ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สมัยประชุมสามัญ"

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
Suksan (คุย | ส่วนร่วม)
หน้าที่ถูกสร้างด้วย ''''เรียบเรียงโดย''' วิลาสินี สิทธิโสภณ '''ผู้ทรงคุณวุ...'
 
Suksan (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
 
(ไม่แสดง 1 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้คนเดียวกัน)
บรรทัดที่ 7: บรรทัดที่ 7:
==บทนำ==
==บทนำ==
                
                
ประเทศไทยมีการปกครองระบอบ[[ประชาธิปไตย]]อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามระบบรัฐสภา โดยมี[[รัฐสภา]]เป็นสถาบันตัวแทนของประชาชน อันประกอบด้วย[[สภาผู้แทนราษฎร]]และ[[วุฒิสภา]] การทำงานของสมาชิกทั้งสองสภานั้น จะต้องมีการประชุมหารือกันเพื่อดำเนินการหรือลงมติในเรื่องต่างๆ โดยมาตรา 127ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 กำหนดให้มี[[การเรียกประชุมรัฐสภา]] เพื่อให้สมาชิกได้มาประชุมเป็นครั้งแรกภายในสามสิบวัน นับแต่วันเลือกตั้ง[[สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร]]   และมาตรา 128กำหนดให้[[พระมหากษัตริย์]]ทรง[[เรียกประชุมรัฐสภา]] ทรงเปิดและปิดประชุม ทั้งนี้ การเรียก[[ประชุมรัฐสภา]]และการปิดประชุมจะกระทำโดยการตรา[[พระราชกฤษฎีกา]]
ประเทศไทยมีการปกครองระบอบ[[ประชาธิปไตย]]อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามระบบรัฐสภา โดยมี[[รัฐสภา]]เป็นสถาบันตัวแทนของประชาชน อันประกอบด้วย[[สภาผู้แทนราษฎร]]และ[[วุฒิสภา]] การทำงานของสมาชิกทั้งสองสภานั้น จะต้องมีการประชุมหารือกันเพื่อดำเนินการหรือลงมติในเรื่องต่างๆ โดยมาตรา 127ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 กำหนดให้มี[[การเรียกประชุมรัฐสภา]] เพื่อให้สมาชิกได้มาประชุมเป็นครั้งแรกภายในสามสิบวัน นับแต่วันเลือกตั้ง[[สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร]]<ref>สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร,รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย,กรุงเทพมหานคร: สำนักการพิมพ์, 2551, หน้า 99. </ref>  และมาตรา 128กำหนดให้[[พระมหากษัตริย์]]ทรง[[เรียกประชุมรัฐสภา]] ทรงเปิดและปิดประชุม ทั้งนี้ การเรียก[[ประชุมรัฐสภา]]และการปิดประชุมจะกระทำโดยการตรา[[พระราชกฤษฎีกา]] <ref>สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร,รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย,กรุงเทพมหานคร: สำนักการพิมพ์, 2551, หน้า 100. </ref>


[[สมัยประชุม]] หมายถึง ช่วงระยะเวลาอย่างเป็นทางการ ที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและ[[สมาชิกวุฒิสภา]] จะทำการประชุมปรึกษาหารือและดำเนินกิจการอื่นใด ตามที่บัญญัติไว้ใน[[รัฐธรรมนูญ]]และที่อยู่ในอำนาจหน้าที่หรือวงงานของสภา เพื่อกระทำกิจการ พิจารณา สอบสวน หรือศึกษาเรื่องใดๆ อันอยู่ในอำนาจหน้าที่ของสภา สมัยประชุม แบ่งเป็นสมัยประชุมสามัญและ[[สมัยประชุมวิสามัญ]] สมัยประชุมสามัญเป็นการกำหนดเวลาในรอบหนึ่งปีที่ให้รัฐสภาทำการประชุมพิจารณาเรื่องต่าง ๆ ทางด้าน[[นิติบัญญัติ]] ส่วนสมัยประชุมวิสามัญ นั้น เมื่อมีความจำเป็นเพื่อประโยชน์แห่งรัฐ จะมีการเรียกประชุมรัฐสภา แต่มิได้กำหนดระยะเวลา เมื่อเสร็จภารกิจก็ปิดสมัยประชุมได้
[[สมัยประชุม]] หมายถึง ช่วงระยะเวลาอย่างเป็นทางการ ที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและ[[สมาชิกวุฒิสภา]] จะทำการประชุมปรึกษาหารือและดำเนินกิจการอื่นใด ตามที่บัญญัติไว้ใน[[รัฐธรรมนูญ]]และที่อยู่ในอำนาจหน้าที่หรือวงงานของสภา เพื่อกระทำกิจการ พิจารณา สอบสวน หรือศึกษาเรื่องใดๆ อันอยู่ในอำนาจหน้าที่ของสภา สมัยประชุม แบ่งเป็นสมัยประชุมสามัญและ[[สมัยประชุมวิสามัญ]] สมัยประชุมสามัญเป็นการกำหนดเวลาในรอบหนึ่งปีที่ให้รัฐสภาทำการประชุมพิจารณาเรื่องต่าง ๆ ทางด้าน[[นิติบัญญัติ]] ส่วนสมัยประชุมวิสามัญ นั้น เมื่อมีความจำเป็นเพื่อประโยชน์แห่งรัฐ จะมีการเรียกประชุมรัฐสภา แต่มิได้กำหนดระยะเวลา เมื่อเสร็จภารกิจก็ปิดสมัยประชุมได้
บรรทัดที่ 13: บรรทัดที่ 13:
==ความหมาย==
==ความหมาย==


'''สมัยประชุมสามัญ''' หมายถึง การกำหนดวัน[[ประชุมสภา]] คือในวันประชุมรัฐสภาครั้งแรกซึ่งต้องเรียกประชุมรัฐสภาภายในสามสิบวัน นับแต่วันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ให้ถือเป็นวันเริ่มสมัยประชุมโดยปกติในระยะเวลาหนึ่งปี ซึ่งระยะเวลาของสมัยประชุมจะกำหนดโดยบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ กล่าวคือ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ตั้งแต่ปี 2489 ถึงปี 2538 ได้บัญญัติให้สมัยประชุมสามัญมีกำหนดเวลา 90 วัน แต่ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550  สมัยประชุมสามัญมีกำหนดระยะเวลา 120 วัน แต่สามารถขยายระยะเวลาได้ การแยกสมัยประชุมสามัญทั่วไปและ[[สมัยประชุมสามัญนิติบัญญัติ]] เกิดขึ้นครั้งแรกในรัฐธรรมนูญ ปี 2540 ในการแยกสมัยประชุมทั้งสองลักษณะดังกล่าว มีเจตนารมณ์เพื่อให้การทำหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภาในการตรากฎหมายมีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในการดำเนินการประชุมทั้งสองสมัยประชุม ในปีหนึ่ง ๆ ให้มีสมัยประชุมสามัญของรัฐสภา 2 สมัย ได้แก่ สมัยประชุมสามัญทั่วไป และ สมัยประชุมสามัญนิติบัญญัติ
'''สมัยประชุมสามัญ''' หมายถึง การกำหนดวัน[[ประชุมสภา]] คือในวันประชุมรัฐสภาครั้งแรกซึ่งต้องเรียกประชุมรัฐสภาภายในสามสิบวัน นับแต่วันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ให้ถือเป็นวันเริ่มสมัยประชุมโดยปกติในระยะเวลาหนึ่งปี ซึ่งระยะเวลาของสมัยประชุมจะกำหนดโดยบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ กล่าวคือ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ตั้งแต่ปี 2489 ถึงปี 2538 ได้บัญญัติให้สมัยประชุมสามัญมีกำหนดเวลา 90 วัน แต่ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550  สมัยประชุมสามัญมีกำหนดระยะเวลา 120 วัน แต่สามารถขยายระยะเวลาได้ การแยกสมัยประชุมสามัญทั่วไปและ[[สมัยประชุมสามัญนิติบัญญัติ]] เกิดขึ้นครั้งแรกในรัฐธรรมนูญ ปี 2540 ในการแยกสมัยประชุมทั้งสองลักษณะดังกล่าว มีเจตนารมณ์เพื่อให้การทำหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภาในการตรากฎหมายมีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น<ref>สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร,รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย,กรุงเทพมหานคร: สำนักการพิมพ์, 2551, หน้า 101. </ref> ในการดำเนินการประชุมทั้งสองสมัยประชุม ในปีหนึ่ง ๆ ให้มีสมัยประชุมสามัญของรัฐสภา 2 สมัย ได้แก่ สมัยประชุมสามัญทั่วไป และ สมัยประชุมสามัญนิติบัญญัติ


==[[สมัยประชุมสามัญทั่วไป]]==
==[[สมัยประชุมสามัญทั่วไป]]==
บรรทัดที่ 21: บรรทัดที่ 21:
เหตุผลที่ต้องให้สมัยประชุมสามัญทั่วไปเป็นสมัยประชุมแรกหลังการเลือกตั้ง คือ รัฐธรรมนูญต้องการให้สภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้กำหนดวันเริ่มสมัยประชุมสามัญนิติบัญญัติ  
เหตุผลที่ต้องให้สมัยประชุมสามัญทั่วไปเป็นสมัยประชุมแรกหลังการเลือกตั้ง คือ รัฐธรรมนูญต้องการให้สภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้กำหนดวันเริ่มสมัยประชุมสามัญนิติบัญญัติ  


สำหรับการกำหนดเวลาในสมัยประชุมสามัญของรัฐสภาสมัยหนึ่ง ๆ มีกำหนดเวลา 120 วัน แต่พระมหากษัตริย์จะโปรดเกล้าฯ ให้ขยายเวลาออกไปก็ได้ ส่วนการปิดสมัยประชุมสามัญก่อนครบกำหนดเวลา 120 วัน จะกระทำได้ก็แต่โดยความเห็นชอบของรัฐสภา ซึ่งกระทำโดยพระราชกฤษฎีกา  
สำหรับการกำหนดเวลาในสมัยประชุมสามัญของรัฐสภาสมัยหนึ่ง ๆ มีกำหนดเวลา 120 วัน แต่พระมหากษัตริย์จะโปรดเกล้าฯ ให้ขยายเวลาออกไปก็ได้ ส่วนการปิดสมัยประชุมสามัญก่อนครบกำหนดเวลา 120 วัน จะกระทำได้ก็แต่โดยความเห็นชอบของรัฐสภา ซึ่งกระทำโดยพระราชกฤษฎีกา<ref>สมัยประชุมสามัญทั่วไป,จากคลังปัญญาไทย, http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php, วันที่ 28 มกราคม 2557. </ref>


==[[สมัยประชุมสามัญนิติบัญญัติ]]==  
==[[สมัยประชุมสามัญนิติบัญญัติ]]==  
บรรทัดที่ 27: บรรทัดที่ 27:
สมัยประชุมสามัญนิติบัญญัติ  เป็นสมัยประชุมที่รัฐสภาสามารถดำเนินการประชุมได้เฉพาะกรณีที่บัญญัติไว้ในหมวดที่ 2 ว่าด้วยพระมหากษัตริย์ การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติหรือร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ หรือร่างพระราชบัญญัติการอนุมัติพระราชกำหนด การให้ความเห็นชอบหนังสือสัญญา การให้ความเห็นชอบในการประกาศสงคราม การเลือกหรือการให้ความเห็นชอบบุคคลดำรงตำแหน่ง การถอดถอนบุคคลออกจากตำแหน่ง การตั้งกระทู้ถาม และการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ  เว้นแต่รัฐสภาจะมีมติให้พิจารณาเรื่องอื่นใดด้วยคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา  
สมัยประชุมสามัญนิติบัญญัติ  เป็นสมัยประชุมที่รัฐสภาสามารถดำเนินการประชุมได้เฉพาะกรณีที่บัญญัติไว้ในหมวดที่ 2 ว่าด้วยพระมหากษัตริย์ การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติหรือร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ หรือร่างพระราชบัญญัติการอนุมัติพระราชกำหนด การให้ความเห็นชอบหนังสือสัญญา การให้ความเห็นชอบในการประกาศสงคราม การเลือกหรือการให้ความเห็นชอบบุคคลดำรงตำแหน่ง การถอดถอนบุคคลออกจากตำแหน่ง การตั้งกระทู้ถาม และการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ  เว้นแต่รัฐสภาจะมีมติให้พิจารณาเรื่องอื่นใดด้วยคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา  


ส่วนวันเริ่มสมัยประชุมสามัญนิติบัญญัติให้สภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้กำหนด ในกรณีที่การเริ่มประชุมสมัยสามัญทั่วไปครั้งแรกมีเวลาจนถึงสิ้นปีปฏิทินไม่ถึง 150 วัน จะไม่มีการประชุมสามัญนิติบัญญัติสำหรับปีนั้นก็ได้
ส่วนวันเริ่มสมัยประชุมสามัญนิติบัญญัติให้สภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้กำหนด ในกรณีที่การเริ่มประชุมสมัยสามัญทั่วไปครั้งแรกมีเวลาจนถึงสิ้นปีปฏิทินไม่ถึง 150 วัน จะไม่มีการประชุมสามัญนิติบัญญัติสำหรับปีนั้นก็ได้ <ref>สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, ระบบงานรัฐสภา, กรุงเทพมหานคร : สำนักการพิมพ์, 2552, หน้า 51. </ref>


==บทสรุป==
==บทสรุป==
   
   
ในสมัยประชุมสามัญนิติบัญญัติ รัฐสภาสามารถดำเนินการได้เฉพาะบางเรื่องที่เป็นเรื่องหลักๆ ขณะที่รัฐสภาสามารถดำเนินการได้ทุกเรื่องในสมัยประชุมสามัญทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  เรื่อง[[การขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรี]]นั้น จะกระทำได้แต่เฉพาะในสมัยประชุมสามัญทั่วไปเท่านั้น ซึ่งหมายความว่า ในปีหนึ่งจะมี[[การเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ]]ได้เพียงครั้งเดียว ไม่ใช่เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจทุก[[สมัยประชุม]]เหมือนกับรัฐธรรมนูญในฉบับก่อนๆ  
ในสมัยประชุมสามัญนิติบัญญัติ รัฐสภาสามารถดำเนินการได้เฉพาะบางเรื่องที่เป็นเรื่องหลักๆ ขณะที่รัฐสภาสามารถดำเนินการได้ทุกเรื่องในสมัยประชุมสามัญทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  เรื่อง[[การขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรี]]นั้น จะกระทำได้แต่เฉพาะในสมัยประชุมสามัญทั่วไปเท่านั้น ซึ่งหมายความว่า ในปีหนึ่งจะมี[[การเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ]]ได้เพียงครั้งเดียว ไม่ใช่เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจทุก[[สมัยประชุม]]เหมือนกับรัฐธรรมนูญในฉบับก่อนๆ <ref>คณิน  บุญสุวรรณ, สมัยประชุม, http://www.kaninboonsuwan.com/terminology/ct010.html     
วันที่ 28 มีนาคม 2557</ref>
 


==บรรณานุกรม==
==บรรณานุกรม==
บรรทัดที่ 43: บรรทัดที่ 45:
==อ้างอิง==
==อ้างอิง==


<\reference>
<references/>


[[หมวดหมู่ : กิจกรรมที่เกี่ยวกับกระบวนการทางนิติบัญญัติ]]
[[หมวดหมู่ : กิจกรรมที่เกี่ยวกับกระบวนการทางนิติบัญญัติ]]

รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 14:03, 2 มิถุนายน 2557

เรียบเรียงโดย วิลาสินี สิทธิโสภณ

ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ : นายจเร พันธุ์เปรื่อง


บทนำ

ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามระบบรัฐสภา โดยมีรัฐสภาเป็นสถาบันตัวแทนของประชาชน อันประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา การทำงานของสมาชิกทั้งสองสภานั้น จะต้องมีการประชุมหารือกันเพื่อดำเนินการหรือลงมติในเรื่องต่างๆ โดยมาตรา 127ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 กำหนดให้มีการเรียกประชุมรัฐสภา เพื่อให้สมาชิกได้มาประชุมเป็นครั้งแรกภายในสามสิบวัน นับแต่วันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร[1] และมาตรา 128กำหนดให้พระมหากษัตริย์ทรงเรียกประชุมรัฐสภา ทรงเปิดและปิดประชุม ทั้งนี้ การเรียกประชุมรัฐสภาและการปิดประชุมจะกระทำโดยการตราพระราชกฤษฎีกา [2]

สมัยประชุม หมายถึง ช่วงระยะเวลาอย่างเป็นทางการ ที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา จะทำการประชุมปรึกษาหารือและดำเนินกิจการอื่นใด ตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญและที่อยู่ในอำนาจหน้าที่หรือวงงานของสภา เพื่อกระทำกิจการ พิจารณา สอบสวน หรือศึกษาเรื่องใดๆ อันอยู่ในอำนาจหน้าที่ของสภา สมัยประชุม แบ่งเป็นสมัยประชุมสามัญและสมัยประชุมวิสามัญ สมัยประชุมสามัญเป็นการกำหนดเวลาในรอบหนึ่งปีที่ให้รัฐสภาทำการประชุมพิจารณาเรื่องต่าง ๆ ทางด้านนิติบัญญัติ ส่วนสมัยประชุมวิสามัญ นั้น เมื่อมีความจำเป็นเพื่อประโยชน์แห่งรัฐ จะมีการเรียกประชุมรัฐสภา แต่มิได้กำหนดระยะเวลา เมื่อเสร็จภารกิจก็ปิดสมัยประชุมได้

ความหมาย

สมัยประชุมสามัญ หมายถึง การกำหนดวันประชุมสภา คือในวันประชุมรัฐสภาครั้งแรกซึ่งต้องเรียกประชุมรัฐสภาภายในสามสิบวัน นับแต่วันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ให้ถือเป็นวันเริ่มสมัยประชุมโดยปกติในระยะเวลาหนึ่งปี ซึ่งระยะเวลาของสมัยประชุมจะกำหนดโดยบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ กล่าวคือ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ตั้งแต่ปี 2489 ถึงปี 2538 ได้บัญญัติให้สมัยประชุมสามัญมีกำหนดเวลา 90 วัน แต่ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 สมัยประชุมสามัญมีกำหนดระยะเวลา 120 วัน แต่สามารถขยายระยะเวลาได้ การแยกสมัยประชุมสามัญทั่วไปและสมัยประชุมสามัญนิติบัญญัติ เกิดขึ้นครั้งแรกในรัฐธรรมนูญ ปี 2540 ในการแยกสมัยประชุมทั้งสองลักษณะดังกล่าว มีเจตนารมณ์เพื่อให้การทำหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภาในการตรากฎหมายมีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น[3] ในการดำเนินการประชุมทั้งสองสมัยประชุม ในปีหนึ่ง ๆ ให้มีสมัยประชุมสามัญของรัฐสภา 2 สมัย ได้แก่ สมัยประชุมสามัญทั่วไป และ สมัยประชุมสามัญนิติบัญญัติ

สมัยประชุมสามัญทั่วไป

สมัยประชุมสามัญทั่วไป เป็นสมัยประชุมที่มีขึ้นภายหลังการเลือกตั้งทั่วไป โดยจะถือวันประชุมครั้งแรกที่มีการเรียกประชุมรัฐสภาเป็นวันเริ่มสมัยประชุมสามัญทั่วไป โดยพระมหากษัตริย์จะเสด็จพระราชดำเนินมาทรงทำรัฐพิธีเปิดประชุมสมัยประชุมสามัญทั่วไปครั้งแรกด้วยพระองค์เอง หรือจะโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พระรัชทายาทซึ่งบรรลุนิติภาวะแล้ว หรือผู้ใดผู้หนึ่งเป็นผู้แทนพระองค์มาทำรัฐพิธีก็ได้ ซึ่งสมัยประชุมนี้ รัฐสภาสามารถดำเนินการในเรื่องใดๆ ที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของรัฐสภาได้ทั้งหมดโดยไม่มีข้อยกเว้น เช่น การเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล และเรื่องอื่นๆ ที่ไม่ใช่เรื่องที่ต้องพิจารณาในการประชุมสมัยสามัญนิติบัญญัติ

เหตุผลที่ต้องให้สมัยประชุมสามัญทั่วไปเป็นสมัยประชุมแรกหลังการเลือกตั้ง คือ รัฐธรรมนูญต้องการให้สภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้กำหนดวันเริ่มสมัยประชุมสามัญนิติบัญญัติ

สำหรับการกำหนดเวลาในสมัยประชุมสามัญของรัฐสภาสมัยหนึ่ง ๆ มีกำหนดเวลา 120 วัน แต่พระมหากษัตริย์จะโปรดเกล้าฯ ให้ขยายเวลาออกไปก็ได้ ส่วนการปิดสมัยประชุมสามัญก่อนครบกำหนดเวลา 120 วัน จะกระทำได้ก็แต่โดยความเห็นชอบของรัฐสภา ซึ่งกระทำโดยพระราชกฤษฎีกา[4]

สมัยประชุมสามัญนิติบัญญัติ

สมัยประชุมสามัญนิติบัญญัติ เป็นสมัยประชุมที่รัฐสภาสามารถดำเนินการประชุมได้เฉพาะกรณีที่บัญญัติไว้ในหมวดที่ 2 ว่าด้วยพระมหากษัตริย์ การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติหรือร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ หรือร่างพระราชบัญญัติการอนุมัติพระราชกำหนด การให้ความเห็นชอบหนังสือสัญญา การให้ความเห็นชอบในการประกาศสงคราม การเลือกหรือการให้ความเห็นชอบบุคคลดำรงตำแหน่ง การถอดถอนบุคคลออกจากตำแหน่ง การตั้งกระทู้ถาม และการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ เว้นแต่รัฐสภาจะมีมติให้พิจารณาเรื่องอื่นใดด้วยคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา

ส่วนวันเริ่มสมัยประชุมสามัญนิติบัญญัติให้สภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้กำหนด ในกรณีที่การเริ่มประชุมสมัยสามัญทั่วไปครั้งแรกมีเวลาจนถึงสิ้นปีปฏิทินไม่ถึง 150 วัน จะไม่มีการประชุมสามัญนิติบัญญัติสำหรับปีนั้นก็ได้ [5]

บทสรุป

ในสมัยประชุมสามัญนิติบัญญัติ รัฐสภาสามารถดำเนินการได้เฉพาะบางเรื่องที่เป็นเรื่องหลักๆ ขณะที่รัฐสภาสามารถดำเนินการได้ทุกเรื่องในสมัยประชุมสามัญทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องการขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีนั้น จะกระทำได้แต่เฉพาะในสมัยประชุมสามัญทั่วไปเท่านั้น ซึ่งหมายความว่า ในปีหนึ่งจะมีการเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจได้เพียงครั้งเดียว ไม่ใช่เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจทุกสมัยประชุมเหมือนกับรัฐธรรมนูญในฉบับก่อนๆ [6]


บรรณานุกรม

สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550. กรุงเทพฯ : สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2550.

สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. ระบบงานรัฐสภา. กรุงเทพมหานคร : สำนักการพิมพ์, 2552.

สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. เปรียบเทียบรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2475-2549. กรุงเทพฯ : สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2551.

อ้างอิง

  1. สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร,รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย,กรุงเทพมหานคร: สำนักการพิมพ์, 2551, หน้า 99.
  2. สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร,รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย,กรุงเทพมหานคร: สำนักการพิมพ์, 2551, หน้า 100.
  3. สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร,รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย,กรุงเทพมหานคร: สำนักการพิมพ์, 2551, หน้า 101.
  4. สมัยประชุมสามัญทั่วไป,จากคลังปัญญาไทย, http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php, วันที่ 28 มกราคม 2557.
  5. สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, ระบบงานรัฐสภา, กรุงเทพมหานคร : สำนักการพิมพ์, 2552, หน้า 51.
  6. คณิน บุญสุวรรณ, สมัยประชุม, http://www.kaninboonsuwan.com/terminology/ct010.html วันที่ 28 มีนาคม 2557