการณ์ที่ระบบพรรคการเมืองของประเทศแม้จะมีพรรคการเมืองจำนวนมาก แต่จะมีพรรคการเมืองขนาดใหญ่ 2 พรรค ที่แข่งขันกันในการเลือกตั้งของระบบรัฐสภาและมีพรรคการเมืองที่มีขนาดเป็นอันดับสามที่แม้จะได้ที่นั่งในรัฐสภาพอสมควร แต่ไม่ได้มีจำนวนมากเทียบเท่ากับสองพรรคใหญ่ แต่พรรคการเมืองอันดับสามนี้สามารถเป็นตัวแปรสำคัญในการจัดตั้งรัฐบาลผสมกับสองพรรคใหญ่ในกรณีที่พรรคการเมืองขนาดใหญ่ไม่สามารถได้ที่นั่งในสภาถึงกึ่งหนึ่งของที่มีอยู่ได้ โดยพบปรากฎการณ์ระบบสองพรรคครึ่งที่พรรคการเมืองอันดับสามมีบทบาทสำคัญในทางการเมืองในประเทศเยอรมนี ลักเซมเบิร์ก ไอร์แลนด์ และแคนาดา[1] อย่างไรก็ตาม ระบบสองพรรคครึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงผันแปรไปตามผลการเลือกตั้งในแต่ละครั้งและการเปลี่ยนแปลงในกติกาเกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมือง ตัวอย่างเช่น ประเทศไอร์แลนด์และเบลเยี่ยมที่เปลี่ยนมาเป็นระบบพรรคการเมืองแบบหลายพรรค ขณะที่ประเทศโปรตุเกสกลับเปลี่ยนไปในทิศทางตรงกันข้ามจากระบบพรรคการเมืองหลายพรรคมาเป็นระบบสองพรรคครึ่ง[2]
การวัดและประเมินว่าระบบพรรคการเมืองของประเทศใดที่ถือว่าเป็นระบบสองพรรคครึ่ง สามารถพิจารณาได้จากจำนวนพรรคการเมืองที่มีประสิทธิผล (Effective number of parties: ENP) ที่มีค่าตั้งแต่ 1 จนถึงไม่มีที่สิ้นสุด (one to infinity) และการพิจารณาจากความสามารถในการจัดตั้งพรรคร่วมรัฐบาล (coalition) และการแบลคเมล์ (blackmail) ของพรรคการเมืองที่สำคัญ[3] โดยการคำนวณหาค่าจำนวนพรรคการเมืองที่มีประสิทธิผลอาศัยสูตรที่พัฒนาโดย Markku Laakso และ Rein Taagepera ใน ค.ศ. 1979 โดยให้ N เท่ากับจำนวนพรรคการเมืองที่มีประสิทธิผล และ Si คือสัดส่วนที่นั่งของพรรคการเมือง i ที่คำนวณรวมเฉพาะพรรคการเมืองที่มีที่นั่งในสภาตามสูตรคำนวน[4] ดังนี้

ในงานของ Jean Blondel (1968) ได้แบ่งประเภทของพรรคการเมืองตามจำนวนและขนาดของพรรคออกเป็น 4 ประเภท แต่งานของ Blondel มีข้อบกพร่องเฉกเช่นงานศึกษาพรรคการเมืองในยุคก่อนหน้า เนื่องจากยังไม่สามารถหาค่าที่แน่ชัดได้ว่าในแต่ละระบบพรรคการเมืองจะมีจำนวนของพรรคการเมืองเท่าใดและแต่ละพรรคจะมีจำนวนที่นั่งในสภาเท่าใดถึงจะเรียกได้ว่าเป็นระบบพรรคการเมืองแบบสองพรรค ระบบพรรคการเมืองแบบสองพรรคครึ่ง ระบบพรรคการเมืองแบบหลายพรรคแบบมีพรรคเด่นพรรคเดียว หรือระบบพรรคการเมืองแบบหลายพรรคแบบไม่มีพรรคเด่นพรรคเดียว การนำสูตรการคำนวณของ Markku Laakso และ Rein Taagepera สามารถใช้คำนวณเพื่อหาค่าจำนวนพรรคการเมืองที่มีประสิทธิผลได้อย่างชัดเจน การการคำนวณพบว่าในระบบสองพรรคครึ่งมีค่าจำนวนพรรคการเมืองที่มีประสิทธิผลที่ 2.6 ตามตารางที่ 1[5] อย่างไรก็ตาม มีงานวิชาการอื่นที่กำหนดเกณฑ์ประเมินว่าระบบพรรคการเมืองแบบสองพรรคครึ่งด้วย อาทิ งานของ Alan Siaroff (2003) เสนอว่าระบบสองพรรคครึ่งมีเกณฑ์การพิจารณาว่า หนึ่ง พรรคการเมืองสองพรรคใหญ่ได้ที่นั่งในรัฐสภารวมกันอย่างน้อย ร้อยละ 80 แต่ไม่เกิน ร้อยละ 95 ของที่นั่งทั้งหมด และ สอง ระบบพรรคการเมืองไม่เกิดปัญหาพรรคเดี่ยวครอบงำ (one-party predominant) และสัดส่วนที่นั่งระหว่างพรรคการเมืองใหญ่อันดับสองและพรรคอันดับสามจะห่างกันอย่างน้อย 2.5[6]
ตารางที่ 1 : การแบ่งประเภทของระบบพรรคการเมืองตามจำนวนและขนาดของพรรคการเมือง
ระบบพรรคการเมือง (Party systems) |
สมมติฐานตัวอย่างสัดส่วนที่นั่งในสภาของแต่ละพรรค (Hypothetical examples of seat shares) |
จำนวนพรรคการเมืองที่มีประสิทธิผล (Effective number of parties) |
---|---|---|
ระบบพรรคการเมืองแบบสองพรรค (Two-Party System) |
55–45 |
2.0 |
ระบบพรรคการเมืองแบบสองพรรคครึ่ง (Two-and-a-Half-Party Systems) |
45–40–15 |
2.6 |
ระบบพรรคการเมืองแบบหลายพรรคแบบมีพรรคเด่นพรรคเดียว (Multiparty system with a dominant party) |
45–20–15–10–10 |
3.5 |
ระบบพรรคการเมืองแบบหลายพรรคแบบไม่มีพรรคเด่นพรรคเดียว (Multiparty system without a dominant party) |
25–25–25–15–10 |
4.5 |
ที่มา : Arend Lijphart, "Patterns of Democracy," in Chapter 5. Party Systems: Two-Party and Multiparty Patterns (Yale University Press, 2012), 65.
ระบบสองพรรคครึ่งในสหราชอาณาจักร
ในกรณีของสหราชอาณาจักร ระบบสองพรรคครึ่งเป็นระบบพรรคการเมืองที่ใช้นิยามการแข่งขันทางการเมืองในสหราชอาณาจักรจากการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสภาล่าง (House of Commons) ค.ศ. 2010 เมื่อผลการเลือกตั้งพรรคการเมืองขนาดใหญ่สองพรรคคือ พรรคอนุรักษ์นิยม (Conservative Party) และพรรคแรงงาน (Labour Party) แต่ละพรรคได้ที่นั่งไม่ถึงกึ่งหนึ่งของที่นั่งในสภาล่างทั้งหมด ทำให้ทั้งสองพรรคไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ การจัดตั้งรัฐบาลจึงต้องร่วมมือกับพรรคเสรีประชาธิปไตย (Liberal Democrat Party) ซึ่งได้ที่นั่งเป็นอันดับ 3 ในการเลือกตั้ง[7] โดยพรรคอนุรักษ์นิยมที่ได้คะแนนเสียงเป็นอันดับหนึ่งได้ตัดสินใจจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคเสรีประชาธิปไตยเป็นรัฐบาลผสมครั้งแรกของสหราชอาณาจักรนับตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่_2 อย่างไรก็ตาม หลังจากการเลือกตั้งใน ค.ศ. 2015 พรรคอนุรักษ์นิยมสามารถชนะการเลือกตั้งโดยได้ที่นั่งในสภาเกินกว่ากึ่งหนึ่งได้และการเลือกตั้งหลังจากนี้ทำให้ระบบการเมืองอังกฤษกลับไปสู่ระบบพรรคการเมืองแบบสองพรรค (Two-Party System) อีกครั้ง
ตารางที่ 2 : การเลือกตั้งทั่วไปของสหราชอาณาจักร ค.ศ. 2010
พรรคการเมือง |
เขตเลือกตั้ง ที่ลงแข่ง |
จำนวน ส.ส. ที่ได้ |
คะแนนดิบที่ได้ทั้งหมด |
ร้อยละของคะแนนดิบที่ได้ทั้งหมด |
---|---|---|---|---|
พรรคอนุรักษ์นิยม (Conservative Party) |
631 |
307 |
10,726,614 |
36.1 |
พรรคแรงงาน (Labour Party) |
631 |
258 |
8,609,527 |
29.0 |
พรรคเสรีประชาธิปไตย (Liberal Democrat Party) |
631 |
57 |
6,836,824 |
23.0 |
พรรคสหภาพประชาธิปไตย (Democratic Unionist Party) |
16 |
8 |
168,216 |
0.6 |
พรรคชาตินิยมสก๊อตแลนด์ (Scottish National Party) |
59 |
6 |
491,386 |
1.7 |
Sinn Fein |
17 |
5 |
171,942 |
0.6 |
Plaid Cymru |
18 |
3 |
165,394 |
0.6 |
Social Democratic & Labour Party |
18 |
3 |
110,970 |
0.4 |
Green |
310 |
1 |
285,616 |
1.0 |
Alliance Party |
18 |
1 |
42,762 |
0.1 |
อื่น ๆ รวมผู้สมัครอิสระ (Others) |
1 |
1 |
321,309 |
1.1 |
รวม |
|
650 |
29,691,380 |
100.0 |
ที่มา : BBC
การเกิดระบบสองพรรคครึ่งใน ค.ศ. 2010 สร้างการเปลี่ยนแปลงในระบบพรรคการเมืองอังกฤษที่เป็นประเทศแม่แบบของระบบพรรคการเมืองแบบสองพรรค เนื่องจากนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 การเมืองและการเลือกตั้งในสหราชอาณาจักรโดยทั่วไปเป็นระบบพรรคการเมืองแบบสองพรรคที่พรรคใหญ่อย่างพรรคอนุรักษ์นิยมและพรรคแรงงาน แข่งขันกันผ่านการเลือกตั้งเพื่อสลับเป็นพรรครัฐบาลและนายกรัฐมนตรี[8] โดยในงานของ Arend Lijphart (2012) ที่ศึกษาจำนวนพรรคการเมืองที่มีประสิทธิผลใน 36 ประเทศ ระหว่าง ค.ศ. 1945-2010 ยืนยันว่าระบบพรรคการเมืองของสหราชอาณาจักรเป็นแบบระบบสองพรรคโดยพื้นฐาน โดยค่าจำนวนพรรคการเมืองที่มีประสิทธิผลของสหราชอาณาจักร เฉลี่ยที่ 2.16[9] โดยพรรคการเมืองที่ได้รับที่นั่งในสภามากที่สุดจะได้รับสิทธิในการจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวในระบบรัฐสภาตามตารางที่ 3 ทำให้ระบบการเมืองของอังกฤษมีการแบ่งชัดระหว่างบทบาทหน้าที่ของฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน เช่น การเรียกฝ่ายรัฐบาลว่ารัฐบาลในพระองค์ (Her Majesty’s Government) และเรียกฝ่ายค้านว่าฝ่ายค้านผู้ภักดีในพระองค์ (Her Majesty’s Loyal Opposition) ผู้ออกเสียงเลือกตั้งมีความชัดเจนที่จะเลือกตพรรคการเมืองในการเลือกตั้งที่มีสองพรรคหลัก หากต้องการนายกรัฐมนตรีจากพรรคแรงงานก็ให้เลือกพรรคแรงงาน หากต้องการนายกรัฐมนตรีจากพรรคอนุรักษ์นิยมให้เลือกพรรคอนุรักษ์นิยม[10]
อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงและแนวโน้มที่นำไปสู่การเกิดระบบสองพรรคครึ่งมิได้เป็นปรากฎการณ์ที่เกิดอย่างฉับพลัน แต่เป็นผลจากพัฒนาการของการแข่งขันระหว่างพรรคการเมืองที่ทำให้พรรคการเมืองนอกเหนือจากสองพรรคใหญ่พยายามเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ปรากฎชัดครั้งแรกในการเลือกตั้งเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1974 เมื่อผลการเลือกตั้งพบว่าพรรคแรงงานและพรรคอนุรักษ์นิยมไม่สามารถได้ที่นั่งในสภาเกินกึ่งหนึ่งเพื่อจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ โดยพรรคแรงงานได้ที่นั่งสูงสุด 301 ที่นั่ง ส่วนพรรคอนุรักษ์นิยมได้ 297 ที่นั่ง จนเกิดภาวะ “สภาแขวน” (hung parliament) ที่ไม่มีพรรคการเมืองใดได้เสียงข้างมากเด็ดขาดในรัฐสภา[11] ทำให้พรรคเสรีประชาธิปไตยซึ่งได้ที่นั่งมาเป็นลำดับสามและได้คะแนนดิบประมาณ ร้อยละ 20 ของผู้ออกเสียงเลือกตั้งซึ่งมากที่สุดนับจากหลังสงครามโลกครั้งที่สอง[12] กลายเป็นจุดสนใจของสาธารณะครั้งแรกว่าจะเป็นพรรคตัวแปรสำคัญในการจัดตั้งรัฐบาลผสมจากเดิมที่เป็นพรรคที่มีบทบาททางการเมืองน้อย อย่างไรก็ตาม พรรคแรงงานได้ตัดสินใจตั้งรัฐบาลเสียงส่วนน้อย (minority government) ขึ้นเป็นครั้งแรกระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนตุลาคม ค.ศ. 1974 ต่อมาเมื่อมีการเลือกตั้งใหม่ในเดือนตุลาคมปีเดียวกันพรรคแรงงานได้กลับมาเป็นรัฐบาลเสียงข้างมากอีกครั้ง ส่วนบทบาทของพรรคเสรีประชาธิปไตยก็ลดบทบาทกลายเป็นพรรคฝ่ายค้านแต่ก็ยังคงรักษาความเป็นพันธมิตรกับพรรคแรงงานในการผลักดันนโยบายหรือที่เรียกว่าข้อตกลง ลิป-แลป (Lib–Lab Pact)[13] ในช่วง ค.ศ. 1977-1978 จนในการเลือกตั้ง ค.ศ. 1980 สหราชอาณาจักรจึงกลับไปเป็นระบบสองพรรคเหมือนเดิม[14]
แม้ว่าช่วง ค.ศ. 1980-2010 ระบบพรรคการเมืองแบบอังกฤษจะยังคงเป็นระบบสองพรรค แต่ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงภายในระบบการเมืองที่เอื้อจนนำไปสู่การเกิดระบบสองพรรคครึ่งใน ค.ศ. 2010 ได้แก่ หนึ่ง คะแนนดิบของผู้ออกเสียงเลือกตั้งในสองพรรคใหญ่มีจำนวนลดลง โดยคะแนนดิบรวมของพรรคอนุรักษ์นิยมและพรรคแรงงานเหลือเพียง ร้อยละ 75 ตั้งแต่การเลือกตั้ง ค.ศ. 1974 และมีแนวโน้มลดลงมาโดยตลอดจนในการเลือกตั้ง ค.ศ. 2005 ทั้งสองพรรคได้คะแนนดิบรวมเพียง ร้อยละ 67[15] แตกต่างจากพรรคเสรีประชาธิปไตยที่มีแนวโน้มได้คะแนนดิบสูงมากขึ้นนับตั้งแต่การเลือกตั้งใน ค.ศ. 1974 ที่ได้คะแนนดิบเฉลี่ยที่ ร้อยละ 20[16] สอง การแข่งขันของพรรคการเมืองขนาดเล็กที่มีมากขึ้น แม้ว่าระบบพรรคการเมืองแบบสองพรรคจะยังครอบงำการเมืองสหราชอาณาจักร แต่มีพรรคการเมืองขนาดเล็กที่เข้ามามีส่วนแบ่งในการได้ที่นั่งในสภา ทั้งพรรคการเมืองในพื้นที่อังกฤษอย่างพรรคเสรีประชาธิปไตย ในไอร์แลนด์เหนืออย่างพรรคสหภาพประชาธิปไตย (Democratic Unionist Party) และพรรค Sinn Fein ในสก๊อตแลนด์อย่างพรรคชาตินิยมสก๊อตแลนด์ (Scottish National Party) และในเวลส์อย่าง พรรค Plaid Cymru กับ สาม พรรคการเมืองขนาดเล็กเริ่มเป็นคู่แข่งพรรคการเมืองขนาดใหญ่ในบางพื้นที่ ทำให้ในบางพื้นที่ไม่ใช่เป็นการแข่งขันระหว่างสองพรรคใหญ่เสมอไป อาทิ ใน ค.ศ. 2005 พื้นที่สก๊อตแลนด์เป็นการแข่งขันระหว่างพรรคแรงงานและพรรคเสรีประชาธิปไตย หรือในไอร์แลนด์เหนือเป็นการแข่งขันของพรรคสหภาพประชาธิปไตยและพรรค Sinn Fein[17] ปัจจัยทั้งสามข้อนี้จึงเอื้อให้การเลือกตั้ง ค.ศ. 2010 พรรคการเมืองที่ไม่ใช่สองพรรคใหญ่ได้คะแนนเสียงและที่นั่งในสภามากขึ้นรวม 85 ที่นั่ง โดยพรรคเสรีประชาธิปไตยได้จำนวนที่นั่งในสภาจำนวน 57 ที่นั่ง ซึ่งมากที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งพรรค ส่งผลให้พรรคเสรีประชาธิปไตยกลายเป็นตัวแปรสำคัญของการจัดตั้งรัฐบาลผสมร่วมกับพรรคอนุรักษ์นิยมในเวลาต่อมา
ตารางที่ 3 : พรรคร่วมรัฐบาลของสหราชอาณาจักรหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
นายกรัฐมนตรี |
พรรครัฐบาล |
ปีการครองอำนาจ (ค.ศ.) |
---|---|---|
เคลเมนต์ แอตต์ลี (Clement Attlee) |
พรรคแรงงาน |
1945-1951 |
เซอร์ วินสตัน เชอร์ชิลล์ (Sir Winston Churchill) |
พรรคอนุรักษ์นิยม |
1951-1955 |
เซอร์ แอนโทนี อีเดน (Sir Anthony Eden) |
พรรคอนุรักษ์นิยม |
1955-1957 |
ฮาโรลด์ แมคมิลแลน (Harold Macmillan) |
พรรคอนุรักษ์นิยม |
1957-1963 |
เซอร์ อเล็ค ดักลาส-ฮูม (Sir Alec Douglas-Home) |
พรรคอนุรักษ์นิยม |
1963-1964 |
ฮาโรลด์ วิลสัน (Harold Wilson) |
พรรคแรงงาน |
1964-2970 |
เอ็ดวาร์ด ฮีธ (Edward Heath) |
พรรคอนุรักษ์นิยม |
1970-1974 |
ฮาโรลด์ วิลสัน (Harold Wilson) |
พรรคแรงงาน |
1974-1976 |
เจมส์ คัลลาฮาน (James Callaghan) |
พรรคแรงงาน |
1976-1979 |
มาร์กาเรต แทตเชอร์ (Margaret Thatcher) |
พรรคอนุรักษ์นิยม |
1979-1990 |
จอห์น เมเจอร์ (John Major) |
พรรคอนุรักษ์นิยม |
1990-1997 |
โทนี แบลร์ (Tony Blair) |
พรรคแรงงาน |
1997-2007 |
กอร์ดอน บราวน์ (Gordon Brown) |
พรรคแรงงาน |
2007-2010 |
เดวิด แคเมอรอน (David Cameron) |
พรรคอนุรักษ์นิยม-พรรคเสรีประชาธิปไตย |
2010-2015 |
เดวิด แคเมอรอน (David Cameron) |
พรรคอนุรักษ์นิยม |
2015-2016 |
เทรีซา เมย์ (Theresa May) |
พรรคอนุรักษ์นิยม |
2016-2019 |
บอริส จอห์นสัน (Boris Johnson) |
พรรคอนุรักษ์นิยม |
2019-ปัจจุบัน |
ที่มา : Joseph L. Klesner, Comparative Politics: A Introduction (New York: McGraw-Hill, 2014), 272. และ GOV.UK, "Past Prime Ministers," accessed 1 September, 2021, https://www.gov.uk/government/history/past-prime-ministers.
บรรณานุกรม
BBC. "National Results ", 2010. Accessed 19 July, 2021. http://news.bbc.co.uk/2/shared/election2010/results/.
Electoral Reform Society. The Uk General Election 2010: In-Depth. Electoral Reform Society, 2010.
GOV.UK. "Past Prime Ministers." Accessed 1 September, 2021. https://www.gov.uk/government/history/past-prime-ministers.
Klesner, Joseph L. Comparative Politics: A Introduction. New York: McGraw-Hill, 2014.
Lijphart, Arend. "Patterns of Democracy." In Chapter 5. Party Systems: Two-Party and Multiparty Patterns: Yale University Press, 2012.
Rose, Richard. "Politics in England." In Comparative Politics Today: A World View. Edited by Gabriel A. Almond, Russell J. Dalton, G. Bingham Powell, and Kaare Strom. New York: Pearson, 2006.
Siaroff, Alan. "Two-and-a-Half-Party Systems and the Comparative Role of the `Half'." Party Politics 9, no. 3 (2003): 267-90. https://dx.doi.org/10.1177/1354068803009003001.
อ้างอิง
[1] มาจากคำอธิบายในงานของ Jean Blondel (1968) ดูใน Arend Lijphart, "Patterns of Democracy," in Chapter 5. Party Systems: Two-Party and Multiparty Patterns (Yale University Press, 2012), 65.
[2] Alan Siaroff, "Two-and-a-Half-Party Systems and the Comparative Role of the `Half'," Party Politics 9, no. 3 (2003): 272, https://dx.doi.org/10.1177/1354068803009003001.
[3] Siaroff, 268.
[4] Lijphart, in Chapter 5. Party Systems: Two-Party and Multiparty Patterns, 66.
[5] Lijphart, in Chapter 5. Party Systems: Two-Party and Multiparty Patterns, 65.
[6] Siaroff, 272.
[7] BBC, "National Results ", 2010, accessed 19 July, 2021, http://news.bbc.co.uk/2/shared/election2010/results/.
[8] Joseph L. Klesner, Comparative Politics: A Introduction (New York: McGraw-Hill, 2014), 272. และ GOV.UK, "Past Prime Ministers," accessed 1 September, 2021, https://www.gov.uk/government/history/past-prime-ministers.
[9] Lijphart, in Chapter 5. Party Systems: Two-Party and Multiparty Patterns, 73.
[10] Klesner, 272.
[11] Siaroff, 274.
[12] Richard Rose, "Politics in England," in Comparative Politics Today: A World View, ed. Gabriel A. Almond et al. (New York: Pearson, 2006), 190.
[13] มาจากคำว่า Liberal Democrat Party และ Labour Party
[14] Siaroff, 276.
[15] Rose, in Comparative Politics Today: A World View, 190-91.
[16] Electoral Reform Society, The Uk General Election 2010: In-Depth (Electoral Reform Society, 2010), 6-7.
[17] Rose, in Comparative Politics Today: A World View, 191.