ผลต่างระหว่างรุ่นของ "3 ตุลาคม พ.ศ. 2482"
หน้าที่ถูกสร้างด้วย ''''ผู้เรียบเรียง''' ศาสตราจารย์พิเศษ นรนิติ เศรษฐบุต...' |
ลไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
(ไม่แสดง 1 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้คนเดียวกัน) | |||
บรรทัดที่ 6: | บรรทัดที่ 6: | ||
---- | ---- | ||
วันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2482 เป็นวันที่มีการแก้ไขเพิ่มเติม[[รัฐธรรมนูญถาวร ฉบับ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2475]] เป็นครั้งแรก เป็นการแก้ไขเพิ่มเติม[[รัฐธรรมนูญ]]ที่เรียกว่า “[[รัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมว่าด้วยนามประเทศพุทธศักราช 2482]]” จุดมุ่งหมายก็คือเปลี่ยนชื่อประเทศนั่นเอง ขณะที่มีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญครั้งนี้ [[นายกรัฐมนตรี]] คือ [[นายพันเอก หลวงพิบูลสงคราม]] และ[[ประธานสภาผู้แทนราษฎร]]ได้แก่ [[พระยามานวราชเสวี]] | วันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2482 เป็นวันที่มีการแก้ไขเพิ่มเติม[[รัฐธรรมนูญถาวร ฉบับ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2475]] เป็นครั้งแรก เป็นการแก้ไขเพิ่มเติม[[รัฐธรรมนูญ]]ที่เรียกว่า “[[รัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมว่าด้วยนามประเทศพุทธศักราช 2482]]” จุดมุ่งหมายก็คือเปลี่ยนชื่อประเทศนั่นเอง ขณะที่มีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญครั้งนี้ [[นายกรัฐมนตรี]] คือ [[หลวงพิบูลสงคราม|นายพันเอก หลวงพิบูลสงคราม]] และ[[ประธานสภาผู้แทนราษฎร]]ได้แก่ [[พระยามานวราชเสวี]] | ||
อันเหตุผลในการแก้ไขเพิ่มเติมนั้นก็มีอยู่สั้น ๆ ในตัวรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมว่า | อันเหตุผลในการแก้ไขเพิ่มเติมนั้นก็มีอยู่สั้น ๆ ในตัวรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมว่า | ||
บรรทัดที่ 16: | บรรทัดที่ 16: | ||
“นามประเทศนี้ให้เรียกว่า ประเทศไทย และบทแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายอื่นใด ซึ่งใช้คำว่า สยาม ให้ใช้คำว่า ไทย แทน” | “นามประเทศนี้ให้เรียกว่า ประเทศไทย และบทแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายอื่นใด ซึ่งใช้คำว่า สยาม ให้ใช้คำว่า ไทย แทน” | ||
ที่น่าสังเกตก็คืออีก 6 ปีต่อมาเมื่อหลวงพิบูลสงครามพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและหมดอำนาจทางทหารไปแล้ว | ที่น่าสังเกตก็คืออีก 6 ปีต่อมาเมื่อหลวงพิบูลสงครามพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและหมดอำนาจทางทหารไปแล้ว ในวันที่ [[7 กันยายน พ.ศ. 2488]] ได้มีประกาศ[[สำนักนายกรัฐมนตรี]]ของ[[ทวี บุณยเกตุ|นายทวี บุณยเกตุ]] นายกรัฐมนตรี เรื่องการใช้ชื่อประเทศ ประชาชน และสัญชาติออกมาดังนี้ | ||
“ตามที่ได้มีประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยรัฐนิยมใช้ชื่อประเทศ ประชาชน และสัญชาติ ลงวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2483 ซึ่งในภาษาอังกฤษให้ใช้ชื่อประเทศไทย ว่า “Thailand” ชื่อประชาชนและสัญชาติว่า “Thai” นั้น | “ตามที่ได้มีประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยรัฐนิยมใช้ชื่อประเทศ ประชาชน และสัญชาติ ลงวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2483 ซึ่งในภาษาอังกฤษให้ใช้ชื่อประเทศไทย ว่า “Thailand” ชื่อประชาชนและสัญชาติว่า “Thai” นั้น | ||
บัดนี้ รัฐบาลได้พิจารณาเห็นว่า โดยที่ชื่อของประเทศเราเป็นที่นิยมเรียกกันทางต่างประเทศว่า “Siam” จนแพร่หลายเป็นที่รู้จักกันอย่างดีทั่วไปมาช้านานแล้ว | บัดนี้ รัฐบาลได้พิจารณาเห็นว่า โดยที่ชื่อของประเทศเราเป็นที่นิยมเรียกกันทางต่างประเทศว่า “Siam” จนแพร่หลายเป็นที่รู้จักกันอย่างดีทั่วไปมาช้านานแล้ว ฉะนั้นจึงให้ชื่อประเทศในภาษาอังกฤษว่า “Siam” กับชื่อประชาชนและสัญชาติให้ใช้ว่า “Siamese” สำหรับในภาษาต่างประเทศอื่นให้ใช้อนุโลม ส่วนชื่อในภาษาไทยให้คงใช้ว่า “ไทย” ไปตามเดิม | ||
แต่ต่อมารัฐธรรมนูญถาวรฉบับที่ตามมาคือรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2489 ก็เรียกว่า | แต่ต่อมารัฐธรรมนูญถาวรฉบับที่ตามมาคือรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2489 ก็เรียกว่า “[[รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2489]]” และต่อมาจนถึงฉบับปัจจุบันที่เรียกว่า [[รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550]] | ||
[[หมวดหมู่:เหตุการณ์สำคัญทางการเมืองไทย สมัย พ.ศ. 2475-2500]] | [[หมวดหมู่:เหตุการณ์สำคัญทางการเมืองไทย สมัย พ.ศ. 2475-2500]] |
รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 13:12, 16 ตุลาคม 2557
ผู้เรียบเรียง ศาสตราจารย์พิเศษ นรนิติ เศรษฐบุตร
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต
วันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2482 เป็นวันที่มีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญถาวร ฉบับ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2475 เป็นครั้งแรก เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่เรียกว่า “รัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมว่าด้วยนามประเทศพุทธศักราช 2482” จุดมุ่งหมายก็คือเปลี่ยนชื่อประเทศนั่นเอง ขณะที่มีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญครั้งนี้ นายกรัฐมนตรี คือ นายพันเอก หลวงพิบูลสงคราม และประธานสภาผู้แทนราษฎรได้แก่ พระยามานวราชเสวี
อันเหตุผลในการแก้ไขเพิ่มเติมนั้นก็มีอยู่สั้น ๆ ในตัวรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมว่า
“...สมควรเรียกนามประเทศให้ถูกต้องตามชื่อ เชื้อชาติ และความนิยมของประชาชน”
การแก้ไขเพื่อให้เป็นไปตามเหตุผลนั้นปรากฏความอยู่ในมาตรา 3 ของรัฐธรรมนูญบับแก้ไขเพิ่มเติมที่บัญญัติว่า
“นามประเทศนี้ให้เรียกว่า ประเทศไทย และบทแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายอื่นใด ซึ่งใช้คำว่า สยาม ให้ใช้คำว่า ไทย แทน”
ที่น่าสังเกตก็คืออีก 6 ปีต่อมาเมื่อหลวงพิบูลสงครามพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและหมดอำนาจทางทหารไปแล้ว ในวันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2488 ได้มีประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีของนายทวี บุณยเกตุ นายกรัฐมนตรี เรื่องการใช้ชื่อประเทศ ประชาชน และสัญชาติออกมาดังนี้
“ตามที่ได้มีประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยรัฐนิยมใช้ชื่อประเทศ ประชาชน และสัญชาติ ลงวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2483 ซึ่งในภาษาอังกฤษให้ใช้ชื่อประเทศไทย ว่า “Thailand” ชื่อประชาชนและสัญชาติว่า “Thai” นั้น
บัดนี้ รัฐบาลได้พิจารณาเห็นว่า โดยที่ชื่อของประเทศเราเป็นที่นิยมเรียกกันทางต่างประเทศว่า “Siam” จนแพร่หลายเป็นที่รู้จักกันอย่างดีทั่วไปมาช้านานแล้ว ฉะนั้นจึงให้ชื่อประเทศในภาษาอังกฤษว่า “Siam” กับชื่อประชาชนและสัญชาติให้ใช้ว่า “Siamese” สำหรับในภาษาต่างประเทศอื่นให้ใช้อนุโลม ส่วนชื่อในภาษาไทยให้คงใช้ว่า “ไทย” ไปตามเดิม
แต่ต่อมารัฐธรรมนูญถาวรฉบับที่ตามมาคือรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2489 ก็เรียกว่า “รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2489” และต่อมาจนถึงฉบับปัจจุบันที่เรียกว่า รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550