ผลต่างระหว่างรุ่นของ "แนวนโยบายแห่งรัฐตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560"

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
สร้างหน้าด้วย "<div> = '''ความหมายของแนวนโยบายแห่งรัฐ''' = </div> แนวนโยบายแห่งรั..."
 
Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
 
(ไม่แสดง 1 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้คนเดียวกัน)
บรรทัดที่ 2: บรรทัดที่ 2:
= '''ความหมายของแนวนโยบายแห่งรัฐ''' =
= '''ความหมายของแนวนโยบายแห่งรัฐ''' =
</div>  
</div>  
แนวนโยบายแห่งรัฐเป็นคำที่มาจากรัฐธรรมนูญจึงมีนักวิชาการหลายท่านให้ความหมายของคำนี้ไว้ เช่น
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; แนวนโยบายแห่งรัฐเป็นคำที่มาจากรัฐธรรมนูญจึงมีนักวิชาการหลายท่านให้ความหมายของคำนี้ไว้ เช่น


“แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ หมายถึง แนวนโยบายขั้นพื้นฐานที่'''รัฐ''''''&nbsp;ฝ่ายบริหาร&nbsp;หรือองค์กรของรัฐ'''จะต้องดำเนินการให้เกิดประโยชน์กับประเทศชาติและประชาชน”[[#_ftn1|[1]]]
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; “แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ หมายถึง แนวนโยบายขั้นพื้นฐานที่'''รัฐ''''''&nbsp;ฝ่ายบริหาร&nbsp;หรือองค์กรของรัฐ'''จะต้องดำเนินการให้เกิดประโยชน์กับประเทศชาติและประชาชน”[[#_ftn1|[1]]]


“แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ” คือ หลักการแห่งนโยบายหลัก ซึ่งกำหนดไว้ในรัฐธรรมนุญให้รัฐจะต้องปฏิบัติตาม [[#_ftn2|[2]]]
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; “แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ” คือ หลักการแห่งนโยบายหลัก ซึ่งกำหนดไว้ในรัฐธรรมนุญให้รัฐจะต้องปฏิบัติตาม [[#_ftn2|[2]]]


แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ หมายถึง กรอบหรือแนวทางที่เป็นนโยบายหลักของประเทศ ซึ่งกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญเพื่อให้เกิด ความมั่นคงแห่งความเป็นรัฐและตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนซึ่งรัฐบาลรัฐสภาหรือองค์กรของ รัฐมีหน้าที่ต้องดำเนินการกำหนดนโยบายบริหารราชการและออกกฎหมายให้เป็นไปตามหลักการที่กำหนด ไว้เป็นแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ และจะไม่ผันแปรไปตามการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง[[#_ftn3|[3]]]
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ หมายถึง กรอบหรือแนวทางที่เป็นนโยบายหลักของประเทศ ซึ่งกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญเพื่อให้เกิด ความมั่นคงแห่งความเป็นรัฐและตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนซึ่งรัฐบาลรัฐสภาหรือองค์กรของ รัฐมีหน้าที่ต้องดำเนินการกำหนดนโยบายบริหารราชการและออกกฎหมายให้เป็นไปตามหลักการที่กำหนด ไว้เป็นแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ และจะไม่ผันแปรไปตามการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง[[#_ftn3|[3]]]


จากการให้ความหมายดังกล่าวข้างต้น จึงอาจให้ความหมายของแนวนโยบายแห่งรัฐ หมายถึง หลักการนโยบายที่ผู้บริหารประเทศจะต้องดำเนินการตามที่รัฐะรรมนูญกำหนดให้บริหารประเทศ ทั้งนี้ โดยไม่คำนึงถึงนโยบายของพรรคการเมืองที่เป็นฝ่ายรัฐบาลที่ใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งและทำให้ได้รับเลือกตั้งจากนโยบายของพรรคการเมือง
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; จากการให้ความหมายดังกล่าวข้างต้น จึงอาจให้ความหมายของแนวนโยบายแห่งรัฐ หมายถึง หลักการนโยบายที่ผู้บริหารประเทศจะต้องดำเนินการตามที่รัฐะรรมนูญกำหนดให้บริหารประเทศ ทั้งนี้ โดยไม่คำนึงถึงนโยบายของพรรคการเมืองที่เป็นฝ่ายรัฐบาลที่ใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งและทำให้ได้รับเลือกตั้งจากนโยบายของพรรคการเมือง


&nbsp;
&nbsp;
บรรทัดที่ 16: บรรทัดที่ 16:
= '''ความเป็นมาของการกำหนดแนวนโยบายแห่งรัฐไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย''' =
= '''ความเป็นมาของการกำหนดแนวนโยบายแห่งรัฐไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย''' =
</div>  
</div>  
แนวนโยบายแห่งรัฐเริ่มปรากฏขึ้นครั้งแรกในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2492 ด้วยการกำหนดรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับการบริหารราชการแผ่นดินในด้านต่าง ๆ อาทิ การรักษาเอกราชการสร้างความแข็งแกร่งของกองทัพ การรักษาวัฒนธรรมของชาติ การส่งเสริมเศรษฐกิจเสรี ส่งเสริมระบบสาธารณสุข เป็นต้น โดยรับอิทธิพลแนวความคิดของรัฐธรรมนูญของประเทศไอร์แลนด์ ค.ศ. 1937 ภายหลังจากนั้น รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยก็ได้มีการกำหนดแนวนโยบายแห่งรัฐไว้ภายในรัฐธรรมนูญในอีกหลายฉบับต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน พร้อมกันการเพิ่มเติมแนวนโยบายแห่งรัฐเอาไว้หลายประเด็น เช่น แนวนโยบายด้านการต่างประเทศ<br/> ด้านกฎหมายและการยุติธรรม ด้านทรัพยากรธรรมชาติ ด้านวิทยาศาสตร์ ทรัพย์สินทางปัญญา เป็นต้น
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; แนวนโยบายแห่งรัฐเริ่มปรากฏขึ้นครั้งแรกในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2492 ด้วยการกำหนดรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับการบริหารราชการแผ่นดินในด้านต่าง ๆ อาทิ การรักษาเอกราชการสร้างความแข็งแกร่งของกองทัพ การรักษาวัฒนธรรมของชาติ การส่งเสริมเศรษฐกิจเสรี ส่งเสริมระบบสาธารณสุข เป็นต้น โดยรับอิทธิพลแนวความคิดของรัฐธรรมนูญของประเทศไอร์แลนด์ ค.ศ. 1937 ภายหลังจากนั้น รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยก็ได้มีการกำหนดแนวนโยบายแห่งรัฐไว้ภายในรัฐธรรมนูญในอีกหลายฉบับต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน พร้อมกันการเพิ่มเติมแนวนโยบายแห่งรัฐเอาไว้หลายประเด็น เช่น แนวนโยบายด้านการต่างประเทศ ด้านกฎหมายและการยุติธรรม ด้านทรัพยากรธรรมชาติ ด้านวิทยาศาสตร์ ทรัพย์สินทางปัญญา เป็นต้น


แนวนโยบายแห่งรัฐมีประโยชน์ต่อรัฐบาลที่บริหารประเทศ 2 ประการ คือ[[#_ftn4|[4]]]
แนวนโยบายแห่งรัฐมีประโยชน์ต่อรัฐบาลที่บริหารประเทศ 2 ประการ คือ[[#_ftn4|[4]]]
บรรทัดที่ 24: บรรทัดที่ 24:
&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; 2) เป็นแนวทางในการกำหนดนโยบายในการบริหารราชการแผ่นดิน
&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; 2) เป็นแนวทางในการกำหนดนโยบายในการบริหารราชการแผ่นดิน


ดังนั้น แนวนโยบานแห่งรัฐจึงถือเป็นหลักการที่ทุกรัฐบาลจะต้องจัดทำอันแตกต่างจากนโยบายของแต่ละรัฐบาลนั่นเอง
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; ดังนั้น แนวนโยบานแห่งรัฐจึงถือเป็นหลักการที่ทุกรัฐบาลจะต้องจัดทำอันแตกต่างจากนโยบายของแต่ละรัฐบาลนั่นเอง


แนวนโยบายแห่งรัฐในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 ได้บัญญัติไว้ในหมวด 6 กำหนดขึ้นเพื่อเป็นแนวทางให้รัฐดําเนินการตรากฎหมายและกําหนดนโยบาย ในการบริหารราชการแผ่นดิน โดยมีหลักการสำคัญ คือ “'''การรักษาความต่อเนื่องสม่ำเสมอของการบริหารราชการแผ่นดิน'''” เนื่องจากระบอบการปกครองแบบรัฐสภามีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลได้บ่อยครั้ง ดังนั้น เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปอย่างต่อเนื่อง รัฐธรรมนูญจึงได้กำหนดบทบัญญัติเรื่องแนวนโยบายแห่งรัฐขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว อย่างไรก็ดี โดยปกติแล้วแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐจะวางหลักการไว้กลาง ๆ สำหรับรัฐบาลทุกชุดและทุกรัฐสภา ดังนั้น แนวนโยบายแห่งรัฐจึงมีสถานะที่ใหญ่กว่าแนวนโยบายของพรรคการเมืองที่แถลงไว้ต่อรัฐสภาว่าจะทำสิ่งใดตลอดระยะเวลาที่ตนได้เป็นรัฐบาล เพื่อจัดวางบทบาทและภารกิจของรัฐในการบริหารราชการแผ่นดินให้เกิดความต่อเนื่องของนโยบาย
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; แนวนโยบายแห่งรัฐในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 ได้บัญญัติไว้ในหมวด 6 กำหนดขึ้นเพื่อเป็นแนวทางให้รัฐดําเนินการตรากฎหมายและกําหนดนโยบาย ในการบริหารราชการแผ่นดิน โดยมีหลักการสำคัญ คือ “'''การรักษาความต่อเนื่องสม่ำเสมอของการบริหารราชการแผ่นดิน'''” เนื่องจากระบอบการปกครองแบบรัฐสภามีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลได้บ่อยครั้ง ดังนั้น เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปอย่างต่อเนื่อง รัฐธรรมนูญจึงได้กำหนดบทบัญญัติเรื่องแนวนโยบายแห่งรัฐขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว อย่างไรก็ดี โดยปกติแล้วแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐจะวางหลักการไว้กลาง ๆ สำหรับรัฐบาลทุกชุดและทุกรัฐสภา ดังนั้น แนวนโยบายแห่งรัฐจึงมีสถานะที่ใหญ่กว่าแนวนโยบายของพรรคการเมืองที่แถลงไว้ต่อรัฐสภาว่าจะทำสิ่งใดตลอดระยะเวลาที่ตนได้เป็นรัฐบาล เพื่อจัดวางบทบาทและภารกิจของรัฐในการบริหารราชการแผ่นดินให้เกิดความต่อเนื่องของนโยบาย


ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 แนวนโยบายแห่งรัฐบัญญัติใช้คำขึ้นต้นในแต่ละมาตราว่า “'''รัฐพึง...'''” ซึ่งมีนัยสำคัญว่า รัฐควรจะต้องดำเนินการและรับผิดชอบทางการเมืองในกรณีที่ไม่อาจดำเนินการได้ ด้วยการกำหนดให้เป็นแนวทางให้รัฐดำเนินการตรากฎหมายและกำหนดนโยบายในการบริหารราชการแผ่นดิน (มาตรา 64) จึงแตกต่างจากบทบัญญัติในหมวด 5 “หน้าที่ของรัฐ” ที่ใช้คำขึ้นต้นมาตราว่า<br/> “รัฐต้อง...” หมายความว่า รัฐธรรมนูญบังคับให้เป็นหน้าที่ของรัฐให้ต้องปฏิบัตินั่นเอง
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 แนวนโยบายแห่งรัฐบัญญัติใช้คำขึ้นต้นในแต่ละมาตราว่า “'''รัฐพึง...'''” ซึ่งมีนัยสำคัญว่า รัฐควรจะต้องดำเนินการและรับผิดชอบทางการเมืองในกรณีที่ไม่อาจดำเนินการได้ ด้วยการกำหนดให้เป็นแนวทางให้รัฐดำเนินการตรากฎหมายและกำหนดนโยบายในการบริหารราชการแผ่นดิน (มาตรา 64) จึงแตกต่างจากบทบัญญัติในหมวด 5 “หน้าที่ของรัฐ” ที่ใช้คำขึ้นต้นมาตราว่า<br/> “รัฐต้อง...” หมายความว่า รัฐธรรมนูญบังคับให้เป็นหน้าที่ของรัฐให้ต้องปฏิบัตินั่นเอง


&nbsp;
&nbsp;
บรรทัดที่ 34: บรรทัดที่ 34:
= '''ขอบเขตของแนวนโยบายแห่งรัฐ''' =
= '''ขอบเขตของแนวนโยบายแห่งรัฐ''' =
</div>  
</div>  
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ได้บัญญัติแนวนโยบายแห่งรัฐไว้ในหมวด 6 ตั้งแต่มาตรา 64-78 แบ่งแยกออกเป็น 2 ส่วน คือ ในส่วนของหลักการที่เคยมีมาแต่เดิมในรัฐธรรมนูญ และ หลักการ<br/> ที่เพิ่มขึ้นใหม่ รายละเอียด ดังนี้
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ได้บัญญัติแนวนโยบายแห่งรัฐไว้ในหมวด 6 ตั้งแต่มาตรา 64-78 แบ่งแยกออกเป็น 2 ส่วน คือ ในส่วนของหลักการที่เคยมีมาแต่เดิมในรัฐธรรมนูญ และ หลักการ<br/> ที่เพิ่มขึ้นใหม่ รายละเอียด ดังนี้
<div style="margin-left:42.55pt;">
<div style="margin-left:42.55pt;">
=== '''ก) นโยบายแห่งรัฐที่มีอยู่แล้วในรัฐธรรมนูญก่อนหน้าและนำมาบัญญัติอีกครั้งในฉบับปัจจุบัน''' ===
=== '''ก) นโยบายแห่งรัฐที่มีอยู่แล้วในรัฐธรรมนูญก่อนหน้าและนำมาบัญญัติอีกครั้งในฉบับปัจจุบัน''' ===
บรรทัดที่ 42: บรรทัดที่ 42:
&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; 2) การระบบการบริหารงานในกระบวนการยุติธรรมทุกด้านให้มีประสิทธิภาพ เป็นธรรม และไม่เลือกปฏิบัติ และให้ประชาชน “เข้าถึงกระบวนการยุติธรรม” ได้โดยสะดวก รวดเร็ว และไม่เสียค่าใช้จ่ายสูงเกินสมควร และ มีความหมายกว้างครอบคลุมทุกขั้นตอนรวมทั้งกระบวนการไกล่เกลี่ยและการประนีประนอมยอมความด้วย (มาตรา 68)
&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; 2) การระบบการบริหารงานในกระบวนการยุติธรรมทุกด้านให้มีประสิทธิภาพ เป็นธรรม และไม่เลือกปฏิบัติ และให้ประชาชน “เข้าถึงกระบวนการยุติธรรม” ได้โดยสะดวก รวดเร็ว และไม่เสียค่าใช้จ่ายสูงเกินสมควร และ มีความหมายกว้างครอบคลุมทุกขั้นตอนรวมทั้งกระบวนการไกล่เกลี่ยและการประนีประนอมยอมความด้วย (มาตรา 68)


&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; 3) จัดให้มีและส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและศิลปวิทยาการแขนงต่าง ๆ ให้เกิดความรู้ การพัฒนา และนวัตกรรม เพื่อความเข้มแข็งของสังคมและเสริมสร้างความสามารถของคนในชาติ (มาตรา 69) บทบัญญัติลักษณะนี้เคยมีมาก่อนในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ตามมาตรา 86 ในส่วนของนโยบายแห่งรัฐในส่วนนี้จัดแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนแรกเป็นเรื่องการจัดให้มีและส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา และส่วนที่สอง เป็นเรื่องการสร้างให้เกิดความรู้ การพัฒนา และนวัตกรรม อันสอดคล้องกับคาอธิบายขององค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก ( World Intellectual Property Organization : WIPO)
&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; 3) จัดให้มีและส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและศิลปวิทยาการแขนงต่าง ๆ ให้เกิดความรู้ การพัฒนา และนวัตกรรม เพื่อความเข้มแข็งของสังคมและเสริมสร้างความสามารถของคนในชาติ (มาตรา 69) บทบัญญัติลักษณะนี้เคยมีมาก่อนในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ตามมาตรา 86 ในส่วนของนโยบายแห่งรัฐในส่วนนี้จัดแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนแรกเป็นเรื่องการจัดให้มีและส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา และส่วนที่สอง เป็นเรื่องการสร้างให้เกิดความรู้ การพัฒนา และนวัตกรรม อันสอดคล้องกับคาอธิบายขององค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก ( World Intellectual Property Organization&nbsp;: WIPO)
<div style="margin-left:42.55pt;">
<div style="margin-left:42.55pt;">
=== '''ข) นโยบายแห่งรัฐหลักการที่เพิ่มขึ้นมาใหม่ในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน''' ===
=== '''ข) นโยบายแห่งรัฐหลักการที่เพิ่มขึ้นมาใหม่ในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน''' ===
บรรทัดที่ 74: บรรทัดที่ 74:
คณิน บุญสุวรรณ, '''ปทานุกรมศัพท์รัฐสภาและการเมืองไทย.'''&nbsp;กรุงเทพฯ&nbsp;: สำนักพิมพ์สุขภาพใจ, 2548, หน้า 465.
คณิน บุญสุวรรณ, '''ปทานุกรมศัพท์รัฐสภาและการเมืองไทย.'''&nbsp;กรุงเทพฯ&nbsp;: สำนักพิมพ์สุขภาพใจ, 2548, หน้า 465.


มานิตย์ จุมปา, '''ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (พ.ศ.2550),''' กรุงเทพ : บริษัทแอคทีฟ พริ้นท์ จำกัด, 2553, หน้า 209.
มานิตย์ จุมปา, '''ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (พ.ศ.2550),''' กรุงเทพ&nbsp;: บริษัทแอคทีฟ พริ้นท์ จำกัด, 2553, หน้า 209.


รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560. (6 เมษายน 2560). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 134 ตอนที่ 40 ก.
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560. (6 เมษายน 2560). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 134 ตอนที่ 40 ก.
บรรทัดที่ 92: บรรทัดที่ 92:
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. '''ความมุ่งหมายและคำอธิบายประกอบรายมาตราของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560.''' พฤษภาคม 2562.
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. '''ความมุ่งหมายและคำอธิบายประกอบรายมาตราของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560.''' พฤษภาคม 2562.


สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, '''บทความวิชาการ เรื่อง''' '''แนวนโยบายแห่งรัฐตามร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ... (ฉบับผ่านประชามติเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2559''', ออนไลน์ https://library2.parliament.go.th/ebook/content-issue/2560/hi2560-013.pdf, สิงหาคม 2560.
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, '''บทความวิชาการ เรื่อง''' '''แนวนโยบายแห่งรัฐตามร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ... (ฉบับผ่านประชามติเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2559''', ออนไลน์ [https://library2.parliament.go.th/ebook/content-issue/2560/hi2560-013.pdf https://library2.parliament.go.th/ebook/content-issue/2560/hi2560-013.pdf], สิงหาคม 2560.


&nbsp;
&nbsp;
บรรทัดที่ 100: บรรทัดที่ 100:
[[#_ftnref1|[1]]] คณิน บุญสุวรรณ, '''ปทานุกรมศัพท์รัฐสภาและการเมืองไทย.'''&nbsp;กรุงเทพฯ&nbsp;: สำนักพิมพ์สุขภาพใจ, 2548, หน้า 465.
[[#_ftnref1|[1]]] คณิน บุญสุวรรณ, '''ปทานุกรมศัพท์รัฐสภาและการเมืองไทย.'''&nbsp;กรุงเทพฯ&nbsp;: สำนักพิมพ์สุขภาพใจ, 2548, หน้า 465.
</div> <div id="ftn2">
</div> <div id="ftn2">
[[#_ftnref2|[2]]] มานิตย์ จุมปา, '''ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (พ.ศ.2550),''' กรุงเทพ : บริษัทแอคทีฟ พริ้นท์ จำกัด, 2553, หน้า 209.
[[#_ftnref2|[2]]] มานิตย์ จุมปา, '''ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (พ.ศ.2550),''' กรุงเทพ&nbsp;: บริษัทแอคทีฟ พริ้นท์ จำกัด, 2553, หน้า 209.
</div> <div id="ftn3">
</div> <div id="ftn3">
[[#_ftnref3|[3]]] อัชพรจารุจินดา, '''เอกสารประกอบการสอน หน่วยที่ 7 แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ''', มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, หน้า 7-9.
[[#_ftnref3|[3]]] อัชพรจารุจินดา, '''เอกสารประกอบการสอน หน่วยที่ 7 แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ''', มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, หน้า 7-9.
บรรทัดที่ 106: บรรทัดที่ 106:
[[#_ftnref4|[4]]] อ้างแล้วเชิงอรรถที่ 2.
[[#_ftnref4|[4]]] อ้างแล้วเชิงอรรถที่ 2.
</div> </div>  
</div> </div>  
[[Category:รัฐธรรมนูญ พุทธศักราช 2560]]
[[Category:รัฐธรรมนูญ พุทธศักราช 2560|น]]

รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 15:46, 29 มีนาคม 2563

ความหมายของแนวนโยบายแห่งรัฐ

          แนวนโยบายแห่งรัฐเป็นคำที่มาจากรัฐธรรมนูญจึงมีนักวิชาการหลายท่านให้ความหมายของคำนี้ไว้ เช่น

          “แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ หมายถึง แนวนโยบายขั้นพื้นฐานที่'รัฐ' ฝ่ายบริหาร หรือองค์กรของรัฐจะต้องดำเนินการให้เกิดประโยชน์กับประเทศชาติและประชาชน”[1]

          “แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ” คือ หลักการแห่งนโยบายหลัก ซึ่งกำหนดไว้ในรัฐธรรมนุญให้รัฐจะต้องปฏิบัติตาม [2]

          แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ หมายถึง กรอบหรือแนวทางที่เป็นนโยบายหลักของประเทศ ซึ่งกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญเพื่อให้เกิด ความมั่นคงแห่งความเป็นรัฐและตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนซึ่งรัฐบาลรัฐสภาหรือองค์กรของ รัฐมีหน้าที่ต้องดำเนินการกำหนดนโยบายบริหารราชการและออกกฎหมายให้เป็นไปตามหลักการที่กำหนด ไว้เป็นแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ และจะไม่ผันแปรไปตามการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง[3]

          จากการให้ความหมายดังกล่าวข้างต้น จึงอาจให้ความหมายของแนวนโยบายแห่งรัฐ หมายถึง หลักการนโยบายที่ผู้บริหารประเทศจะต้องดำเนินการตามที่รัฐะรรมนูญกำหนดให้บริหารประเทศ ทั้งนี้ โดยไม่คำนึงถึงนโยบายของพรรคการเมืองที่เป็นฝ่ายรัฐบาลที่ใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งและทำให้ได้รับเลือกตั้งจากนโยบายของพรรคการเมือง

 

ความเป็นมาของการกำหนดแนวนโยบายแห่งรัฐไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย

          แนวนโยบายแห่งรัฐเริ่มปรากฏขึ้นครั้งแรกในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2492 ด้วยการกำหนดรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับการบริหารราชการแผ่นดินในด้านต่าง ๆ อาทิ การรักษาเอกราชการสร้างความแข็งแกร่งของกองทัพ การรักษาวัฒนธรรมของชาติ การส่งเสริมเศรษฐกิจเสรี ส่งเสริมระบบสาธารณสุข เป็นต้น โดยรับอิทธิพลแนวความคิดของรัฐธรรมนูญของประเทศไอร์แลนด์ ค.ศ. 1937 ภายหลังจากนั้น รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยก็ได้มีการกำหนดแนวนโยบายแห่งรัฐไว้ภายในรัฐธรรมนูญในอีกหลายฉบับต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน พร้อมกันการเพิ่มเติมแนวนโยบายแห่งรัฐเอาไว้หลายประเด็น เช่น แนวนโยบายด้านการต่างประเทศ ด้านกฎหมายและการยุติธรรม ด้านทรัพยากรธรรมชาติ ด้านวิทยาศาสตร์ ทรัพย์สินทางปัญญา เป็นต้น

แนวนโยบายแห่งรัฐมีประโยชน์ต่อรัฐบาลที่บริหารประเทศ 2 ประการ คือ[4]

          1) เป็นแนวทางสำหรับการตรากฎหมาย

          2) เป็นแนวทางในการกำหนดนโยบายในการบริหารราชการแผ่นดิน

          ดังนั้น แนวนโยบานแห่งรัฐจึงถือเป็นหลักการที่ทุกรัฐบาลจะต้องจัดทำอันแตกต่างจากนโยบายของแต่ละรัฐบาลนั่นเอง

          แนวนโยบายแห่งรัฐในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 ได้บัญญัติไว้ในหมวด 6 กำหนดขึ้นเพื่อเป็นแนวทางให้รัฐดําเนินการตรากฎหมายและกําหนดนโยบาย ในการบริหารราชการแผ่นดิน โดยมีหลักการสำคัญ คือ “การรักษาความต่อเนื่องสม่ำเสมอของการบริหารราชการแผ่นดิน” เนื่องจากระบอบการปกครองแบบรัฐสภามีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลได้บ่อยครั้ง ดังนั้น เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปอย่างต่อเนื่อง รัฐธรรมนูญจึงได้กำหนดบทบัญญัติเรื่องแนวนโยบายแห่งรัฐขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว อย่างไรก็ดี โดยปกติแล้วแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐจะวางหลักการไว้กลาง ๆ สำหรับรัฐบาลทุกชุดและทุกรัฐสภา ดังนั้น แนวนโยบายแห่งรัฐจึงมีสถานะที่ใหญ่กว่าแนวนโยบายของพรรคการเมืองที่แถลงไว้ต่อรัฐสภาว่าจะทำสิ่งใดตลอดระยะเวลาที่ตนได้เป็นรัฐบาล เพื่อจัดวางบทบาทและภารกิจของรัฐในการบริหารราชการแผ่นดินให้เกิดความต่อเนื่องของนโยบาย

          ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 แนวนโยบายแห่งรัฐบัญญัติใช้คำขึ้นต้นในแต่ละมาตราว่า “รัฐพึง...” ซึ่งมีนัยสำคัญว่า รัฐควรจะต้องดำเนินการและรับผิดชอบทางการเมืองในกรณีที่ไม่อาจดำเนินการได้ ด้วยการกำหนดให้เป็นแนวทางให้รัฐดำเนินการตรากฎหมายและกำหนดนโยบายในการบริหารราชการแผ่นดิน (มาตรา 64) จึงแตกต่างจากบทบัญญัติในหมวด 5 “หน้าที่ของรัฐ” ที่ใช้คำขึ้นต้นมาตราว่า
“รัฐต้อง...” หมายความว่า รัฐธรรมนูญบังคับให้เป็นหน้าที่ของรัฐให้ต้องปฏิบัตินั่นเอง

 

ขอบเขตของแนวนโยบายแห่งรัฐ

          รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ได้บัญญัติแนวนโยบายแห่งรัฐไว้ในหมวด 6 ตั้งแต่มาตรา 64-78 แบ่งแยกออกเป็น 2 ส่วน คือ ในส่วนของหลักการที่เคยมีมาแต่เดิมในรัฐธรรมนูญ และ หลักการ
ที่เพิ่มขึ้นใหม่ รายละเอียด ดังนี้

ก) นโยบายแห่งรัฐที่มีอยู่แล้วในรัฐธรรมนูญก่อนหน้าและนำมาบัญญัติอีกครั้งในฉบับปัจจุบัน

                    1) การส่งเสริมสัมพันธไมตรีกับนานาประเทศโดยถือหลักความเสมอภาคในการปฏิบัติต่อกัน
และไม่แทรกแซงกิจการภายในของกันและกัน (มาตรา 66) รวมถึงการกาหนดให้มีแนวนโยบายในการคุ้มครองสิทธิและผลประโยชน์ของประเทศ และภาคเอกชนแรงงานและคนไทยในต่างประเทศ รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือและอานวยความสะดวกให้แก่คนไทยในต่างประเทศ บทบัญญัติลักษณะนี้ ได้มีการบัญญัติเป็นครั้งแรกไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2492 (มาตรา 56 และมาตรา 57)

                    2) การระบบการบริหารงานในกระบวนการยุติธรรมทุกด้านให้มีประสิทธิภาพ เป็นธรรม และไม่เลือกปฏิบัติ และให้ประชาชน “เข้าถึงกระบวนการยุติธรรม” ได้โดยสะดวก รวดเร็ว และไม่เสียค่าใช้จ่ายสูงเกินสมควร และ มีความหมายกว้างครอบคลุมทุกขั้นตอนรวมทั้งกระบวนการไกล่เกลี่ยและการประนีประนอมยอมความด้วย (มาตรา 68)

                    3) จัดให้มีและส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและศิลปวิทยาการแขนงต่าง ๆ ให้เกิดความรู้ การพัฒนา และนวัตกรรม เพื่อความเข้มแข็งของสังคมและเสริมสร้างความสามารถของคนในชาติ (มาตรา 69) บทบัญญัติลักษณะนี้เคยมีมาก่อนในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ตามมาตรา 86 ในส่วนของนโยบายแห่งรัฐในส่วนนี้จัดแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนแรกเป็นเรื่องการจัดให้มีและส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา และส่วนที่สอง เป็นเรื่องการสร้างให้เกิดความรู้ การพัฒนา และนวัตกรรม อันสอดคล้องกับคาอธิบายขององค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก ( World Intellectual Property Organization : WIPO)

ข) นโยบายแห่งรัฐหลักการที่เพิ่มขึ้นมาใหม่ในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน

การกำหนดหลักการเพิ่มขึ้นใหม่หลายประการในเรื่องต่อไปนี้

          1) การวางหลักให้รัฐจัดทำ “ยุทธศาสตร์ชาติ” เพื่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนตามหลัก
ธรรมาภิบาลและเป็นกรอบในการจัดทำแผนของหน่วยงานต่าง ๆ ในการบริหารประเทศ (มาตรา 65)

          2) การวางหลักการอุปถัมภ์ค้ำจุนศาสนา ด้วยการนำหลักการของพระพุทธศาสนาอันเป็นศาสนาหลักของประเทศไทยในเรื่องไตรสิกขามาบัญญัติเพิ่มเติมให้รัฐพึงส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาและยแผ่หลักธรรมของพระพุทธศาสนาเถรวาท (มาตรา 67)

                    3) การกำหนดนโยบายให้รัฐพึงส่งเสริมและให้ความคุ้มครองชาวไทยกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ ให้มีสิทธิดารงชีวิตในสังคมตามวัฒนธรรม ประเพณี และวิถีชีวิตดั้งเดิม สาหรับกลุ่มชาติพันธุ์ที่ไม่ใช่คนไทยจะได้การดูแลตามพันธกรณีหรือข้อตกลงร่วมกันระหว่างประเทศเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน (มาตรา 70)

                    4) การกำหนดนโยบายให้รัฐส่งเสริมและพัฒนาสังคมและทรัพยากรมนุษย์ให้มีคุณภาพในทุกด้านเพื่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน ทั้งด้านการศึกษา ครอบครัว ด้วยการพัฒนาในทุก ๆ มิติ เช่น การกีฬา
การพัฒนาจิตใจ และการพัฒนาคุณภาพชีวิต เป็นต้น (มาตรา 71)

                    5) นโยบายด้านการดำเนินการเกี่ยวกับที่ดิน ทรัพยากรน้ำ และพลังงาน การวางแผนการใช้ที่ดินของประเทศ การวางผังเมือง ในทุกระดับ และมีการบังคับการให้เป็นไปตามผังเมืองอย่างมีประสิทธิภาพ (มาตรา 72)

                    6) การกำหนดนโยบายให้รัฐจัดให้มีมาตรการหรือกลไกที่ช่วยให้เกษตรกรประกอบเกษตรกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลผลิตสูง และมีต้นทุนต่ำสามารถแข่งขันในตลาดได้  (มาตรา 73)

                    7) การกำหนดหลักการจัดระบบเศรษฐกิจให้ประชาชนมีโอกาสได้รับประโยชน์จากความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจไปพร้อมกันอย่างทั่วถึง เป็นธรรม และยั่งยืน สามารถพึ่งพาตนเองได้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ขจัดการผูกขาดทางเศรษฐกิจที่ไม่เป็นธรรม (มาตรา 75)

                    8) การบริหารราชการแผ่นดินต้องยึดหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี โดยกำหนดหลักการเพิ่มเติมให้เจ้าหน้าที่ของรัฐต้องมีทัศนคติเป็นผู้ให้บริการประชาชน ไม่ใช่เป็นผู้ปกครองประชาชน ในการปฏิบัติหน้าที่ หน่วยงานของรัฐต้องร่วมมือและช่วยเหลือกัน กำาหนดให้การบริหารงานบุคคลของหน่วยงานของรัฐต้องเป็นไปตามระบบคุณธรรม รัฐพึงจัดให้มีมาตรฐานทางจริยธรรม (มาตรา 76)

                    9) รัฐพึงจัดให้มีกฎหมายเพียงเท่าที่จำเป็น และยกเลิกหรือปรับปรุงกฎหมายที่หมดความจำเป็นหรือไม่สอดคล้องกับสภาพการณ์ ก่อนการตรากฎหมายทุกฉบับ รัฐพึงจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้อง วิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกฎหมายอย่างรอบด้านและเป็นระบบ และ ใช้ระบบอนุญาตและระบบคณะกรรมการในกฎหมายเฉพาะกรณีที่จำเป็น (มาตรา 77) หลักการมาตรานี้ถือเป็นหลักการใหม่ที่ผู้ร่างรัฐธรรมนูญประสงค์จะให้ผู้บริหารประเทศดำเนินการด้านตรากฎหมายอย่างค่อยเป็นค่อยไปและคาดหวังว่ารัฐจะตรากฎหมายแม่บทในการจัดทำร่างกฎหมายและการพิจารณากฎหมายในโอกาสอันควร

                    10) ให้รัฐส่งเสริมให้ประชาชนและชุมชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ส่งเสริมให้ประชาชนและชุมชนมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และสนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชนและชุมชนในการพัฒนาประเทศด้านต่าง ๆ (มาตรา 78)

บรรณานุกรม

คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ, คำอธิบายสาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญ เล่มที่ 1, 12 เมษายน 2559.

คณิน บุญสุวรรณ, ปทานุกรมศัพท์รัฐสภาและการเมืองไทย. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์สุขภาพใจ, 2548, หน้า 465.

มานิตย์ จุมปา, ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (พ.ศ.2550), กรุงเทพ : บริษัทแอคทีฟ พริ้นท์ จำกัด, 2553, หน้า 209.

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560. (6 เมษายน 2560). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 134 ตอนที่ 40 ก.

สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. ความมุ่งหมายและคำอธิบายประกอบรายมาตราของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560. พฤษภาคม 2562.

อัชพรจารุจินดา, เอกสารประกอบการสอน หน่วยที่ 7 แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ, มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, หน้า 7-9.

 

หนังสืออ่านเพิ่มเติม

คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ, คำอธิบายสาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญ เล่มที่ 1, 12 เมษายน 2559.

สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง. สาระน่ารู้เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ ชุด “สิทธิ เสรีภาพ และหน้าที่ของปวงชนชาวไทย”. พฤศจิกายน 2560.

สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. ความมุ่งหมายและคำอธิบายประกอบรายมาตราของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560. พฤษภาคม 2562.

สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, บทความวิชาการ เรื่อง แนวนโยบายแห่งรัฐตามร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ... (ฉบับผ่านประชามติเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2559, ออนไลน์ https://library2.parliament.go.th/ebook/content-issue/2560/hi2560-013.pdf, สิงหาคม 2560.

 

อ้างอิง

[1] คณิน บุญสุวรรณ, ปทานุกรมศัพท์รัฐสภาและการเมืองไทย. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์สุขภาพใจ, 2548, หน้า 465.

[2] มานิตย์ จุมปา, ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (พ.ศ.2550), กรุงเทพ : บริษัทแอคทีฟ พริ้นท์ จำกัด, 2553, หน้า 209.

[3] อัชพรจารุจินดา, เอกสารประกอบการสอน หน่วยที่ 7 แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ, มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, หน้า 7-9.

[4] อ้างแล้วเชิงอรรถที่ 2.