ผลต่างระหว่างรุ่นของ "การเสนอร่างกฎหมายโดยประชาชน"
หน้าที่ถูกสร้างด้วย ''''ผู้เรียบเรียง''' : อัญชลี จวงจันทร์ '''ผู้ทรงคุณวุฒ...' |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
(ไม่แสดง 1 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้คนเดียวกัน) | |||
บรรทัดที่ 5: | บรรทัดที่ 5: | ||
---- | ---- | ||
นับตั้งแต่[[รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540]] ซึ่งเรียกกันว่าเป็น[[รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน]] ได้มีการกำหนดบทบัญญัติรองรับ[[สิทธิและเสรีภาพ]]ของประชาชนใน[[การมีส่วนร่วมทางการเมือง]] โดยให้ประชาชนมีสิทธิเข้าชื่อเสนอกฎหมายได้เป็นครั้งแรก ซึ่งได้บัญญัติไว้ในมาตรา 170 ของรัฐธรรมนูญ โดยกำหนดให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 50,000 คน สามารถเข้าชื่อร้องขอต่อประธานรัฐสภาในการเสนอกฎหมาย<ref>รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 114 ตอนที่ 54 ก, 11 ตุลาคม 2540 , หน้า 41.</ref> และเมื่อมี[[รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550]] ได้มีการบัญญัติให้ประชาชนสามารถเ[[ข้าชื่อเสนอกฎหมาย]] โดยกำหนดไว้ในมาตรา 163 โดยได้ลดจำนวนประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในการเข้าชื่อเสนอกฎหมายจาก 50,000 คน เป็นไม่น้อยกว่า 10,000 คน เพื่อเป็นการส่งเสริมการใช้สิทธิของประชาชนในการเสนอร่างกฎหมายให้สะดวกขึ้น ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามสิทธิและหน้าที่ตามระบอบ[[ประชาธิปไตย]] ซึ่งถือว่าเป็น[[การปกครองของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน]] ดังนั้น อำนาจสูงสุดภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตย จึงเป็นอำนาจที่มาจากประชาชน การเสนอร่างกฎหมายโดยประชาชนจึงเป็นกลไกสำคัญที่เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมือง | |||
==วิธีการเข้าชื่อเสนอร่างกฎหมาย== | ==วิธีการเข้าชื่อเสนอร่างกฎหมาย== | ||
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 กำหนดให้วิธีการเข้าชื่อเสนอกฎหมายไว้ โดยประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนไม่น้อยกว่า 10,000 คน | รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 กำหนดให้วิธีการเข้าชื่อเสนอกฎหมายไว้ โดยประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนไม่น้อยกว่า 10,000 คน มีสิทธิเข้าชื่อร้องขอต่อ[[ประธานรัฐสภา]] เพื่อให้[[รัฐสภา]]พิจารณาร่างกฎหมายตามที่กำหนดในหมวด 3 สิทธิและเสรีภาพของชนชาวไทย และหมวด 5 [[แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ]] และต้องดำเนินการหลักเกณฑ์และวิธีการตาม[[พระราชบัญญัติว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย พ.ศ. 2556]] | ||
==วิธีการยื่นคำขอเข้าชื่อเสนอร่างกฎหมาย== | ==วิธีการยื่นคำขอเข้าชื่อเสนอร่างกฎหมาย== | ||
วิธีการยื่นคำขอเข้าชื่อเสนอร่างกฎหมาย ให้ผู้เข้าชื่อเสนอร่างกฎหมายลงลายมือในแบบแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับชื่อ ที่อยู่ ลายมือชื่อของผู้เข้าชื่อเสนอร่างกฎหมาย (แบบฟอร์ม ข.ก.1) และแบบแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับผู้แทนการเสนอร่างกฎหมาย (แบบฟอร์ม ข.ก.3) โดยกรอกข้อมูลตามที่ระบุไว้ให้ครบถ้วนชัดเจน พร้อมเอกสารประกอบการเข้าชื่อเสนอร่างกฎหมาย ดังนี้ | วิธีการยื่นคำขอเข้าชื่อเสนอร่างกฎหมาย<ref>พระราชบัญญัติว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย พ.ศ. 2556 ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 130 ตอนที่ 119 ก, 17 ธันวาคม 2556.</ref> ให้ผู้เข้าชื่อเสนอร่างกฎหมายลงลายมือในแบบแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับชื่อ ที่อยู่ ลายมือชื่อของผู้เข้าชื่อเสนอร่างกฎหมาย (แบบฟอร์ม ข.ก.1) และแบบแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับผู้แทนการเสนอร่างกฎหมาย (แบบฟอร์ม ข.ก.3) โดยกรอกข้อมูลตามที่ระบุไว้ให้ครบถ้วนชัดเจน พร้อมเอกสารประกอบการเข้าชื่อเสนอร่างกฎหมาย ดังนี้ | ||
1. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน บัตรประจำตัวประชาชนที่หมดอายุ หรือบัตรหรือหลักฐานอื่นใดของทางราชการที่มีรูปถ่ายสามารถแสดงตนได้ | 1. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน บัตรประจำตัวประชาชนที่หมดอายุ หรือบัตรหรือหลักฐานอื่นใดของทางราชการที่มีรูปถ่ายสามารถแสดงตนได้ | ||
บรรทัดที่ 21: | บรรทัดที่ 21: | ||
==ผู้มีสิทธิเข้าชื่อเสนอร่างกฎหมาย== | ==ผู้มีสิทธิเข้าชื่อเสนอร่างกฎหมาย== | ||
ผู้มีสิทธิเข้าชื่อเสนอร่างกฎหมาย ได้แก่ | ผู้มีสิทธิเข้าชื่อเสนอร่างกฎหมาย ได้แก่ ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง[[สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร]]ตามบทบัญญัติของ[[รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย]] และจะต้องไม่เป็นผู้เสียสิทธิตาม[[พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2550 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2554]] ทั้งนี้ เมื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งผู้ใดร่วมลงชื่อเสนอกฎหมายโดยถูกต้องแล้วจะถอนชื่อภายหลังมิได้ | ||
==รูปแบบของร่างกฎหมายที่จะเสนอให้รัฐสภาพิจารณา== | ==รูปแบบของร่างกฎหมายที่จะเสนอให้รัฐสภาพิจารณา== | ||
ร่างกฎหมายที่เสนอโดยประชาชนเพื่อให้รัฐสภาพิจารณาต้องมีหลักการเกี่ยวกับเรื่องที่บัญญัติไว้ในกฎหมายในหมวด 3 สิทธิและเสรีภาพของชนชาวไทย และหมวด 5 แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย โดยแบ่งเป็นมาตราที่ชัดเจน และต้องมีบันทึกประกอบดังต่อไปนี้ | ร่างกฎหมายที่เสนอโดยประชาชนเพื่อให้รัฐสภาพิจารณาต้องมีหลักการเกี่ยวกับเรื่องที่บัญญัติไว้ในกฎหมายในหมวด 3 สิทธิและเสรีภาพของชนชาวไทย และหมวด 5 แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย โดยแบ่งเป็นมาตราที่ชัดเจน และต้องมีบันทึกประกอบดังต่อไปนี้<ref>บวรศักดิ์ อุวรรณโณ และคณะ. การมีส่วนร่วมของประชาชนในการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย. รายงานการศึกษา. สถาบันพระปกเกล้า, 2552 , หน้า 66.</ref> | ||
1. หลักการแห่งร่างพระราชบัญญัติ | 1. หลักการแห่งร่างพระราชบัญญัติ | ||
บรรทัดที่ 35: | บรรทัดที่ 35: | ||
==การพิจารณาร่างกฎหมายที่ประชาชนร่วมกันเข้าชื่อเสนอ== | ==การพิจารณาร่างกฎหมายที่ประชาชนร่วมกันเข้าชื่อเสนอ== | ||
เมื่อมีการตรวจสอบความถูกต้องของการเข้าชื่อเสนอกฎหมายและร่างพระราชบัญญัติที่ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งเข้าชื่อเสนอแล้วหากถูกต้องตาม[[รัฐธรรมนูญ]] และ พระราชบัญญัติว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย .ศ. 2556 แล้ว [[ประธานสภาผู้แทนราษฎร]]ต้องอนุญาตบรรจุระเบียบวาระการประชุมร่างพระราชบัญญัติที่ประชาชนร่วมกันเข้าชื่อเสนอนั้นเข้า[[ระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฏร]] ในการพิจารณาตาม[[ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2551]] ได้กำหนดว่า การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติให้กระทำเป็น 3 วาระตามลำดับ ในวาระที่หนึ่งเป็นขั้นรับหลักการ ในวาระที่สองขั้นพิจารณาเรียงลำดับมาตรา ในวาระที่สามเป็นการให้ความเห็นชอบ และเมื่อ[[สภาผู้แทนราษฎร]]เห็นชอบแล้ว จะเสนอ[[วุฒิสภา]]เพื่อพิจารณาต่อไป ซึ่งวุฒิสภาก็จะพิจารณาเป็นสามวาระเช่นเดียวกัน รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ได้บัญญัติให้ ในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติที่ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งเป็นผู้เสนอ สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ต้องให้ผู้แทนของประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่เข้าชื่อเสนอร่างพระราชบัญญัตินั้น ชี้แจงหลักการของร่างพระราชบัญญัติและ[[คณะกรรมาธิการวิสามัญ]]เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวจะต้องประกอบด้วยผู้แทนของประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่เข้าชื่อเสนอร่างพระราชบัญญัตินั้นจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของจำนวนกรรมาธิการทั้งหมดด้วย จะเห็นได้ว่า รัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้อย่างชัดเจนในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติที่ประชาชนร่วมกันเข้าชื่อเสนอ จะต้องให้ผู้แทนของประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้ชี้แจงหลักการของร่างพระราชบัญญัติในที่ประชุมสภาและหากสภาผู้แทนราษฎรหรือวุฒิสภามีมติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ เพื่อพิจารณาจะต้องให้ตัวแทนของประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่เข้าชื่อเสนอร่างพระราชบัญญัติจำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ร่วมเป็นกรรมาธิการด้วย<ref>เอกสารเผยแพร่ เรื่อง สิทธิของประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในการเข้าชื่อเสนอกฎหมายและเข้าชื่อเสนอญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ. กลุ่มงานเข้าชื่อเสนอกฎหมาย สำนักการประชุม สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร.</ref> | |||
==อ้างอิง== | |||
<references/> | |||
==บรรณานุกรม== | ==บรรณานุกรม== | ||
บรรทัดที่ 49: | บรรทัดที่ 53: | ||
==ดูเพิ่มเติม== | ==ดูเพิ่มเติม== | ||
จันทิมา ทองชาติ. การมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน ศึกษาเฉพาะกรณีการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. กรุงเทพฯ, 2551. | จันทิมา ทองชาติ. '''การมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน ศึกษาเฉพาะกรณีการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย'''. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. กรุงเทพฯ, 2551. | ||
วนิดา แสงสารพันธ์. '''การเข้าชื่อเสนอกฎหมายโดยประชาชน'''. คณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. กรุงเทพฯ, 2543. | |||
สิทธิชัย พิมเสน. ก'''ารพัฒนากระบวนการนิติบัญญัติของสภาผู้แทนราษฎร ศึกษาเฉพาะกรณีการเข้าชื่อเสนอกฎหมายโดยประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง'''. เอกสารวิชาการกรณีศึกษาส่วนบุคคล. รัฐสภา. กรุงเทพฯ, 2549. | |||
[[หมวดหมู่:การมีส่วนร่วมทางการเมือง]] |
รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 10:53, 22 สิงหาคม 2557
ผู้เรียบเรียง : อัญชลี จวงจันทร์
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ : นายจเร พันธุ์เปรื่อง
นับตั้งแต่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 ซึ่งเรียกกันว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ได้มีการกำหนดบทบัญญัติรองรับสิทธิและเสรีภาพของประชาชนในการมีส่วนร่วมทางการเมือง โดยให้ประชาชนมีสิทธิเข้าชื่อเสนอกฎหมายได้เป็นครั้งแรก ซึ่งได้บัญญัติไว้ในมาตรา 170 ของรัฐธรรมนูญ โดยกำหนดให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 50,000 คน สามารถเข้าชื่อร้องขอต่อประธานรัฐสภาในการเสนอกฎหมาย[1] และเมื่อมีรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ได้มีการบัญญัติให้ประชาชนสามารถเข้าชื่อเสนอกฎหมาย โดยกำหนดไว้ในมาตรา 163 โดยได้ลดจำนวนประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในการเข้าชื่อเสนอกฎหมายจาก 50,000 คน เป็นไม่น้อยกว่า 10,000 คน เพื่อเป็นการส่งเสริมการใช้สิทธิของประชาชนในการเสนอร่างกฎหมายให้สะดวกขึ้น ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามสิทธิและหน้าที่ตามระบอบประชาธิปไตย ซึ่งถือว่าเป็นการปกครองของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน ดังนั้น อำนาจสูงสุดภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตย จึงเป็นอำนาจที่มาจากประชาชน การเสนอร่างกฎหมายโดยประชาชนจึงเป็นกลไกสำคัญที่เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมือง
วิธีการเข้าชื่อเสนอร่างกฎหมาย
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 กำหนดให้วิธีการเข้าชื่อเสนอกฎหมายไว้ โดยประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนไม่น้อยกว่า 10,000 คน มีสิทธิเข้าชื่อร้องขอต่อประธานรัฐสภา เพื่อให้รัฐสภาพิจารณาร่างกฎหมายตามที่กำหนดในหมวด 3 สิทธิและเสรีภาพของชนชาวไทย และหมวด 5 แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ และต้องดำเนินการหลักเกณฑ์และวิธีการตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย พ.ศ. 2556
วิธีการยื่นคำขอเข้าชื่อเสนอร่างกฎหมาย
วิธีการยื่นคำขอเข้าชื่อเสนอร่างกฎหมาย[2] ให้ผู้เข้าชื่อเสนอร่างกฎหมายลงลายมือในแบบแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับชื่อ ที่อยู่ ลายมือชื่อของผู้เข้าชื่อเสนอร่างกฎหมาย (แบบฟอร์ม ข.ก.1) และแบบแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับผู้แทนการเสนอร่างกฎหมาย (แบบฟอร์ม ข.ก.3) โดยกรอกข้อมูลตามที่ระบุไว้ให้ครบถ้วนชัดเจน พร้อมเอกสารประกอบการเข้าชื่อเสนอร่างกฎหมาย ดังนี้
1. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน บัตรประจำตัวประชาชนที่หมดอายุ หรือบัตรหรือหลักฐานอื่นใดของทางราชการที่มีรูปถ่ายสามารถแสดงตนได้
2. สำเนาทะเบียนบ้าน โดยเอกสารดังกล่าวต้องเป็นเอกสารที่มีความชัดเจน และเป็นปัจจุบัน ซึ่งจะทำให้เกิดความสะดวกรวดเร็วในการตรวจสอบ
ผู้มีสิทธิเข้าชื่อเสนอร่างกฎหมาย
ผู้มีสิทธิเข้าชื่อเสนอร่างกฎหมาย ได้แก่ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และจะต้องไม่เป็นผู้เสียสิทธิตาม[[พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2550 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2554]] ทั้งนี้ เมื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งผู้ใดร่วมลงชื่อเสนอกฎหมายโดยถูกต้องแล้วจะถอนชื่อภายหลังมิได้
รูปแบบของร่างกฎหมายที่จะเสนอให้รัฐสภาพิจารณา
ร่างกฎหมายที่เสนอโดยประชาชนเพื่อให้รัฐสภาพิจารณาต้องมีหลักการเกี่ยวกับเรื่องที่บัญญัติไว้ในกฎหมายในหมวด 3 สิทธิและเสรีภาพของชนชาวไทย และหมวด 5 แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย โดยแบ่งเป็นมาตราที่ชัดเจน และต้องมีบันทึกประกอบดังต่อไปนี้[3]
1. หลักการแห่งร่างพระราชบัญญัติ
2. เหตุผลในการเสนอร่างพระราชบัญญัติ
3. บันทึกวิเคราะห์สรุปสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติ
การพิจารณาร่างกฎหมายที่ประชาชนร่วมกันเข้าชื่อเสนอ
เมื่อมีการตรวจสอบความถูกต้องของการเข้าชื่อเสนอกฎหมายและร่างพระราชบัญญัติที่ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งเข้าชื่อเสนอแล้วหากถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ และ พระราชบัญญัติว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย .ศ. 2556 แล้ว ประธานสภาผู้แทนราษฎรต้องอนุญาตบรรจุระเบียบวาระการประชุมร่างพระราชบัญญัติที่ประชาชนร่วมกันเข้าชื่อเสนอนั้นเข้าระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฏร ในการพิจารณาตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2551 ได้กำหนดว่า การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติให้กระทำเป็น 3 วาระตามลำดับ ในวาระที่หนึ่งเป็นขั้นรับหลักการ ในวาระที่สองขั้นพิจารณาเรียงลำดับมาตรา ในวาระที่สามเป็นการให้ความเห็นชอบ และเมื่อสภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบแล้ว จะเสนอวุฒิสภาเพื่อพิจารณาต่อไป ซึ่งวุฒิสภาก็จะพิจารณาเป็นสามวาระเช่นเดียวกัน รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ได้บัญญัติให้ ในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติที่ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งเป็นผู้เสนอ สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ต้องให้ผู้แทนของประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่เข้าชื่อเสนอร่างพระราชบัญญัตินั้น ชี้แจงหลักการของร่างพระราชบัญญัติและคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวจะต้องประกอบด้วยผู้แทนของประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่เข้าชื่อเสนอร่างพระราชบัญญัตินั้นจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของจำนวนกรรมาธิการทั้งหมดด้วย จะเห็นได้ว่า รัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้อย่างชัดเจนในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติที่ประชาชนร่วมกันเข้าชื่อเสนอ จะต้องให้ผู้แทนของประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้ชี้แจงหลักการของร่างพระราชบัญญัติในที่ประชุมสภาและหากสภาผู้แทนราษฎรหรือวุฒิสภามีมติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ เพื่อพิจารณาจะต้องให้ตัวแทนของประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่เข้าชื่อเสนอร่างพระราชบัญญัติจำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ร่วมเป็นกรรมาธิการด้วย[4]
อ้างอิง
- ↑ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 114 ตอนที่ 54 ก, 11 ตุลาคม 2540 , หน้า 41.
- ↑ พระราชบัญญัติว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย พ.ศ. 2556 ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 130 ตอนที่ 119 ก, 17 ธันวาคม 2556.
- ↑ บวรศักดิ์ อุวรรณโณ และคณะ. การมีส่วนร่วมของประชาชนในการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย. รายงานการศึกษา. สถาบันพระปกเกล้า, 2552 , หน้า 66.
- ↑ เอกสารเผยแพร่ เรื่อง สิทธิของประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในการเข้าชื่อเสนอกฎหมายและเข้าชื่อเสนอญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ. กลุ่มงานเข้าชื่อเสนอกฎหมาย สำนักการประชุม สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร.
บรรณานุกรม
การเข้าชื่อเสนอกฎหมาย. กลุ่มงานเข้าชื่อเสนอกฎหมาย สำนักการประชุม สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพฯ 2546.
แนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ เรื่อง การเข้าชื่อเสนอกฎหมายโดยประชาชน. กรุงเทพฯ : สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2549.
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. สำนักประชาสัมพันธ์. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย. กรุงเทพฯ : สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2540.
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. สำนักประชาสัมพันธ์. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย. กรุงเทพฯ : สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2550.
ดูเพิ่มเติม
จันทิมา ทองชาติ. การมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน ศึกษาเฉพาะกรณีการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. กรุงเทพฯ, 2551.
วนิดา แสงสารพันธ์. การเข้าชื่อเสนอกฎหมายโดยประชาชน. คณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. กรุงเทพฯ, 2543.
สิทธิชัย พิมเสน. การพัฒนากระบวนการนิติบัญญัติของสภาผู้แทนราษฎร ศึกษาเฉพาะกรณีการเข้าชื่อเสนอกฎหมายโดยประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง. เอกสารวิชาการกรณีศึกษาส่วนบุคคล. รัฐสภา. กรุงเทพฯ, 2549.