ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระราชบัญญัติภาพยนตร์"

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Suksan (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
 
บรรทัดที่ 1: บรรทัดที่ 1:
กิจการจัดฉายภาพยนตร์ในสยาม เริ่มเติบโตแพร่หลายขึ้น ความคิดว่าอิทธิพลของภาพยนตร์ต่อผู้ชมชาวสยาม มีมาตั้งแต่รัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
กิจการจัดฉายภาพยนตร์ในสยาม เริ่มเติบโตแพร่หลายขึ้น ความคิดว่าอิทธิพลของภาพยนตร์ต่อผู้ชมชาวสยาม มีมาตั้งแต่รัชกาล[[พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว]]


เมื่อขึ้นรัชกาลใหม่ เสียงเรียกร้องให้มีการเซ็นเซอร์ภาพยนตร์ยังปรากฏอยู่  ในรัชกาลนี้มีการห้ามฉายภาพยนตร์เรื่อง The Light of Asia ซึ่งนำเสนอเรื่องพุทธประวัติผิดจากความจริง และมีการเรียกร้องให้ห้ามฉายภาพยนตร์เรื่องนี้ในหลายประเทศ  ประกอบกับมีชาวต่างประเทศเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ในสยาม ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่ทำให้มีพระราชดำริที่จะควบคุมการถ่ายทำภาพยนตร์เช่นกัน  ดังปรากฏในพระราชปรารภ เรื่อง  การควบคุมชาวต่างประเทศเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ในสยาม พระราชทานสมเด็จพระเจ้าพี่ยาเธอ เจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์ วรพินิต เสนาบดีว่าการกระทรวงมหาดไทย ขณะนั้น “ได้ทรงทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทว่ามีพวกอเมริกันเข้ามาตั้งฉายหนังในเมืองไทย การนี้ฝ่าพระบาทได้ทรงพระดำริ ให้มีการควบคุมอย่างไรแล้วฤาไม่ ทรงพระราชปรารภว่า พวกฉายหนังบางทีจะทำการยุ่มย่ามอย่างเมื่อคราวก่อน สมควรคิดระวัง จะควรจัดให้มี Board of Censor หนังฉายฤาไม่ ขอให้ทรงพระดำริ”   
เมื่อขึ้นรัชกาลใหม่ เสียงเรียกร้องให้มีการเซ็นเซอร์ภาพยนตร์ยังปรากฏอยู่  ในรัชกาลนี้มีการห้ามฉายภาพยนตร์เรื่อง The Light of Asia ซึ่งนำเสนอเรื่องพุทธประวัติผิดจากความจริง และมีการเรียกร้องให้ห้ามฉายภาพยนตร์เรื่องนี้ในหลายประเทศ  ประกอบกับมีชาวต่างประเทศเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ในสยาม ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่ทำให้มีพระราชดำริที่จะควบคุมการถ่ายทำภาพยนตร์เช่นกัน  ดังปรากฏในพระราชปรารภ เรื่อง  การควบคุมชาวต่างประเทศเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ในสยาม พระราชทาน[[สมเด็จพระเจ้าพี่ยาเธอ เจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์ วรพินิต]] เสนาบดีว่าการกระทรวงมหาดไทย ขณะนั้น “ได้ทรงทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทว่ามีพวกอเมริกันเข้ามาตั้งฉายหนังในเมืองไทย การนี้ฝ่าพระบาทได้ทรงพระดำริ ให้มีการควบคุมอย่างไรแล้วฤาไม่ ทรงพระราชปรารภว่า พวกฉายหนังบางทีจะทำการยุ่มย่ามอย่างเมื่อคราวก่อน สมควรคิดระวัง จะควรจัดให้มี Board of Censor หนังฉายฤาไม่ ขอให้ทรงพระดำริ”   


จากเสียงเรียกร้องต่างๆ นานา ทั้งในเรื่องการถ่ายทำ การนำเข้ามาฉาย ลักษณะภาพยนตร์ที่ฉาย และสภาพของโรงภาพยนตร์ อีกทั้งพระราชนิยมส่วนพระองค์ จึงได้มีการตราพระราชบัญญัติภาพยนตร์ พุทธศักราช ๒๔๗๓ ขึ้น  เพื่อเป็นกรอบให้นักภาพยนตร์ประเภทต่างๆ นั้นมีความรับผิดชอบ กำกับดูแลตนเองมากขึ้น รวมตลอดถึงการคุ้มครองประชาชนผู้บริโภคและรักษาศีลธรรมอันดีมากขึ้น
จากเสียงเรียกร้องต่างๆ นานา ทั้งในเรื่องการถ่ายทำ การนำเข้ามาฉาย ลักษณะภาพยนตร์ที่ฉาย และสภาพของโรงภาพยนตร์ อีกทั้งพระราชนิยมส่วนพระองค์ จึงได้มีการตรา[[พระราชบัญญัติภาพยนตร์ พุทธศักราช ๒๔๗๓]] ขึ้น  เพื่อเป็นกรอบให้นักภาพยนตร์ประเภทต่างๆ นั้นมีความรับผิดชอบ กำกับดูแลตนเองมากขึ้น รวมตลอดถึงการคุ้มครองประชาชนผู้บริโภคและรักษาศีลธรรมอันดีมากขึ้น


'''ที่มา '''
'''ที่มา '''

รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 16:28, 9 กุมภาพันธ์ 2559

กิจการจัดฉายภาพยนตร์ในสยาม เริ่มเติบโตแพร่หลายขึ้น ความคิดว่าอิทธิพลของภาพยนตร์ต่อผู้ชมชาวสยาม มีมาตั้งแต่รัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว

เมื่อขึ้นรัชกาลใหม่ เสียงเรียกร้องให้มีการเซ็นเซอร์ภาพยนตร์ยังปรากฏอยู่ ในรัชกาลนี้มีการห้ามฉายภาพยนตร์เรื่อง The Light of Asia ซึ่งนำเสนอเรื่องพุทธประวัติผิดจากความจริง และมีการเรียกร้องให้ห้ามฉายภาพยนตร์เรื่องนี้ในหลายประเทศ ประกอบกับมีชาวต่างประเทศเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ในสยาม ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่ทำให้มีพระราชดำริที่จะควบคุมการถ่ายทำภาพยนตร์เช่นกัน ดังปรากฏในพระราชปรารภ เรื่อง การควบคุมชาวต่างประเทศเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ในสยาม พระราชทานสมเด็จพระเจ้าพี่ยาเธอ เจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์ วรพินิต เสนาบดีว่าการกระทรวงมหาดไทย ขณะนั้น “ได้ทรงทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทว่ามีพวกอเมริกันเข้ามาตั้งฉายหนังในเมืองไทย การนี้ฝ่าพระบาทได้ทรงพระดำริ ให้มีการควบคุมอย่างไรแล้วฤาไม่ ทรงพระราชปรารภว่า พวกฉายหนังบางทีจะทำการยุ่มย่ามอย่างเมื่อคราวก่อน สมควรคิดระวัง จะควรจัดให้มี Board of Censor หนังฉายฤาไม่ ขอให้ทรงพระดำริ”

จากเสียงเรียกร้องต่างๆ นานา ทั้งในเรื่องการถ่ายทำ การนำเข้ามาฉาย ลักษณะภาพยนตร์ที่ฉาย และสภาพของโรงภาพยนตร์ อีกทั้งพระราชนิยมส่วนพระองค์ จึงได้มีการตราพระราชบัญญัติภาพยนตร์ พุทธศักราช ๒๔๗๓ ขึ้น เพื่อเป็นกรอบให้นักภาพยนตร์ประเภทต่างๆ นั้นมีความรับผิดชอบ กำกับดูแลตนเองมากขึ้น รวมตลอดถึงการคุ้มครองประชาชนผู้บริโภคและรักษาศีลธรรมอันดีมากขึ้น

ที่มา

บทสารคดี “ปกเกล้าธรรมราชา” สารคดีเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่ในวโรกาสครบ ๑๒๐ ปี แห่งวันพระบรมราชสมภพและเป็นบุคคลสำคัญของโลก โดยองค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ประจำปี ๒๕๕๖