ผลต่างระหว่างรุ่นของ "15 ธันวาคม พ.ศ. 2515"

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
 
บรรทัดที่ 9: บรรทัดที่ 9:
วันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2515 เป็นวันประกาศใช้กติกาการปกครองประเทศ ฉบับที่ 9 ที่เรียกว่า [[ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พ.ศ. 2515]]
วันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2515 เป็นวันประกาศใช้กติกาการปกครองประเทศ ฉบับที่ 9 ที่เรียกว่า [[ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พ.ศ. 2515]]


ความเป็นมาของ[[รัฐธรรมนูญ]]ฉบับนี้ก็มีอยู่อย่างสั้น ๆ ว่า เมื่อ[[จอมพลถนอม กิตติขจร]] กับคณะยึดอำนาจโดยกำลัง ล้มรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2511 เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2514 แล้ว ท่านกับคณะก็อาศัยความใจกล้าปกครองบ้านเมืองต่อมาโดยไม่ออกรัฐธรรมนูญมาใช้จึงเป็นการปกครองที่ปราศจากรัฐธรรมนูญอยู่ประมาณปีกว่า
ความเป็นมาของ[[รัฐธรรมนูญ]]ฉบับนี้ก็มีอยู่อย่างสั้น ๆ ว่า เมื่อ[[ถนอม กิตติขจร|จอมพลถนอม กิตติขจร]] กับคณะยึดอำนาจโดยกำลัง ล้มรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2511 เมื่อวันที่ [[17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2514]] แล้ว ท่านกับคณะก็อาศัยความใจกล้าปกครองบ้านเมืองต่อมาโดยไม่ออกรัฐธรรมนูญมาใช้จึงเป็นการปกครองที่ปราศจากรัฐธรรมนูญอยู่ประมาณปีกว่า
การปกครองหลังยึดอำนาจแล้วโดยไม่มีรัฐธรรมนูญ [[จอมพลสฤษดิ์  ธนะรัชต์]] เคยทำมาก่อนแล้วตั้งแต่ยึดอำนาจล้ม[[รัฐธรรมนูญ เมื่อ พ.ศ. 2501]] ครั้งนั้นปกครองโดยไม่มีรัฐธรรมนูญอยู่ประมาณ 90 วัน ที่จัดการปกครองโดยไม่มีรัฐธรรมนูญหรือธรรมนูญการปกครองนานอย่างนั้น มีคนบอกว่าเป็นเพราะจอมพลถนอม  กิตติขจร กับคณะมีความมั่นใจในอำนาจของตนและคณะมากเกินไป
การปกครองหลังยึดอำนาจแล้วโดยไม่มีรัฐธรรมนูญ [[สฤษดิ์  ธนะรัชต์|จอมพลสฤษดิ์  ธนะรัชต์]] เคยทำมาก่อนแล้วตั้งแต่ยึดอำนาจล้ม[[รัฐธรรมนูญ เมื่อ พ.ศ. 2501]] ครั้งนั้นปกครองโดยไม่มีรัฐธรรมนูญอยู่ประมาณ 90 วัน ที่จัดการปกครองโดยไม่มีรัฐธรรมนูญหรือธรรมนูญการปกครองนานอย่างนั้น มีคนบอกว่าเป็นเพราะจอมพลถนอม  กิตติขจร กับคณะมีความมั่นใจในอำนาจของตนและคณะมากเกินไป
หากเราไปอ่านดูธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พ.ศ. 2515 ฉบับนี้ก็จะทราบได้ว่าคณะทหารที่ยึดอำนาจดูจะไม่เร่งรัดในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับถาวรออกมาใช้อย่างจริงจัง
หากเราไปอ่านดูธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พ.ศ. 2515 ฉบับนี้ก็จะทราบได้ว่าคณะทหารที่ยึดอำนาจดูจะไม่เร่งรัดในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับถาวรออกมาใช้อย่างจริงจัง
บรรทัดที่ 27: บรรทัดที่ 27:
“มาตรา 11 ในกรณีที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ[[ลงมติ]]ไม่ให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญในวาระที่หนึ่งหรือวาระที่สาม ให้[[คณะรัฐมนตรี]]เสนอร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติลงมติไม่ให้ความเห็นชอบ..............”
“มาตรา 11 ในกรณีที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ[[ลงมติ]]ไม่ให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญในวาระที่หนึ่งหรือวาระที่สาม ให้[[คณะรัฐมนตรี]]เสนอร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติลงมติไม่ให้ความเห็นชอบ..............”


การที่กำหนดไว้ดังนี้มีผู้วิจารณ์ว่ารัฐบาลคงต้องการให้รัฐธรรมนูญเสร็จล่าช้า ผู้วิจารณ์ท่านนี้เขียนไว้ในบท[[กฎหมาย]]และเอกสารสำคัญในทางการเมืองของประเทศไทย ของ[[ศาสตราจารย์ไพโรจน์  ชัยนาม]] ดังนี้
การที่กำหนดไว้ดังนี้มีผู้วิจารณ์ว่ารัฐบาลคงต้องการให้รัฐธรรมนูญเสร็จล่าช้า ผู้วิจารณ์ท่านนี้เขียนไว้ในบท[[กฎหมาย]]และเอกสารสำคัญในทางการเมืองของประเทศไทย ของ[[ไพโรจน์  ชัยนาม|ศาสตราจารย์ไพโรจน์  ชัยนาม]] ดังนี้
“วิธีที่มีบัญญัติไว้เช่นนี้คงต้องการให้ร่างรัฐธรรมนูญได้ช้า ไม่เป็นไปโดยเร็วได้ เพราะต้องการให้คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอก่อน “สภานิติบัญญัติแห่งชาติ” จึงจะพิจารณาได้ (การปฏิบัติที่เคยมีมาแต่ก่อน ๆ นั้น คณะรัฐมนตรีมีหน้าที่เสนอร่างรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว และก็ใช้เวลาประมาณ 3-4 สัปดาห์เป็นอย่างช้า แต่ไม่ถึงกับที่จะต้องมีรัฐธรรมนูญบัญญัติบังคับเอาไว้) เสียงของสมาชิกที่เห็นด้วยในร่างรัฐธรรมนูญต้องมีถึง 2 ใน 3 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมด และองค์ประชุมต้องมีไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมด และถ้าร่างรัฐธรรมนูญนี้ต้องตกไป ด้วยเหตุใดเหตุหนึ่งดังกล่าวแล้วก็ต้องเริ่มร่างรัฐธรรมนูญกันใหม่และอาจจะเวียนเริ่มต้นกันใหม่ไปเรื่อย ๆ ได้”
“วิธีที่มีบัญญัติไว้เช่นนี้คงต้องการให้ร่างรัฐธรรมนูญได้ช้า ไม่เป็นไปโดยเร็วได้ เพราะต้องการให้คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอก่อน “สภานิติบัญญัติแห่งชาติ” จึงจะพิจารณาได้ (การปฏิบัติที่เคยมีมาแต่ก่อน ๆ นั้น คณะรัฐมนตรีมีหน้าที่เสนอร่างรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว และก็ใช้เวลาประมาณ 3-4 สัปดาห์เป็นอย่างช้า แต่ไม่ถึงกับที่จะต้องมีรัฐธรรมนูญบัญญัติบังคับเอาไว้) เสียงของสมาชิกที่เห็นด้วยในร่างรัฐธรรมนูญต้องมีถึง 2 ใน 3 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมด และองค์ประชุมต้องมีไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมด และถ้าร่างรัฐธรรมนูญนี้ต้องตกไป ด้วยเหตุใดเหตุหนึ่งดังกล่าวแล้วก็ต้องเริ่มร่างรัฐธรรมนูญกันใหม่และอาจจะเวียนเริ่มต้นกันใหม่ไปเรื่อย ๆ ได้”


ความจริงที่ปรากฏต่อมาก็เป็นไปอย่างที่ผู้วิจารณ์คาดคะเน เพราะเวลาผ่านมาอีกเกือบ 10 เดือน การร่างรัฐธรรมนูญก็ยังไม่เสร็จ จนเป็นเหตุให้นักศึกษา อาจารย์ และประชาชน ออกมาเรียกร้องให้มีรัฐธรรมนูญจนมีการจับกุมอาจารย์ นักศึกษา และประชาชนจำนวน 12 คน ต่อมาได้ไปค้นบ้านและจับ[[นายไขแสง  สุกใส]] อดีตสมาชิก[[สภาผู้แทนราษฎร]]เพิ่มอีก 1 คน ในวันที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2516
ความจริงที่ปรากฏต่อมาก็เป็นไปอย่างที่ผู้วิจารณ์คาดคะเน เพราะเวลาผ่านมาอีกเกือบ 10 เดือน การร่างรัฐธรรมนูญก็ยังไม่เสร็จ จนเป็นเหตุให้นักศึกษา อาจารย์ และประชาชน ออกมาเรียกร้องให้มีรัฐธรรมนูญจนมีการจับกุมอาจารย์ นักศึกษา และประชาชนจำนวน 12 คน ต่อมาได้ไปค้นบ้านและจับ[[ไขแสง  สุกใส|นายไขแสง  สุกใส]] อดีตสมาชิก[[สภาผู้แทนราษฎร]]เพิ่มอีก 1 คน ในวันที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2516
จนเป็นเหตุให้มี[[การประท้วง]]ของนักศึกษาและประชาชนที่ใหญ่มาก และนำไปสู่[[เหตุการณ์ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516]] ที่แสดงถึงการเรียกร้องและต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของนักศึกษาและประชาชน จนล้มรัฐบาลจอมพลถนอม  กิตติขจร ลงได้
จนเป็นเหตุให้มี[[การประท้วง]]ของนักศึกษาและประชาชนที่ใหญ่มาก และนำไปสู่เหตุการณ์ [[14 ตุลาคม พ.ศ. 2516]] ที่แสดงถึงการเรียกร้องและต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของนักศึกษาและประชาชน จนล้มรัฐบาลจอมพลถนอม  กิตติขจร ลงได้
อันรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2515 นี้ ที่จริงเป็นรัฐธรรมนูญที่ไม่สำคัญอะไรมากแก่ระบอบประชาธิปไตย เพราะให้อำนาจมากแก่รัฐบาลโดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีมาตรา 21 ที่ให้อำนาจนายกรัฐมนตรีที่จะสั่งการอะไรก็ได้ เพราะมีกำลังหนุนหลัง แต่ท้ายที่สุดเมื่อถูกประท้วง
อันรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2515 นี้ ที่จริงเป็นรัฐธรรมนูญที่ไม่สำคัญอะไรมากแก่ระบอบประชาธิปไตย เพราะให้อำนาจมากแก่รัฐบาลโดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีมาตรา 21 ที่ให้อำนาจนายกรัฐมนตรีที่จะสั่งการอะไรก็ได้ เพราะมีกำลังหนุนหลัง แต่ท้ายที่สุดเมื่อถูกประท้วง

รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 12:33, 16 ตุลาคม 2557

ผู้เรียบเรียง ศาสตราจารย์พิเศษ นรนิติ เศรษฐบุตร


ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต


วันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2515 เป็นวันประกาศใช้กติกาการปกครองประเทศ ฉบับที่ 9 ที่เรียกว่า ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พ.ศ. 2515

ความเป็นมาของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ก็มีอยู่อย่างสั้น ๆ ว่า เมื่อจอมพลถนอม กิตติขจร กับคณะยึดอำนาจโดยกำลัง ล้มรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2511 เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2514 แล้ว ท่านกับคณะก็อาศัยความใจกล้าปกครองบ้านเมืองต่อมาโดยไม่ออกรัฐธรรมนูญมาใช้จึงเป็นการปกครองที่ปราศจากรัฐธรรมนูญอยู่ประมาณปีกว่า

การปกครองหลังยึดอำนาจแล้วโดยไม่มีรัฐธรรมนูญ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เคยทำมาก่อนแล้วตั้งแต่ยึดอำนาจล้มรัฐธรรมนูญ เมื่อ พ.ศ. 2501 ครั้งนั้นปกครองโดยไม่มีรัฐธรรมนูญอยู่ประมาณ 90 วัน ที่จัดการปกครองโดยไม่มีรัฐธรรมนูญหรือธรรมนูญการปกครองนานอย่างนั้น มีคนบอกว่าเป็นเพราะจอมพลถนอม กิตติขจร กับคณะมีความมั่นใจในอำนาจของตนและคณะมากเกินไป

หากเราไปอ่านดูธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พ.ศ. 2515 ฉบับนี้ก็จะทราบได้ว่าคณะทหารที่ยึดอำนาจดูจะไม่เร่งรัดในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับถาวรออกมาใช้อย่างจริงจัง

ที่เป็นดังนี้ก็ขอให้อ่านดูมาตรา 10 และมาตรา 11 ของธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร

“มาตรา 10 คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอร่างรัฐธรรมนูญต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ

การพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญต้องกระทำเป็นสามวาระ........

การออกเสียงลงคะแนนในวาระที่สามให้ใช้วิธีเรียกชื่อและต้องมีเสียงเห็นชอบด้วยในการที่จะให้ประกาศใช้เป็นรัฐธรรมนูญไม่ต่ำกว่าสองในสามของจำนวนสมาชิกทั้งหมด

การประชุมตามความในวรรคสาม ต้องมีสมาชิกมาประชุมไม่น้อยกว่าสามในสี่ของจำนวนสมาชิกทั้งหมด จึงจะเป็นองค์ประชุม .............”

“มาตรา 11 ในกรณีที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติลงมติไม่ให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญในวาระที่หนึ่งหรือวาระที่สาม ให้คณะรัฐมนตรีเสนอร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติลงมติไม่ให้ความเห็นชอบ..............”

การที่กำหนดไว้ดังนี้มีผู้วิจารณ์ว่ารัฐบาลคงต้องการให้รัฐธรรมนูญเสร็จล่าช้า ผู้วิจารณ์ท่านนี้เขียนไว้ในบทกฎหมายและเอกสารสำคัญในทางการเมืองของประเทศไทย ของศาสตราจารย์ไพโรจน์ ชัยนาม ดังนี้

“วิธีที่มีบัญญัติไว้เช่นนี้คงต้องการให้ร่างรัฐธรรมนูญได้ช้า ไม่เป็นไปโดยเร็วได้ เพราะต้องการให้คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอก่อน “สภานิติบัญญัติแห่งชาติ” จึงจะพิจารณาได้ (การปฏิบัติที่เคยมีมาแต่ก่อน ๆ นั้น คณะรัฐมนตรีมีหน้าที่เสนอร่างรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว และก็ใช้เวลาประมาณ 3-4 สัปดาห์เป็นอย่างช้า แต่ไม่ถึงกับที่จะต้องมีรัฐธรรมนูญบัญญัติบังคับเอาไว้) เสียงของสมาชิกที่เห็นด้วยในร่างรัฐธรรมนูญต้องมีถึง 2 ใน 3 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมด และองค์ประชุมต้องมีไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมด และถ้าร่างรัฐธรรมนูญนี้ต้องตกไป ด้วยเหตุใดเหตุหนึ่งดังกล่าวแล้วก็ต้องเริ่มร่างรัฐธรรมนูญกันใหม่และอาจจะเวียนเริ่มต้นกันใหม่ไปเรื่อย ๆ ได้”

ความจริงที่ปรากฏต่อมาก็เป็นไปอย่างที่ผู้วิจารณ์คาดคะเน เพราะเวลาผ่านมาอีกเกือบ 10 เดือน การร่างรัฐธรรมนูญก็ยังไม่เสร็จ จนเป็นเหตุให้นักศึกษา อาจารย์ และประชาชน ออกมาเรียกร้องให้มีรัฐธรรมนูญจนมีการจับกุมอาจารย์ นักศึกษา และประชาชนจำนวน 12 คน ต่อมาได้ไปค้นบ้านและจับนายไขแสง สุกใส อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพิ่มอีก 1 คน ในวันที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2516

จนเป็นเหตุให้มีการประท้วงของนักศึกษาและประชาชนที่ใหญ่มาก และนำไปสู่เหตุการณ์ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 ที่แสดงถึงการเรียกร้องและต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของนักศึกษาและประชาชน จนล้มรัฐบาลจอมพลถนอม กิตติขจร ลงได้

อันรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2515 นี้ ที่จริงเป็นรัฐธรรมนูญที่ไม่สำคัญอะไรมากแก่ระบอบประชาธิปไตย เพราะให้อำนาจมากแก่รัฐบาลโดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีมาตรา 21 ที่ให้อำนาจนายกรัฐมนตรีที่จะสั่งการอะไรก็ได้ เพราะมีกำลังหนุนหลัง แต่ท้ายที่สุดเมื่อถูกประท้วง มาก ๆ และใช้อำนาจตามมาตรา 21 แล้ว ประชาชนไม่เกรงกลัวรัฐบาลที่คิดว่ามีอำนาจมากก็อยู่ไม่ได้